ภายในเมืองอันหนานนั้นมีประชากรอาศัยอยู่หลายแสนคน และตระกูลมู่ก็นับเป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองแห่งนี้ โดยสมาชิกทั้งหมดของตระกูลมู่ในเมืองอันหนานนั้นมีอยู่เป็จำนวนมาก หากนับรวมบรรดาบ่าวรับใช้ด้วยแล้ว สมาชิกทั้งหมดของตระกูลจะมีราวๆ สามพันคน
ตระกูลมู่นั้นพื้นที่มากกว่าหนึ่งร้อยไร่ ภายในพื้นที่ของพวกเขามีเรือนพักและลานบ้านมากมาย โดยทั้งหมดต่างถูกโอบล้อมไว้โดยกำแพงของจวนซึ่งมีความสูงกว่าสิบเมตร
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่จวนตระกูลมู่ ภายในนั้นได้มีกลุ่มคนรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว โดยผู้นำของคนกลุ่มนั้นคือชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมในชุดคลุมสีขาว
ชายผู้นี้คือมู่ไห่ ผู้นำตระกูลมู่ในเมืองอันหนาน นอกจากนี้เขายังเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้า
“ฮ่าๆ เสี่ยวเฟิงอ่า ไม่เจอกันมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าปีนี้เ้าจะกลายเป็หนุ่มรูปงามไปเสียแล้ว”
มู่ไห่มองมายังมู่เฟิงก่อนจะหัวเราะออกมา
“เสี่ยวเฟิงคารวะท่านอาไห่”
มู่เฟิงและคนอื่นๆ ทำความเคารพมู่ไห่ตามขนบธรรมเนียม
มู่ไห่ผู้นี้เป็คนตระกูลมู่สายรองและมีสถานะเป็ท่านอาของมู่เฟิง ด้วยระดับวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เขาจึงได้รับหน้าที่ให้ดูแลตระกูลมู่ในเมืองอันหนาน
“ยินดีต้อนรับ คราที่พบเ้าในปีนั้นเ้ายังสูงเพียงเท่านี้เอง หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี มาปีนี้เ้าก็โตเป็หนุ่มไปเสียแล้ว แม้จะอยู่ที่นี่ แต่อายังได้ยินชื่อเสียงอันเกรียงไกรของเ้าในกองทัพ ผู้เยาว์ที่มีคุณงามความดีสามารถสังหารกองทัพศัตรูได้นับร้อย ไม่เสียชื่อและเกียรติของบิดาเ้าเลยแม้แต่น้อย"
มู่ไห่ตบลงบนบ่าของมู่เฟิง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ท่าทางดูเป็มิตรอย่างยิ่ง
“ใช่ที่ไหนกันล่ะขอรับ ทุกคนกล่าวยกยอกันเกินไปแล้ว”
มู่เฟิงเพียงยิ้มบาง ไม่มีท่าทีโอ้อวดหรือทะนงตนเลยแม้แต่น้อย
“เอาละ พวกเราเข้าจวนกันก่อนเถอะ อาได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเ้าโดยเฉพาะเอาไว้แล้ว”
กลุ่มคนทั้งหมดเดินเข้าจวนตระกูลไปพร้อมกับเสียงหัวเราะและเสียงถอนหายใจ โดยบรรดาบ่าวรับใช้และสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลมู่ต่างหลีกทางด้วยความเคารพ
“เฮ้ พี่หลี่ นั่นคือคุณชายเฟิงจากตระกูลสายหลักใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็ผู้มากความสามารถ เคยสังหารกองทัพศัตรูได้นับร้อย นอกจากนี้พร์ของเขายังไม่ธรรมดา สามารถบรรลุวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ได้ั้แ่ก่อนอายุสิบห้าปี”
ในมุมที่ไกลออกไป มีกลุ่มคนรุ่นเยาว์กำลังชี้นิ้วมาทางมู่เฟิงพร้อมกับพูดคุยกันถึงเื่ของเขา
ในหมู่พวกเขามีเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำอายุราวสิบเก้าปี ดวงตาของเขาดูราวกับกำลังจมดิ่ง ทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกว่าเขานั้นดูน่ากลัว
“มีคุณงามความดีจากการสังหารกองทัพศัตรูได้นับร้อย? เหอะ ใช้อานิสงส์จากอำนาจของบิดาหาผลประโยชน์ให้ตัวเองทั้งนั้น เ้าเชื่อจริงรึว่าเด็กอายุไม่ถึงสิบหกปีผู้หนึ่งจะสามารถสังหารคนได้เป็ร้อย?
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเวลานี้เขาไม่ใช่อัจฉริยะเหมือนในอดีตแล้ว พวกเ้าไม่รู้หรือว่าเส้นลมปราณและวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของเขาถูกทำลายในาครั้งก่อน เวลานี้เขาเป็เพียงเศษขยะไร้ค่าที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลตระกูลมู่ของเราเท่านั้น พวกเ้าลองคิดดูสิ ในฐานะคุณชายสายหลักของตระกูล เหตุใดถึงไม่อยู่อย่างสุขสบายเที่ยวผลาญทรัพย์เล่นอยู่ในเมืองหลวงกันเล่า เหตุใดต้องดั้นด้นมาลำบากไกลถึงเพียงนี้?"
มู่ลี่กล่าวเสียงเย็น คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหยียดหยาม
"ว่าอย่างไรนะ เส้นลมปราณและวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของเขาถูกทำลาย แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้ของเขาจะไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้แล้วหรอกหรือ?"
เหล่าคนรุ่นเยาว์ที่อยู่โดยรอบพลันใขึ้นมาทันที ก่อนจะหันกลับไปมองมู่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ข้าเองก็ได้ยินมาจากท่านพ่อเหมือนกัน ท่านพ่อของข้าคือผู้นำตระกูล เขาไม่มีทางโกหกข้าแน่ ดังนั้นเราไม่มีความจำเป็ต้องปฏิบัติต่อเขาในฐานะคุณชายสายหลัก เขาเป็เพียงเศษสวะผู้หนึ่ง เทียบอะไรกับพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ ไปกันเถอะ พวกเราเองก็ควรจะเข้าร่วมงานเลี้ยงเสียหน่อย ข้าจะใช้คลื่นพลังของข้าข่มเขาเอง ให้เขารู้ว่าอย่าได้มาอวดดีต่อหน้าพวกเรา”
มู่ลี่แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาได้พากลุ่มคนของเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูล
ภายในโถงรับรองของตระกูลมู่ได้มีการจัดเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้กว่าสิบโต๊ะ โดยงานนี้นอกจากจะมีบุคคลสำคัญบางส่วนในตระกูลมู่เข้าร่วมแล้ว ยังมีเหล่าคนรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถโดดเด่นในตระกูลเข้าร่วมด้วย
เวลานี้มู่ไห่กำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานสูงสุดของจวน โดยมีมู่เฟิงนั่งถัดจากเขา รอบข้างถูกโอบล้อมด้วยผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังของตระกูลมู่ถึงเจ็ดคน นอกจากนี้ยังมีมู่จงที่มาพร้อมกับมู่เฟิงอีกด้วย
“เอาละ พวกเรามาดื่มฉลองต้อนรับคุณชายเฟิงผู้มีพร์ของตระกูลมู่เรากันเถอะ”
มู่ไห่ยืนขึ้นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกจอกเหล้าและส่งยิ้มให้กับทุกคน
“ขอต้อนรับคุณชายเฟิง”
ทันใดนั้น ผู้คนเกือบหนึ่งร้อยคนภายในงานก็ได้ยืนขึ้นและยกจอกเหล้าขึ้นพร้อมกัน
“ขอขอบคุณเหล่าผู้าุโและพี่น้องทุกท่าน มู่เฟิงขอขอบคุณในการต้อนรับที่อบอุ่นจากพวกท่านทุกคน! นับจากนี้ มู่เฟิงจะขอเป็หนึ่งในสมาชิกของที่นี่ หากมีสิ่งใดล่วงเกินต้องขออภัยด้วย”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาได้ยกจอกเหล้าขึ้นเพื่อเป็การแสดงความเคารพ
หลังจากดื่มเหล้าแล้วทุกคนจึงพากันนั่งและพูดคุยกันเอง แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังมุ่งความสนใจไปยังคุณชายสายหลักของตระกูลมู่
ความจริงที่ว่าเส้นลมปราณและวรยุทธ์ของมู่เฟิงถูกทำลายได้ถูกใครบางคนแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ดังนั้นจึงมีหลายคนจ้องมองมู่เฟิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป บางคนมีความรู้สึกเสียดาย ส่วนบางคนมีเพียงความเย้ยหยันเท่านั้น
“เสี่ยวเฟิงอ่า เื่ของเ้าข้าได้ยินมาบ้างแล้ว เื่บิดาเ้าหวังว่ามันจะไม่ทำให้เ้าต้องเ็ปใจจนเกินไป เดิมทีการตายในสนามรบก็นับเป็หนึ่งในชะตากรรมของทหารกล้าอยู่แล้ว”
มู่ไห่ถอนหายใจ ขณะกล่าวกับมู่เฟิง
ร่องรอยความเศร้าโศกส่องประกายในดวงตาของมู่เฟิง แต่เด็กหนุ่มยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาไห่โปรดวางใจ มู่เฟิงเข้าใจดี”
“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าเส้นลมปราณและวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของเ้าถูกทำลาย เื่นี้จริงหรือไม่?”
มู่ไห่เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
สีหน้าของมู่เฟิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพยักหน้าและพูดว่า “เื่นี้ถูกต้องแล้วขอรับ เพียงแต่...”
“เฮ้ คุณชายมู่เฟิง ข้าได้ยินมาว่าเ้าเป็อัจฉริยะด้านการต่อสู้อันดับหนึ่งของตระกูล พอดีเลย มู่ลี่ผู้นี้ไร้พร์ ้าให้คุณชายมู่เฟิงช่วยชี้แนะสักสองกระบวนท่า ข้าว่าหากมีการแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กันเสียหน่อย อาจช่วยเพิ่มสีสันให้งานเลี้ยงสนุกขึ้นก็ได้ ไม่ทราบว่าคุณชายมู่เฟิงพอจะให้เกียรติข้าได้หรือไม่?”
มู่เฟิงยังกล่าวไม่ทันจบ กลับมีเสียงหยอกเย้าเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน และเป็เวลาเดียวกันกับที่เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ
มู่เฟิงขมวดคิ้วหลังได้ยินดังนั้น ดูแล้วเด็กหนุ่มผู้นี้คงแก่กว่าเขาเพียงไม่กี่ปี จากความทรงจำของเขาเหมือนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็บุตรชายของมู่ไห่ นามว่ามู่ลี่
“ฮ่าๆ กล่าวได้ถูกต้องนัก คุณชายมู่เฟิงถือเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูล เช่นนั้นก็โปรดแสดงฝีมือให้พวกเขาได้เห็นเป็ประจักษ์เสียหน่อยเถิด”
“ใช่ๆ ได้ยินชื่อเสียงของคุณชายมู่เฟิงมานาน หวังว่าวันนี้คุณชายมู่เฟิงจะเมตตาแสดงฝีมือให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
“แสดงฝีมือ แสดงฝีมือ”
ทันใดนั้นกลุ่มคนรุ่นเยาว์ทางฝั่งโต๊ะของมู่ลี่ก็ได้โห่ร้องออกมาเป็เสียงเดียวกัน
เมื่อเห็นเด็กกลุ่มนั้นพยายามพูดจาโน้มน้าว มีหลายคนมองว่าเป็เื่น่าตลกขบขัน และกระซิบกระซาบกันทันที “ข้าได้ยินข่าวมาว่าเส้นลมปราณของคุณชายเฟิงถูกทำลายโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้วรยุทธ์ของเขายังสูญสิ้นไปหมด การที่มู่ลี่ท้าสู้กับเขาในเวลานี้ คงเพราะ้าทำให้คุณชายสายตรงผู้นั้นขายหน้าเป็แน่”
“มู่ลี่เป็บุตรชายของท่านผู้นำ เมื่อเวลานี้มีคุณชายสายหลักที่มีอำนาจเหนือเขาโผล่มา เขาย่อมไม่สบอารมณ์เป็ธรรมดา เห็นทีคง้าข่มอีกฝ่ายให้กลัวเป็แน่”
แน่นอนว่าสมาชิกคนอื่นในตระกูลมู่นั้นไม่โง่ พวกเขาล้วนเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของมู่ลี่ในทันที
“ท่านอาไห่ ท่านนี้ใช่พี่มู่ลี่หรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
“ถูกต้อง มู่ลี่คือบุตรชายของข้าเอง มู่ลี่ เ้าคิดจะทำอะไร วันนี้เป็วันเลี้ยงต้อนรับมู่เฟิงลูกพี่ลูกน้องของเ้า อย่าได้ทำตัวเหลวไหล”
มู่ไห่จงใจพูดด้วยสีหน้าเ็า
“ท่านพ่อ ข้าเพียง้าเรียนรู้การต่อสู้จากน้องมู่เฟิงเท่านั้น ข้าไม่ได้ทำตัวเหลวไหลเสียหน่อย อีกทั้งท่านยังเป็คนสนับสนุนให้ศิษย์รุ่นเยาว์ของเราพูดคุยและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมิใช่หรือ?”
มู่ไห่หันไปมองทางมู่เฟิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเฟิงคิดเห็นอย่างไร สามารถให้เกียรติแสดงฝีมือได้หรือไม่?”
“ฮึ่ม หากเ้า้าแลกเปลี่ยนฝีมือ ข้ามู่ขวงจะประมือกับเ้าเอง”
ทันใดนั้นมู่ขวงได้กล่าวขึ้นเสียงดังพร้อมหยัดกายลุกในทันใด
“อย่างเ้าจะนับเป็อะไรได้ ข้า้าประมือกับคุณชายมู่เฟิง เ้าคือคุณชายมู่เฟิงหรือ?”
มู่ลี่เย้ยหยันมู่ขวง จากนั้นเขาได้มองไปทางมู่เฟิงด้วยเจตนามุ่งร้าย
“คุณชายมู่เฟิง ทุกคนต่างบอกว่าเ้าเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลมู่ เหตุใดวันนี้เ้าถึงไม่ให้เกียรติแสดงฝีมือเสียหน่อย? หรือว่าเ้าไม่กล้า?”