ในฐานะที่เป็กองประจำการด่านโยวเยี่ยน พลังจู่โจมและทะลุทะลวงแข็งแกร่งที่สุดในบรรดากองพลทั้งมวล ทัพหน้าเป็หนึ่งในสี่ยอดทัพที่ชื่อเสียงเจิดจรัสที่สุดแห่งหนึ่งอย่างไม่อาจปฏิเสธ
จำนวนคนในทัพหน้านี้ก็เยอะสุดเช่นกัน
ทัพหน้าโดยปกติจะมีแม่ทัพรบกองโจรทั้งหมดสี่สิบคน แต่ละคนมีทหารในบัญชาการไม่เท่ากัน คนที่พลังมากจะมีบริวารห้าร้อยหรือมากกว่านั้น คนที่น้อยกว่ามีสองร้อยถือว่าบุญมาก แต่ตอนนี้เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเสวี่ยและราชสำนักปีศาจแดนหิมชักจะตึงเครียดขึ้นทุกทีๆ การกระทบกระทั่งกันเกิดบ่อยยิ่งขึ้น ทัพหน้าจึงถูกเปลี่ยนผ่านสามครั้ง มีแม่ทัพรบกองโจรหนึ่งร้อยคนขึ้นไป ทหารเองก็ทวีจำนวนขึ้นสามสี่เท่า
เวินหว่านมาถึงด่านโยวเยี่ยนไม่ถึงครึ่งปีดี
แต่เขากลับโด่งดังเลื่องลือในหมู่แม่ทัพรบกองโจรด้วยกันอย่างน่าทึ่ง
ไม่ใช่เป็เพราะพลังเวินหว่านที่เยี่ยมยุทธ์ เข้าาทำลายล้างศัตรูอย่างงดงามหลายครั้งเท่านั้น แม้แต่ในหน่วยทหารเกราะเงินยังสร้างชื่อไว้มากนัก ฝ่ายศึกของปีศาจผืนหิมะต่างก็ขวัญหายเมื่อได้กลิ่นวายุยามที่เขาปรี่เข้ามา เพราะเวินหว่านนิสัยร้อนแรง ดื้อรั้นใช้อารมณ์ ขอแค่เจอเื่ขวางหูขวางตาก็จะเข้าไปแทรก ทำศึกแต่ละทีทำสุดตัว โต้กลับผู้บัญชาการทหารทัพหน้าเช่นหลิวสุยเฟิงได้หน้าตาเฉย ถึงได้ฉายาว่าแม่ทัพกร่างด้อยปัญญา แม่ทัพจอมใช้กำลัง
คนมากมายมองเวินหว่านเป็ดาวดวงใหม่
แม้แต่ผู้บัญชาการทหารทัพหน้าเช่นหลิวสุยเฟิงที่เคยถูกกระด้างกระเดื่องมาก่อน ก็ยังแสดงออกชัดเจนว่าชื่นชมแม่ทัพห้าวหาญผู้นี้เพียงใด
หากพัฒนาตามปกติแล้ว การโลดแล่นขึ้นมาของเวินหว่านเหมือนจะเป็เื่ที่ไวเกินมนุษย์มาก
แต่ใครก็คาดไม่ถึงหรอกว่าสามวันก่อนหน้านี้ เวินหว่านจะถูกริบสิทธิ์ความเป็ทหารอย่างไร้สัญญาณเตือน แล้วยังโดนคนจากหน่วยรักษากฎหมายของทัพหน้าจับตัวไปอีก
เพราะอะไรล่ะ?
ไม่มีใครอธิบายสักอย่าง
แม้แต่ค่ายเกราะเงินยังถูกยอดฝีมือของหน่วยรักษากฎหมายสอดแนมจนครบทุกตารางนิ้ว
เหล่าทหารเกราะเงินหมวกขาวล้วนติดตามเวินหว่านไปร่วมรบในาหลายร้อยศึก พวกเขาซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นายอย่างมาก หลังจากเวินหว่านถูกริบเอาสิทธิ์แม่ทัพไป ชายชาตรีสองร้อยยี่สิบสองชีวิตก็ไม่ได้พักผ่อนอีกเลย แต่ก็ไม่ได้ประท้วงอะไรเช่นกัน พวกเขานั่งสงบนิ่งอยู่ในค่าย รอการกลับมาของแม่ทัพอย่างร้อนใจ
อากาศยามราตรี มีหิมะโปรยปรายหนักข้อขึ้นระเรื่อย
ลมหนาวราวมีดดาบ
นี่เป็คืนที่สี่ที่เวินหว่านถูกคุมตัว
เขตประจำการชั่วคราวของหน่วยรักษากฎหมายแห่งทัพแนวหน้า
กระโจมประกอบขึ้นจากเหล็กอักขระสูงสามเมตร อักขระสลักลึกไปในผิว อักขระเคลื่อนไหวส่องประกายกลายเป็ม่านหุ้มพลังไร้รูปร่างชั้นหนึ่ง ตัดขาดกลิ่นอายและทัศนวิสัยทุกอย่าง โอบล้อมทั้งหน่วยรักษากฎหมายไว้ภายใต้อาณัติ
หากมองจากด้านนอกไกลๆ แล้วจะเห็นเพียงริ้วแสงที่เคลื่อนไหว ไม่มีทางมองเห็นอะไรภายในได้เลย เห็นแค่เพียงกระโจมสีดำสามหลังเท่านั้นเอง
คุกแสงขังสี่ั
หน่วยรักษากฎหมายใช้กระบวนหลอมทองคำนี้เพื่อทำการควบคุมและลงโทษผู้กระทำความผิด
เมื่อเสาเหล็กอักขระสี่ต้นนี้ถูกฝังลงในดิน และอักขระถูกกระตุ้น มันจะเปล่งแสงออกมาโดยอัตโนมัติ หากอยู่ในอาณาทะเลระทมและถูกขังไว้ในนี้ ก็จะไม่มีวันออกมาได้
อาจเอ่ยได้ว่าหน่วยรักษากฎหมายเป็การมีอยู่ที่ทุกคนในทัพหน้าต่างเกรงกลัว บทบาทคล้ายกันกับทูตถือดาบลาดตระเวน เป็ผู้ตรวจการณ์ระดับสูงของด่านโยวเยี่ยน หน่วยรักษากฎหมายเป็ผู้พิพากษาลับของทัพหน้า ไม่ว่าจะเป็พลทหารธรรมดาหรือนายทัพ เมื่อพวกเขาเป็ที่เพ่งเล็งของหน่วยรักษากฎหมาย มีความเป็ไปได้เก้าสิบเก้าในหนึ่งร้อยว่าพวกเขาจะถูกจับพิรุธได้ หลายกรณีที่หากถูกเชิญเข้าไปในคุกแสงขังสี่ั มันจะกลายเป็เครื่องบ่งชี้ว่าอนาคตของอาชีพดับสูญแล้ว
ไม่มีแม่ทัพนายกองคนใดถูกพิพากษาจากหน่วยรักษากฎหมายแล้วจะรอดไปได้
เมื่อพวกเขาเห็นเวินหว่านถูกบังคับให้เข้าไปในคุกแสงขังสี่ั ทัพหน้าทั้งหมดก็สั่นะเื
บางคนยินดีปรีดา
แต่บางคนกลับสงสัย
บางคนทอดถอนใจ
แน่นอน มีพวกที่ไม่สนใจด้วยเช่นกัน
และคนที่ไม่สนใจที่สุดก็หาใช่ใคร เวินหว่านนั่นเอง
เขาไม่ได้มีทีท่าเฉกเช่นแม่ทัพคนอื่นๆ เมื่อหน่วยรักษากฎหมายมาถึง เขาไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวเหมือนวันโลกาวินาศมาเยือน กลับกัน เวินหว่านแสดงอาการสอดส่องอย่างแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินเข้าคุกแสงขังสี่ัทีละก้าวๆ และยื่นมือััเสาอักขระอย่างใคร่รู้แล้วเผยยิ้ม
ท่าทางเช่นนั้นทำให้ชายผู้นำกลุ่มทหารรักษากฎหมายนั่งลงและสังเกตเห็น
“เ้าไม่กลัวหรือ?” โจวอี้หนานถามเวินหว่านอย่างสงสัย
“ทำไมข้าต้องกลัวด้วยเล่า?” เวินหว่านตอบกลับด้วยทีท่าราวกับเด็กใคร่รู้ เบิกตามองโจวอี้หนาน
โจวอี้หนานเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เพราะว่านอกจากเ้าแล้ว แม่ทัพคนอื่นที่เข้ามาในคุกแสงขังสี่ัแห่งนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็แม่ทัพชั้นสูงที่มีคนหนุนหลังใหญ่เพียงใดก็กลัวกันจนตัวสั่น ข้าเห็นหลายคนแล้วที่เป็ลมล้มพับก่อนจะเข้าคุกแสงขังสี่ัเสียอีก บางคนร่ำไห้บางคนแทบบ้า หนักเข้าก็สะอึกสะอื้น แต่ก็มีพวกที่ด่าว่าและสาปแช่ง เหตุของพฤติกรรมพวกนี้ก็คือความกลัว แต่นี่เป็ครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นใครยิ้มตอนจะเข้า”
เวินหว่านทุบอกตัวเองแล้วหัวเราะร่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงไม่กลัวไง อีกทั้ง...”
เมื่อเขาเอ่ยถึงตรงนี้ ก็กระซิบกระซาบอย่างลึกลับข้างหูโจวอี้หนาน “และหากให้ข้าบอกความจริง ข้ามันคนมีเื้ั วันนี้พวกเขาขังข้าเอาไว้ อีกประเดี๋ยวก็ต้องส่งข้าออกไปอย่างเคารพนบนอบว่ะ”
โจวอี้หนานพะวักพะวง ก่อนจะส่งยิ้มบางให้ “เช่นนั้นข้าก็ทำได้แค่อวยพรให้เ้าโชคดี”
หลายวันมานี้ โจวอี้หนานคอยสังเกตเวินหว่านอย่างระแวดระวังมาตลอด
เมื่อหน่วยรักษากฎหมายสอบสวนใคร พวกเขามักทรมานให้เจ็บสาหัสจนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ในมุมมองของโจวอี้หนาน คราวนี้พวกเขาท่าทีอ่อนลงต่อเวินหว่านเห็นได้ชัด ไม่มีการทรมานแสนสาหัสแต่แค่ต่อยบ้างครั้งสองครั้ง นี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มยังจองหองและปากดีอยู่ได้
นอกกระโจมใหญ่
โจวอี้หนานในเกราะดำเมี่ยมเท่าตัวและกระบี่ยาว ยืนครุ่นคิดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
“ใต้เท้า หากเราไม่ทรมานหนักๆ จะไม่สมเหตุสมผลนะขอรับ” ทหารในหน่วยรักษากฎหมายกระซิบอยู่ข้างโจวอี้หนาน
โจวอี้หนานไม่ตอบ
ไม่รู้เพราะอะไร วินาทีที่เขาจับเวินหว่านมา เขาถึงรู้สึกว่าเื่นี้ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เห็นเพียงผิวเผิน แม้ว่าคำสั่งจะถูกถ่ายทอดโดยตรงจากหัวหน้าหน่วยรักษากฎหมาย แต่สัญชาตญาณโจวอี้หนานบอกว่าการเว้นระยะห่างจากเวินหว่านมากกว่าคนอื่น อาจเป็ผลดีต่อตัวเขาและทั้งหน่วยรักษาการก็เป็ได้
“ใต้เท้า ใต้เท้า?” ทหารในหน่วยยังคงเอ่ยต่อ “ใกล้จะครบกำหนดห้าวันแล้ว คดีนี้หัวหน้าออกปากสั่งเอง ถ้าพวกเรายังประวิงเวลาต่อไป น่ากลัวว่าจะมีเื่เอานะขอรับ”
โจวอี้หนานหันหน้าชำเลืองมองเขา ก่อนส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
หน่วยรักษากฎหมายแบ่งเป็หกกลุ่ม ทั้งหกอยู่ภายใต้การสั่งการของหัวหน้าใหญ่ โจวอี้หนานเป็ผู้นำกลุ่มที่สี่ และหลายปีมานี้เขาก็คลี่คลายคดีมามากมาย แต่เพราะนิสัยเขาตรงไปตรงมาและไม่ปรับตัว แม้จะได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้า ทว่าทำให้คนมากมายไม่พอใจ ถึงได้ไม่เลื่อนขั้นมานานแล้ว ทหารที่ตามเขาสะสางคดีก็เป็ชุดเดิมคนเดิม ไม่มีการพัฒนาเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เองที่เื่ประหลาดอุบัติขึ้น
เมื่อเสียงแซ่ดแล่นมาจักเห็นชั้นแสงนอกสุดของคุกแสงขังสี่ัสั่นสะท้าน ประตูแสงปรากฏขึ้นมา
สองร่างเดินเข้ามาจากด้านนอก
ชายที่นำหน้าค่อนข้างผอมและเตี้ย สูงไม่ถึงร้อยหกสิบเิเ สวมอาภรณ์สีดำยาว เขามีเคราและหน้าตอบ หน้าดำ เขาไม่มีมาดของอำนาจ แต่แผ่กลิ่นอายมืดทึมเ้าอารมณ์ออกมาไม่ขาด่ ราวว่าอากาศรอบด้านบิดเบี้ยวเงียบเชียบไร้เสียง ชวนให้คนมองรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ใครก็ตามที่มองแม้เพียงแวบเดียวจะกลัวจนเนื้อเต้น
มีชายหนุ่มเดินตามหลังเขามาด้วย เขามีจมูกทรงเหยี่ยวและใบหน้าโฉดชั่ว เป็ชายใต้การบัญชาของโจวอี้หนาน เขามีนามว่าคังซวี่
“ใต้เท้า!”
“พวกเราคารวะใต้เท้า”
โจวอี้หนานและคนอื่นรีบทำความเคารพ
ชายกลางคนร่างเตี้ยผอมคือหัวหน้าของหน่วยรักษากฎหมายนามไหลจวิ้นเฉิน
“ไม่ต้องหรอก” ไหลจวิ้นเฉินยิ้ม “ไต่สวนเป็เยี่ยงไรบ้าง?”
โจวอี้หนานอึกอักเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงต่ำ “ข้า...ยังไม่ได้ผลขอรับ”
“เ้าไต่สวนไม่ได้ผล หรือไม่ได้ไต่สวนเลยกันแน่?” ไหลจวิ้นเฉินถามด้วยเสียงหัวเราะที่มิใช่เสียงหัวเราะ
โจวอี้หนานไม่กล้าต่อปากต่อคำ
วินาทีที่เขาเห็นคังซวี่ เขาก็รู้แล้วว่าเื่ราวไม่ได้เป็ไปตามที่เขาวางไว้
คังซวี่ทหารหนุ่มหน่วยรักษากฎหมายเป็คนที่เขาพยายามพัฒนาและขัดเกลาอย่างที่สุด ทว่าเขาได้รู้ในภายหลังว่าชายคนนี้ไล่ล่าแต่รางวัลและความดีความชอบ ชอบวิธีการสุดโต่ง ขอให้มีผลประโยชน์มาล่อ เขาก็ไม่สนใจจริงเท็จอะไรทั้งนั้น ผลคือโจวอี้หนานค่อยๆ ห่างจากคังซวี่มา กลายเป็ว่าตอนนี้คังซวี่คงไปรายงานไหลจวิ้นเฉินถึงสิ่งที่เขากระทำลงไปแล้วกระมัง
“ข้าสงสัยนักว่าเขาเป็คนเช่นไร โจวอี้หนานคนอย่างเ้าถึงไม่กล้าไต่สวน” ไหลจวิ้นเฉินหรี่ตา ไม่แสดงอารมณ์ว่าสุขหรือโกรธเคือง “ได้ หากเ้าไม่อยากไต่สวน เช่นนั้นข้าก็จะไม่ให้เ้าต้องลำบาก ให้คังซวี่จัดการเื่นี้แทนแล้วกัน”
คังซวี่หน้าบานในทันที
เขารู้ว่าโอกาสที่เขารอคอยมาถึงแล้ว
เขารับคำสั่งแล้วเข้าไปในกระโจมใหญ่ที่กักขังเวินหว่าน
โจวอี้หนานอยากจะเอ่ยบางอย่างแต่ไหลจวิ้นเฉินกลับยกมือปราม ห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรอีกต่อไป
“ข้ารู้เจตนาของเ้า เวินหว่านเป็นักรบบ้าระห่ำและการไว้ชีวิตเขาอาจเป็ประโยชน์ต่อด่าน แต่เื่นี้ไม่อาจถูกตัดสินโดยเ้าหรือข้า” เมื่อไม่มีใครอยู่รอบข้าง ไหลจวิ้นเฉินที่รู้จักด่านดีเหมือนรู้ทางไปบ้านตัวเองเผยความเย็นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน “อี้หนาน เ้าต้องเข้าใจ ว่าเวลาที่มีปัญหาและอลหม่าน มนุษย์มันเหมือนกับสุนัข เป็สุนัขของกองทัพ เราจะกัดหรือไม่กัดใครเป็เื่ที่เรามักเลือกเองได้ ไม่ว่าเวินหว่านจะสมควรได้รับการลงโทษหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เ้าปกป้องเขาไม่ได้และข้าก็เช่นกัน ทุกอย่างจะจบสิ้นเมื่อเขาไป เ้าไม่จำเป็ต้องเป็คนโฉด ให้คังซวี่ทำเื่เลวร้ายนั่นเสีย ตัวข้ายังเชื่อใจเ้าอยู่นะ”
“ใต้เท้า” โจวอี้หนานสีหน้าเปี่ยมอารมณ์ “ทำไมท่านต้องทำเื่ให้ลำบากต่อท่านด้วย ความจริงแล้ว...ข้ารู้มาตลอด ว่าท่านอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย คนอื่นเห็นแต่ท่านทำเื่โชกเืกับกองทัพ แต่พวกเขาไม่รู้ถึงเจตนาอันดีของท่านเลย มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ชนชั้นสูงในกองทัพนั่นะเืและกลัวได้ ให้ด่านโยวเยี่ยนเป็เหมือนแผ่นเหล็กกล้าแข็ง ใต้เท้าท่านไม่เคยแก้ตัวเลย ทำไม...”
ไหลจวิ้นเฉินตบบ่าโจวอี้หนาน เขาหัวเราะขื่นขม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้