หลี่ไหวฺอวี้ขมวดคิ้ว เขาย่อมรู้ว่าเื่นี้ไม่ใช่สิ่งที่ิเป่าจูจะพูดอะไรได้ แค่คิดจะหาหลักฐานพิสูจน์ก็ลำบากแล้ว
“ท่านป้า ข้ามิได้ขโมย” ิเป่าจูเป็ฝ่ายเริ่มอธิบายก่อน
ดวงตาใสบริสุทธิ์คู่หนึ่งจ้องมาที่ตนเอง เปี่ยมไปด้วยความจริงจังและจริงใจ หัวใจของหญิงวัยกลางคนเหมือนถูกกระชากออกมา
“ป้ารู้ ป้าเชื่อเ้า” แต่เื่นี้มิใช่ว่านางเชื่อก็จะผ่านไปได้
คนในหมู่บ้านได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีของิเป่าจูมานาน เกรงว่าคนส่วนใหญ่คงเชื่อคำพูดของิเถี่ยจู้สองสามีภรรยากันหมด ไม่มีใครเข้าข้างิเป่าจู
หากโดนข้อหาลักขโมย ตามกฎของหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องจ่ายค่าชดเชย ยังต้องถูกขับจากหมู่บ้าน
เมื่อเป็กำไลหยกก็น่าจะมีมูลค่าอยู่บ้าง ต่อให้เป็เศษหยกหรือหยกคุณภาพต่ำก็ยังมีราคา
ิเป่าจูเด็กผู้หญิงคนเดียว ในบ้านยังมีน้องชายต้องเลี้ยงดู หากไม่สามารถพิสูจน์ตนเองได้ว่ามิใช่ขโมย จะเอาเงินจากไหนมาชดใช้พวกเขา
เมื่อเทียบกับความกังวลของท่านป้า ิเป่าจูกลับสงบนิ่งกว่ามาก
กลอุบายของิเถี่ยจู้กับหวังซื่อสองสามีภรรยาตื้นเขินเข้าใจง่าย แต่ใช้ได้ผลดี พวกเขาคงจะไปได้ยินจากที่ไหนว่านางมีเงิน จึงคิดจะยึดไว้เอง
แต่คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ล้วนเชื่อพวกเขา แค่ตอบว่าทำไม่นี้สถานะทางการเงินของนางถึงดีขึ้นก็อธิบายได้ยากแล้ว
นางไม่อยากเปิดเผยความลับเื่ที่ตนเองรู้วิชาแพทย์ ก็คงได้แต่หาทางแก้ไขเฉพาะหน้าไปก่อน
“พวกเ้าไม่ต้องกังวล ครอบครัวของหวังซื่ออยู่หมู่บ้านเดียวกับบ้านแม่สามีของบุตรสาวข้า ข้าส่งข่าวไปแล้วให้ช่วยไปสืบเกี่ยวกับสภาพครอบครัวของหวังซื่อ หากบ้านของพวกเขายากจน ย่อมไม่สามารถมอบกำไลหยกเป็สินเดิมได้”
เื่นี้นางปรึกษากับสามีที่บ้านแล้ว ตัวนางรีบมาแจ้งข่าวให้ิเป่าจูทางนี้ ส่วนสามีก็รีบไปบ้านแม่สามีของบุตรสาว
“ขอบคุณท่านป้ามากเ้าค่ะ”
ิเป่าจูตาแดงเล็กน้อย นานมากแล้วที่ไม่ได้ััความรู้สึกของการมีคนห่วงใย
ตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน พ่อแม่ของนางเสียชีวิตด้วยโรคร้ายทั้งคู่ตอนที่นางยังเรียนอยู่มัธยมปลาย จึงเป็แรงบันดาลใจให้นางเรียนแพทย์
ตอนอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายนางอ่านหนังสือจนดึกดื่นทุกคืน ถึงสามารถเข้าคณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสำเร็จ นางมุ่งมั่นและพากเพียรในการศึกษาวิชาแพทย์ ยึดมั่นในหน้าที่ช่วยชีวิตคนและรักษาผู้าเ็
ไม่นึกว่าเมื่อมาถึงในโลกที่ผู้คนต่างแล้งน้ำใจ จะยังได้รับความรักและความห่วงใยจากผู้าุโคนหนึ่ง
แต่สิ่งที่ท่านป้าทำคงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก
ต่อให้ทางบ้านฐานะไม่ดี ก็สามารถอ้างได้ว่ารักบุตรสาวมาก จึงเก็บของมีค่าเพียงชิ้นเดียวไว้ให้นาง ไม่มีทางจะหักล้างข้อกล่าวหาว่าตนเองเป็ขโมยไปได้
แต่ิเป่าจูก็ยังรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ดีต่อนาง
“มีใครอยู่บ้านหรือไม่”
ขณะที่พวกเขาคุยกันอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นระลอกหนึ่ง ิเป่าอวี้มากพี่สาวก่อนเดินไปเปิดประตู
คนที่อยู่ด้านนอกหาได้มีเพียงคนเดียว คนที่เดินนำหน้าเข้ามาเป็ผู้เฒ่าท่านหนึ่ง ดูจากภายนอกน่าจะอายุเกินหกสิบปีแล้ว
ส่วนคนที่ตามหลังมาก็คือิเถี่ยจู้กับหวังซื่อ ด้านหลังยังมีพวกชาวบ้านผู้สังเกตการณ์อีกกลุ่มหนึ่ง
“หัวหน้าหมู่บ้าน” ท่านป้าเรียกชายชราก่อน
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งขรึมมองิเป่าจูที่ไม่แม้แต่จะทักทายเขาสักคำ เด็กคนนี้กลายเป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร
“ิเป่าจู วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีของบางอย่างหายไปจากบ้านท่านลุงของเ้า เ้ารู้เื่บ้างหรือไม่”
“หัวหน้าหมู่บ้าน พี่สาวข้าไม่ได้ขโมยของ พวกเขาต่างหากจงใจใส่ร้ายนาง” ิเป่าอวี้ซึ่งยืนอยู่เคียงข้างพี่สาวของตนเองชิงเอ่ยปากขึ้นก่อน
เขาพร่ำเตือนตนเองอยู่ในใจ ครั้งนี้จะต้องอยู่ข้างพี่สาวให้ได้ จะมัวแต่กลัวหัวหดต้องให้พี่สาวคอยปกป้องเหมือนครั้งก่อนไม่ได้เด็ดขาด
“ไร้การอบรมสั่งสอน หัวหน้าหมู่บ้านถามพี่สาวเ้า เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดแทรก” ิเถี่ยจู้ตวาดทันที
น้ำเสียงที่หยาบกระด้างกับรูปร่างกำยำล่ำสันของเขาทำให้ิเป่าอวี้ใจนตัวสั่น ก้าวถอยไปด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ
“พวกเ้าใส่ร้ายป้ายสีคนตามอำเภอใจได้ แต่กลับไม่ให้ผู้อื่นแก้ต่าง ต่อไปก็คงจะใช้วิธีทรมานเพื่อให้ผู้บริสุทธิ์รับสารภาพใช่หรือไม่” หลี่ไหวฺอวี้กล่าวเรียบๆ
“เ้าเป็ตัวอะไร มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายเื่ในหมู่บ้านของพวกเรา เ้ามีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นที่ไหนกัน” หวังซื่อถามด้วยถ้อยคำรุนแรง
ิเถี่ยจู้กลัวหลี่ไหวฺอวี้โดยไม่มีสาเหตุ แม้อายุอานามของชายหนุ่มจะดูไม่ต่างจากิเป่าจูมากนัก แต่พอเห็นเขาเอ่ยปาก ิเถี่ยจู้จึงสงวนวาจาอยู่
กลับเป็หวังซื่อ เห็นสามีของตนเองไม่พูด จึงก่นด่าออกมาเสียเลย ิเถี่ยจู้ก็ไม่ห้ามปราม
“เ้าเป็ใคร” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
เขาคิดว่าหวังซื่อพูดมีเหตุผล ชายหนุ่มดูเหมือนไม่ใช่คนหมู่บ้านนี้ ไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายเื่ของหมู่บ้าน
“ข้า...”
หลี่ไหวฺอวี้ไม่พูดต่อ เพราะิเป่าจูเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
“เื่นี้เกี่ยวข้องกับข้า หัวหน้าหมู่บ้านไม่ต้องไปสนใจผู้อื่น ท่านก็ไม่ต้องพูด” ครึ่งประโยคแรกนางเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนที่เหลือเป็การเตือนหลี่ไหวฺอวี้ว่าอย่าสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
“สามีภรรยาสกุลิบอกว่าเ้าขโมยกำไลหยกของสินเดิมของหวังซื่อไป เ้าจะยอมรับหรือไม่”
พอได้ยินคำกล่าว ิเป่าจูก็แค่นเสียงเยาะในใจ วิธีการถามแบบนี้ คือจะให้ยอมรับความผิดใช่หรือไม่
“ย่อมไม่รับ ข้าไม่ได้ขโมยของ”
หัวหน้าหมู่บ้านมองิเป่าจู อายุน้อยแค่นี้เจอปัญหาก็ไม่ลนลานหวาดกลัว น่าเสียดายที่มือเท้าไม่สะอาด
“ไม่ยอมรับ? เฮอะ!” หวังซื่อหัวเราะเยาะ พลางถือวิสาสะเดินผ่านพวกเขาตรงเข้าไปในครัว
“ท่านจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ิเป่าอวี้เข้าไปขวางแต่ขวางไม่อยู่
ไม่นานนักก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมหิ้วกระสอบมาใบหนึ่ง กับชามขนาดใหญ่อีกใบออกมาจากห้องครัว แล้วแสดงสิ่งของเหล่านี้ให้ทุกคนเห็น
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านดูนี่ นางถูกสามีข้าขับออกจากบ้าน ไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียว เอามาแค่ชามบิ่นไม่กี่ใบ หากไม่ได้ขโมยของ แล้วข้าวสารกับของกินเหล่านี้จะมาจากไหน ในครัวยังมีเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกห่อหนึ่ง คงไม่ใช่เทพเซียนที่ไหนเกิดเวทนาสงสารก็เลยเสกขึ้นมาให้หรอกหรอกกระมัง”
หวังซื่อยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกไม่เป็ธรรม นางค้นจนทั่วครัวแล้ว แต่ไม่เจอเนื้อ น่าจะกินหมดไปแล้วั้แ่เมื่อวาน แต่ของที่หาเจอเหล่านี้ก็พอใช้ได้
ข้าวและเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่ของราคาถูก คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่มีที่นา หลังเก็บเกี่ยวจะเก็บไว้เองส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็เอาไปขายในเมือง
หากต้องซื้อ พวกเขาเองก็ยังไม่แน่ว่าจะซื้อไหว ิเป่าจูเป็แค่เด็กผู้หญิง จะมีครบทั้งข้าวทั้งเส้นก๋วยเตี๋ยวได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีน้ำมัน กับเต้าหู้ที่ทอดแล้วอีกมากมาย
ยิ่งเห็นก็ยิ่งริษยา เป็ของนาง ของเหล่านี้เป็ของนางทั้งหมด!
“ของเหล่านี้เ้าจะอธิบายว่าอย่างไร” หัวหน้าหมู่บ้านเห็นแล้วยังรู้สึกว่าเหลือเชื่อ
หมู่บ้านนี้มิได้ร่ำรวย ตนเองเพราะเป็หัวหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงมักมาประจบสอพลอด้วยการมอบของกำนัลเช่นข้าวโพดและพวกพืชผักมาให้ คนที่จะให้เส้นก๋วยเตี๋ยวได้มีน้อยยิ่ง
แค่ถุงที่อยู่ในมือของหวังซื่อก็ไม่น้อยแล้ว นางไปเอาเงินมากมายมาจากไหน
ิเป่าจูเม้มปากไม่พูดสักคำ
หากบอกว่าตนเองซื้อมา ย่อมต้องอธิบายว่ามีเงินได้อย่างไร ก็จะไม่พ้นข้อกล่าวหาของิเถี่ยจู้กับหวังซื่อก่อนหน้านี้ นางไม่อยากจะเปิดเผยความจริงง่ายเกินไป
หลังจากหวังซื่อมาก่อเื่ครั้งก่อน ิเป่าอวี้ก็คาดคะเนว่าพี่สาวไม่อยากให้คนรู้เื่นี้ นางมีความรู้ด้านสมุนไพร คำพูดที่มาถึงริมฝีปากจึงต้องกลืนกลับเข้าไปก่อน
แต่ใบหน้าซีดเซียวกลับแดงก่ำเพราะความโกรธ
“หัวหน้าหมู่บ้าน ของเหล่านี้ข้าเป็คนซื้อให้เด็กเอง” จู่ๆ ท่านป้าก็เอ่ยปากขึ้นมา ออกหน้ารับเื่นี้เอง
“ท่านป้า...” ิเป่าจูเรียกเบาๆ
แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า บอกเป็นัยว่าอย่าพูด
ขณะที่ทั้งสองส่งสายตากัน ก็ถูกิเถี่ยจู้เห็นเข้า เขากัดฟันกรอด เหตุใดถึงมีคนเชื่อ ซ้ำยังช่วยิเป่าจูอีกด้วย
“ท่านป้าจง ท่านอย่าเห็นแก่เด็กเลยช่วยพูดโกหกดีกว่า อายุแค่นี้ก็กล้าขโมยไก่หยอกสุนัข เติบโตไปไม่ยิ่งทำเื่ฆ่าคนวางเพลิงหรอกรึ ถึงเวลาก็เท่ากับท่านเป็ผู้ช่วยคนร้ายก่อกรรมทำเข็ญ” หวังซื่อทำตาขวาง พูดเหน็บแนมประชดประชัน
“เ้า!” ป้าจงบริสุทธิ์ผุดผ่องมาชั่วชีวิต ทำสิ่งใดโปร่งใสสุจริตเสมอ ไม่เคยถูกใครปรามาสเช่นนี้มาก่อน แม้จะโมโห แต่ไม่รู้จะโต้กลับอย่างไร
“น้องหญิงสกุลจง ฐานะบ้านเ้าข้ารู้ดี อย่าช่วยคนซี้ซั้วดีกว่า” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอย่างสงบนิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้