ฉับพลันนั้นเอง กู้เจิงก็คิดถึงเื่เมื่อคืนขึ้นมา
เฟิงไหลเห็นความกระอักกระอ่วนบนใบหน้าของกู้เจิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฮูหยินไม่ต้องเป็ห่วงเื่เมื่อคืน บ่าวไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเ้าค่ะ”
กู้เจิง “...”ช่างเถอะ อย่างไรเสียเื่ก็เกิดขึ้นแล้ว ่เวลาที่น่าอายที่สุดก็ผ่านไปแล้ว“เ้าโน้มน้าวซู่หลันยังไงนางถึงยอมให้เ้ามามาปรนนิบัติข้าได้?”
“บ่าวไม่ได้โน้มน้าวซู่หลัน ใต้เท้าเสิ่นเป็คนสั่งซู่หลันไว้เ้าค่ะ”
กู้เจิงนึกถึงสีหน้าของสามีเมื่อคืน นางอยากรู้มากว่าเช้านี้เมื่อเขาเห็นเฟิงไหลแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร “เ้าไม่ต้องเรียกตัวเองว่าบ่าว สามีข้าบอกว่า แม่นางเฟิงเป็แม่ทัพกล้าคนหนึ่งของแม่ทัพเยี่ยน การต้องมาคอยรับใช้ข้านับว่าใช้ประโยชน์ไม่ถูกทาง”
บิดาบุญธรรมทิ้งนางไว้อยู่ข้างกายกู้เจิงย่อมมิใช่การคุ้มกันง่ายๆ แน่ แต่เื่เช่นนี้นางไม่จำเป็ต้องพูดออกไป “ในเมื่อฐานะของบ่าวรับใช้ย่อมต้องคอยอยู่ข้างกายและปกป้องท่าน ข้าย่อมต้องทำให้เหมือนที่สุด” นางหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยต่อ “เดิมทีบ่าวคิดจะเป็องครักษ์เงาคอยอยู่ใกล้ตัวแม่นางกู้ แต่ใต้เท้าเสิ่นได้ส่งองครักษ์เงามาคุ้มกันท่านแล้ว”
กู้เจิงเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “รอบกายข้ามีองครักษ์เงาด้วยหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ คืนนั้นตอนที่คนของท่านพ่อบุญธรรมแอบเข้ามาในจวนกู้ ใต้เท้าเสิ่นทราบเข้าถึงกลับจวนได้ทันเวลาและได้ไปที่ค่ายทหารของท่านพ่อบุญธรรมพร้อมกับท่าน"
กู้เจิงแปลใจ องครักษ์เงาของสามีมาจากไหนกัน? นางต้องไปถามสักหน่อย “องครักษ์เงาเหล่านี้คอยปกป้องข้าอยู่จริงๆ หรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ ดูเหมือนว่าใต้เท้าเสิ่นจะรักฮูหยินมาก” เฟิงไหลยืนยัน
กู้เจิงยิ้มแย้ม นางรู้สึกดีใจมาก นึกถึงตอนที่องค์ชายสามเสี่ยนอ๋องก่อฏ เสิ่นเยี่ยนเคยบอกนางว่าจะไม่ทำให้นางได้รับาเ็อีก ตอนนั้นนางก็รับฟังไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเยี่ยนจะพูดจริงทำจริง
เฟิงไหลมองใบหน้าของกู้เจิงอยู่ครู่ใหญ่ “ฮูหยินหน้าตาคล้ายป้าซิ่วหกส่วน แต่ไม่ได้มีส่วนไหนเหมือนป้าซิ่วเลยเ้าค่ะ”
“ใช่ ทุกคนล้วนพูดอย่างนั้น” กู้เจิงมองตนเองในกระจก ความงดงามของนางหกถึงเจ็ดส่วนถ่ายทอดมาจากซู่เหนียง โดยเฉพาะดวงตาและริมฝีปาก ยามั์ตายิ้ม มุมปากจะยกขึ้น ซู่เหนียงก็เป็แบบนี้เช่นกัน
“ก่อนท่านแม่ข้าจะตาย นางบอกว่า่เวลาที่มีความสุขที่สุดของนางคือ เวลาที่ได้อยู่กับท่านพ่อบุญธรรมและป้าซิ่ว” เมื่อพูดถึงมารดาแท้ๆ แววตาเฉยเมยของเฟิงไหลกลับอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
ซู่เหนียงยังมีคนชอบเช่นนี้ กู้เจิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“พี่ใหญ่” กู้เหยาวิ่งเข้ามาในห้อง นางเห็นบ่าวรับใช้ข้างกายพี่ใหญ่ดูไม่คุ้นตา “สาวใช้มาใหม่หรือเ้าคะ?”
เฟิงไหลก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ข้าเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน เ้ามาแต่เช้าขนาดนี้มีเื่อะไรงั้นหรือ?” กู้เจิงดึงนางนั่งลง
กู้เหยามองไปยังสาวใช้คนใหม่อย่างสงสัยว่าทำไมสาวใช้ที่เพิ่งซื้อมาถึงได้มารับใช้พี่ใหญ่ได้? “องค์หญิงสิบเอ็ดให้นางกำนัลมาเชิญพวกเราไปเดินเล่นชมธรรมชาติกันวันพรุ่งนี้ ข้าคิดว่าหลายวันมานี้พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดีนัก เหมาะจะไปพักผ่อนให้สบายใจ ไปกันไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงไม่ได้ออกไปข้างนอกมาสิบกว่าวันแล้วจริงๆ นางจึงพยักหน้าตกลง “ชวนน้องสามด้วยสิ”
“พี่สามเป็พี่สะใภ้ขององค์หญิงสิบเอ็ด องค์หญิงต้องชวนนางแน่เ้าค่ะ ยังมีคุณหนูเซี่ยอีกคน จริงสิ พี่สาวตระกูลหนิงก็ไปด้วยนะเ้าคะ” กู้เหยาถอนหายใจ “พี่ใหญ่ พี่หนิงน่าสงสารจริงๆ ไม่อาจแต่งงานกับพี่รองของข้าได้ และตอนนี้ก็ยังมาถูกชายแก่นั่นถอนหมั้นอีก ทุกคนต่างสงสารพี่สาวตระกูลหนิงกันทั้งนั้นเ้าค่ะ”
ชายแก่? อืม ว่ากันตามจริงอายุของแม่ทัพเยี่ยนก็ค่อนข้างสูงวัยไปสำหรับพวกเหยาเอ๋อร์และคุณหนูหนิง
เฟิงไหลเหลือบมองกู้เหยาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงอีก
“ไม่ใช่ว่าเิเป่ยเกิดา แม่ทัพเยี่ยนจึงต้องรีบไปที่นั่นหรอกหรือ? ฝ่าาก็ทรงมีราชโองการแล้ว ตอนนี้คุณหนูหนิงก็สามารถแต่งงานกับคนอื่นได้”
“แม้ว่าจะมีพระราชโองการให้แต่งงานตามอิสระได้ แต่นั่นมันต่างจากเมื่อก่อน ช่างแปลกนัก ต่อให้มีาจริงๆ แค่แต่งงานเท่านั้นจะเสียเวลาอะไรมากมาย? ในความคิดข้า แม่ทัพเยี่ยนผู้นั้นต้องไม่ชอบพี่สาวตระกูลหนิงแน่ถึงได้หาข้ออ้าง ไม่แน่ว่าข้างกายเขาอาจจะมีสตรีรู้ใจอยู่แล้วก็ได้”
กู้เหยาพูดไปเรื่อยเช่นนี้ ทว่านางพูดได้ตรงเผง กู้เจิงกำลังครุ่นคิดว่านี่ซู่เหนียงของนางถือว่าแย่งผู้ชายของหญิงอื่นไปหรือไม่? ซู่เหนียงของนางนี่มากด้วยเสน่ห์เหลือเกิน
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังยิ้มอะไรอยู่เ้าคะ?” กู้เหยาถามด้วยความสงสัย
“ข้ากำลังคิดว่า บางทีคุณหนูหนิงเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับแม่ทัพเยี่ยนเหมือนกัน” กู้เจิงรีบกลบเกลื่อน
“ในใจของพี่หนิงต้องยังคิดถึงพี่รองแน่ๆ เ้าค่ะ” กู้เหยามั่นใจ
พูดถึงน้องรองกู้เจิ้งชิน ครั้งก่อนนายหญิงเว่ยซื่อเล่าให้นางฟังว่ามีแม่สื่อหลายคนมาคุยเื่การแต่งงาน แต่นายหญิงรู้สึกว่าคุณหนูเ่าั้ไม่ใช่คู่แต่งงานที่ดี ฟังจากความคิดของนายหญิง นางคิดว่าฐานะของเหล่าคุณหนูเ่าั้คงยังไม่สูงพอ
สำหรับคุณหนูตระกูลหนิง ด้วยฐานะปัจจุบันของน้องรอง แน่นอนว่าหมดหวัง
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ กู้เจิงก็พากู้เหยาไปหอสมุดทางตะวันตกของเมือง สองวันก่อนชุนหงบอกว่างานไม้ของห้องสมุดทางตะวันออกล้วนมอบให้ลุงรองเสิ่นเป็คนทำ ส่วนเสิ่นกุ้ยไปทำงานที่หอสมุดทางตะวันตก เป็เช่นนี้หอสมุดทั้งสองแห่งจะได้เสร็จเร็วขึ้น
วันนี้กู้เจิงไปที่หอสมุดทางทิศตะวันออกของเมืองเพื่อดูเื่การจัดตกแต่งสถานที่
“ทางทิศตะวันตกของเมืองมีตึกสูงขนาดนี้ด้วย ” กู้เหยาอุทานเมื่อลงจากรถม้ามามองตึกสูงตรงหน้า “ถ้าขึ้นไปยืนบนชั้นสาม ต้องมองเห็นทั้งเมืองแน่ๆ” ว่าแล้วนางก็ยกกระโปรงวิ่งเข้าไป
กู้เจิงเมื่อเห็นดังนั้น จึงสั่งกับซู่หลันว่า “ตามคุณหนูสี่ไป ในตึกมีของระเกะระกะมากมาย อย่าให้นางกระแทกหรือชนอะไรเข้า”
“เ้าค่ะ”
เฟิงไหลยืนรออยู่ข้างกายกู้เจิงเงียบๆ
ลุงหม่าเมื่อเห็นคุณหนูสี่วิ่งเข้ามาในตึกก็ทราบว่านายหญิงมาแล้ว เขาจึงรีบออกมาต้อนรับพร้อมเสิ่นกุ้ย
“ทักทายนายหญิงขอรับ”
“น้องสะใภ้”
“ลุงหม่า ถางซยง” กู้เจิงยิ้มพลางเดินไปหา “ข้ามาดูวัสดุไม้ที่เข้ามาใหม่”
“วางไว้ที่ชั้นหนึ่ง นายหญิงตามข้าน้อยมาเลยขอรับ”
เหล่าช่างฝีมือในหอสมุดต่างกำลังทำหน้าที่ของตน ทุกคนพอเห็นเ้านายมาถึง ก็ต่างกระตือรือร้นกันมาก ขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเ้านายเป็หญิงสาวที่ทั้งอ่อนเยาว์และงดงามเช่นนี้
กู้เจิงเองก็ทักทายทุกคนอย่างสนิทสนม “ลุงหม่า อาหารของเหล่าช่างฝีมือเตรียมเอาไว้แล้วกระมัง?”
“นายหญิงโปรดวางใจ ข้าน้อยสั่งซาลาเปามาหลายสิบลูก พวกเขาไม่หิวแน่ขอรับ” ลุงหม่ายิ้ม นายหญิงเป็คนดี ไม่เคยปฏิบัติต่อลูกน้องอย่างไม่เป็ธรรม
เฟิงไหลพินิจพิเคราะห์มองกู้เจิงที่กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกับเหล่าช่างฝีมือเงียบๆ นางเคยได้ยินบิดาบุญธรรมพูดถึงกู้เจิง เขาบอกว่านางไม่เหมือนสตรีในเรือนทั่วไป แต่จะจริงหรือไม่นั้นนางก็ไม่รู้ แต่การที่กู้เจิงเข้าถึงคนง่ายเช่นนี้นับว่ารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
กู้เหยามองดูทิวทัศน์บนชั้นสามจนพอใจ ตอนที่นางลงมาข้างล่างก็เห็นพี่ใหญ่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น
“คุณหนูสี่มองอะไรหรือเ้าคะ?” ซู่หลันเห็นคุณหนูสี่เหม่อมองคุณหนูใหญ่อย่างเหม่อลอย จึงอดถามไม่ได้
“ซู่หลัน ไม่รู้ทำไมท่าทางเช่นนี้ของพี่ใหญ่ถึงทำให้ข้าอิจฉากันนะ” กู้เหยาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไป
“อิจฉาหรือเ้าคะ?” ซู่หลันไม่เข้าใจ หากดูจากฐานะแล้ว คุณหนูสี่ดีกว่าคุณหนูใหญ่มาก วันหน้าคนที่นางจะแต่งด้วยย่อมดีกว่าท่านบุตรเขยใหญ่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
“ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอิจฉาอะไร” กู้เหยาใช้สองมือพิงราวบันได
ซูหลันมองคุณหนูใหญ่ที มองคุณหนูสี่ที
“ท่านพี่” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นที่ประตู
ทุกคนในห้องต่างหันไปมองตรงประตู เห็นอวิ๋นเหนียงถือกล่องใบใหญ่เดินเข้ามา
อวิ๋นเหนียงเห็นกู้เจิงก็แปลกใจเล็กน้อย “อาเจิงก็มาด้วย”
“พี่สะใภ้อวิ๋น” กู้เจิงทักทายฟางอวิ๋นเหนียง
“อากุ้ยลืมกล่องเครื่องมือไว้ในบ้าน ท่านแม่เลยนำมาให้ข้าถึงหอสมุดบอกให้ข้าเอามาให้เขา แต่ข้าเพิ่งเจียดเวลาว่างออกมาได้ ” อวิ๋นเหนียงมองกู้เจิงด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “อาเจิงคงไม่โทษว่าข้าอู้งานหรอกกระมัง”
“จะเป็ไปได้ยังไงกัน ท่านตั้งใจมาส่งเครื่องมือช่างให้ถึงที่นี่ นี่ก็ถือเป็การทำงานเช่นกันเ้าค่ะ” กู้เจิงยิ้ม
อวิ๋นเหนียงเห็นกู้เหยาจึงโบกมือทักทายด้วยความดีใจ “คุณหนูสี่”