ตอนนี้นักเรียนทุกคนนั่งเข้าที่เรียบร้อยพร้อมสำหรับเรียนคาบแรกของชั้นปีสี่ ทว่าจู่ ๆ บุคคลที่มีชื่อเสียงยอดแย่ประจำห้องอย่างลีอันทูสก็เดินเข้ามาขณะที่อาจารย์ประจำชั้นนาฟาร์กำลังอ้าปากสอนได้สองคำ แถมเขายังทำหน้าเป็ทองไม่รู้ร้อนอะไรอีก!!
แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นประจำจนกลายเป็เื่ปกติยามเช้าเสียแล้ว
“ข้าว่าแล้วว่าเขาต้องมาสายอีก”
“ไม่รู้จะทำตัวต่อต้านสังคมทำไม หรือเขาไม่อยากเรียนจบแล้ว”
“มีข่าวลือว่าลีอันทูสจะโดนไล่ออกจากตระกูลนี่นา เขาเห็นว่าทำตัวดีไปก็ไร้ประโยชน์เลยตัดสินใจทิ้งทุกอย่างรึเปล่า”
“ถึงไม่โดนตระกูลทิ้งเขาก็นิสัยแย่เกินกว่าจะมีจิตสำนึกอยู่ดี”
“นั่นสิ ไม่รู้รึไงว่านี่เป็ปีที่ดีที่สุดในการกอบโกยคะแนน”
“น่าสงสารอาจารย์จริง ๆ เลย”
เมื่อเห็นว่าเสียงพูดคุยชักเลยเถิดแล้ว อาจารย์นาฟาร์จึงตบมือเรียกสติทุกคนดัง ๆ
แปะ ๆ
“เงียบได้แล้ว ใครมาช้าก็รีบนั่งที่ อาจารย์จะรีบอธิบายงานแรกของปีสี่ให้พวกเ้าฟัง”
ทันใดนั้นเสียงพูดคุยของนักเรียนก็ดังกระหึ่มราวกับไม่ได้ยินที่อาจารย์พูดสักนิด
“นั่นไงมาแล้ว ความโหดของปีสี่ที่ทุกคนลือกัน”
“น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ขนาดที่เ้าเสียชีวิตได้เลยแหละ แต่ไม่ต้องห่วง การตายของเ้าถือว่ามีเกียรติมาก”
“ใครจะอยากตายอย่างมีเกียรติ ข้าไม่อยากตายด้วยซ้ำ ข้าตายก็มีแค่ตระกูลที่ได้ประโยชน์”
“ตายเพราะเป็หนึ่งในส่วนช่วยสังหารจอมมารไม่ดีตรงไหนเล่า”
“ทุกคนเงียบ” ครั้งนี้นาฟาร์เปลี่ยนเป็เสียงเข้มทุกคนจึงเงียบลงอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าอาจารย์ใจดีคนนี้โมโหแล้ว
ลีอันทูสหลุดยิ้ม เขานั่งเอนหลังชิว ๆ ที่โต๊ะเพราะพอรู้เนื้อหาที่อาจารย์จะพูดอยู่แล้ว ทว่าท่าทางของเขากลับดูคล้ายคนไม่สนใจเรียนในสายตาชาวบ้านซะอย่างงั้น เพื่อนร่วมชั้นหลายคนเลยพากันส่งสายตาร้อนแรง (?) มาให้จนรู้สึกร้อนหลังแปลก ๆ จะมีก็แค่สายตาจากน้องสาวฝาแฝดนี่แหละที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็ห่วงมากกว่า
นางน่าจะสงสัยว่าเขาตั้งใจมาสายให้โดนด่าทำไม ลีอันทูสไม่อยากทำตัวขวางโลกหรอก เขาเองก็อยากใช้ชีวิตปกติถ้าไม่พบว่าตัวเองเป็จอมมาร
มันไม่ใช่สิ่งที่จะเลิกง่าย ๆ เพียงแค่ไม่อยากครองโลกหรอกนะ จอมมารเป็ตัวตนที่มีอยู่มาหลายพันปีแล้ว เมื่อถูกผู้กล้าฆ่าตายก็จะกลับมาเกิดใหม่ทุกหนึ่งร้อยปี ไม่จบไม่สิ้น ยิ่งหลีกหนีก็ยิ่งพบเจอ สุดท้ายจึงได้แต่ยอมรับ
ในเมื่อรู้ว่ายังไงตนก็ต้องถูกฆ่า สู้เขาพยายามปกป้องทุกคนและให้มีแค่ตัวเองที่ตายดีกว่า...ชาติที่แล้วมีซากศพมากเกินไป
เพราะงั้นเพื่อไม่ให้มีใครเศร้านัก คนที่เกลียดชังก็ยิ่งต้องมากตาม
น่าเศร้า ไม่มีวิธีไหนทำให้เบ็ตตี้เกลียดเขาได้ นางคงเป็คนเดียวที่เ็ปจากเื่นี้ แต่เขาเชื่อว่าน้องสาวจะผ่านไปได้
เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบกันจริง ๆ แล้ว อาจารย์หนุ่มก็ขยับแว่นให้เข้าที่ เขามีดวงตาสีเขียวมรกตรับกับเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ ใบหน้าอ่อนโยนใจดี กระนั้นก็มีความเข้มงวดบ้างหากนักเรียนไม่เชื่อฟัง
แน่นอนว่า่แรก ๆ ลีอันทูสโดนดุเื่มาสายบ่อยมาก แต่พออาจารย์รู้ว่าเขาถูกตระกูลทอดทิ้ง คำดุนั้นก็หายไป ไม่รู้ว่าไม่สนใจหรือเพราะเวทนาจนปลงแล้วกันแน่
“อย่างที่รู้กัน โรงเรียนผู้กล้าแห่งนี้ถูกก่อตั้งโดยผู้อำนวยการมนุษย์และเทพธิดา มีจุดประสงค์เพื่อกำจัดจอมมารที่คอยรังควานโลกทิ้ง เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน เทพธิดาได้ทำลายหัวใจของจอมมารลงได้ ทว่าน่าเสียดาย หัวใจของจอมมารแตกออกเป็เสี่ยง ๆ กระจายตัวไปทั่วทั้งจักรวรรดิ และนั่นแหละสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด ผลึกจากเศษหัวใจของจอมมารทำให้ก่อเกิดปีศาจขึ้นมา เด็กนักเรียนที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนานถึงสามปีจึงต้องออกไปรวบรวมผลึกเมื่อถึงชั้นปีสี่และนั่นคืองานของพวกเ้า มีใครมีคำถามไหม”
เรเชลยกมือขึ้น “ถ้าตายแล้วจะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ใช่ไหมคะ”
“ใช่ เพราะการกำจัดจอมมารเป็หน้าที่ของทุกคนในจักรวรรดิอยู่แล้ว โดยเฉพาะนักเรียนผู้กล้าที่รู้เื่นี้ดีั้แ่ก้าวเข้ามาในโรงเรียน หากพวกเจ้าเสียชีวิตจากการล่าปีศาจ จะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น”
“อาจารย์ ข้าเข้าใจในเื่นั้นดี เพราะถ้าไม่มีใครกล้ากำจัดจอมมาร พวกเราจะถูกเรียกว่าผู้กล้าได้ยังไง แต่พวกเราต้องตายทุกคนรึเปล่า”
“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น พวกปีศาจเองก็มีจุดอ่อน ถ้าพวกเ้าหาผลึกในตัวปีศาจเจอ ก็จะสามารถกำจัดมันได้ แม้อัตราการเสียชีวิตจะเยอะมากในแต่ละปี แต่ข้าเชื่อว่าลูกศิษย์ที่ตัวเองสอนจะรอดกลับมาได้เยอะเช่นกัน”
พอได้ยินคำพูดปลุกใจของอาจารย์ หลายคนก็สบายใจขึ้น พวกเขารู้ดีั้แ่เข้าโรงเรียนผู้กล้าว่ามีโอกาสเสียชีวิตสูง แต่เพื่อเกียรติของตระกูลและความแค้นส่วนตัว มันก็มากพอที่จะเสี่ยง
ใช่แล้ว นักเรียนเกือบครึ่งในโรงเรียนแห่งนี้เคยสูญเสียคนที่รักไปเพราะจอมมาร
ลีอันทูสหันไปมองคาริส ชายเ้าของผมสีทองที่มีสีหน้าเรียบนิ่งมาั้แ่เริ่มคาบเรียน คนคนนี้เองก็สูญเสียเช่นกัน...
“ต่อไปนี้จะให้จับกลุ่มห้าคนเพื่อออกไปตามหาผลึกหัวใจของจอมมารตามที่มีชาวบ้านมาแจ้งเบาะแสเอาไว้ ส่งตัวแทนออกมาจับฉลากได้เลย”
หลังได้ยินคำพูดของนาฟาร์ แต่ละกลุ่มก็ส่งตัวแทนออกมาจับฉลากเลือกสถานที่ที่ตนต้องไปเสี่ยงตาย เพราะแบบนี้เบ็ตตี้ถึงห่วงเขานัก กลุ่มที่เลือกอยู่คือกลุ่มที่ต้องฝากชีวิตเอาไว้ อยู่หรือตายขึ้นอยู่กับความสามัคคี หากลีอันทูสโดนไล่ออกจากกลุ่ม หมายความว่าเขาต้องปฏิบัติภารกิจคนเดียว เพราะกลุ่มอื่นเต็มหมดแล้ว และอาจารย์ก็ไม่ได้มานั่งดูด้วยว่านักเรียนจะเข้ากันได้ดีกับเพื่อนไหม การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมให้ได้ถือเป็บททดสอบเช่นกัน
คาริสซึ่งเป็หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาเดินออกไปหน้าชั้นเรียนแล้วหยิบกระดาษใบหนึ่งจากในกล่องขึ้นมา เมื่อมองดูอักษรที่เขียนไว้ก็ไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิดราวกับจะสถานที่ไหนก็ไม่คณามือเ้าตัวเลย
ตอนนี้นักเรียนทุกคนเริ่มจัดโต๊ะจัดเก้าอี้แล้วนั่งกันเป็กลุ่มเพื่อปรึกษาแผนรับมือกับภารกิจที่ได้รับ ลีอันทูสเองก็ต้องเดินตามไปด้วย...ถึงจะได้ยินเสียงบ่นจากเพื่อนร่วมกลุ่มทันทีที่ก้นััเก้าอี้ก็เถอะ
“ข้าไม่อยากให้ลีอันทูสไปด้วยเลย เขาไร้ประโยชน์จะตาย” เรเชลกอดอกพลางมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“เรเชล ขอร้องละนะ ให้พี่ชายของข้าเข้ากลุ่มหน่อยเถอะ คนจะได้ครบพอดีไง ให้เขายืนเฉย ๆ ก็ได้ ท่านพี่ไม่สร้างปัญหาหรอก” เบ็ตตี้พยายามโน้มน้าวเพื่อนสาว
“ครั้งที่แล้วเขาก็เดินทะเล่อทะล่าไปหาสัตว์อสูรจนมันคลุ้มคลั่งแล้ววิ่งไล่ชาวบ้านไปทั่ว ถ้าเกิดครั้งนี้เขาทำให้ปีศาจคลั่งขึ้นมาล่ะ เราปีสี่แล้ว สิ่งที่เราต้องล่ารอบนี้มันอันตรายถึงชีวิตจริง ๆ นะ” โทมัสเอ่ยออกมาบ้าง
เรเชลว่าต่อ “ถ้าเขายืนเฉย ๆ อย่างที่พูดมันก็ไม่เป็อะไรหรอก แต่ถ้าเขามัวแต่คิดจะจับคาริส กลุ่มคงวุ่นวายอีกแน่”
ลีอันทูสเกาหัว ชาติก่อนเขาไม่มีพลังอะไรจึงไร้ประโยชน์จริง ๆ ตามที่ว่า ในสถานการณ์ที่ทุกคนเสี่ยงอันตรายแต่ต้องมาปกป้องเขาไปด้วย นับว่าเกินไปมากจริง ๆ
น้องสาวเองก็ลำบากกับการโน้มน้าวทุกคนรวมถึงปกป้องเขาไปด้วย แต่เขากลับไม่สำนึก ดันสร้างความวุ่นวายให้กลุ่มโดยไปตามติดคาริสที่รักสันโดษและไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร
เรียกได้ว่าเขาคือคนเลวที่เหมาะสมกับการเป็จอมมารสุด ๆ
“ไม่ต้องห่วง ขอแค่ให้ข้าอยู่ด้วยต่อไป สัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาอีกแล้ว”
“ข้าจะเชื่อเ้าได้ยังไงล่ะ นี่มันกี่ครั้งแล้วที่เ้าพูดแบบนี้” โทมัสเองก็หัวเสียกับลีอันทูสไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าเป็พี่ชายของเบ็ตตี้ ลีอันทูสคงโดนเขี่ยทิ้งไปหลายรอบแล้ว
“ถ้าครั้งนี้ข้าสร้างปัญหาให้พวกเ้าจริง ๆ สัญญาเลยว่าครั้งหน้าไม่ต้องเอาข้าเข้ากลุ่มแล้ว ไม่ว่าน้องสาวของข้าจะพูดยังไง”
การพูดแบบนี้หมายถึงยอมลุยเดี่ยวแล้ว ถ้าเขาเอาชนะปีศาจคนเดียวไม่ได้เท่ากับต้องตาย แล้วลีอันทูสกล้าพูดออกมาได้ยังไง!
เรเชลไม่เชื่อคำพูดนั้นจึงถามต่อด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “เ้าวางแผนอะไรไว้”
“ใช่ เ้าไม่มีทางยอมตายแน่” โทมัสเห็นฤทธิ์เดชของลีอันทูสมาเยอะ มีหรือจะเชื่อ
เขายักไหล่ “ใครว่าข้าจะตาย ข้าบอกแล้วว่าจะไม่สร้างปัญหา แล้วจะออกไปลุยเดี่ยวจนตายได้ยังไง”
“นั่นแหละสิ่งที่ข้าสงสัย ไม่มีทางที่เ้าจะไม่สร้างปัญหา”
“โทมัส ข้ารู้นะว่าเ้าให้ข้าเข้ากลุ่มเพราะเบ็ตตี้ขอร้อง งั้นถือว่านี่เป็การขอร้องครั้งสุดท้ายของนางแล้วกัน ถ้าข้าสร้างปัญหาจริง ๆ ข้าจะออกไปเอง แต่ถ้าไม่ น้องสาวของข้าคงไม่ต้องพูดขอร้องใครอีก”
เรเชลขมวดคิ้ว “เ้าจะบอกว่า เ้าจะทำให้ตัวเองสามารถอยู่ในกลุ่มนี้ได้โดยที่เบ็ตตี้ไม่ต้องพูดอะไรงั้นเหรอ”
“มันอาจจะเป็ไปได้นะ” ลีอันทูสยกยิ้มเ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปมองคาริสที่นั่งเงียบมาตลอดราวกับบทสนทนาเหล่านี้ไม่ใช่เื่ของเขา “ว่าไงล่ะคุณหัวหน้ากลุ่ม ตกลงรึเปล่า”
“ถ้าเ้าทำตามที่พูดไม่ได้จริง ๆ นี่จะเป็ครั้งสุดท้าย”
“แน่นอน เ้าจะเห็นหน้าข้าไปจนจบปีสี่เลยล่ะ” เขายิ้มท้าทายคาริส แน่นอนว่าโดนอีกฝ่ายเมินตามระเบียบ...
เมื่อหัวหน้ากลุ่มพูดแบบนั้นก็ไม่มีใครสามารถต่อต้านได้อีก ลีอันทูสจึงได้เดินทางไปล่าปีศาจกับกลุ่มครั้งนี้ด้วย แต่เหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่จ้องเขาจนพรุนมาั้แ่เริ่มคาบเรียน เบ็ตตี้ลากเขาออกมาในจุดที่ไร้ผู้คนแล้วเริ่มถาม
“ท่านพี่คิดจะทำอะไรน่ะคะ ถ้าครั้งหน้าไม่ได้อยู่กลุ่มนี้อาจจะเรียนไม่จบเอานะ”
ดวงตาสีแดงคู่สวยที่เหมือนกันกับของเขากำลังสั่นไหว ทำให้เป็ห่วงอีกแล้วสินะ...
“เรียนจบหรือไม่จบมันจะมีปัญหาอะไรเล่า ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ท่านพ่ออาจจะโกรธจนไล่ท่านออกไปก็ได้ ถ้าข้าถูกส่งออกไปแต่งงานแล้ว คงช่วยท่านพี่ไม่ได้อีก”
มือหนาจับไหล่บางของน้องสาวไว้ เขา้าบอกว่านางไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แม้จะไม่ได้เื่ได้ราวแค่ไหน เขาก็จะไม่ปล่อยให้น้องสาวต้องถูกใช้เป็เครื่องมือเด็ดขาด
“เบ็ตตี้ ข้าไม่ปล่อยให้ใครบังคับเ้าแต่งงานแน่ ข้าอยากให้เ้าแต่งงานกับคนที่ตัวเองรักนะ”
“แต่ว่า...”
“ส่วนเื่เรียนจบหรือไม่จบ ผู้นำตระกูลนอร์แกนก็ไม่สนใจหรอก เขามองหาแค่ผลประโยชน์และชื่อเสียง ตราบใดที่ข้าไม่มีชีพจรเวท ก็ไม่ได้เป็อะไรสำหรับเขาทั้งนั้น”
เบ็ตตี้เม้มปาก นางหยิบมือหยาบ ๆ ที่ทำงานหนักมาตลอดเข้ามากุมเอาไว้
“ท่านพี่เป็สิ่งสำคัญของข้านะ เป็ครอบครัวเพียงคนเดียว แม้ท่านพ่อจะไม่สนใจ แต่ท่านยังมีข้า ได้โปรดอย่ายอมแพ้กับอะไรเลย ไม่ว่าจะเื่เรียนหรือเื่เพื่อนด้วย”
“ข้าคงทำให้เ้าเหนื่อยมากเลยสินะ แต่ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ข้าจะไม่เป็ภาระเ้าอีก ถึงไม่รู้ว่าจะสามารถมีเพื่อนได้ไหม จะเรียนจบรึเปล่า แต่ข้าอยากให้เ้ามั่นใจว่าข้าเอาตัวรอดได้จริง ๆ”
“ทุกครั้งที่ท่านพี่บอกจะไม่เป็ภาระข้า ท่านต้องเดือดร้อนตลอดเลย”
“เอาน่า เชื่อข้านะ การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ทำให้ใครเจ็บสักคนแน่นอน ในเมื่อเราคุยกันรู้เื่แล้วก็รีบกลับเข้าห้องกันเถอะ ออกมานานเดี๋ยวจะโดนบ่นเอานะ”
ว่าแล้วลีอันทูสก็รีบเดินเข้าไปในห้องเรียน เขากลัวว่าน้องสาวจะถามอะไรอีก หารู้ไม่ว่าสีหน้าของเบ็ตตี้ยังไม่ดีเท่าที่ควร
“ไม่มีใครเจ็บสักคน...ท่านพี่ได้นับตัวเองไปด้วยไหมนะ”
นางถอนหายใจ กลัวว่าพี่ชายจะทิ้งทุกอย่างเพราะท่านพ่อไม่สนใจ สุดท้ายก็ต้องเดินตามเข้าไปอีกคน ไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของพวกเขา มีอีกคนที่แอบยืนฟังอยู่
โทมัส ชายเ้าของผิวสีแทนที่มีใบหน้าคมเข้มกำลังลูบคางอย่างใช้ความคิด เส้นผมสีเงินของเขาดูยุ่งเหยิงเนื่องจากผ่านการยีหัวมาหลายครั้งหลังจากได้ยินว่าลีอันทูสต้องไปออกล่าปีศาจครั้งนี้ด้วย
“ที่บอกว่าจะไม่สร้างปัญหาเป็เื่จริงงั้นเหรอ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้