เมื่อถึงเวลามื้ออาหารกลางวัน เฝิ่นลู่ยังคงเป็แขกประจำของจวนตระกูลหรู นั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยดั่งเช่นทุกครั้ง เป็ภาพที่คุ้นตาสำหรับผู้ใหญ่ทั้งสองของจวน
ซึ่งพวกเขาเองก็มิได้ว่าอันใด เพราะเห็นกันมาั้แ่ยังเล็ก จึงรู้สึกรักใคร่เอ็นดูหญิงสาวไม่ต่างจากบุตรสาวคนหนึ่ง
หรงเหมยนั่งกินข้าวอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนั่งฟังน้องชายทั้งสองอธิบายให้บิดามารดาฟัง ว่าเหตุใดคนที่บอกว่าจะไปหาอาจารย์ที่ลั่วหยาง กลับมานั่งกินข้าวพร้อมหน้าอยู่ในเวลานี้
และส่วนคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่พวกเขาตอบนางไว้ก่อนหน้านี้
"ให้มันจริงอย่างพวกเ้าว่า กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่วัน อย่าให้ทางสำนักศึกษาส่งหนังสือเตือนมาเหมือนคราวก่อนอีกเล่า" นายท่านหรูหรือหรูลู่คงไม่ค่อยจะเชื่อใจบุตรชายสักเท่าใดนัก เพราะเคยมีประวัติไม่ดีมาก่อน
"ท่านพี่ก็อย่าทำเสียงดุลูกนัก อาเจียง อาเจินคงไม่กล้าทำเื่ไม่ดีอีกแล้วละเ้าค่ะ"
"เพราะได้ฮูหยินให้ท้ายแบบนี้ เ้าสองคนนี้ถึงได้ใจ อ้อ เป็พี่ ๆ พี่คิดมากไปเอง ฮูหยินเลี้ยงลูกได้ดีแล้ว ดีแล้ว ๆ"
หรงเหมยอดจะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อบิดาไม่เคยเถียงมารดาได้จริงสักครั้ง แค่เพียงมารดาตีสีหน้านิดหน่อย คำพูดก็สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
หากนางคิดมีสามีเมื่อใด จะต้องหาคนอย่างบิดาให้ได้ เป็สามีที่เชื่อฟังภรรยาและรักใคร่ ให้ภรรยาเป็ใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในจวน ไม่มีฮูหยินรองหรืออนุให้ปวดใจ
"ไม่ต้องมาหัวเราะเลยหรงเอ๋อร์ เย็นนี้ต้องไปงานปักปิ่นที่จวนตระกูลหม่า ชุดที่แม่เตรียมให้ได้ลองใส่แล้วหรือยัง"
"ชุดหรือเ้าคะ ลองแล้วเ้าค่ะ ลองแล้ว แหะ ๆ" อย่าเพิ่งพูดถึงเื่ลองชุดหรือยัง วันนี้เป็วันงานนางยังจำไม่ได้เลย
"เ้าสองคนในเมื่ออยู่แล้วก็ไปเป็เพื่อนพี่หญิงด้วย งานนี้แม่กับพ่อไม่ได้ไป นอกจากลู่เอ๋อร์ พี่หญิงได้มีพวกเ้าคอยดูแลเพิ่มด้วย"
ผู้มีอำนาจใหญ่สุดของจวนเอ่ยปากแล้ว จะมีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งได้อีก เด็กหนุ่มทั้งสองคนจึงทำได้แต่พยักใบหน้าตอบรับ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เรือนของหรงเหมยจึงเป็จุดร่วมตัวของทั้งสี่คนอีกครั้ง เหตุเพราะเ้าของเรือนต้องรีบกลับมาลองชุดที่มารดาจัดเตรียมไว้ให้ ถึงแม้จะทราบดีว่ามารดาย่อมตัดชุดได้พอดีกับสัดส่วนของนางแล้วก็ตาม
"อาลู่ เ้าว่าเหตุใดจวนตระกูลพ่อค้าอย่างพวกเราถึงได้รับเชิญไปงานด้วย"
"คนอย่างคนตระกูลหม่า ย่อมอยากประกาศไปทั่วว่าบุตรสาวตนงดงามเพียงใด ไม่เชิญพวกเราไปสิแปลก"
"ข้าเคยได้เห็นคุณหนูหม่ามาบ้าง นางก็งดงามสมกับคำล่ำลือนะ ไม่แน่งานนี้ อาเจียงหรืออาเจินของข้าอาจได้คู่หมายก็เป็ได้น้า" หรงเหมยถอดชุดที่ลองใส่คืนให้สาวใช้ ก่อนจะเดินออกมาจากหลังฉากกั้น เอ่ยหยอกล้อน้องชาย
"เหอะ คนที่ตระกูลหม่าหมายมั่นจะเป็ตระกูลพ่อค้าอย่างเราได้อย่างไร"
"ใช่ ๆ พี่หญิงอาจไม่เคยทราบ นางเรียนที่สำนักศึกษาที่เดียวกับพวกเรา วัน ๆ คอยตามติดแต่อาหยาง คืนนี้อาหยางก็ถูกเทียบเชิญด้วยเช่นกัน รอดูอาการนางได้เลยว่าจะแสดงออกอย่างไรบ้าง"
"เสี่ยวหยางหรือ อืม เป็ไปได้ บุตรชายเ้ากรมการคลังก็ไม่เลว ถือว่าตระกูลหม่ามองการณ์ไกล"
"แล้วพี่หญิงไม่สนใจบุตรชายเ้ากรมการคลังบ้างหรือขอรับ" หรงเจียงเป็ผู้พูดเปิดประเด็น ทว่าใบหูทุกคนที่อยู่ภายในห้องกลับเอียงรอฟังคำตอบพร้อมกัน
"บุตรชายเ้ากรมการคลังหรือ ท่านอามีลูกคนอื่นนอกจากเสี่ยวหยางเหรอ ทำไมข้าไม่รู้"
สีหน้าทุกคนต่างแสดงความเอือมระอาออกมาพร้อมเพรียง ก่อนจะกลับไปนั่งหลังตรงเช่นเดิม ภายในใจต่างรู้สึกสงสารซีหยางไม่ต่างกัน
"ท่านอามีอาหยางคนเดียวสิขอรับ"
"อ้อ ก็เ้าถามแปลก ๆ ถ้าเป็เสี่ยวหยาง ข้าจะไม่สนใจเขาได้อย่างไร"
"จริงหรือขอรับ" คำตอบของหรงเหมยเรียกความสนใจของทุกคนกลับมาอีกครั้ง แววตาเปล่งประกายอยากรู้อยากเห็น
"แน่สิ เขาก็เหมือนน้องพี่ไม่ต่างจากพวกเ้า เห็นกันมาั้แ่ฝ่าเท้าเท่านี้ ย่อมสนใจเขาอยู่แล้ว เื่คุณหนูหม่าพี่ก็จะช่วยดูให้ด้วย หากดูแล้วเข้าท่า พี่หญิงคนนี้จะได้ช่วยสนับสนุนเต็มที่"
"ข้ากลับก่อนนะ ต้องกลับไปเตรียมตัวเหมือนกัน"
"นั่นสิขอรับ พวกข้าก็ขอตัวด้วยเช่นกัน"
ทั้งสามคนหลังจากได้ฟังคำตอบ กับท่าทางประกอบว่าฝ่าเท้าซีหยางเล็กแค่ไหนจากหญิงสาว ก็ต่างถอนหายใจแรง ๆ ออกมาพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายออกไปคนละทิศละทาง ปล่อยให้เ้าของเรือนนั่งงุนงงอยู่ที่เดิม ว่านางพูดสิ่งใดผิดกัน
"ลี่จู คืนนี้เ้าก็ช่วยข้าดูด้วยละ"
ลี่จูได้แต่ยืนยิ้มแห้ง ภายในใจรู้สึกไม่ต่างจากทั้งสามคนที่เดินจากไป
ทุกอย่างเ้านายของนางล้วนสมบูรณ์แบบ จะมีก็เพียงเื่ความรักเท่านั้น ที่ความรู้สึกช่างช้าเสียเหลือเกิน
ยามโหย่วขบวนรถม้าต่างทยอยเรียงแถวมาจอดหน้าประตูจวนตระกูลหม่า หนึ่งในนั้นแน่นอนต้องมีรถม้าจากจวนตระกูลหรูด้วยเช่นกัน
และเพราะยังไม่ถึงกำหนดเวลาเริ่มงาน บรรดาแขกที่มาถึงกันแล้วจึงยังวนเวียนอยู่บริเวณด้านหน้า ไม่ได้รีบร้อนเข้าไปด้านในงาน
เพราะเช่นนี้ จึงมีกลุ่มคนยืนรวมตัวกันอยู่หลายกลุ่ม ทำให้บุรุษกับสตรีที่ยืนอยู่กันเพียงสองคนได้รับความสนใจขึ้นมาในทันที
โดยเฉพาะบุรุษร่างสูงโปร่งสวมใส่อาภรณ์สีม่วงเข้มที่ยืนนิ่งอยู่นาน เส้นผมดำยาวของเขาถูกรวมมัดขึ้นสูง เผยให้เห็นโครงหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ดึงดูดความสนใจจากเหล่าสตรีน้อยใหญ่ ทว่าแม้พวกนางจะส่งสายตาให้เขามากเพียงใด กลับได้รับแต่เพียงความว่างเปล่ากลับมาเท่านั้น
จนกระทั่งมีรถม้าคันหนึ่งมาจอด เขาถึงมีความเคลื่อนไหว มือเรียวยาวยื่นรอรับคนที่นั่งอยู่ภายในรถม้าอย่างกระตือรือร้น แต่ผู้ที่ลงมากลับทำให้ชายหนุ่มต้องชักมือกลับด้วยท่าทีรังเกียจ
ชายหนุ่มสองคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงจนแยกไม่ออก ทยอยลงมาจากรถม้าพร้อมกับหัวเราะขบขันไม่หยุด ทำให้เพิ่มความสนใจของเหล่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ เพราะใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองนั้น แม้จะมิได้หล่อเหลาเทียบเท่าชายหนุ่มคนแรก แต่ก็เรียกได้ว่ารูปงามมีเสน่ห์น่ามองไม่แพ้กัน
"อย่าโมโหสิอาหยาง ฮ่า ๆ ๆ"
"อาเจินแค่ล้อเ้าเล่นเท่านั้น อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ" หรงเจียงตบบ่าสหายที่ตีสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะพยักพเยินให้เขายื่นมือไปรับพี่สาวตนใหม่อีกครั้ง
"พวกเ้าชอบแกล้งเสี่ยวหยางของข้า เสี่ยวหยาง อาลู่ รอนานไหม"
ซีหยางส่ายใบหน้าแทนการตอบคำตอบ ดวงตาแข็งกร้าวที่ใช้มองสหาย แปลเปลี่ยนเป็นุ่มนวลในทันที ครั้นได้ยินหญิงสาวเอ่ยว่าเขาเป็ของนาง มุมปากก็คล้ายจะปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ ให้เห็น
"ไม่นานหรอก เข้างานกันเถอะ" เฝิ่นลู่ยื่นขอมือสหายจากซีหยางที่ทำท่าจะไม่ปล่อยออกโดยง่าย จนนางต้องถลึงตาใส่ถึงมีโอกาสได้จับมือสหายของตนบ้าง
เมื่อทั้งหมดได้ร่วมกลุ่มกัน จึงกลายเป็เรียกความสนใจจากเหล่าผู้คนที่อยู่ในงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดีราคาแพง ใบหน้างดงามโดดเด่นไม่ว่าจะเป็บุรุษหรือสตรี โดยเฉพาะหญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนที่เดินอยู่ตรงกลาง
ใบหน้านางงดงามราวหยกสลัก คิ้วดำเรียงสวยรับกับดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้นเสริมให้มีเสน่ห์เข้าคู่ริมฝีปากบางกระจับสีแดงฉ่ำแวว ยามหญิงสาวคลี่รอยยิ้มหวานนั้นชวนให้น่าเคลิ้มฝัน
ยังไม่รวมถึงทรวดทรงที่ดูเหมือนจะมีมากกว่าสตรีรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนไหนควรนูนก็นูนโดดเด่น ส่วนไหนจำต้องโค้งเว้าก็ล้วนสมบูรณ์แบบ ทำให้บุรุษและสตรีที่มองมายังนาง ต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
โดยเฉพาะสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องความงามของหญิงสาวเป็พิเศษ พร้อมกระตุกรอยยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะเดินกลืนหายเข้าไปในฝูงชน
************************************
** ยาวโหย่ว = 17.00 : 18.59 นาฬิกา
สามารถพูดคุยกันได้ที่เพจ Hawthorn-ฮอว์ธอร์น นะคะ
