แคว้นจูเชว่ ดินแดนพิภพระดับสูง
สายลมแรงพัดโหมกระหน่ำไปทั่วท่ามกลางความมืดมิดที่โอบล้อมทั้งผืนป่า ความสงบสุขสุดท้ายได้ถูกทำลายลงในที่สุด ยามนี้ค่ายกลเขตแดนป้องกันก็ได้สูญสลายไปสิ้นส่งผลให้กลุ่มคนชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนต่างถาโถมเข้ามาราวกับมดแตกรังคงไม่เกินจริงไปนัก แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้จะวุ่นวายมากเพียงใด ทว่าเหล่าผู้คุ้มกันยังคงร่วมปกป้องนายของตนอย่างเต็มที่แม้จะมีบางส่วนที่เพลี่ยงพล้ำตกตายไปก็ตาม
“คุณชายรองหวังเฟยหลง อย่าคิดว่าท่านจะหนีพ้นไปได้ในวันนี้!!!” ชายกำยำะโออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะดีดตัวทะยานขึ้นฟ้าตามไปอย่างไม่ลดละ แม้ในยามปกติวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายจะล้ำเลิศเป็อันดับต้น ๆ ก็จริง แต่พิษร้ายที่ได้รับคงออกฤทธิ์ทั่วร่างกายไปไม่น้อยแล้วจึงส่งผลให้สามารถตามได้อย่างไม่ห่างไปเท่าไหร่นัก
“ไม่ว่าใครที่เข้ามาขัดขวางสังหารได้ทันที!!!” ร่างของชายกำยำที่สวมใส่ด้วยเสื้อผ้าและผ้าคลุมสีดำสนิททำให้ไม่อาจระบุตัวตนได้สิ่งที่ปรากฏให้เห็นยามนี้มีเพียงดวงตาที่ดุดันและประกายแววอาฆาตสังหารอย่างปิดไม่มิด
คมกระบี่และอาวุธต่าง ๆ ที่บรรดาคนชุดดำใช้นั้นมีหลากหลายรูปแบบ พลังปราณและจิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมานั้นแผ่พุ่งสะกดข่มไปทั่วส่งผลให้ร่างกายของผู้คุ้มกันที่ถูกโจมตีอยู่นั้นบ้างก็สั่นเทาด้วยความเ็ปและอ่อนล้าทั้งยังเต็มไปด้วยเืและรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ดุเดือด คมดาบของศัตรูเฉือนผ่านเนื้อหนังอย่างโเี้ทำให้เกิดาแฉกรรจ์ที่ไหล่และหน้าอก
แม้พยายามจะต่อสู้กลับแต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็ด้วยเพราะความแข็งแกร่งที่มีแทบจะหมดสิ้นไปเสียแล้ว กระบี่ด้ามคมในมือชายชุดดำต่างเปล่งประกายด้วยเจตจำนงค์ฆ่าฟันอย่างถึงที่สุด
“เหตุใดต้องทำให้เื่ราววุ่นวายมากถึงเพียงนี้??” หนึ่งในคนชุดดำเอ่ยขึ้นอย่างมีอารมณ์
“พิษที่ได้รับไปนั้นแม้แต่ราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นสูงก็ไม่อาจต้านทานได้อย่างไรมันคงหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่!!!” ชายกำยำคนเดิมออกคำสั่งพร้อมกับรีดเค้นพลังปราณในร่างกายออกเป็ท่าร่างวิชาตัวเบาพุ่งทะยานตามไปในทันที
ทางฝั่งของหวังเฟยหลงที่ถูกตามล่าอยู่นั้นไม่รอช้ารีบรีดเค้นพลังปราณในร่างกายพร้อมกับออกท่าร่างสุดยอดวิชาตัวเบาประจำตัวกระโจนขึ้นสู่ยอดไม้อย่างไม่รั้งรอ ฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงไปแต่ละครั้งไม่อาจทำให้เกิดเสียงใดหรือใบไม้สั่นไหวทั้งสิ้น
หากในยามที่ร่างกายปกติย่อมเหินพุ่งทะยานได้สูงและไกลมากกว่านี้ ทว่ายามนี้ร่างกายของเขาได้ถูกพิษร้ายแพร่กระจายจนไม่อาจโคจรพลังปราณอย่างใจนึกทำได้เพียงเท่านี้นับเป็การฝืนร่างกายไปไม่น้อยแล้ว
เสียงของคมกระบี่ที่เชือดเฉือนส่งผลให้ทั่วทั่งบริเวณล้วนเจิ่งนองไปด้วยโลหิตที่สาดกระจายไปทั่วของเหล่าผู้คุมกันต่างทรุดตัวลงกับพื้นในที่สุด กลุ่มของผู้ถูกตามล่าทำได้เพียงส่งเวทย์โจมตีโต้กลับพร้อมกับเร่งทะยานฝีเท้าด้วยความเร็วหลีกหนีห่างสูงสุดเท่าที่จะกระทำได้
สถานการณ์ยามนี้กล่าวว่าพวกเขาเป็ฝ่ายเสียเปรียบและคงจะเพลี่ยงพล้ำซึ่งอาศัยเพียงเวลาเท่านั้นแม้จะพยายามต้านรับและเรียกใช้สมบัติวิเศษ ทว่าชั่วจังหวะหนึ่งก็พลาดท่าถูกโจมตีจากทั่วทิศแปดทางอย่างพร้อมเพรียงโดยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เสียงของกลุ่มคนด้านหลังที่พุ่งทะยานตามมาค่อย ๆ ทิ้งระยะห่างเข้าใกล้กระชั้นชิดขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากที่หลบหนีการไล่ล่าปะทะรับมือกับกลุ่มคนชุดดำมานานก็ทำให้หวังเฟยหลงพอที่จะรับรู้ได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดมีระดับฝีมือมากน้อยเพียงใด บรรดากลุ่มคนเหล่านี้กล่าวว่าผู้ที่รากฐานบ่มเพาะกล้าแกร่งหรือเป็ผู้ฝึกตนระดับสูงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งชายชุดดำตรงหน้าย่อมมีระดับพลังสูงสุดด้วยเพราะเป็ราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาผู้หนึ่งที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญ
“คิดจะหลบหนีไหนเลยจะง่ายดายถึงเพียงนั้น คุณชายรองหวังเฟยหลงยอมจำนนเสียเถอะ อย่าหาว่าข้าผู้นี้ไม่เตือน!!” เสียงตวาดดังลั่นจากทางด้านหลัง ก่อนจะปรากฎเงาร่างสูงใหญ่พร้อมกับผู้ติดตามชุดดำอีกนับสิบคน
“คิดไว้ไม่ผิดว่านี่คงเป็ฝีมือของพวกสุนัขรับใช้ คิดหรือว่าสิ่งเ้าที่ลักลอบกระทำนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้?? ตระกูลฮั่นคิดการณ์ใหญ่เกินตัว คิดดินแดนจูเชว่ขึ้นเป็ใหญ่เหนือตระกูลหวัง ชนชั้นมุสิกเช่นพวกเ้าคิดเทียบเคียงชนชั้นปกครองช่างไม่เจียมตนเสียจริง!!!” หวังเฟยหลงเค้นเสียงออกมาด้วยความคับแค้นใจ
“แล้วอย่างไรเล่ากว่าจะมีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เกรงว่ายามนั้นคงได้แต่เพียงร่างไร้ิญญาของเ้ากลับไปเสียแล้วกระมัง...” ชายกำยำตรงหน้าหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
“นายท่านได้สั่งการกำชับว่าให้นำร่างไร้ิญญาของคุณชายรองหวังกลับตระกูลฮั่นด้วยขอรับ ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม...” เสียงของผู้ติดตามด้านหลังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“ข้าคงต้องขออภัยคุณชายรองหวังล่วงหน้า ลงมือสังหารทุกคนที่นี้ให้สิ้น!!!”
คลื่นกระบี่ได้แหวกผ่านพุ่งตรงออกไปเบื้องหน้าด้วยความรวดเร็ว ความรุนแรงและพลังปราณที่ถูกแฝงมาด้วยนั้นได้ส่งผลให้โดยรอบกระบี่เล่มนี้ปรากฏเป็แรงบีบอัดทำลายล้างที่ไม่ธรมดาสามัญ แสดงให้เห็นว่าเจตจำนงของผู้สั่งการนั้นมีความเชี่ยวชาญศาสตร์แห่งกระบี่นี้มากน้อยเพียงใด
หวังเฟยหลงเองใช่ว่าจะไร้ฝีมือถึงอย่างไรเขาก็เป็ถึงราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาผู้หนึ่ง แม้จะได้รับาเ็ภายในและถูกพิษร้ายสะกดข่มร่างกายก็ตาม เพียงรีดเค้นพลังปราณเพียงนิดก็สามารถหลบพ้นการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะเรียกใช้ิญญายุทธ์ประจำตัวออกมาบังเกิดเป็ลูกไฟสีส้มขนาดใหญ่ ก่อนจะถูกบัญชาการออกไปโจมตีกลุ่มชายชุดดำตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว
ชายชุดดำผู้เป็หัวหน้าเห็นเช่นนั้นจึงร่ายบทเวทย์ป้องกันพร้อมกับเรียกใช้สมบัติวิเศษออกมาต้านรับได้ เปลวเพลิงเมื่อครู่อันเกิดจากิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟของราชทินนามเทพยุทธ์ิญญานั้นหาใช่มีอานุภาพธรรมดาสามัญไม่ ยามเมื่อปะทะกันแล้วจึงเกิดะเิเสียงดังสร้างความเสียหายเป็วงกว้างเลยทีเดียว
เวทย์ป้องกันบทนี้ที่ผสานไปกับความลึกล้ำของสมบัติวิเศษจึงนับว่าแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อยจึงสามารถตั้งรับและสลายการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างไม่ยากนัก บรรดาผู้ติดตามของหวังเฟยหลงต่างเข้าโรมรันต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำนักฆ่าเหล่านี้อย่างไม่กลัวเกรง เสียงของคมกระบี่ปะทะ ดังก้องสะท้อนไปทั่ว แน่นอนว่าพลังฝีมือขององครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่อ่อนด้อย
ทว่ากับเวลาที่ล่วงเลยนับเกือบชั่วยามเช่นนี้จึงส่งผลให้มีความอ่อนล้าอยู่ไม่น้อย มากไปกว่านั้นดูเหมือนกับว่ากลุ่มชายชุดดำยังมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็เช่นนี้ต่อไปท้ายที่สุดพวกเขาที่เหลือคงตกตายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในที่สุด
ทักษะิญญาที่สาม เขตแดนอัคคีปักษาร่ายรำ สำแดง!!!
เมื่อถูกบีบคั้นจวนตัว หวังเฟยหลงจึงเรียกใช้ิญญายุทธ์เขตแดนโจมตีของตนออกมา พริบตานั้นพื้นที่โดยรอบรัศมีหนึ่งลี้ต่างปรากฎเป็เปลวเพลิงสีส้มที่ผนึกตัวขึ้นเป็ปักษาเพลิงนับร้อยตัวกลิ่นอายของเปลวเพลิงอันอหังการนี้ได้ส่งผลให้ห้วงมิติถึงกับผันผวนไปชั่วขณะ ก่อนที่ปักษาเพลิงเหล่านี้จะเข้าโจมตีกลุ่มชายชุดดำอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งผืนป่า
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
ท่าโจมตีเมื่อครู่ได้สร้างผลกระทบแก่ร่างกายของเขาไปไม่น้อยจนเกิดการกระอักโลหิตออกมาอย่างเสียไม่ได้ ด้วยเพราะร่างกายนี้ได้รับพิษจากการต้องคมกระบี่ในก่อนหน้า แน่นอนว่าพิษที่ได้รับนั้นมีฤทธิ์ในการหยุดยั้งการดูดซับลมปราณฟ้าดินและส่งผลให้พลังลมปราณในร่างกายปั่นป่วนอยู่ไม่น้อย ถึงจะได้โอสถระดับห้าไปแล้วแต่ดูเหมือนเป็เพียงการระงับพิษเพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้จะต้องตกอยู่ในสภาวะเคร่งเครียด ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงเต็มไปด้วยความแน่วแน่ไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด
ฝ่ามือภูติิญญา พันธนาการ!!!
ชายกำยำชุดดำเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรวบรวมพลังปราณเข้าสู่ฝ่ามือทั้งสองพร้อมกับสั่งการควบคุมออกไปยังเบื้องหน้าความเข้มข้นของพลังปราณสายนี้ได้รวมตัวขึ้นเป็ฝ่ามือิญญาสีดำสนิทนับไม่ถ้วนเข้าพันธนาการร่างกายของหวังเฟยหลงให้ไม่อาจขยับตัวได้โดยง่าย
“ต่อให้ดิ้นรนก็ไร้ความหมาย พิษที่ท่านได้รับไปถือเป็ไพ่ลับของตระกูลฮั่นที่แม้แต่โอสถระดับหกทั่วไปก็ไม่อาจขจัดได้โดยง่ายยิ่งฝืนรีดเค้นเรียกใช้พลังลมปราณมากเท่าใดพิษนี้ก็จะยิ่งซึมซับมากขึ้นเท่านั้น เห็นทีว่าวันนี้คุณชายรองหวังเฟยหลงคงเหลือเพียงชื่อเสียแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แผนการชั่วช้าของตระกูลฮั่นยามนี้ตระกูลหวังได้ล่วงรู้แล้วอีกไม่นานจดหมายเวทย์ที่ข้าลอบส่งไปคงไปถึงแล้ว ต่อให้ต้องตายในวันนี้ข้าก็ไม่เสียดาย!!!” หวังเฟยหลงเอ่ยขึ้นพร้อมยกแขนเสื้อเช็ดเืตรงมุมปาก แม้ครั้งนี้จะต้องตกตายไปก็ไม่คิดเสียดาย
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว!!!!” ชายชุดดำร่างกำยำเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็าพร้อมกับโคจรพลังปราณก่อนจะตวัดกระบี่ในมือหมายจะสังหารเป้าหมายตรงหน้าโดยหมายที่จะสังหารให้ตกตายไป
ทว่าในขณะคมกระบี่จะถูกฟาดฟันลงมือจัดการกลับมีพลังปราณลึกลับสายหนึ่งที่ก่อรูปร่างเป็ฝ่ามือปราณขนาดใหญ่เข้าซัดร่างกระแทกใส่จนกระบี่ในมือถึงกับกระเด็นตกไปไกลด้านหลัง พร้อมกับเืก้อนโตที่ทะลักออกจากปากสร้างความงุนงงและไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
มือที่โดนพลังลึกลับโจมตีเมื่อครู่ถึงกับสั่นไหวไร้เรี่ยวแรงหนึ่งฝ่ามือพิฆาตนี้แม้ไม่อาจตกตายคราเดียวก็จริง แต่ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งยังไม่อาจััได้ว่าผู้ที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็ผู้ใดกัน
“ผู้ใดที่ยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเช่นนี้ เปิดเผยตัวออกมาเสีย!!!!” ชายชุดดำเอ่ยขึ้นเสียงดังพร้อมกับมองไปโดยรอบ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายคล้ายจะเป็เครื่องอำพรางชั้นดีเลยทีเดียว ระยะห่างเพียงไม่ไกลแต่กลับส่งผลให้ไม่อาจระบุตัวตนได้ง่ายดายนัก ยิ่งผสานเข้ากับความมืดมิดแล้วกล่าวว่าทุกสิ่งอย่างคล้ายกับผสมกลมกลืนไปหมดสิ้น
“ใช้คนจำนวนมากลงมือเข่นฆ่าสังหารเช่นนี้ เดาว่าพวกเ้าคงไม่ได้มีความสามารถเท่าไหร่กระมัง...” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนจะปรากฏขึ้นในครรลองสายตาแต่โดยดี เมื่อเห็นว่าเป็ผู้ใดที่เข้ามาสอดมือในเื่นี้ชายชุดดำผู้เป็หัวหน้ารวมไปถึงคนที่เหลือต่างตกตะลึงไปอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มตรงหน้านี้จากรูปลักษณ์ภายนอกคงมีอายุสิบเก้าสี่ยิบปีเพียงเท่านั้นแม้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุม ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด
“เื่นี้หาใช่เป็เื่ที่เ้าจะเข้ามาสอดมือยุ่งเกี่ยวได้ หากยังรักตัวกลัวตายก็จงไปให้พ้นจากที่นี่เสีย ข้าจะละเว้นชีวิตของเ้าไว้!!!” ชายชุดดำเอ่ยขึ้นคล้ายกับมีเมตตาแต่จะปล่อยผ่านไปตามคำกล่าวหรือไม่ก็ไม่อาจจะล่วงรู้ได้
หนิงอ้ายมองกลุ่มชายชุดดำด้วยสีหน้าราบเรียบก่อนจะบัญชาการเขตแดนเทพสังหารออกตนออกมาพันธนาการร่างชายชุดดำทุกคนให้ถูกตรึงนิ่งโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าไม่อาจรีดเค้นพลังลมปราณในร่างกายต่อต้านได้เสียแล้ว พร้อมกันนั้นเปลวเพลิงสายหนึ่งค่อย ๆ แทรกซึมเข้าร่างกายจนส่งผลให้ไอความร้อนพวยพุ่งออกทั่วร่างกายอย่างเสียไม่ได้
ไอความร้อนที่ลุกลามภายในนั้นถึงกับกัดกินเส้นชีพจรและค่อย ๆ แผดเผามหาสมุทรทะเลลมปราณ ชายชุดดำที่เหลือต่างใช้มือฉีกกระชากเสื้อผ้าบ้างก็ใช้มือทุบอกเพื่อระบายความเ็ปจากไอความร้อนที่แผดเผาอยู่ด้านใน ก่อนที่จะกรีดร้องเสียงดังด้วยความทรมานออกมาในที่สุด
“พวกข้าเป็ถึงราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงย่างก้าว คิดว่าเ้าเพียงคนเดียว...”
โผละ!!
เสียงดังคล้ายกับเสียงทุบมะพร้าวดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนที่นี้ เมื่อสังเกตจึงพบว่าเป็ร่างกายของชายชุดดำที่เพิ่งเอ่ยถ้อยคำไปเมื่อครู่ะเิออกเป็เสี่ยง ๆ เป็ชิ้นเนื้อ สิ่งนี้สร้างความตื่นตะลึงและความหวาดหวั่นใจไม่น้อยแก่ผู้ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์อย่างแท้จริง
“นี่เ้า...”
“เป็ไปได้อย่างไรกัน...”
โผละ!! โผละ!! โผละ!!
ไม่ถึงชั่วจิบชาเท่านั้นร่างกายสูงใหญ่ในชุดดำนับสิบต่างะเิออกเป็ชิ้นเนื้อ เศษซากร่างและโลหิตต่างไหลเจิ่งนองทั่วไปทั้งพื้นโดยรอบ เพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจเท่านั้นชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับสังหารชายชุดดำที่เหลือด้านหลังไปจนหมดสิ้น
เหลือเพียงชายชุดดำผู้หนึ่งที่ยังคงตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่อาจหลีกหนีหรือกระทำสิ่งใดได้แล้วยามนี้ มันที่เป็ถึงราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นกลางยังไม่อาจััล่วงรู้ถึงการลงมือเมื่อครู่ สิ่งเดียวที่พอจะคาดเดาได้ยามนี้นั่นคือชายหนุ่มตรงหน้าคงมีระดับพลังิญญาไม่อ่อนด้อย หรืออาจเป็ราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาระดับสูงเสียด้วยซ้ำ
"ข้าเป็ถึงคุณชายใหญ่ตระกูลฟาง หากเ้ากล้าสังหารข้าตระกูลฟางย่อมไม่มีวันปล่อยเ้าไปแน่!!!" ฟางเหลียงที่เหลือเพียงคนสุดท้ายแล้วจึงรู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่น้อย ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายก้าวเดินเข้ามาใกล้จึงเอ่ยวาจาข่มขู่ไปทันที
"อยู่ในสภาพเช่นนี้ยังกล้าเอ่ยวาจาข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ? น่าสงสารตระกูลฟางเสียจริงที่มีลูกหลานโง่เง่าเช่นนี้..." หนิงอ้ายได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะออกมาก่อนจะร่ายเวทย์พันธนาการอีกฝ่ายให้แ่ายิ่งขึ้น
“คนผู้นี้ท่านจะลงมือสังหารหรือจะกระทำสิ่งใดล้วนให้ท่านตัดสินใจข้าได้พันธนาการร่างกายเขาไว้แล้ว อีกสี่ชั่วยามจากนี้บทเวทย์คงเสื่อมคลายไป ส่วนนี่คือโอสถรักษาพิษในตัวท่าน ส่วนเม็ดนี้คือโอสถที่สามารถทำให้ผู้ที่กลืนกินสามารถกล่าวได้เพียงความจริงได้เท่านั้น หวังว่าโอสถทั้งสองนี้จะเป็ประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย...” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับล้วงหยิบเอาโอสถส่งมอบให้กับหวังเฟยหลงที่ยังคงยืนตะลึงอยู่ด้านหลัง
“หวังเฟยหลงเป็หนี้ชีวิตท่านแล้ว...” หวังเฟยหลงยกมือประสานขึ้นเล็กน้อยด้วยความซาบซึ้ง
“ตระกูลหวังอย่างนั้นรึ? ท่านรีบกินโอสถเสีย ข้าคงต้องขอตัวไปแล้วเช่นกัน...” หนิงอ้ายพยักหน้ารับรู้ก่อนจะออกท่าร่างวิชาตัวเบาไปในทันที...
