บุรุษกลุ่มหนึ่งกินข้าวสังสรรค์ ย่อมขาดของที่ช่วยเสริมความครื้นเครงเช่นสุราไปไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นมัวแต่ห่วงเื่อาหารจนลืมของสำคัญเช่นนี้ไปสนิท
"ในหมู่บ้านมีที่ไหนขายสุราบ้าง ข้าจะไปซื้อกลับมาเสียหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นวางผัดผักชิงไช่ลงบนโต๊ะพลางเอ่ยถาม
"ไม่ต้องหรอก ต้าเหนียงจื่อ เหล่าเอ้อกำลังพยายามเอาชนะโรคติดสุราอยู่ขอรับ" ซีต้าเฉียงหันมาถลึงตาใส่น้องชาย ก่อนจะกดเสียงกระซิบต่อว่าต่อขาน "ของกินเยอะขนาดนี้ยังไม่พออุดปากเ้า"
ซีเอ้อหดคอกลับหัวเราะแหะๆ อย่างขวยเขิน อาหารบนโต๊ะอร่อยมาก หากมีสุราก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบ
"ต้องมีสิ ต้องมีสิ ข้าหลงลืมเอง เลี้ยงอาหารแขกจะขาดสุราได้อย่างไร พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปซื้อมาเดี๋ยวนี้" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกหงุดหงิดในความสะเพร่าของตนเอง
"ต้าเหนียงจื่อไม่ต้องหรอก สุราบ้านข้าก็มี มู่เซิง เ้าวิ่งไปเอาสุราข้าวในบ้านมาไหหนึ่ง" ซีต้าเฉียงหันไปสั่งการบุตรชายคนเล็ก บอกเป็นัยว่าให้รีบไป
ซีมู่เซิงลุกขึ้นทันที "ขอรับ จะไปเดี๋ยวนี้" กล่าวจบก็ยกเท้าวิ่งออกไปด้านนอก
"รบกวนพวกท่านแล้ว ท่านลุงซี" เซวียเสี่ยวหรั่นเกาศีรษะหน้าแดงเล็กน้อย
"ไม่รบกวนเลย เดิมทีก็ว่าจะถือมาอยู่แล้ว แต่เห็นว่าเหลียนหลางจวินยังาเ็อยู่ อาจไม่สะดวกดื่มสุรา ก็เลยไม่ได้เอามาด้วย"
ซีต้าเฉียงอธิบาย เมื่อเช้าตอนไปซื้ออาหารที่ตลาดนัด เขาสังเกตเห็นว่าต้าเหนียงจื่อไม่ได้ซื้อสุรามา นึกว่านางเป็ห่วงว่าสามีจะดื่มสุราไม่ได้ จึงไม่ได้ซื้อ ดังนั้นตอนพวกเขาออกมาเลยไม่นำสุราติดมือมาด้วย
"ไม่มีปัญหา ผู้สกุลเหลียนสามารถดื่มสุราได้" เหลียนเซวียนตอบเสียงเรียบ
เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ เขาดื่มสุราได้หรือ? เอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ไม่ดีกระมัง
แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดออกไปตรงๆ ต่อหน้าคนมากมาย เมื่อเขาบอกว่าได้ก็คือได้
เซวียเสี่ยวหรั่นยกผัดผักชิงไช่อีกจานไปห้องปีกตะวันตก
"น้องมู่เซียง ให้เ้ากินไปก่อนมิใช่หรือ เหตุใดไม่ขยับตะเกียบเลยเล่า"
เซวียเสี่ยวหรั่นวางจานลงบนโต๊ะ
ห้องของเธอไม่มีโต๊ะกินข้าว จึงย้ายโต๊ะสี่เหลี่ยมไปตั้งที่ข้างเตียง สองคนนั่งตรงขอบเตียงกินข้าวกำลังพอดี
"ข้าจะกินคนเดียวได้อย่างไร หลันฮวาก็ยังไม่มาเลย" ซีมู่เซียงวางเข็มกับด้ายในมือลงในตะกร้า
"ข้าเหลือกับข้าวไว้ให้หลันฮวาแล้ว เ้าไม่ต้องเป็ห่วง รีบกินเถอะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นคีบหมูสามชั้นน้ำแดงให้หนึ่งชิ้น "เนื้อมันไปหน่อย เ้ากินเนื้อติดมันหรือไม่"
"ต้องติดมันสิ ถึงจะอร่อย"
ซีมู่เซียงยกชามขึ้นคีบหมูสามชั้นน้ำแดงหอมฉุยมาจ่อที่ริมฝีปาก หลังกินเข้าไป ดวงตาก็ลุกวาว "อร่อยจังเลย อาหารที่ท่านทำกลิ่นหอมมากๆ"
"ฮ่าๆ ชอบก็กินเยอะๆ หน่อย"
ตะเกียบของเซวียเสี่ยวหรั่นยื่นไปที่จานซี่โครงเปรี้ยวหวาน ถึงเนื้อติดมันจะทำแล้วอร่อยอย่างไรก็ไม่ใช่ความชอบของเธอ
ทางฝั่งห้องโถง ซีมู่เซิงหิ้วไหสุราเข้ามา พร้อมกับนำถ้วยสุรามาด้วย
หลังจากวางลงแล้วก็รินสุราให้ทุกคนคนละถ้วย บรรยากาศกระอักกระอ่วนในตอนแรกกลับกลายเป็ครื้นเครง
สุราลงท้องไปสามถ้วย เสียงหัวเราะสังสรรค์เริงรื่น คำพูดของแต่ละคนก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
เหลียนเซวียนฟังเงียบๆ มีคนคารวะสุราเขาก็ไม่บิดพลิ้ว ดื่มอึกหนึ่ง
งานเลี้ยงดำเนินไปครึ่งทาง ความเร็วของการกินเริ่มช้าลง เริ่มพูดคุยเื่สัพเพเหระ
"าุโซี ผู้สกุลเหลียนไม่ได้กลับแคว้นฉีนานแล้ว ไม่ทราบว่า่นี้แคว้นฉีมีข่าวใหญ่อันใดบ้างหรือไม่" เหลียนเซวียนฉวยโอกาสถามสิ่งที่อยากรู้
เขาจากแคว้นฉีมาเกือบหนึ่งปี และอยู่ในสภาวะถูกปิดหูปิดตามาจนถึงบัดนี้
"แคว้นฉีน่ะหรือ..." ดวงหน้าก่ำโลหิตด้วยฤทธิ์สุราของซีต้าเฉียงเผยแววครุ่นคิดก่อนกล่าว "ที่นี่อยู่ไกลจากแคว้นฉีมาก ข่าวของทางนั้นที่มาถึงล้วนเป็ข่าวเก่าเมื่อนานมาแล้ว"
"ไม่เป็ไร พวกข่าวลือต่างๆ ก็ได้ พูดมาเถอะ ไม่มีปัญหา" เหลียนเซวียนใช้น้ำเสียงผ่อนคลาย
"ได้ยินว่าเมื่อปีกลายแคว้นฉีเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ผู้คนาเ็ล้มตายเป็เบือ ซ้ำร้ายยังเกิดโรคระบาด ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกมานานมากแล้ว" ซีหย่วนอายุยังน้อย หลังดื่มไปสองสามถ้วยก็เริ่มมึนเมา
เหลียนเซวียนหรี่ตา นั่นคือเมืองเฟิงไถ
"เมืองเฟิงไถอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของพวกท่าน ได้ยินว่าเมืองหลวงก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย กำแพงเมืองถึงกับแตกร้าวทีเดียว ตรองดูก็รู้ว่าแผ่นดินไหวครานั้นรุนแรงแค่ไหน" ซีต้าเฉียงคีบซี่โครงหมูเข้าปาก
"ใช่ๆ ได้ยินว่าองค์ชายพระองค์หนึ่งของพวกท่านสูญหายไป ฮ่องเต้พิโรธปานฟ้าถล่มดินทลาย หน่วยทหารคุ้มกันชายแดนเข้มงวดกว่าปีก่อนๆ มาก" ซีต้าเฉียงเล่าข่าวที่ได้ยินมา
"แคว้นฉีของพวกท่านเพิ่งรบชนะเมื่อสองปีก่อน ยังนึกว่าบ้านเมืองคงจะสงบร่มเย็นไปอีกพักใหญ่ ใครจะรู้ว่าปีกลายจะเกิดเหตุร้ายมากมายถึงเพียงนั้น ราวกับพบภัยพิบัติครั้งใหญ่ ฮ่องเต้อู่เซวียนของพวกท่านโกรธเป็ฟืนเป็ไฟทีเดียว"
"แต่ก็ไม่ได้มีแต่ข่าวร้ายไปเสียทั้งหมด เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีพิธีเสกสมรสขององค์ชายพระองค์หนึ่งของพวกท่าน แต่ไม่รู้ว่าเป็องค์ชายพระองค์ไหน"
"ใช่แล้ว ฮ่องเต้อู่เซวียนก็มีพระโอรสมากมาย ใครเป็ใครบ้างล้วนแยกไม่ออก"
ต่างคนต่างเล่าสิ่งที่ตนรู้มาคนละเื่สองเื่
เยอะหรือ? ก็แค่เก้าคนเท่านั้นเอง เหลียนเซวียนเหยียดยิ้มมุมปาก พิธีเสกสมรสของเหลียนลี่ดูท่าคงจะสมใจใครบางคน
ได้ยินว่าองค์ชายที่รบชนะเมื่อสองปีก่อนเก่งกล้าสามารถยิ่ง สามารถเอาชนะถึงห้าศึกติดต่อกัน ตีจนทัพของซีฉีแตกพ่ายไม่เป็กระบวน ต่อมาซีฉีส่งสารของสงบศึกและยอมชดใช้ค่าเสียหายมหาศาล าถึงได้ยุติลง"
ซีต้าเฉียงเดาะลิ้นกล่าวชื่นชมองค์ชายผู้ได้ฉายาเทพาแห่งแคว้นฉี
รอยยิ้มเย็นะเืบนมุมปากของเหลียนเซวียนฉายแววเหยียดหยัน
ขณะที่ทางนี้พูดคุยกันอย่างออกรส พออูหลันฮวาย่องมาถึง บรรยากาศของฝ่ายสตรีก็เริ่มจะคึกคักขึ้นมาบ้าง
"นึกว่าเ้าจะมาช้ากว่านี้เสียอีก รอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปยกกับข้าวมา" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางเดินไปหยิบอาหารที่ห้องครัว
อาเหลยกินอิ่มนานแล้ว เดินวนเวียนตามก้นนางอย่างเบื่อหน่าย
อูหลันฮวาเห็นอาเหลย ดวงตาก็ทอประกาย "ต้าเหนียงจื่อ บ้านท่านเลี้ยงลิงด้วยหรือ"
"อื้อ มันชื่ออาเหลย พวกเราเก็บได้ในป่าั้แ่มันยังเป็ลูกลิงตัวเล็กๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นมองอาเหลยที่เดินตามเธอตลอดเวลาด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
หยิบถั่วลิสงกำหนึ่งวางที่มุมห้องให้มันแทะกินเล่น
"มันกินถั่วลิสงเป็ด้วย ฉลาดจริง" อูหลันฮวามองอาเหลยตาไม่กะพริบ
"อาเหลยทำอะไรเป็หลายอย่าง ต้าเหนียงจื่อให้มันอะไร มันก็ทำได้หมดทุกอย่าง แสนรู้มากเชียวล่ะ" ซีมู่เซียงอยู่ที่นี่มานาน ได้คลุกคลีกับอาเหลยไม่น้อย
"ฮ่าๆ รีบกินข้าวเถอะ อาหารเย็นแล้วจะไม่อร่อย อาเหลยไม่หนีไปไหนหรอกน่า" เซวียเสี่ยวหรั่นคีบหมูสามชั้นน้ำแดงมันวาวชิ้นหนึ่งให้อูหลันฮวา
อูหลันฮวาเห็นแล้วน้ำลายแทบหก "ขอบคุณต้าเหนียงจื่อ"
พออาหารเข้าปาก เนื้อนุ่มๆ หอมกรุ่นก็ละลายในโพรงปาก อร่อยจนแทบอยากจะกลืนลิ้นของตนเองเข้าไปด้วย
"หลันฮวา กินเยอะๆ เลยนะ" ซีมู่เซียงคีบหมูสามชั้นน้ำแดงให้นางเพิ่ม
อูหลันฮวามีความสุขสุดจะพรรณนา นางจดจ้องหมูสามชั้นน้ำแดงมันย่องในจาน สายตาราวกับหมาป่าดุร้ายที่หิวกระหาย
