“เ้า… เ้าจะทำอะไร… ปล่อยมือนะ…”
หลังจากที่เหยียนชิงหายตกตะลึงก็รีบตอบสนองกลับอย่างรวดเร็วทันที สองมือยันหน้าอกเว่ยซูหานเอาไว้ เขาแอบโล่งอกที่ไล่หลินชวนออกไปแล้ว หากให้พวกบ่าวไพร่เห็นเข้าคงแย่แน่
“ชิงเอ๋อร์”
เว่ยซูหานทำราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาพูด แขนทั้งสองข้างโอบเขาไว้แน่น กระซิบชื่อของเขาเบาๆ จนทำให้ใจเต้นผิดจังหวะ
เหยียนชิงทั้งอายทั้งกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง กังวลว่าจะรบกวนผู้อื่นเข้า จึงใช้กำปั้นทุบหน้าอกเขาเบาๆ
“เ้า ปล่อยมือ…”
“เว่ยซูหาน เ้าปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้!”
“....”
“เ้านี่…”
“เหยียนชิง อย่าทิ้งข้า”
น้ำเสียงของเว่ยซูหานแหบพร่า การพูดการจาแตกต่างจากปกติเป็อย่างมาก น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความรักอันลึกซึ้ง หากไม่ใช่ว่าเหยียนชิงได้ยินเขาเรียกชื่อของตัวเอง คงนึกว่าเขากำลังคิดถึงคนรักของเขาเป็แน่
“นี่เ้า หรือว่าจะง่วงนอน… คงไม่ได้ฝันร้ายหรอกมั้ง”
เหยียนชิงถูกมือทั้งสองข้างของเขาพันแน่นจนกระดุกกระดิกไม่ได้ ลองตบเบาๆ อีกฝ่ายก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ คิดอยู่พักหนึ่งก็กัดลงที่แขนของเขา
“โอ้ย—”
คนที่เ็ปแค่นเสียงร้องเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือไป เหยียนชิงดิ้นหลุดจากแขนของเขาอย่างทุลักทุเล มือไม้อ่อนไปหมด ลุกขึ้นจากตัวเขาอย่างรีบร้อน เขาเดินโซซัดโซเซถอยหลังไปสองก้าวเพื่อจัดเสื้อผ้า ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เมื่อก้มหน้าลงมองเว่ยซูหานอีกครั้ง จึงพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองหน้าเขาอยู่ เขาสงบสติอารมณ์ลงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“เ้า… เ้าเหนื่อยก็กลับห้องไปนอนเถอะ ดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ อยู่ข้างนอกคงไม่ดีนัก…”
สิ่งนี้กลับทำให้เขาหวาดกลัวขึ้นมา หรือว่าที่เว่ยซูหานเป็อย่างนี้ เพราะชาติก่อนถูกเหยียนิฮ่วนข่มเหงรังแก
เว่ยซูหานรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขา ในสายตาเขาผู้ชายที่มีปฏิกิริยาผิดปกติในตอนนี้รวมถึงความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้น คนปกติเห็นแล้วคงสงสารเห็นใจ เพราะดูแล้วช่างเปราะบางยิ่งนัก แต่ท่าทางที่ดูเปราะบางเช่นนี้ ในสายตาของเหยียนิฮ่วนคนสารเลวพันธุ์นั้น อาจจะเป็การกระตุ้นให้เกิดความคิดอยากจะทรมาน หรือระบายความไม่พอใจและความคับแค้นใจในการแต่งงานครั้งนี้ลงกับเขาก็เป็ได้
ในชาติก่อนเว่ยซูหานถูกรังแกอย่างน่าอนาถเช่นนี้ นอกจากพวกเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในฐานะของครอบครัวญาติพี่น้องไม่ได้แล้ว ยังมีคนที่ยอมหลับตาลงข้างหนึ่งปล่อยปละความอยุติธรรมนี้ ทั้งที่เห็นความตายอยู่ต่อหน้าแต่กลับไม่ช่วย เขาไม่สามารถซักถามข้อสงสัยแก่ผู้นำตระกูลเหยียนที่ล่วงลับไปแล้วอย่างโจ่งแจ้งได้ ได้แต่แค้นเคืองแทนเว่ยซูหานที่โดนเอาเปรียบ
เว่ยซูหานจ้องเขาอยู่สักพักก่อนจะละสายตาและส่ายหน้า
“ไม่ได้ง่วงนอน แค่คิดถึงบางอย่าง… ข้าขอโทษที่ทำให้เ้าหวาดกลัว “
ปฏิกิริยาของเขาแตกต่างจากที่เหยียนชิงคาดเดาไว้อย่างสิ้นเชิง เขาแค่นึกถึงฉากที่เหยียนชิงถูกวางยาพิษจนเสียชีวิตในอ้อมแขนของเขาในชาติที่แล้ว เหตุการณ์นั้นถึงกับทำให้เขาคลุ้มคลั่งไปชั่วขณะ
“คงทำให้เ้าใแล้ว”
เหยียนชิงยอมรับตามตรงว่าฝ่ามือของเขามีเหงื่อแตกพลั่ก หัวใจเต้นรัวเร็วราวกับกลอง
“ข้าขอโทษ…”
เว่ยซูหานถอนหายใจอย่างจนใจและลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไปหาเหยียนชิง และเผลอดึงมือกลับมาเมื่อเห็นเหยียนชิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายก็เดินเข้าจวนไปอย่างเหงาหงอย ความเ็ปที่คงหลงเหลืออยู่บนแขนทำให้ใจเขาผ่อนคลายลง คนคนนั้นก็คงยังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้โศกนาฏกรรมในชาติก่อนของเขาเกิดขึ้นอีกครั้งแน่
เหยียนชิงขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไร เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินตามหลังไป เขารู้สึกถึงความเ็ปจากการถูกสังหารยกตระกูล จึงเข้าใจดีว่าเว่ยซูหานตกอยู่ในความทรงจำที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจช่วยอะไรได้เลย
“ข้านึกว่าคืนนี้เ้าจะไม่มาเสียอีก”
เมื่อกลับมาถึงจวน เว่ยซูหานก็สงบสติอารมณ์ที่เสียศูนย์เมื่อสักครู่ลงแล้วกลับมาเป็ปกติ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่ยังหน้าแดงอยู่ด้วยท่าทางอ่อนโยน
เหยียนชิงซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ในใจ เผยรอยยิ้มออกมา
“ข้าจะพักค้างคืนสักสองสามวัน หากทำตามประเพณีอย่างถี่ถ้วน ต่อไปเ้าก็จะดูแลภายในจวนได้ง่ายขึ้น ในจวนมีงานมากมาย วันที่ท่านพี่จะกลับมาก็ยังไม่แน่นอน เื่ที่เ้าต้องจัดการยังมีอีกมากนัก”
“ที่แท้ชิงเอ๋อร์ก็คิดเผื่อข้า”
เว่ยซูหานหัวเราะเบาๆ ถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้ามาหา”ข้าจะปรนนิบัติเ้าก่อน ถอดเสื้อออกล้างหน้าล้างตาเถอะ”
เหยียนชิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยกมือขึ้นปฏิเสธ
“ไม่ต้อง ข้าจัดการตัวเองได้ เ้าทำตัวตามสบายเถิด ทำตัวเป็กันเองไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย”
เว่ยซูหานเห็นท่าทางไม่สบายใจของเขาจึงไม่ได้ฝืนใจอะไรมาก สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปถอดเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตาแล้วเข้านอน
ภายในจวนเหลือแสงเทียนเพียงอันเดียว แสงสลัวไม่ชัดนัก เหยียนชิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยายามเอนตัวเข้าไปด้านใน ดึงผ้านวมบางๆ มาคลุมไว้ พอปลายฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หากไม่มีแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันแล้ว อากาศในตอนกลางคืนจะเย็นลงเล็กน้อย
“เหยียนชิง…”
มือของเว่ยซูหานยื่นเข้ามา แล้วสอดเข้าไปในผ้าห่ม คว้ามือเขาที่วางอยู่บนผ้าห่มไว้
“…” เหยียนชิงไม่ได้ปฏิเสธจนกระทั่งนิ้วหยาบกระด้างของเขาสอดเข้ามาในนิ้วมือแล้วกุมแน่นจึงพยายามดิ้นรนโดยสัญชาตญาณ แต่เว่ยซูหานกลับไม่ยอมให้เขาดิ้นหลุด
“ชิงเอ๋อร์”
เหยียนชิงเห็นเขาไม่ยอมปล่อยก็หยุดดิ้น แล้วพูดด้วยเสียงที่เบาลง “นอนเถอะ ดึกมากแล้ว ข้าง่วงแล้ว”
ทำไมใจถึงเต้นเร็วอย่างนี้ ทั้งที่ไม่ได้คิดถึงอะไรนอกจากเขา
เว่ยซูหานกำมือเขาไว้แน่นแล้วเอนตัวเข้าแนบชิด “ได้ ราตรีสวัสดิ์”
มีเพียงการััแบบนี้เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
เหยียนชิง “…”
แต่เดิมคิดว่าเป็เพียงคำกล่าวอ้าง ก่อนหน้านี้ถูกความง่วงครอบงำจึงทำให้รู้สึกใจนตอนนี้ตื่นเต็มตาแล้ว ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ความคิดบางอย่างวกไปวนมาสับสนไปหมด เขาอยากจะปลอบใจเว่ยซูหาน แต่ทว่ากลับไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
ความเ็ปที่อัดอั้นอยู่ภายใน ชาติก่อนเขาได้ลิ้มรสมันมามากพอแล้ว คำขอโทษหรือวาจาของคนสามารถทำให้ความผิดพลาดที่อยู่ในใจ ปะทุและหลั่งเืออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดจาอะไรพล่อยๆ ออกมาโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้ คำพูดอย่างนั้น ไม่อาจปลอบใจคนที่เ็ปอยู่ภายในได้