ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ จู่ๆ พ่อบ้านว่านก็เดินเข้ามาพูดกับกู้เจิงว่า “ฮูหยินน้อยเสิ่น ท่านอ๋องให้มาเชิญท่านไปคุยในสวนขอรับ”
กู้เจิงเกือบคิดว่าตนเองหูฝาดไป ตวนอ๋องเรียกนางไปคุยเวลานี้หรือ? ไม่กลัวคนจะสงสัยหรือไง?
แม่เฒ่าซุนจับตามองอย่างสงสัย
“ฮูหยินน้อย ท่านอ๋องมีเื่จะกำชับท่านเื่หอสมุดน่ะขอรับ” พ่อบ้านว่านพยายามพูดอย่างเป็ธรรมชาติ ทว่าในใจของเขากลับร้องโอดครวญ
กู้เจิงจำต้องแสร้งปั้นหน้าอย่างเป็ปกติที่สุด “ได้ พ่อบ้านว่านเชิญนำทาง”
แม่เฒ่าซุนกลับไปที่เรือนชั้นในอย่างงุนงง นางรีบไปเล่าเื่เมื่อครู่นี้ให้กู้อิ๋งฟัง
กู้อิ๋งพอได้ฟังคำจากแม่เฒ่าซุนจึงถามว่า “แม่เฒ่าซุนกังวลเื่ในอดีตอยู่หรือ?”
“เปล่าเ้าค่ะ ตอนนี้คุณหนูใหญ่ต่างจากเมื่อก่อนมาก ส่วนท่านอ๋องก็มีท่าทีเ็ากับคุณหนูใหญ่ แต่ถึงอย่างไรพระชายาก็ควรต้องเอาเื่นี้มาคิดใส่ใจสักหน่อยเ้าค่ะ”
กู้อิ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสสินใจ “งั้นข้าจะลองไปดูที่สวน"”
“พระชายาไปตอนนี้ก็ไม่เหมาะสม อีกสักพักหนึ่งค่อยไปเถอะเ้าค่ะ หากพบกันก็ให้บอกว่าพระชายาแค่ไปเดินเล่น แต่ถ้าไม่พบคุณหนูใหญ่แล้ว ก็ถือซะว่าพระชายาได้ไปเดินเล่นหลังอาหารเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเสนอแนะ
กู้อิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย
อีกด้านหนึ่ง กู้เจิงเดินตามพ่อบ้านว่านไปอย่างไม่สบอารมณ์ นางไม่เชื่อว่าตวนอ๋องยังมีเื่อะไรที่ต้องกำชับ
นางเดินตามพ่อบ้านว่านมาถึงสวนด้านนอก ในศาลามุมหนึ่งของสวน นางเห็นจ้าวหยวนเช่อที่เปลี่ยนชุดฉางฝู* แล้วกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในศาลานั้น
(*แปลว่าชุดธรรมดา เป็ชุดสุภาพ ใส่ในเวลาปกติหรือในพิธีทั่วไป เหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน)
กู้เจิงยังไม่ทันได้ย่อตัวคารวะ จ้าวหยวนเช่อก็ถามเสียงขรึมขึ้นว่า “คืนนั้นในสวนร้าง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกระมัง?”
กู้เจิงนิ่งอึ้ง ผ่านไปสักพักนางถึงหาเสียงของตนเองเจอจึงตอบกลับไปว่า “มีเพคะ”
จ้าวหยวนเช่อตัวแข็งทื่อ
เขาถามนางถึงเื่ในคืนนั้น? ดูท่าเขาจะจำไม่ได้จริงๆ กู้เจิงมองใบหน้าของจ้าวหยวนเช่อที่หลังจากนางตอบไป เขาถึงกับแสดงสีหน้ารังเกียจ คนผู้นี้ช่างมีบุคลิกที่ขัดแย้งกันเสียจริง ยามมีสติก็ปฏิบัติต่อนางเหมือนกับศัตรู แต่พอเมามายก็ทำท่าเหมือนสนใจนางมากซะอย่างงั้น
“ท่านอ๋องพูดกับหม่อมฉันมากมายเหลือเกินเพคะ” กู้เจิงกล่าวต่อ
จ้าวหยวนเช่อคล้ายถอนหายใจอย่างโล่งอก “เ้าคงจะไม่บอกแค่นี้หรอกกระมัง? เปิ่นหวังพูดอะไรกับเ้าบ้าง?”
ในศาลานี้มีเพียงพ่อบ้านว่าน ตวนอ๋อง และนาง ชุนหงยืนรอนางอยู่นอกศาลา กู้เจิงจึงไม่มีอะไรต้องกังวล นางเลยเอ่ยว่า “ท่านอ๋องบอกว่าเคยถูกหม่อมฉันวางยาจนแผนการนั้นสำเร็จ และยังเคยรับหม่อมฉันเป็อนุ แล้วก็...”
พ่อบ้านว่านที่อยู่ในศาลาด้วยถึงกับกลั้นใจฟัง
“หุบปาก” จ้าวหยวนเช่อตวาดเสียงดัง ดวงตาเยือกเย็นจ้องหน้ากู้เจิงเขม็ง ผ่านไปสักพักถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “พูดต่อไป”
“และท่านอ๋องยังบอกว่าดอกไม้ที่ข้าชอบมากที่สุดคือดอกเฮ่อหลัน ทั้งยังบอกว่าตนเองเป็คนที่เคยมีชีวิตมาหนหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วเพคะ” เคยมีชีวิตมาหนหนึ่ง นางเป็คนแต่งคำพูดนี้ขึ้นมาเองเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของตวนอ๋อง กู้เจิงแอบเงยหน้ามองตวนอ๋อง แต่โดยไม่ได้คาดคิดสายตาของนางสบเข้ากับดวงตาเฉียบคมของตวนอ๋องที่จ้องจับสังเกตนางอยู่ก่อนแล้ว กู้เจิงรีบก้มหน้าลงอีกครั้งอย่างใ
“เ้าเชื่ออย่างนั้นหรือ?” เสียงเ็าของจ้าวหยวนเช่อดังขึ้น
กู้เจิงส่ายหน้า “ไม่เชื่อเพคะ ดอกไม้ที่หม่อมฉันชอบที่สุดก็ไม่ใช่ดอกเฮ่อหลัน อีกอย่าง หม่อมฉันเคยได้ยินมาว่าคนเราเกิดและตายเพียงหนเดียว ไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าเคยมีชีวิตมาหนหนึ่งมาก่อนเลยเพคะ”
จ้าวหยวนเช่อปั้นหน้าเ็า “เมื่อครู่ในห้องโถงเล็ก เ้าทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้น เปิ่นหวังยังนึกว่าเ้าจะกลัวจนไม่กล้ามาพบเปิ่นหวังอีก”
“หม่อมฉันก็กลัวเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันไม่อยากให้สามีสงสัยอะไร และก็ไม่อยากให้น้องสามมีปมในใจเพคะ” กู้เจิงตอบตามตรง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดอีกว่า “ท่านอ๋อง ไม่ว่าสิ่งที่ท่านอ๋องพูดจะจริงหรือเท็จ แต่หม่อมฉันกับกู้เจิงที่ท่านอ๋องเอ่ยถึงนั้นไม่ใช่คนคนเดียวกัน ต่อให้มีเื่เช่นนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ก็ขอให้ท่านอ๋องอย่าได้สับสนเข้าใจผิดเพคะ”
“เมื่อครู่เ้าบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของเปิ่นหวังมิใช่หรือ?” จ้าวหยวนเช่อถามอย่างหมดความอดทน
กู้เจิงเงียบไป ก่อนจะพูดว่า “เื่เหลวไหลเช่นนั้น หม่อมฉันไม่เชื่อหรอกเพคะ แต่ท่านอ๋องทำแบบนี้เป็ครั้งที่สองแล้ว หม่อมฉันรู้สึกว่าท่านอ๋องที่มีสติดีกับท่านอ๋องที่เมามายนั้นราวกับเป็คนละคนกัน หม่อมฉันไม่อยากถูกท่านอ๋องทำให้ลำบากใจอีกเพคะ”
“เ้าว่าอะไรนะ?” จ้าวหยวนเช่อถลึงตาใส่กู้เจิง มือที่ไพล่หลังกำหมัดแน่น
“หม่อมฉันเป็สตรีที่ออกเรือนแล้ว หากท่านอ๋องทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะสร้างความลำบากให้หม่อมได้เพคะ” กู้เจิงรู้ว่าวาจานี้ของตนเป็การล่วงเกินตวนอ๋อง แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องพูด
“สร้างความลำบากให้เ้า? กู้เจิง เ้ายังมีหน้ามาพูดคำนี้ด้วยหรือ? เ้าไม่กลัวว่าจะล่วงเกินเปิ่นหวังหรือไง?”
กู้เจิงกลั้นใจตอบ “ไม่กลัวเพคะ ท่านอ๋องแต่งน้องสามเป็พระชายา ทั้งยังเห็นเสิ่นเยี่ยนเป็คนสนิท แล้วหม่อมฉันยังต้องเปิดหอสมุดเพื่อออกหน้าให้ท่านอ๋องอีก ความสัมพันธ์ระหว่างเราถึงจะไม่ดีนักแต่ก็คงจะไม่ถึงกับแย่จนเกินไป ต่อให้ต้องล่วงเกินท่านแต่ท่านอ๋องก็คงจะไม่ทำอะไรหม่อมฉันจริงๆ หรอกเพคะ”
ยามสตรีคนนี้กำลังฉกฉวยผลประโยชน์ใส่ตัว ไม่ว่าจะเป็นางคนก่อนหรือนางในตอนนี้ ก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน จ้าวหยวนเช่อสับสนอย่างบอกไม่ถูก เขาปฏิบัติต่อนางอย่างดี แต่นางกลับคิดแต่จะทิ้งเขาไป ทำไมกัน? เขาอยากจับนางมาถามว่าทำไม แต่เขาก็ไร้หนทางที่จะได้รับคำตอบไปตลอดกาลแล้ว
เขามองนางแบบนั้นทำไม? ราวกับนางทำอะไรให้เขาเ็ป กู้เจิงปวดหัวมากจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร เื่นี้จะต้องได้ผลสรุปในสักทาง
“ครั้งแรกที่เปิ่นหวังเมาเป็เพราะในสุราหมักของบางสิ่งที่กินไม่ได้ ครั้งที่สองที่เมามายก็เพราะคิดถึงเื่ราวในอดีต” จ้าวหยวนเช่อมองใบหน้างดงามอ่อนหวานของนาง ที่เวลาอยากได้อะไรก็จะมาประจบประแจงเขาด้วยใบหน้านี้ แล้วพอได้มาแล้วก็พยายามทุกวิถีทางที่จะจากเขาไป
เขาไม่เข้าใจ เสิ่นเยี่ยนมีอะไรดีกว่าเขาตรงไหน ทำไมนางถึงยอมแต่งงานกับอีกฝ่ายไป ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมเขาถึงยังคิดถึงผู้หญิงแบบนี้อยู่
“อยู่ที่ตระกูลเสิ่นเ้ามีความสุขมากหรือ?”
กู้เจิงพยักหน้ารับเบาๆ
“เสิ่นเยี่ยนดีกับเ้ามากหรือ?”
กู้เจิงพยักหน้ารับ
“เ้าไม่เคยคิดจะทิ้งเขาหรือ?”
คำถามนี้ไม่ล้ำเส้นเกินไปหน่อยหรือไร? กู้เจิงรู้สึกว่านางควรคิดไตร่ตรองคำตอบของคำถามนี้ให้ดี นางหยุดคิดก่อนเอ่ยตอบว่า “ปีหน้า พวกเราวางแผนจะมีลูกด้วยกันเพคะ”
ลูก? ตวนอ๋องถึงกับหน้าซีดเผือด
พ่อบ้านว่านที่ฟังบทสนทนาของท่านอ๋องและฮูหยินน้อยเสิ่นมาตลอด เขาติดตามท่านอ๋องมาั้แ่เกิด ล้วนเข้าใจถึงความคิดของท่านอ๋องดี ท่านอ๋องในตอนนี้คงจะรู้สึกแย่มาก เขาไม่เคยเห็นท่านอ๋องรู้สึกอัดอั้นเช่นนี้มาก่อน
“ท่านอ๋องอย่าทำให้หม่อมฉันลำบากใจอีกเลยเพคะ หม่อมฉันหวังว่าวันหน้าจะไม่เกิดเื่แบบนี้ขึ้นอีกเพคะ” เขากำลังทุกข์ใจหรือ? กู้เจิงแน่ใจแล้วว่าท่านอ๋องคงจะมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเหมือนกับนาง และเขาน่าจะมีความรักอันเ็ปกับกู้เจิงที่ไม่ใช่นาง
“เปิ่นหวังไม่ชอบสุรา และจะไม่เมาอีก และเื่แบบนั้นก็จะไม่มีอีกเป็ครั้งที่สาม” จ้าวหยวนเช่อมองหญิงสาวอย่างเ็ป
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” กู้เจิงพูดด้วยความดีใจ
“เ้าไปเถอะ”
“เพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะช่วยท่านดูแลจัดการหอสมุดเป็อย่างดีแน่เพคะ” กู้เจิงว่าพลางหมุนตัวเดินออกจากศาลาไป
ชุนหงที่คอยอยู่นอกศาลาได้ยินเสียงในศาลาเป็ระยะๆ เสียงของท่านอ๋องดูน่ากลัวอยู่บ้าง ถ้อยคำที่พูดก็ทำให้คนคลำไม่เจอหัวสมอง* แต่พอเห็นสีหน้าคลายใจของคุณหนู นางก็คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
(*หมายถึง ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จับต้นชนปลายไม่ถูก)
กู้เจิงเพิ่งเดินออกมาจากสวน ก็เห็นแม่เฒ่าซุนกับกู้อิ๋งเดินสวนเข้ามา ด้านหลังมีบ่าวรับใช้เดินตามเป็ขบวน ท่วงท่าของพระชายาดูสง่างามเหมาะสมกับตวนอ๋องยิ่งนัก
“พี่ใหญ่” กู้อิ๋งเดินเข้ามาทักทาย นางแอบสำรวจท่าทางของกู้เจิง “แม่เฒ่าซุนบอกว่าท่านอ๋องตามหาท่านเื่หอสมุด ข้าเองก็อยากไปเดินเล่นในสวนพอดี พวกท่านคุยกันเสร็จเร็วขนาดนี้เชียวหรือเ้าคะ?”
“เรียบร้อยแล้ว ต่อไปข้าก็คงต้องยุ่งอยู่กับงานในหอสมุด” พอได้คุยทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้ว กู้เจิงก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด
“อ้อ งั้นตอนนี้ก็คงไม่รีบ พี่ใหญ่ไปเดินเล่นกับข้าหน่อยเถอะ”
“ไม่ล่ะ เื่หอสมุดยังมีรายละเอียดอีกมากที่ข้ายังไม่ได้ทำ ข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”
“เช่นนั้นข้าจะไปส่งพี่ใหญ่เอง”
หลังจากเห็นกู้เจิงขึ้นรถม้ากลับไปแล้ว กู้อิ์งก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางหมุนตัวหันไปพูดกับแม่เฒ่าซุนว่า “น่าจะเพราะเื่หอสมุดจริงๆ ให้มันจบแค่นี้เถอะ เื่หอสมุดนี่พี่ใหญ่กับพี่เขยใหญ่ก็ช่วยท่านอ๋องทำงานเหมือนกัน หากพี่ใหญ่รู้เข้าว่าข้ายังสงสัยนางอยู่เช่นนี้ นางคงจะรู้สึกไม่ดีเป็แน่”