หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น รูปขนหงส์สีทองก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาอีกเลย รวมทั้งร่างของแมวและนกกระเรียนก็เช่นกันจนมู่อวิ๋นจิ่นมองเื่นี้เป็เื่ธรรมดา ไม่ได้ให้ความสนใจอีก
ในเช้าวันหนึ่ง หลังจากที่มู่อวิ๋นจิ่นตื่นนอน และแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่นางกำลังจะก้าวเดินออกจากห้องนอน ก็พลันเห็นฉู่ลี่และติงเสี่ยนเดินเข้ามาในเรือนลี่เฉวียนพอดี
เมื่อนางเห็นฉู่ลี่ก็กลับรู้สึกว่าเป็เวลาเนิ่นนานเหลือเกิน ที่นางไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของเขา
ั้แ่ที่นางแต่งเข้ามาอยู่ที่จวนองค์ชายหกได้ประมาณสองเดือน นางเห็นฉู่ลี่อยู่ที่เรือนลี่เฉวียนแห่งนี้นับครั้งได้
ช่างทำตัวลึกลับจับตัวยากเหลือเกิน
“คารวะพระชายา” ติงเสี่ยนยกมือประสานทำความเคารพ
เมื่อฉู่ลี่ได้ยินติงเสี่ยนเอ่ยเสียงทำความเคารพขึ้น เขาก็หันมองไปทางมู่อวิ๋นจิ่น ด้วยแววตาที่เหนื่อยล้าสุดกำลัง ก่อนเอ่ยทักทายยามเช้า
มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยตอบทักทายเสียงเบา
หลังจากทักทายกันเรียบร้อย ฉู่ลี่ก็เดินเข้าไปในห้องนอนทันที
พอติงเสี่ยนรอจนฉู่ลี่เข้าไปในห้องนอนเป็ที่เรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากไป
“แต่ละวันพวกเ้าเอาแต่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่หรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้นด้วยความสงสัยระหว่างที่ติงเซี่ยนกำลังจะเดินผ่านหน้าไป
ติงเสี่ยนหยุดลง ยกมือขึ้นเกาหัวไปมาและยิ้มแห้ง ๆ “องค์ชายแค่ต้องจัดการเื่การค้าส่วนตัวนิดหน่อย ไม่มีเื่อันใดที่ต้องห่วงขอรับ”
“เื่การค้าส่วนตัว?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นด้วยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ติงเสี่ยนบอก
“เป็อย่างนั้นจริง ๆ ขอรับ กระผมมิกล้าหลอกลวงพระชายา พระชายายังจำได้อยู่หรือไม่ ที่องค์ชายควักเงินสามหมื่นตำลึงทองซื้อหยกประจำตัวของพระชายา นั่นเป็การค้าขายแบบลับ ๆ ขอรับ” ติงเสี่ยนยกมือป้องปากพูดด้วยเสียงแ่เบา
ที่ติงเสี่ยนเล่ามา มู่อวิ๋นจิ่นก็พอจะเชื่อได้อยู่บ้าง แต่พอนึกถึงเื่ที่ติงเสี่ยนแอบคุยลับ ๆ กับคนอื่น เกี่ยวโยงไปถึงอาณาจักรตงหลิน ก็พลันทราบได้ทันทีว่าเื่นี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่นางคิดไว้
“เอาล่ะ เ้าก็กลับไปพักผ่อนเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นบอกติงเซี่ยน
ติงเสี่ยนรีบผงกหัวงก ๆ และพูดเสริมขึ้น “พระชายา อย่าได้เอ่ยถึงเื่การค้าลับ ๆ ขององค์ชายให้ใครได้ทราบโดยเด็ดขาดนะขอรับ”
ยังไม่ทันรอให้มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยปาก ติงเสี่ยนก็รีบสาวเท้าวิ่งออกจากเรือนลี่เฉวียนอย่างรวดเร็ว
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่ยืนกอดอกมองอยู่ที่เดิม พร้อมกับครุ่นคิดเื่ต่าง ๆ ภายในใจมากมาย ดูท่าฉู่ลี่ผู้นี้ต้องมีความลับเก็บซ่อนไว้เป็แน่
…
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นเดินออกจากเรือนลี่เฉวียนไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็บังเอิญพบกับแม่นมเสิ่นที่กำลังยกสำรับอาหารเช้ามาพอดี
พอแม่นมเสิ่นเห็นมู่อวิ๋นจิ่นก็รีบย่อตัวทำความเคารพ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “หลายวันมานี้องค์ชายไปทำธุระข้างนอก คงพักผ่อนไม่เพียงพออย่างแน่นอน เช่นนั้นพระชายาน่าจะนำสำรับอาหารเช้ายกไปให้องค์ชายทานแล้วค่อยพักผ่อนจะดีกว่าเ้าค่ะ”
ยังไม่ทันรอให้มู่อวิ๋นจิ่นตอบตกลงรับปาก แม่นมเสิ่นกลับรีบยัดถาดสำรับอาหารเช้าใส่มือมู่อวิ๋นจิ่นทันใด
ด้วยความใ มู่อวิ๋นจิ่นรีบก้มหน้ามองสำรับเห็นเป็โจ๊กไก่ฉีกที่กำลังอุ่น ๆ พลางตอบตกลงอย่างปฏิเสธเสียมิได้ จากนั้นจึงยกสำรับเดินเข้าไปในเรือนลี่เฉวียนใหม่อีกครั้ง
เมื่อมาถึงหน้าห้องฉู่ลี่แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นได้เม้มปากแน่นพลางเคาะประตูเสียงเบา ทว่าด้านในกลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น
พอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ มู่อวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือเคาะประตูอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงตอบรับเช่นเคย
“นี่…” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นเคาะประตูอยู่นานสองนานจนอดรนทนไม่ไหว นางก็ยกเท้าถีบประตูห้องฉู่ลี่ให้เปิดออก
“ฉู่ลี่!”
มู่อวิ๋นจิ่นถีบประตูห้องอย่างสุดแรง พร้อมกับะโลั่นจนสุดเสียง
“ข้าอยู่ที่นี่” เสียงที่แหบแห้งสั่นเครือดังออกมาจากข้างใน
มู่อวิ๋นจิ่นเดินตามเสียงเข้าไปในห้อง เห็นประตูบานหนึ่งกางกั้น ก่อนเข้าในห้องชั้นใน
มู่อวิ๋นจิ่นวางถาดสำรับโจ๊กลง รีบวิ่งเข้าไปผลักประตูออกแล้วพุ่งตัวเข้าไป
เมื่อเข้าไปก็พบหมอกควันเต็มห้อง เห็นภายในห้องมีสวนบุปผาขนาดย่อมและอ่างน้ำร้อนอยู่ตรงกลาง
ฉู่ลี่พิงผนังอ่างน้ำร้อน หลับตาอย่างเงียบสงบ ผมดำขลับที่ถักถูกปล่อยสยายลงมา จุ่มอยู่ในน้ำร้อนสะท้อนแสงระยิบระยับ
เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า มู่อวิ๋นจิ่นเอาแต่เบะปากใส่ ยืนพิงอยู่หน้าประตูไม่ก้าวเข้าไปในห้อง
“ข้าวางสำรับอาหารเช้าไว้นอกห้องแล้ว”
“อืม” ฉู่ลี่ตอบรับเสียงอ่อยแล้วเงียบลง
มู่อวิ๋นจิ่นเบะปากมองผ่านม่านหมอกในห้องเข้าไป พร้อมสัพยอก “ช่างเสพสุขอะไรขนาดนั้น!”
พอนางพูดจบลง ฉู่ลี่ที่อยู่ในอ่างน้ำร้อนก็หัวเราะเสียงต่ำขึ้น
“ข้าไปก่อนแล้ว เ้าอย่าลืมทานโจ๊กให้เรียบร้อยแล้วค่อยพักผ่อน มิอย่างนั้นแม่นมเสิ่นจะเอ็ดเอา” มู่อวิ๋นจิ่นเห็นเงาเลือนรางของฉู่ลี่แช่อยู่ในอ่างน้ำร้อน ในใจของนางอยากจะเดินเข้าไปแกล้งมองดู ทว่าคิดไปคิดมาเลือกไม่เดินเข้าไปเสียดีกว่า
ในครั้งนี้เมื่อมีโอกาสเดินเข้ามาในห้องนอนฉู่ลี่ มู่อวิ๋นจิ่นเลยอาศัยโอกาสนี้สอดส่องทั่วห้อง พบว่าในห้องเขาเต็มไปด้วยแท่นวางโคมไฟและเทียนไข
พอมองสำรวจไปรอบ ๆ อย่างละเอียด สายตาของมู่อวิ๋นจิ่น ก็พลันจ้องจับไปที่หยกประจำตัวของนางชิ้นนั้น
นางจึงเดินเข้าไปใกล้โต๊ะที่วางหยกประจำตัวของนาง ก่อนหยิบมันมาใส่ไว้ในมือ
เนื่องจากหยกประจำตัวชิ้นนี้มีสายเชือกสีชมพูอ่อนรัดไว้ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็ของประจำตัวของสตรี
แต่บัดนี้ฉู่ลี่กลับเปลี่ยนเชือกรัดเป็สีน้ำเงิน พร้อมรัดไข่มุกมรกตสองเม็ดไว้ล้อมรอบ จนดูเหมือนหยกประจำตัวบุรุษไปเสียแล้ว
“เชอะ!” มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจและเบะปาก ก่อนวางหยกประจำตัวของนางลงบนโต๊ะ หมายจะกลับหลังหันเดินจากไป
ในตอนนั้นเอง ฉู่ลี่อาบน้ำเสร็จพอดี เขาสวมชุดคลุมสีม่วงเดินเข้ามา
พอเห็นฉู่ลี่เดินเข้ามา มู่อวิ๋นจิ่นชี้ไปตรงโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะ “รีบทานตอนร้อน ๆ เถอะ”
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ นั่งลงบนเก้าอี้ และยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาทานอย่างละเมียดละไม
มู่อวิ๋นจิ่นมองหาเก้าอี้หย่อนก้นลงนั่ง มองดูฉู่ลี่ทานโจ๊กเข้าไป “ทุกครั้งเ้าจะหายตัวไปนาน สรุปแล้วเ้าอยู่ในเมืองหรือนอกเมือง?”
“นอกเมือง” ฉู่ลี่ตอบเสียงเรียบ
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามต่อไปอีกว่า “อย่างนั้นทุกครั้งที่อยู่นอกเมือง เ้ามักจะทำอะไรหรือ?”
“ทำการค้า”
คำตอบที่ได้ยินช่างเหมือนกับที่ติงเสี่ยนพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน มู่อวิ๋นจิ่นจึงเบือนปากด้วยี้เีถามต่อไปแล้ว
…
หลังจากฉู่ลี่ทานโจ๊กเป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นเหลือบเห็นจื่อเซียงเดินเข้ามา ก่อนจะกระซิบกระซาบข้างหูนางด้วยความรีบร้อน “คุณหนูเกิดเื่ขึ้นแล้วเ้าค่ะ”
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” มู่อวิ๋นจิ่นถามเสียงเรียบ เพราะหลายวันมานี้สิ่งที่นางได้ยินได้ฟังมากที่สุดคือ เกิดเื่ขึ้นแล้ว จนกระทั่งนางรู้สึกเอือมระอากับคำนี้เต็มที
“วันนี้่เช้า ศาลต้าหลี่จะตัดสินคดีที่คุณหนูเวินวางยาพิษ ทว่าก่อนที่จะประกาศกลับพบว่าคุณหนูเวินกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปก่อนแล้วเ้าค่ะ”
“และก่อนที่จะสิ้นใจ ยังกัดนิ้วเขียนขอโทษยอมรับผิดที่วางยาพิษฮูหยินจ้วงอวี้เหยียน”
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาลง ก่อนหัวเราะอย่างเ็าออกมา “เ้าฉู่ชิงเฉียงลงมือรวดเร็วอะไรขนาดนั้น!”
“ตอนนี้ตระกูลเวินว่าอย่างไรบ้าง?” มู่อวิ๋นจิ่นถามต่อ
“ใต้เท้าเวินถูกตรวจสอบว่าโกงกิน ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเวินถูกขังไว้ในคุกหลวง รอแค่วันปะาชีวิตเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ฟังเื่ราวทั้งหมด สีหน้าของนางกลับสงบนิ่งลงทันใด
“คุณหนู จะจัดการรับมือกับเื่นี้อย่างไรดีเ้าคะ?” จื่อเซียงเอ่ยถามหาวิธี
“เื่นี้เป็ฝีมือของฉู่ชิงเฉียง เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ต่อให้ตระกูลเวินถูกใส่ร้าย นั่นเพราะพวกเขาโชคร้ายที่ถูกฉู่ชิงเฉียงจ้องเล่นงาน” มู่อวิ๋นจิ่นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
จื่อเซียงได้แต่ถอนหายใจเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง รู้ตัวอีกที นายหญิงและบ่าวรับใช้คู่นี้กลับเดินมาถึงสวนดอกไม้เสียแล้ว ทั้งสองเห็นแม่นมเสิ่นนั่งใช้เข็มปักงานอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ภายในสวนแห่งนี้
พอแม่นมเสิ่นเหลือบเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินผ่านมาพลันรีบวางเข็มที่ปักงานลงทันที แล้วเข้าไปทำความเคารพ “พระชายา วันนี้เป็วันที่หก พรุ่งนี้ก็วันที่เจ็ดแล้ว ของขวัญของพระชายาอยู่ไหนเ้าคะ?”
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปชั่วขณะ ยกมือขึ้นมานับถึงได้รู้ว่าพรุ่งนี้เป็วันเกิดของฉู่ลี่
ก่อนจะถึงวันเกิดของฉู่ลี่ มู่อวิ๋นจิ่นนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามแม่นมเสิ่น “วันเกิดของฉู่ลี่จะจัดที่จวนหรือว่าในวังหลวง?”
“องค์ชายไม่ชอบงานเอิกเกริกและไม่ชอบจัดงานวันเกิดเ้าค่ะ ในวันเกิดหลายปีที่ผ่านมาบ่าวถือวิสาสะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้องค์ชายเอง แต่ปีนี้คงไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะองค์ชายแต่งงานแล้วเ้าค่ะ”
“ถ้าเป็เช่นนั้นก็ดี” มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจอย่างโล่งใจ
หากมู่อวิ๋นจิ่นต้องนำของขวัญที่เตรียมไว้เข้าไปในวังหลวง มีหวังคงถูกหัวเราะเยาะเป็แน่
“เมื่อพิจารณาดูท่าทางที่ตะขิดตะขวงของพระชายาแล้ว เกรงว่าจะต้องเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับองค์ชายเป็แน่ เช่นนั้นบ่าวรอจะรอให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นะเ้าคะ” แม่นมเสิ่นพูดยิ้ม ๆ
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
…
เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามค่ำคืน บนโต๊ะรับประทานอาหาร
“ไม่ได้ใช้ห้องอาหารที่เรือนลี่เฉวียนมานานแล้ว เนื่องจากองค์ชายไม่ค่อยได้อยู่ที่จวน พระชายาจึงทานสำรับอาหารอยู่ในลี่เฉวียนเพียงผู้เดียวอยู่ตลอดเลยเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นพูดไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ช่วยฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นรินสุรา
มู่อวิ๋นจิ่นหันมองแม่นมเสิ่นด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “สิ่งที่แม่นมพูดออกมาราวกับว่าหากไม่มีองค์ชาย ข้าจะทานไม่อิ่มนอนไม่หลับอย่างไรอย่างนั้น”
“บ่าวปากพล่อยไปเองเ้าค่ะ บ่าวแค่อยากช่วยลดภาระให้พระชายา จึงให้จื่อเซียงยกสำรับอาหารเข้าไปในห้อง” แม่นมเสิ่นตอบกลับ
“ยิ่งพูดก็ยิ่งแถไปเรื่อยนะ” มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปากอย่างแ่เบา
ทางด้านฉู่ลี่เอาแต่หัวเราะชอบอกชอบใจไม่หยุดหย่อน ด้วยข้างกายของเขาไม่ได้ยินเื่สนุกสนานเช่นนี้มานานแล้ว
“พระชายารีบช่วยคีบอาหารให้องค์ชายสิเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นอมยิ้มพลางใช้มือกระตุกอาภรณ์มู่อวิ๋นจิ่นจากด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นจำใจต้องคีบอาหารให้กับฉู่ลี่ แต่ภายในใจของนางคิดขึ้นมาได้ว่า ต่อให้นางกับฉู่ลี่คีบอาหารให้กันก็มิอาจทำให้ความรักบังเกิดได้
แม้ไม่อยากคีบให้ ทว่านางก็ยอมคีบอาหารใส่ชามให้ฉู่ลี่แต่โดยดี
ระหว่างที่จะช่วยฉู่ลี่คีบกระดูกหมูใส่ชาม มือของมู่อวิ๋นจิ่นกับชะงักลงชั่วขณะ “ดูเหมือนเ้าเคยบอกว่าไม่ชอบทานกระดูกหมูนี่หน่า”
หลังสิ้นเสียง กระดูกหมูที่น่าจะใส่ในชามฉู่ลี่ กลับย้อนกลับไปใส่ในชามของตัวนางเอง
“องค์ชายคงยังไม่รู้กระมัง ่ที่องค์ชายไม่อยู่ พระชายาเอาแต่บ่นนึกถึงองค์ชายทั้งวันทั้งคืนเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเห็นท่าทางของทั้งคู่แน่นิ่ง จึงพูดไม่ให้บรรยากาศเคร่งเครียดไป
“...” มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินได้ฟังดังนั้น หน้าผากของนางเต็มไปด้วยรอยย่น
ฉู่ลี่เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แม้รู้ว่าคำพูดนี้เป็เพียงคำโกหก แต่เขากลับหันมองไปทางมู่อวิ๋นจิ่น
“เ้าคิดถึงข้าอย่างนั้นจริงหรือ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้