ซ่งชุนเงยหน้ามองนางชั่วครู่ "ข้าจะร้องไห้ทำไม? เจ๋อเกอเอ๋อร์ของข้ายังมีชีวิตอยู่ดี ข้าไม่เสียใจ"
แม้ปากจะเอ่ยเช่นนี้ แต่น้ำตาของสตรีแซ่ซ่งกลับไหลรินออกมานางใช้มือปาดมันออก "ควันแรงมากจริงๆ..."
ขอบตาของสตรีแซ่จางแดงก่ำ ฉวยเอาท่อนฟืนมาจากมือของนาง"แม่ชุน เ้าอย่าเป็เช่นนี้..."
สตรีแซ่ซ่งในตอนนี้ราวกับพึ่งได้สติกลับคืนมานางร้องคร่ำครวญเสียงดัง เอ่ยเสียงสะอื้นว่า "ลูกข้า...เจ๋อเกอเอ๋อร์ของข้า... ชีวิตช่างขมขื่นเสียจริง..."
สตรีแซ่จางฟังแล้วน้ำตาพลอยไหลรินไปด้วย
สตรีแซ่ซ่งร้องไห้จนเบื้องหน้าพร่าเลือน เรี่ยวแรงบนกายเหือดแห้งนางเอนพิงร่างของสตรีแซ่จาง ลำคอแหบพร่า น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย
สตรีแซ่จ้าวท้องร้องหลายครั้งเพราะรออาหารเช้าอยู่นานแม้จะได้ยินเสียงร้องไห้ของซ่งชุนมาั้แ่ต้นแต่ยังคงเดินมานอกประตูห้องครัวเพื่อเร่งเร้าอย่างอดไม่ได้ "พี่สะใภ้รองเ้าร้องไห้มาทั้งเช้าแล้ว ยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ? คนทั้งบ้านกำลังรอกินข้าวอยู่!ถ้าเ้าร้องไห้เสร็จแล้วก็รีบทำกับข้าว!"
"จ้าวเสวี่ยหรู นี่ใช่วาจาของมนุษย์รึ? เ้าเป็ผีที่อดตายกลับชาติมาเกิดเช่นนั้นหรือ? อยากกินข้าวก็มาทำเอง ผู้ใดเกิดมาเพื่อคอยปรนนิบัติเ้ากัน?" สตรีแซ่จางโกรธจนอดเอ่ยวาจาฉีกหน้าไม่ได้
สตรีแซ่จ้าวถูกซ่งชุนตะคอกใส่ั้แ่เช้าตรู่ตอนนี้สตรีแซ่จางยังทำให้นางเสียหน้าอีก ความโกรธในใจพลันพุ่งทะยานเรียกชื่อของสตรีแซ่จางโดยตรงว่า "จางชิวหลัน เ้าโวยวายอะไร? บอกว่าข้าเป็ผีอดตายกลับชาติมาเกิดถ้าเช่นนั้นครอบครัวใหญ่ของพวกเ้าไม่ต้องกินข้าวหรอกหรือ? หากเก่งจริงก็ไปกินลมตะวันตกเฉียงเหนือ [1] ภายหน้าอย่าได้กินข้าวในจวนอีก!"
สตรีแซ่จางไม่ชอบสามีภรรยาครอบครัวสามมานานแล้วเพราะอาศัยความลำเอียงของฮูหยินเฒ่า พวกเขาทั้งกินดีและชอบเกียจคร้าน มิหนำซ้ำยังชอบเรียกใช้ผู้อื่นคล้ายยามนี้จะมีะเิเปิดทางความแค้นที่สะสมอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจมานานหลายปีพลันพลุ่งพล่านขึ้นมา
ขณะที่สตรีแซ่จางกำลังจะอ้าปากบริภาษ สตรีแซ่ซ่งก็ดึงนางไว้เอ่ยเสียงแหบพร่าว่า “ข้าจะไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้”
สตรีแซ่จางรีบเอ่ย "แม่ชุน เ้ากลับห้องไปพักผ่อนข้าจะทำกับข้าวเอง"
ซ่งชุนส่ายหน้า จากนั้นเดินไปล้างและหั่นผักราวกับท่อนไม้แข็งทื่อ
สตรีแซ่จ้าวที่อยู่นอกประตูห้องครัวแค่นเสียงเ็าก่อนจะจากไป
เมื่ออวี๋ฉี่เจ๋อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เป็ยามบ่ายของอีกครึ่งวันเสียแล้วเพราะเป็ไข้จนกลีบปากแห้งผากยิ่งนัก เขาจึงค่อยๆ พลิกกายลงจากเตียง
ฝีเท้าเบาหวิวเดินมาที่โต๊ะ ครั้นคิดจะรินน้ำดื่มสักหน่อยภายในกาน้ำชากลับว่างเปล่า
อวี๋เจียวเดินถือข้าวต้มเข้ามาเมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อยืนอยู่ข้างโต๊ะ นางแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า"ข้าคำนวณไว้แล้วว่าท่านน่าจะตื่นแล้ว ข้าวต้มที่ท่านอาซ่งต้มให้ท่านถูกอุ่นอยู่บนเตาตลอดท่านรีบกินเร็วเข้า"
อวี๋ฉี่เจ๋อเงยหน้ามองนางครู่หนึ่งแล้วนั่งลงข้างโต๊ะอวี๋เจียววางชามข้าวต้มไว้ตรงหน้าเขา ตามด้วยโน้มกายเอื้อมมือขึ้นไปแตะหน้าผากเขาอวี๋ฉี่เจ๋อถดกายถอยไปด้านหลัง จดจ้องอวี๋เจียวอย่างระแวดระวัง "เ้าทำอะไร?"
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรงอวี๋เจียวยังคงฝืนวางฝ่ามือลงบนหน้าผากของอวี๋ฉี่เจ๋อ "ท่านกลัวอะไร? ข้าแค่จะลองวัดอุณหภูมิของท่าน"
หน้าผากที่ร้อนผ่าวถูกแนบด้วยความนุ่มนวลเย็นเยียบโดยพลันอวี๋ฉี่เจ๋อรู้สึกโล่งสบายขึ้นไม่น้อยอย่างน่าประหลาด
แต่ความนุ่มนวลนั้นถูกชักกลับไปอย่างรวดเร็ว อวี๋เจียวเอ่ย“ยังตัวร้อนอยู่บ้าง ท่านกินข้าวต้มไปก่อน ข้าจะไปต้มยาให้ท่านอีกหนึ่งชุด”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองข้าวต้มบนโต๊ะ ถึงแม้ท้องจะว่างเปล่าแต่กลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่นิดเขาพยายามให้ตนเองกินไปครึ่งชามก่อนจะวางช้อนลง
สตรีแซ่ซ่งเดินจากห้องโถงเข้ามาข้างในห้องเพราะเมื่อเช้าร้องไห้อย่างหนัก ดวงตาทั้งสองข้างจึงบวมเป่งเล็กน้อย นางเอ่ยพลางแย้มยิ้ม“เหตุใดถึงกินข้าวต้มแค่ครึ่งถ้วย? วันนี้ทั้งวันเ้ายังไม่ได้กินอะไรสักอย่างกินรองท้องเข้าไปอีกสักหน่อย ประเดี๋ยวยังต้องกินยาอีก!”
“ฝนข้างนอกหยุดแล้วหรือขอรับ?” อวี๋ฉี่เจ๋อฟังคำกล่าวของสตรีแซ่ซ่งเขาหยิบช้อนขึ้นมากินข้าวต้มต่อไป
สตรีแซ่ซ่งส่ายหน้า “ยังเลย ตกหนักกว่าเมื่อวานไม่น้อย”
“พวกท่านลุงกลับมาแล้วหรือขอรับ?”
“กลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าฝนครั้งนี้จะตกไปอีกกี่วันเมื่อวานท่านลุงใหญ่กับพวกท่านอาโจวของเ้าล่าหมูป่ามาได้ตัวหนึ่งเพราะกลัวว่าถ้ามัวเสียเวลาอยู่บนเขาแล้วเนื้อจะเสียพวกเขาจึงฉวยโอกาสยามฝนซาพากันลงเขา” สตรีแซ่ซ่งเอ่ย
อวี๋ฉี่เจ๋อพยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นเปลือกตาของสตรีแซ่ซ่งแดงก่ำภายในใจของเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง ทว่าท้ายที่สุดไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
สตรีแซ่ซ่งสังเกตเห็นสายตาของบุตรชายจึงพยายามแสร้งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางคว้ากาน้ำชาบนโต๊ะแล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “แม่มัวแต่วิ่งวุ่นน้ำชาในห้องหมดแล้วก็ยังไม่รู้ตัว แม่จะไปเติมน้ำชาให้เ้า”
ภายในห้องครัว อวี๋ฝูหลิงเดินตามหลังอวี๋เจียวอย่างว่าง่ายนางขยันขันแข็งราวกับเป็สาวใช้ ช่วยอวี๋เจียวล้างหม้อยาและเตาต้มยาขอเพียงอวี๋เจียวจะทำอะไร นางจะแย่งไปช่วยทำเสียหมดเรียกได้ว่าเป็การเอาอกเอาใจสารพัด
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็เพราะอวี๋เจียวสามารถรักษาร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อได้
หลังจากพวกอวี๋ฝูหลิงกลับมาถึงจวนก็รู้แล้วว่าอวี๋ฉี่เจ๋อไม่สบายอีกทั้งสตรีแซ่ซ่งยังร้องไห้จนดวงตาเป็เช่นนั้น อวี๋ฝูหลิงย่อมต้องถามซักไซ้สตรีแซ่ซ่งรู้ว่าไม่อาจปิดบังนางจึงบอกคำกล่าวนั้นของผู้เฒ่าอวี๋ให้อวี๋ฝูหลิงรับรู้หลังจากสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้โฮอวี๋ฝูหลิงพลันนึกถึงเส้นฟางช่วยชีวิตเช่นอวี๋เจียว
ขณะสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ อวี๋เจียวกำลังจับชีพจรของอวี๋ฉี่เจ๋อถึงแม้อวี๋หรูไห่จะเป็หมอไร้ความสามารถ แต่คำกล่าวนั้นของเขากลับไม่ผิดหลังจากล้มป่วยในครั้งนี้ อวี๋ฉี่เจ๋อยากจะฝืนไปถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าจริงๆ
แต่หากอวี๋เจียวคิดจะรั้งคนเอาไว้ ต่อให้ปรโลกอยากเปิดรับก็จำต้องอดทนรอต่อไปสักหน่อย
ยาที่อวี๋หรูไห่จัดมาได้ผลไม่ค่อยดีเท่าใดอวี๋เจียวจึงจัดยาอีกหนึ่งชุดให้อวี๋ฝูหลิงไปต้มส่วนนางคัดเลือกสมุนไพรที่เก็บมาจากบนเขาเ่าั้เริ่มลงมือปรุงยาบำรุงรักษาร่างกายให้อวี๋ฉี่เจ๋อ
ฝนในครั้งนี้ยังคงโปรยปรายไปอีกสองวัน ในวันที่สามท้องฟ้าถึงเปิดโล่งอวี๋ฉี่เจ๋อดื่มยาที่อวี๋เจียวจัดไว้ติดต่อกันเป็เวลาสามวันหลายวันมานี้ที่อากาศกลับมาดีขึ้น นึกไม่ถึงว่าอาการไข้จะดีขึ้นเรื่อยๆอย่างเหนือความคาดหมาย
เมื่อก่อนตอนอวี๋ฉี่เจ๋อล้มป่วยผ่านไปสิบวันหรือครึ่งค่อนเดือนก็ยังไม่ดีขึ้น เมื่อเป็เช่นนี้ อวี๋ฝูหลิงยิ่งตามติดอวี๋เจียวจนกลายเป็แมลงบินตามก้นเสียแล้วหลังจากสตรีแซ่ซ่งสองสามีภรรยารู้ว่าอวี๋เจียวอาจสามารถรักษาร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อให้หายดีพวกเขาเปลี่ยนท่าทีจากเศร้าโศกเสียใจและหมดอาลัยตายอยากเช่นเมื่อไม่กี่วันก่อนต่างเฝ้ารอวันข้างหน้าอย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง
อวี๋เจียวกำชับคนในครอบครัวรองทุกคนว่าห้ามไม่ให้บอกผู้อื่นเด็ดขาดว่านางสามารถรักษาร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อให้หายดีรวมถึงคนในสกุลอวี๋คนอื่นๆ ด้วยเช่นกันไม่เช่นนั้นเทียบยาที่นางปรุงขึ้นมาจะไม่ศักดิ์สิทธิ์
อวี๋เมิ่งซานสองสามีภรรยาไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดแต่พวกเขาเชื่อในวิชาหมอของอวี๋เจียวยิ่งไปกว่านั้นในยามนี้พวกเขามีเพียงต้องฝากความหวังไว้กับอวี๋เจียวเท่านั้นไม่ต่างกับคว้าเส้นฟางช่วยชีวิตในยามใกล้ตาย นางคือความหวังท่ามกลางความสิ้นหวังต่อให้ไม่มี พวกเขาก็ยังต้องหลอกตนเองว่ามี
ในเมื่ออาการไข้ของอวี๋ฉี่เจ๋อหายดีแล้วอวี๋เจียวไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปนางรีบต้มยาบำรุงรักษาร่างกายอวี๋ฉี่เจ๋อที่ปรุงเอาไว้อวี๋หรูไห่ไม่ถือสาอวี๋เจียวแม้นางจะหยิบใช้ยาในห้องสมุนไพรต่อให้อวี๋เจียวจะบอกกับเขาอย่างชัดเจนแล้วว่านางไม่อาจรักษาอวี๋ฉี่เจ๋อทว่าอวี๋หรูไห่ยังคงไม่อยากปล่อยหลานชายผู้เคยคว้าตำแหน่งจอหงวนสามสนามผู้นี้ไป
กลับเป็สตรีแซ่อวี๋โจวและสตรีแซ่จ้าวที่กล่าววาจาเย้ยหยันครอบครัวรองทั้งต่อหน้าและลับหลังนึกรังเกียจที่อวี๋ฉี่เจ๋อเป็ตัวสิ้นเปลืองสมุนไพรหากนำสมุนไพรเ่าั้ไปรักษาคนยังสามารถหาเงินได้แต่เมื่อนำมาใช้กับร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อก็ไม่เห็นจะมีผลดีมีแต่จะสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์
คนครอบครัวรองล้วนไม่สนใจพวกนางอวี๋เจียวควรใช้สมุนไพรใดก็ยังคงไปเอาจากห้องสมุนไพรฝั่งตะวันตกให้เพราะถึงอย่างไรอวี๋หรูไห่ก็ไม่ได้ออกปากห้าม
เมื่อรู้ว่าอวี๋เจียวจะต้มยาอวี๋ฝูหลิงวางชุดมงคลที่กำลังจะปักลงแล้ววิ่งไปเป็ลูกมือให้นางนางพึ่งจะเดินเข้าห้องครัว เมื่อเห็นสมุนไพรที่อวี๋เจียวใส่ลงในหม้อต้มยาดวงตาพลันเบิกกว้าง นางเดินเข้าไปข้างหน้าอย่างไม่อยากเชื่อนักจากนั้นก้มหน้าลงตั้งใจมองข้างในหม้อต้มยาอย่างละเอียด
……….
เชิงอรรถ
[1] กินลมตะวันตกเฉียงเหนือเปรียบเปรยว่าอดอยากหรือไม่มีอันจะกิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้