กลุ่มคนจากตระกูลมู่หันไปมองศีรษะที่กลิ้งอยู่บนพื้นสลับกับฉากของเด็กหนุ่มที่กำลังเช็ดเืออกจากดาบในมือ ความรู้สึกหวาดกลัวผุดขึ้นในใจของพวกเขาทันที
ตอนนี้ในตระกูลมู่ไม่มีใครมองว่ามู่เฟิงเป็เพียงแค่เด็กอีกต่อไปแล้ว กระทั่งผู้ใหญ่หลายคนยังไม่เ้าแผนการและเหี้ยมโหดได้เท่าเด็กหนุ่มเลย
แต่สำหรับมู่เฟิงที่กวัดแกว่งดาบอยู่ในสนามรบมาั้แ่จำความได้นั้น เขาย่อมไม่ขาดสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
ในตอนนี้คนของกลุ่มพยัคฆ์เหลืองที่เหลืออยู่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย พวกเขาทำได้เพียงเหม่อมองร่างไร้ศีรษะบนพื้นด้วยหัวใจเย็นเยียบ ใบหน้าของพวกเขาต่างก็ซีดเผือด
“คุณชาย คนที่เหลือของกลุ่มพยัคฆ์เหลืองท่านจะจัดการอย่างไรต่อไปขอรับ?”
ขณะที่มู่จงเอ่ยถาม ดวงตาของเขาก็ทอประกายเย็นเยียบออกมา “ท่าน้าจะสังหารพวกเขาทั้งหมดหรือไม่ขอรับ?”
มู่เฟิงส่ายหน้า เขาไม่ใช่ปีศาจร้ายที่มีความสุขกับการเข่นฆ่า สำหรับคนที่สมควรตายเขาย่อมไม่ยั้งมือ ส่วนคนที่ไม่สมควรตายเขาก็ไม่คิดจะสังหารตามอำเภอใจเช่นกัน
“พวกที่อยู่ข้างนอก หากใครมีวรยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นเก้าขึ้นไปสามารถรับเข้าตระกูลมู่ได้ ส่วนคนอื่นที่เหลือก็ให้พวกเขาแยกย้ายกันไปเสีย นับจากนี้จะไม่มีกลุ่มพยัคฆ์เหลืองดำรงอยู่ในเมืองอันหนานอีกต่อไป”
มู่เฟิงกล่าวเสียงเรียบ หลังจากเช็ดเืบนดาบจนสะอาดแล้ว เขาก็เก็บดาบก่อนจะเดินจากไป เมื่อเห็นดังนั้นไป๋จื่อเยว่และมู่จงก็รีบตามอีกฝ่ายไปทันที
หลังกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ มู่เฟิงก็รีบเข้าไปตรวจดูร่างกายของมู่ขวง สมรรถภาพทางกายของมู่ขวงนั้นยอดเยี่ยมมาก ร่างกายของเขาไม่ได้าเ็ร้ายแรง คาดว่าใช้เวลาเพียงสองสามวันก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
เทศกาลโคมไฟของเมืองอันหนานในค่ำคืนนี้ช่างเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืเสียจริง
เมื่อรุ่งสางมาเยือนก็เป็วันแรกของปีใหม่แล้ว ทางตระกูลมู่จึงได้จัดงานเฉลิมฉลองขึ้น มู่เฟิงไม่ลืมที่จะเขียนจดหมายอวยพรปีใหม่หามู่หลิงเอ๋อร์ ว่านเอ๋อร์และท่านลุงใหญ่มู่เฉินที่อยู่ในเมืองหลวง
แม้จะผ่านปีใหม่ไปหลายวันแล้ว แต่เกล็ดหิมะในเหมันต์ฤดูก็ยังโปรยปรายลงมาไม่หยุด พื้นที่ทั้งหมดล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนทุกอย่างขาวโพลน มู่เฟิงเดินออกจากจวนตระกูลมู่อีกครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร้านว่านเป่าที่อยู่ใจกลางเมือง
เมื่อมู่เฟิงมาถึงร่านว่านเป่า เถ้าแก่หลี่ก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง บรรยากาศโดยรอบล้วนเป็ไปอย่างอบอุ่นและเป็กันเอง
สำหรับเถ้าแก่หลี่แล้ว มู่เฟิงคือเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่มีศักยภาพมากพอจะเป็นักสลักลายเส้นระดับสูงในอนาคตได้ ดังนั้นจึงเป็เื่ธรรมดาที่เขาจะ้าผูกมิตรกับอีกฝ่าย
ครั้งนี้มู่เฟิงได้นำแผ่นยันต์จำนวนหนึ่งออกมาขาย เพื่อแลกเปลี่ยนเป็ยาบ่มเพาะพลังปราณ เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นว่า “เถ้าแก่หลี่ ไม่ทราบว่าที่นี่มีสมุนไพรที่มีพลังธาตุไฟอย่างหญ้าเพลิงอัคนีอยู่หรือไม่?”
หญ้าเพลิงอัคนีคือยาสมุนไพรขั้นสามชนิดหนึ่งที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากมันมีพลังปราณเพลิงแฝงอยู่ในนั้น
มู่เฟิง้าหญ้าเพลิงอัคนีจำนวนมาก เพราะเขา้าฝึกฝนทักษะพลังธาตุไฟอย่างวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยาซึ่งเป็วิชาระดับนิลกาฬขั้นสูง
แน่นอนว่าจำเป็ต้องใช้สมุนไพรที่มีพลังธาตุไฟและยาอายุวัฒนะชนิดอื่นด้วย
เหตุใดจึงบอกว่าการฝึกฝนคือเส้นทางของการผลาญเงินอย่างนั้นน่ะหรือ เนื่องจากการฝึกฝนวรยุทธ์นั้นมีทักษะหลายแขนงและยังมีพลังปราณหลายสาย ซึ่งวิธีการฝึกฝนทั้งหมดนี้ล้วนไม่สามารถขาดการใช้สมุนไพรและตัวยาเป็ตัวช่วยเสริมได้
ดังนั้นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการฝึกจึงมีทั้งสิ้นสี่ประการ ประกอบไปด้วยทรัพย์สิน วิธีการ มิตรสหายและสถานที่ โดยจะเห็นได้ว่าคำว่าทรัพย์สินนั้นมาเป็อันดับแรก
“หญ้าเพลิงอัคนี ข้าจำได้ว่าในร้านว่านเป่าของเรายังมีอยู่จำนวนหนึ่ง คุณชายมู่โปรดรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปนำมาให้”
เถ้าแก่หลี่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงเรียกผู้ช่วยคนหนึ่งของเขาให้ไปนำหญ้าเพลิงอัคนีออกมา
ไม่นานหลังจากนั้น หญิงผู้ช่วยก็นำกล่องไม้มะฮอกกานีมาวางตรงหน้ามู่เฟิงอย่างนอบน้อม
เมื่อเฟิงเปิดมันออก เขาก็พบว่าภายในกล่องได้บรรจุสมุนไพรสีแดงเอาไว้สามต้น
โดยส่วนที่เป็ใบของสมุนไพรเ่าั้ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับเปลวเพลิง กลิ่นอายจากต้นของมันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น เห็นได้ชัดว่านี่คือหญ้าเพลิงอัคนี
เมื่อเห็นสมุนไพรทั้งสามต้น มู่เฟิงก็รู้สึกดีใจขึ้นมา จากนั้นเขาจึงรีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า “ท่านยังมีสมุนไพรประเภทนี้อีกหรือไม่? ข้า้ามันทั้งหมด”
“ต้องขออภัยคุณชายด้วย ตอนนี้ทางเรามีแค่นี้ขอรับ เนื่องจากร้านว่านเป่าในเมืองอันหนานเป็เพียงสาขาเล็กๆ เท่านั้น หญ้าเพลิงอัคนีมีมูลค่าสูงเกินไป ในสถานที่เช่นนี้มีน้อยคนมากที่จะสามารถซื้อมันได้ ดังนั้นของจึงมีไม่มากขอรับ”
เถ้าแก่หลี่กล่าวขออภัย
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฟิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หญ้าเพลิงอัคนีเพียงสามต้นไม่เพียงพอให้เขาฝึกฝน
“จริงสิ ท่านมีความรู้กว้างขวาง ท่านรู้หรือไม่ว่าแหล่งที่สามารถพบหญ้าเพลิงอัคนีได้อยู่ที่ใด?”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“อืม... หญ้าเพลิงอัคนีจะเติบโตในพื้นที่ที่มีจิติญญาแห่งไฟรวมตัวกันขอรับ สามารถเห็นได้บ่อยในสถานที่เช่นูเาไฟ ข้ารู้มาว่าจากเมืองอันหนานห่างออกไปทางตะวันตกประมาณห้าร้อยลี้มีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งถูกเรียกว่าหุบเขาอัคคี สถานที่แห่งนั้นมีความเป็ไปได้ว่าอาจจะมีพวกมันอยู่ขอรับ”
เถ้าแก่หลี่ตอบไปตามที่เขารู้
“ห่างออกไปทางตะวันตกของเมืองอันหนานห้าร้อยลี้ หุบเขาอัคคี”
มู่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถวนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้ยินชื่อของสถานที่แห่งนั้นมาก่อน
“หุบเขาอัคคีเป็ส่วนหนึ่งของเทือกเขาแห่งไฟ ที่แห่งนั้นมีอสูรร้ายที่มีพลังธาตุไฟอาศัยอยู่เป็จำนวนมาก นอกจากนี้ตามข่าวลือยังบอกอีกว่ามันมีเผ่าปีศาจดำรงอยู่ด้วย หากคุณชาย้าไปยังหุบเขาอัคคี ข้าขอแนะนำว่าอย่าเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาแห่งไฟจะดีกว่า”
เถ้าแก่หลี่กล่าวเตือน
มู่เฟิงพยักหน้าก่อนจะกล่าวขอบคุณ จากนั้นเขาก็จ่ายเงินเพิ่มอีกเก้าร้อยเหรียญตำลึงทองสำหรับค่าสมุนไพร ก่อนจะออกจากร้านว่านเป่ามา
สมุนไพรขั้นสามหนึ่งต้นมีมูลค่าสามร้อยเหรียญตำลึงทอง แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อหญ้าเพลิงอัคนีนี้ได้
หลังจากกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ มู่เฟิงก็นำหยกเทพชูร่าออกมา ก่อนที่หยกเทพชูร่าจะเปล่งแสงสีโลหิตห่อหุ้มหญ้าเพลิงอัคนีทั้งสามต้นเอาไว้ จากนั้นหญ้าเพลิงอัคนีทั้งสามต้นก็พลันเกิดเปลวไฟลุกท่วมขึ้นมา เพียงไม่นานมันก็กลายเป็พลังปราณสีแดง เมื่อเห็นดังนั้นมู่เฟิงก็เริ่มโคจรพลังตามวิธีการฝึกของวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา พลังปราณเพลิงที่ก่อเกิดจากต้นสมุนไพรถูกดูดซับเข้าสู่จุดตันเถียนจื่อฝู่ในทันที
“อึก…”
มู่เฟิงครางออกมาด้วยความเ็ป ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย หลังจากพลังปราณเพลิงเข้าสู่ร่างกายของเขา ภายในร่างก็รู้สึกแสบร้อนราวกับว่าได้กลืนกินถ่านไฟร้อนระอุลงไป เป็ความเ็ปที่ทรมานเป็อย่างมาก
มู่เฟิงพยายามอดทนต่อความเ็ปนี้ต่อไป แต่หลังจากที่พลังปราณเพลิงได้หลั่งไหลเข้าสู่จุดตันเถียนจื่อฝู่และถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณของเขาแล้ว ความทรมานจากความแสบร้อนก็พลันหายไปในทันที
“ฟู่…”
มู่เฟิงพ่นไอสีขาวออกมา จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“พลังปราณเพลิงที่มีในตอนนี้ยังน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะควบแน่นเป็แก่นพลังปราณเพลิงขึ้นมาได้ หาก้าเรียนรู้วิชาหมัดนี้จำเป็ต้องหาหญ้าเพลิงอัคนีมาเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง”
ทันใดนั้นเสียงของซีเยว่ก็ดังขึ้น
“อืม หากมีเวลาข้าจะไปยังหุบเขาอัคคีสักรอบ”
มู่เฟิงพยักหน้า
“นอกจากนี้ เ้าควรจะเรียนรู้วิชาการหลอมโอสถเอาไว้เสียหน่อย แม้ว่าการใช้หยกเทพชูร่าหลอมโอสถจะเป็วิธีที่สะดวก แต่นั่นเป็การสิ้นเปลืองพลังเืมากเกินไป ถึงอย่างไรยาที่ถูกหลอมขึ้นมาจากการใช้วัตถุดิบยาก็ยังเป็ตัวยาที่ดีที่สุด และสิ่งนี้จะเป็ประโยชน์ต่อการฝึกฝนในอนาคตของเ้าด้วย อีกทั้งภายในหยกเทพชูร่ายังมีลายเส้นโอสถอยู่ ข้าสามารถสอนการหลอมโอสถให้กับเ้าได้”
ซีเยว่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
การหลอมโอสถเป็หนึ่งในทักษะความสามารถของนักสลักลายเส้น ซึ่งผู้ที่สามารถหลอมโอสถได้นี้จะถูกเรียกว่านักสลักลายเส้นโอสถ
ส่วนนักสลักลายเส้นอาวุธก็สามารถหลอมอาวุธขึ้นมาเองได้เช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่มู่เฟิงทำเพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มทำนั้นคือการสลักลายเส้นลงไปบนอาวุธสำเร็จรูป และนั่นเป็เพียงการทำให้อาวุธสำเร็จรูปมีความสมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีบางอาชีพที่แม้จะไม่ได้เป็ที่สนใจเท่านักสลักลายเส้น แต่ก็ถือว่าได้รับความนิยมอยู่มากเช่นกัน นั่นก็คือช่างหลอมเหล็ก
แต่ช่างหลอมเหล็กนั้นไม่สามารถสลักลายเส้นได้ สิ่งที่พวกเขาหลอมออกมาจะเป็เพียงอาวุธสำเร็จรูปธรรมดาเท่านั้น และอาวุธเ่าั้ก็จะถูกส่งต่อให้กับนักสลักลายเส้นเพื่อลงมือในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้พวกมันกลายเป็อาวุธปราณ
การสลักลายเส้นนั้นถือเป็กุญแจสำคัญ ไม่ว่าอาวุธสำเร็จรูปที่ได้รับมาจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่มันก็ยังเป็เพียงแค่อาวุธธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“หากเรียนรู้การหลอมโอสถจะทำให้การฝึกของข้าล่าช้าหรือไม่?”
มู่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าไม่ อีกทั้งหากว่าเ้าเกิดเชี่ยวชาญวิชาหลอมโอสถขึ้นมา มันยิ่งจะเป็ประโยชน์ต่อการฝึกฝนของเ้าในอนาคต”
ซีเยว่ตอบ
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะเรียนรู้เอาไว้”
ในที่สุดมู่เฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เ้าเด็กน่าชังนี่ เหตุใดเ้าจึงพูดราวกับว่าไม่เต็มใจ มีผู้คนมากมาย้าจะเรียนรู้การหลอมโอสถ แต่ดูท่าทางของเ้าสิ ทำเหมือนข้าบีบบังคับให้เ้าต้องเรียนอย่างนั้นแหละ ไม่ว่าเ้าจะอยากเรียนหรือไม่ ตอนนี้ข้าก็ไม่คิดจะสอนเ้าแล้ว”
ซีเยว่ตวาดออกมาอย่างฉุนเฉียว คาดไม่ถึงว่านางจะมีท่าทีแง่งอนราวกับเด็กสาวเช่นนี้
“เยว่เอ๋อร์ข้าผิดไปแล้ว เป็ข้าที่ผิดเอง ข้ากลัวว่ามันจะส่งผลต่อการฝึกของข้า แหะๆ เ้าอย่าโกรธไปเลยนะ”
มู่เฟิงกล่าวขอโทษออกมาอย่างรวดเร็ว เขายิ้มกว้าง ในขณะที่ซีเยว่เพียงแค่นเสียงออกมาอย่างเ็าเท่านั้น
“เรียน เรียนสิ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน เช่นนั้นข้าจะรีบออกไปซื้อวัตถุดิบยาที่ใช้ในการเรียนการหลอมยามาเดี๋ยวนี้แหละ”