หลินลั่วหรานไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนแม้ว่าร่างกายของผู้ฝึกศาสตร์จะไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปแต่ครั้งนี้ไม่ใช่การฝึกศาสตร์ตลอดทั้งคืน ที่จะทำให้สมองปลอดโปร่ง แต่เป็การใช้สมาธิและพลังเป็อย่างมากในการคัดลอกภาพยุทธศาสตร์เ่าั้แม้จะเป็ร่างกายของหลินลั่วหรานในตอนนี้ก็ยังยากที่จะรับได้เมื่อเห็นว่านาฬิกาแสดงเวลาเพียงหกโมง หลินลั่วหรานก็ฟุบงีบลงที่โต๊ะสักพัก
เหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะได้หลับไปเท่านั้น เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากด้านนอกหลินลั่วหรานใตื่นขึ้นมาทันที ตอนนี้เป็เวลาแปดโมงแล้วและเป็เวลาทานข้าวของตระกูลฉินเมื่อเปิดประตูออกก็เห็นว่าเป็คุณป้าที่ทำกับข้าวขึ้นมาเรียกเธอนั่นเอง
“คุณหนูหลิน เมื่อวานนอนหลับไม่สบายเหรอคะ?” คุณป้ารู้จักหลินลั่วหรานดีเธออยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว ที่ผ่านมาเธอมักจะตื่นขึ้นมาแต่เช้าเสมอและไม่เคยตื่นไม่ทันเวลาทานข้าวแบบนี้
จะทานอาหารเช้ายังต้องให้คนมาะโเรียกหลินลั่วหรานก็ไม่ใช่เด็กอายุเจ็ดแปดขวบแล้ว เธอจึงรู้สึกไม่ดีเท่าไร
เมื่อลงมายังชั้นล่าง ก็พบว่าผู้บังคับบัญชาฉินนั่งรอเธออยู่ก่อนแล้วพวกลู่ซานชุนไม่กล้าที่จะร่วมโต๊ะอาหารกับผู้บังคับบัญชาฉินบนโต๊ะทานข้าวนี้จึงมีเพียงหลินลั่วหรานและผู้บังคับบัญชาฉินเท่านั้น
“สาวน้อยหลิน เห็นว่าไฟในห้องเปิดอยู่ตลอดทั้งคืน ทำไมไม่นอนอีกสักพักล่ะ?”
หลินลั่วหรานได้แต่ยิ้ม คุณป้าไม่รู้ก็เลยไปปลุกเธอแล้วจะให้เธอพูดอะไรมากได้อย่างไร จึงได้เพียงแต่หยิบเอาแผ่นหยกออกมาแล้วส่งคืนกลับไปให้ผู้บังคับบัญชาฉิน
ผู้บังคับบัญชาฉินพูดทั้งรอยยิ้ม “ถ้าหนูชอบก็เอาไปเถอะ”
หลินลั่วหรานรีบส่ายหน้าในทันที “นี่เป็สิ่งที่บรรพบุรุษของคุณสืบทอดต่อกันมาคุณปู่ฉิน หนูไม่สมควรจะรับมันไว้หรอก...หนูแค่อยากดูโครงสร้างของมันน่ะค่ะเวลาเพียงคืนเดียวก็พอแล้ว คุณรีบเก็บกลับไปเถอะหนูถือของโบราณแบบนี้เอาไว้แล้วมือก็ชักจะสั่นขึ้นมาแล้วสิ”
ผู้บังคับบัญชาฉินถูกคำพูดอันชาญฉลาดของหลินลั่วหรานทำเอาเผลอยิ้มออกมาเขาลงมือตักข้าวต้มให้เธอด้วยตัวเอง “ฝีมือของป้าหวงดีมากเลยนะหนูลองทานดู”
หลินลั่วหรานฉีกปาท่องโก๋และกินกับผู้บังคับบัญชาฉินบรรยากาศระหว่างทั้งสองเป็ไปอย่างอบอุ่น ราวกับเป็ปู่หลานกันจริงๆ หลินลั่วหรานที่กำลังทานข้าวต้มอยู่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากเป่าเจียอยู่ตรงนี้คงจะดีมากเลยเมื่อวานเธอไปตรวจสอบร่างกายของเป่าเจีย เมื่อลองนับเวลาดูเธอก็ควรจะฟื้นขึ้นมาในสองวันนี้ใช่ไหม?
หลินลั่วหรานเฝ้ารอคอยการฟื้นขึ้นมาของเป่าเจียเป็อย่างมากแต่ก็รู้สึกลำบากใจอยู่เหมือนกัน เป่าเจียตื่นขึ้นมานั้นเป็เื่ดีแม้แต่เธอเองยังไม่มีวิธีการฝึกศาสตร์เลย เพราะแบบนั้นอย่าเพิ่งไปพูดถึงเป่าเจีย
หลินลั่วหรานนึกถึงลวดลายสีทอง “ในความฝัน” ขึ้นมาอีกครั้งมันสามารถดูดพลังได้มหาศาลภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีพลังอยู่เพียงบางเบาแถมยังกระจัดกระจายไร้ทิศทาง แล้วเปลี่ยนไปเป็พลังที่สงบนิ่งได้ถ้าหากว่าสามารถเข้าใจถึงมันได้ บางทีไม่ต้องใช้วิธีการอื่นอะไรก็อาจจะทำให้การฝึกศาสตร์รวดเร็วขึ้นมาได้หรือเปล่า?
ตอนไหนที่จะมีโอกาสได้ฝันถึงเื่นี้อีกกันนะ?
ในตอนที่กำลังทานข้าว จิตใจของหลินลั่วหรานไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรลู่ซานชุนเคาะประตูเข้ามาพร้อมกับสีหน้าไม่ดีนัก
ผู้บังคับบัญชาฉินตบมือลงที่โต๊ะ “นายทหารควรจะมาดมั่นดั่งเหล็กกล้าท่าทางอิดออดเ่าั้มันอะไรกัน!”
ลู่ซานชุนส่ายหน้า “มีแขกมาครับ”
บางทีอาจจะเป็เพราะเธออยู่ที่นี่ด้วย ก็เลยทำให้ไม่สะดวกเท่าไรนายทหารลู่ถึงได้มีท่าทางแบบนั้นเมื่อคิดได้แบบนั้นหลินลั่วหรานจึงหันไปพูดกับผู้บังคับบัญชาฉิน “คุณปู่ฉิน งั้นหนูขึ้นไป้าก่อนนะคะ” เธอจะได้ขึ้นไปดูรูปที่คัดลอกออกมาด้วยพอดี
หลินลั่วหรานคิดคาดการณ์เอาไว้อย่างดีแต่ใครจะรู้ว่านั่นจะยิ่งทำให้ลู่ซานชุนมีสีหน้าที่ลำบากใจขึ้น “คุณหนูหลิน แขกที่มา้าพบคุณหนูครับ”
หลินลั่วหรานหันไปมองหน้ากับผู้บังคับบัญชาฉิน ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เองไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลู่ซานชุนถึงมีสีหน้าลำบากใจหลินลั่วหรานเพิ่งจะทำเื่แบบนั้นลงไปเมื่อวานตอนแรกเธอคิดว่าหากอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลฉิน คงไม่มีใครตามหาพบภายในเวลาหนึ่งคืน ก็สามารถตามมาถึงบ้านได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?
ผู้บังคับบัญชาฉินเลิกคิ้วขึ้น “สาวน้อยหลินรีบขึ้น้าไปเถอะไม่ว่าจะเป็ใครมา ฉันก็จะไล่ออกไปให้หมด หนูอย่าลงมาเป็อันขาด”
หลินลั่วหรานส่ายหัวไปมา จากความรู้สึกของเธอโดยรอบไม่มีใครกำลังจับตามองเธอ เมื่อวานตอนที่ลงมือกล้องวงจรปิดตัวเดียวในบริเวณนั้น ก็ถูกเธอทำลายทิ้งไปแล้ว คนที่จะมาถึงที่นี่ได้ก็มีเพียงคู่ต่อสู้เมื่อคืนอย่างเหวินกวนจิ่งแล้ว
แม้ว่าจะเป็คนของหน่วยพิเศษแต่ผู้บังคับบัญชาฉินก็ไม่อาจจะแน่ใจว่าสามารถที่จะจัดการได้แล้วหลินลั่วหรานจะปล่อยให้คนแก่คนหนึ่งเผชิญหน้ากับนักปราชญ์ตามลำพังได้อย่างไรดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ
“นายทหารลู่ ให้แขกเข้ามาเถอะ!” เมื่อเห็นสายตาที่ลังเลของลู่ซานชุนหลินลั่วหรานก็เพียงแต่ส่งรอยยิ้มไปให้ หลบไปก็เท่านั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้า แล้วจะยืดเยื้อถ่วงเวลาไปทำไม
คุณป้าหวงจัดการเก็บจานชามบนโต๊ะจนสะอาดอย่างรวดเร็วลู่ซานชุนก็พาแขกเดินเข้ามา
สิ่งที่ผิดไปจากที่หลินลั่วหรานคาดก็คือคนที่มาไม่ได้มีเพียงเหวินกวนจิ่งเท่านั้นแต่ยังมีคนที่พบกันในคืนวานอย่างมู่เทียนหนานติดมาด้วย การที่เหวินกวนจิ่งมาหาเธอยังพอจะเข้าใจแต่เ้าคุณชายมู่จะมาที่นี่ทำไมกัน? หรือว่าเป็เพราะเมื่อวานยังไม่ได้แก้แค้นพอผ่านไปคืนหนึ่งก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา ก็เลยตามมาจัดการคนชั่ว?
เฮอๆ ทำไมถึงจัดให้ตัวเองเป็พวกคนชั่วไปแล้วล่ะ แย่จริงๆ!
ดูเหมือนว่าทั้งเหวินกวนจิ่งและมู่เทียนหนานต่างก็รู้จักผู้บังคับบัญชาฉินจึงทักทายตามมารยาทของผู้ที่มีอายุน้อยกว่า
ผู้บังคับบัญชาฉินเต็มไปด้วยความสับสน “ผู้มีความสามารถทั้งสองรู้จักคนแก่ที่ไร้ประโยชน์อย่างฉันด้วยเหรอ?” หลังจากที่มีเื่หน่วยพิเศษปกป้องโจวเหย้าเวยผู้บังคับบัญชาฉินก็ไม่ค่อยจะชอบเหล่าสมาชิกที่มีศาสตร์ติดตัวของหน่วยพิเศษนักคำว่า “ผู้มีความสามารถ” ทำเอาเหงื่อของมู่เทียนหนานไหลออกมา
ตระกูลมู่อันเข้มงวดเคารพรักนายทหารที่มาดมั่นปกป้องประเทศอย่างผู้บังคับบัญชาฉินมากถ้าหากถูกพ่อของเขารู้เข้า มู่เทียนหนานคงจะหนีบทลงโทษไม่พ้น
เหวินกวนจิ่งทำเื่ติดต่อแบบนี้มาไม่น้อยเมื่อได้ยินก็รู้ได้ถึงความไม่พอใจของผู้บังคับบัญชาฉินในทันที คิดไปคิดมาก่อนจะพูดออกมา “ผมรู้ว่าท่านผู้บังคับบัญชาฉินไม่พอใจเื่ที่หน่วยพิเศษของเราปกป้องโจวเหย้าเวยแต่ว่านี่มันเป็เื่คนละเื่กัน มันไม่ได้ขัดขวางหรือทำสายความเคารพที่มีต่อท่านเลย”
ผู้บังคับบัญชาฉินส่งเสียงออกมาจากในลำคอถ้าหากว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับหลินลั่วหรานที่ลงมือทำร้ายคนเพื่อตระกูลฉินด้วยนิสัยของเขาแล้ว ก็คงจะสะบัดหน้าเดินหนีไปไม่มีทางที่จะอดทนเกี่ยวข้องกับคนทั้งสองนี้ได้แน่
หลินลั่วหรานยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับพวกเขาแต่อย่างใด ตอนนี้เธอเพิ่งจะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ทำไมล่ะ โจวเหย้าเวยตายแล้วเหรอ? นั่นไม่ใช่เื่ของฉันนะเมื่อวานหลังจากออกมาจากคลับบลูเบิร์ด ฉันก็กลับมานอนตั้งนานแล้ว”
เหวินกวนจิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันโจวเหย้าเวยถูกหลินลั่วหรานทำเอาาเ็หนักแถมเื่นี้ยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา เื่นี้ส่งผลไม่ดีนักต่อด้านในหน่วยแต่ก็ไม่มีใครซวยไปกว่าตัวเขาแล้ว
เมื่อนึกไปถึงเื่ที่เจรจาประนีประนอมกับภายในหน่วยงานเมื่อคืน เหวินกวนจิ่งก็ได้แต่เปิดปากออกพูดด้วยความอดทน “โจวเหย้าเวยยังไม่ตาย แต่ส่งกลับไปยังตระกูลโจวแล้ว ต่อจากนี้คนคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหน่วยของเราอีกถ้าคุณหลินอยากจะแก้แค้น หลังจากนี้ก็ยังมีโอกาสวันนี้ที่ผมมาไม่ใช่เพราะเื่นี้”
เมื่อได้ยินว่าโจวเหย้าเวยถูกส่งกลับไปยังตระกูลโจวแล้วหลินลั่วหรานก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
แต่ว่าความหมายของเหวินกวนจิ่งก็คือ วันนี้เขาไม่ได้จะมา“ถามหาความยุติธรรม” จากหลินลั่วหราน แล้วแบบนั้นทั้งสองคนนี้จะมาทำไมกันล่ะ?
หลินลั่วหรานไม่รู้สึกว่า เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือเื่อะไรที่น่าจิบชาคุยเล่นกันกับหน่วยงานพิเศษน่ารำคาญอะไรนี่เพราะแบบนั้นเธอจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทำไมล่ะโจวเหย้าเวยได้รับาเ็สาหัส พวกคุณก็เลยไม่ปกป้องเขาแล้ว...พูดแบบนี้แล้วหน่วยพิเศษก็เป็เสียแบบนี้สินะ”
“แบบนี้” คือแบบไหน ผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างฟังออกกันทั้งนั้น
สีหน้าของเหวินกวนจิ่งเปลี่ยนไปมาก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้