สรุปแล้วในวันงานเลี้ยง หยางเจี๋ยก็ได้ขึ้นรถกลับไปกับหยางหลิ่งซือที่บังเอิญกำลังขับรถผ่านพอดี ภายในรถยนต์คันหรู นอกจากเพลง R&B ที่ถูกเปิดเคล้าคลอเบา ๆ แล้ว ก็ไม่ได้มีเสียงบทสนทนาใดเป็พิเศษ ทั้งคู่เพียงนั่งเคียงคู่กันไปเงียบ ๆ
เขาคิดอะไรอยู่กันนะถึงได้รับฉันขึ้นมา เป็เพราะสงสารอย่างนั้นเหรอ
หยางหลิ่งซือช่างดูแตกต่างจากคนอื่นในชั้นเรียน
ความคิดมากมายลอยสะเปะสะปะในหัวของหยางเจี๋ย รู้สึกตัวอีกทีรถยนต์ก็แล่นมาจอดบริเวณป้ายรถเมล์ หยางเจี๋ยเอ่ยขอบคุณ ขณะกำลังลงจากรถ คุณชายสกุลหยางก็เอ่ยเรียกรั้ง
‘อดทนสักหน่อย เดี๋ยวหมอนั่นก็เบื่อไปเอง’
รถยนต์ขับจากไปแล้ว ทิ้งคนตัวเล็กให้มองตามด้วยหัวใจเต้นระรัว ครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายก็เป็คนใช้ได้กว่าที่คิด
เื่ราวดำเนินไปตามต้นฉบับ สุดท้ายตัวเอกฝ่ายรับตัวน้อยได้ใช้่เวลาหวาน ๆ กับพระรอง ส่วนตัวเอกฝ่ายรุกกำลังกรุ่นโกรธกับเื่ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง
เหอะ! ใช่สิใคร ๆ ก็ดีกว่าฉันทั้งนั้น เตือนจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่ฟัง อาสาจะพาไปส่งบ้านก็ไม่เอา!
[ท่านจอมมารรู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้กำลังพูดเหมือนภรรยาที่ตัดพ้อสามีซึ่งอยู่กินกันมา 10 ปี]
ไฮยาซินท์นั่งนึกทบทวนถึงปฏิกิริยาอันรุนแรงของหยางเจี๋ยตอนที่ตนสารภาพรักออกไป หากเป็ฝ่ายรับตัวน้อยตามนิยายทั่วไป การได้ฟังคำบอกรักใน่เวลาที่ความขัดแย้งกำลังปะทุก็ควรจะนิ่งอึ้ง จากนั้นใบหน้าจะค่อย ๆ แดงก่ำ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
พะ… พูดบ้าอะไรน่ะตาบ้าเอ๊ย! (>///<)
แต่กลับกลายเป็ว่าหยางเจี๋ยดันโกรธประหนึ่งจะกินหัวท่านจอมมารเข้าไป
[นั่นอาจจะเป็ระบบป้องกันของเส้นเื่ที่ควบคุม คิดดูให้ดีหยางเจี๋ยอาจจะชอบแบดบอย ปากร้ายไม่ตรงกับใจก็ได้นะ พอจู่ ๆ โฮสต์เปลี่ยนแปลงกลายเป็ผู้ชายอบอุ่น ช่างเป็ห่วงเป็ใย แถมยังบอกรักไปตามตรง ฝ่ายรับตัวน้อยเลยต่อต้าน]
ไฮยาซินท์นั่งคุยกับระบบ 666 อยู่ครึ่งค่อนคืนจึงค่อยได้รับบทสรุปว่าบางทีหยางเจี๋ยอาจจะชอบพวกคนปากร้าย แล้วมาทำตัวอบอุ่นอ่อนโยนทีหลังตามเนื้อเื่นายคือวัยเยาว์ของฉัน ในเมื่อบทสรุปสุดท้ายของการเป็พระเอกชาติหมา รังแกเขาสารพัดกลับได้ใจคนงาม ในขณะที่พระรองผู้แม้จะเ็าแต่ก็อบอุ่นอ่อนโยนดันโดนทิ้งไว้กลางทาง เช่นนั้นไฮยาซินท์ก็ควรดำเนินตามวิถีพระเอกชาติหมาเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีประสิทธิภาพจนเห็นผลไวได้ใน 30 วัน (โดยประมาณ) ทำให้อีกฝ่ายตกหลุมรัก และ…
เอ่ยปากถามว่าอีกฝ่ายสนใจมาเป็เกย์รุกให้เขาหรือเปล่า
[ห๊า!?! แค่ถามแล้วพออีกฝ่ายตอบตกลง ท่านก็คิดว่าเื่ทุกอย่างจะคลี่คลายไปได้อย่างง่ายดายหรือ!?! มันใช้ได้ที่ไหน สิ่งที่ท่านควรทำคืออร๊าง อิย๊า อร้ายย~]
ไอ้เวรตะไล เห็นข้าเป็ห้องน้ำสาธารณะหรือ ถึงจะได้มีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้ วัน ๆ นอกจากโหวกเหวกโวยวายก็ทำประโยชน์อันใดไม่ได้ ยังจะมาวุ่นวายกับข้าอีก!!
[ทะ ทำไมวันนี้ดุจังล่ะครับ (QAQ) ]
ในภารกิจหลักไม่ได้บอกให้ต้องเสียตัวจริง ๆ ในฐานะมารที่ใช้ชีวิตเป็เกย์มาหลายร้อยปี สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการถามเื่บทบาทเป็เตียง ท่านจอมมารก็จะเอ่ยคำถามนั้นจากหยางเจี๋ย บีบบังคับให้ได้คำตอบว่าอีกฝ่ายจะยอมเป็เกย์รุก เมื่อนั้นท่านจอมมารก็จะออกไปจากโลกนี้อย่างสง่างาม
แม้จะมีคำถามในใจว่าเหตุใดจึงไม่ชอบคนทำตัวอบอุ่นปกติไปเลย แต่รสนิยมใครรสนิยมมัน ท่านจอมมารไม่ขอก้าวก่าย
ด้วยเหตุนั้นยามพักกลางวัน คุณชายสกุลจ้าวจึงพากลุ่มจตุรมารเดินอาด ๆ ทำตัวเป็อันธพาลใส่หนุ่มน้อยที่กำลังนั่งกินข้าวคนเดียวอย่างเซื่องซึม
ตอนที่เห็นไฮยาซินท์นั่งลงตรงข้าม เหยียดรอยยิ้มชั่วร้ายส่งไปให้ ดวงตากลมโตของหยางเจี๋ยพลันสั่นระริก คนตัวเล็กรีบร้อนก้มหน้าลงไปกินอาหาร
“ตะกละชะมัด ทำอย่างกับไม่เคยกินมาก่อน” ฟางเสี่ยวิยังคงทำหน้าที่อันธพาลตัวร้ายได้อย่างยอดเยี่ยม
“เห็นหมอนี่กินแล้วชักไม่เจริญอาหารเลย” จางหนิงเหอเองก็ขมวดคิ้วมุ่น
แน่นอนว่าแผนนี้ระบบเอ่ยแย้งว่าอาจจะเป็การเร่งให้หยางเจี๋ยหนีไปแอบกินข้าวในห้องน้ำ ตามต้นฉบับเดิมหยางเจี๋ยจะเริ่มทำอย่างนั้นตอน่ที่การกลั่นแกล้งหนักข้อขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่ใช่่นี้
แต่แล้วอย่างไร? ในเมื่อชอบผู้ชายแบดบอยนักก็น่าจะยิ่งชอบผู้ชายที่กดดันตัวเองให้หนีไปกินข้าวในห้องน้ำ
หยางเจี๋ยแอบเหลือบมองหยางหลิ่งซือ แต่หยางหลิ่งซือในเวลานั้นมัวแต่สนใจคนข้างตัวที่กำลังนั่งเขี่ยอาหารคำ กินอาหารคำขณะจ้องมองหยางเจี๋ย
“โตขนาดนี้แล้วก็หัดกินให้หมดทุกอย่าง” ตอนที่พูดประโยคนั้นสายตาของหยางหลิ่งซือก็ดึงกลับมาให้ความสนใจอาหารของตน
“นายเป็พ่อฉัน?” ไฮยาซินท์จิ๊ปาก เป็ปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติโดยที่ตนเองก็ไม่รู้ตัว
ก้านผักแข็ง ๆ ดังกล่าวถูกย้ายไปยังถาดอาหารของหยางหลิ่งซือ ได้ยินเสียงฟางเสี่ยวิเอ่ยแซวเบา ๆ ว่าพวกเขาเป็แฟนกันหรืออย่างไร ส่วนไฮยาซินท์ที่จ้องมองคนตรงข้ามตาเป็มันมาสักพักแล้ว ก็ขยับส้อมไปจิ้มมีตบอลของหยางเจี๋ยมาใส่ปากเคี้ยวหน้าตาเฉย
“นี่! นั่นมันของฉันนะ”
“ของเธอเหรอ ไม่เห็นมีแปะป้ายเขียนเอาไว้เลย”
หยางเจี๋ยทำสีหน้าฮึดฮัด ขยับตะเกียบทำท่าจะฉวยแย่งบ้างแต่ไฮยาซินท์คีบหลบได้ทัน
“นี่มันของฉัน”
“ไม่เห็นมีแปะป้ายเขียนเอาไว้เลย”
“ไม่มีแปะแต่ค่าอาหารกลางวัน 70% ของเทอมนี้เป็เงินพ่อฉันบริจาค” ไฮยาซินท์เอื้อมไปจิ้มมีตบอลจากคนตรงข้ามมากินอีกลูกด้วยท่าทางเป็ธรรมชาติ
[โคตรอันธพาลสุด ๆ ั้แ่บทผู้ดีขี้เหยียดไปจนถึงนักเรียนที่ทำตัวหัวกล้วยแต่โชคดีที่เกิดมาบ้านรวย แต่ละโลกช่างเหมาะสมกับท่านจอมมารยิ่งนัก]
“แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีตบอลส่วนของฉันกับนายคือ 70% ที่พ่อนายจ่าย มันอาจจะเป็ 30% ของโรงเรียนก็ได้”
ไฮยาซินท์เหยียดยิ้ม ขณะนั้นหางตาก็เห็นมือของคนข้าง ๆ ที่ย้ายมีตบอลจากถาดตัวเองมาให้เขาจนกลายเป็มีตบอลกองพะเนิน ไฮยาซินท์เอ่ยปากจะห้ามอีกฝ่าย
“นายไม่ต้อง…”
ผู้สร้างูเามีตบอลรีบลุกขึ้นโดยไม่ให้โอกาสไฮยาซินท์ได้ส่งอาหารคืน รีบเดินจ้ำอ้าวจากไปโดยไม่ได้พูดสิ่งใด
ไฮยาซินท์เหลือบไปมองหยางเจี๋ย ฝ่ายรับตัวน้อยกำลังมองตามแผ่นหลังหยางหลิ่งซือด้วยดวงตาเป็ประกาย ดูท่าจะเกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้น เนื่องจากเข้าใจว่าอีกฝ่ายช่วยเหลือให้จ้าวเสวี่ยอิงเลิกยุ่งกับตนเอง
“อิงอิง”
อันซูฮวาเดินเข้ามานั่งแทนที่หยางหลิ่งซือทันที หญิงสาวเรียกเขาเสียงหวานขณะพยายามเอ่ยชวนคุยเื่คาบเรียนวันนี้
หยางเจี๋ยเห็นดังนั้นจึงกินข้าวต่ออีกสองสามคำ รีบร้อนลุกหนีไปจากโต๊ะอีกคน
“อิง…”
อันซูฮวากำลังยิ้มร่าที่ตัวเกะกะสายตาออกไป ทว่ารอยยิ้มบนหน้ายังไม่ทันได้แย้มอย่างเต็มที่ คนในดวงใจก็รีบร้อนลุกขึ้น เดินถือถาดก้าวไล่หลังตามหยางเจี๋ยไปติด ๆ
“...”
“...”
ฟางเสี่ยวิกับจางหนิงเหอมองหน้ากันตาปริบ ๆ
“เอ่อ… ซูฮวา”
นึกอยากจะเอ่ยปลอบใจอะไรหญิงสาวแต่อันซูฮวาก็ลุกพรวด เดินถือถาดก้าวปึงปังจากไปอีกคน
“...”
วันนี้พ่อครัวคงเสียใจน่าดูที่มีคนกินเหลือเยอะขนาดนี้
คาบบ่ายเริ่มขึ้นได้สักพักแล้ว หยางเจี๋ยกลับยังไม่ยอมเข้าเรียน อีกฝ่ายเป็นักเรียนทุน การเข้าคาบสายดูจะเป็สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ จนกระทั่งหยางเจี๋ยเดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพตัวเปียกซ่ก กลิ่นอับชื้นบางอย่างลอยโชยมาจากอีกฝ่าย ไฮยาซินท์จึงได้รู้ว่าตัวเอกผู้นี้หายไปด้วยสาเหตุใด
การกลั่นแกล้งเช่นนี้มีอยู่เกือบทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นบางรายละเอียดจึงไม่ได้ถูกเขียนในเนื้อเื่ ไฮยาซินท์จึงไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้จะมีการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นใน่พักเที่ยงนี้
“เธอเป็ถึงนักเรียนทุนทำไมเหลวไหลแบบนี้ แล้วยังสภาพนี้อีก” ครูประจำคาบยกมือขึ้นปิดจมูก สายตาจ้องมองนักเรียนผู้มาใหม่ด้วยสายตาสะอิดสะเอียนเหลือทน “ฉันไม่อนุญาตให้เธอเข้ามาเรียนทั้งแบบนี้หรอกนะ ไปจัดการเปลี่ยนชุดใหม่ซะ”
หากเธอเป็คุณครูที่ไม่ตาบอด อย่างไรก็ย่อมมองออกว่าหยางเจี๋ยไม่ได้เข้าคาบช้าเพราะเหลวไหล ใบหน้าเซื่องซึม ไหล่ที่ลู่ลง สภาพเปียกโชกไปด้วยน้ำเหม็นอับ ดูอย่างไรก็รู้ว่าต้องมีเื่บางอย่างเกิดขึ้น
มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นภายในห้องเรียนเบา ๆ ขณะมองสภาพน่าอดสูของเพื่อนร่วมชั้น
หยางเจี๋ยตอบรับเสียงแ่ หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง
มีเสียงขาเก้าอี้ครูดกับพื้นห้องเรียนเบา ๆ ทุกสายตาภายในห้องหันกลับไปมองด้านหลัง แล้วจึงได้พบว่าไฮยาซินท์กำลังยืนขึ้น
“หยางเจี๋ยเป็นักเรียนทุน ของทุกอย่างเป็ทางโรงเรียนจัดให้ น่าจะไม่รู้นะครับว่าสหกรณ์ขายชุดอยู่ตรงไหน” ไฮยาซินท์ยกมือข้างหนึ่งขึ้นน้อย ๆ คล้ายเด็กนักเรียนมารยาทดีที่กำลังขออนุญาตผู้สอน ทว่าสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไปด้วยโดยไม่ทันได้รอคำอนุญาต
ได้ยินเสียงโห่แซวจากนักเรียนชายในห้องไล่หลัง ขณะไฮยาซินท์ก้าวออกจากห้อง
“หยางเจี๋ย”
หยางเจี๋ยหันไปตามเสียงเรียก ขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อลากสายตาเลยไปด้านหลังไฮยาซินท์ ดวงตาสีอำพันกระจ่างก็ปรากฏความตื่นตระหนก คนตัวเล็กพลันเริ่มออกวิ่ง!
ท่านจอมมารสบถ แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สองเท้าก็ก้าววิ่งตามโดยอัตโนมัติ ขณะหันไปมองด้านหลังว่าสิ่งใดที่ทำให้หยางเจี๋ยต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้น
“...”
แล้วเขาก็ได้เห็นภาพชายฉกรรจ์นับสิบ… เพื่อนร่วมห้องของไฮยาซินท์ที่ตอนนี้ควรจะตั้งใจเรียน กลับกำลังวิ่งไล่หลังตามมา
“ตามมาทำไม!”
“ตามมาช่วยนายจัดการไง!”
[พวกนั้นเดาว่าท่านจอมมารจะไปกลั่นแกล้งหยางเจี๋ย]
“...” อันที่จริงก็ใช่ เขามุ่งมั่นกับการทำภารกิจเป็แบดบอย แต่ไอ้พวกนี้มันเกี่ยวอะไรด้วย
[โฮสต์รู้จักพลังในการชักจูงของตัวเอกน้อยเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร เหล่าตัวประกอบพวกนี้ก็ย่อมอยากมีส่วนร่วมไปกับตัวเอกด้วย]
บัดซบ… ไอ้พวกเด็กเวร มีหน้าที่เรียนก็เรียนไปสิ
ไฮยาซินท์เอ่ยะโไล่ แต่คล้ายกับคนพวกนั้นจะหูดับไปชั่วขณะถึงได้ยังเอาแต่วิ่งหน้าตั้งตามเขาอย่างเอาเป็เอาตาย ท่านจอมมารหันไปมองด้านหน้าสลับกับมองด้านหลัง ในใจนึกก่นด่าพลังแห่งการเป็ตัวเอก
ขืนยังเป็แบบนี้หยางเจี๋ยคงไม่ยอมหยุดวิ่งจนกว่าจะหนีกลุ่มคนคลั่งพวกนี้พ้น
ระหว่างในหัวกำลังพยายามคิดอย่างเอาเป็เอาตายว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ หางตาไฮยาซินท์ก็มองเห็นกลุ่มเส้นขนสัตว์บริเวณคอของตนที่กำลังปลิวไสว
แล้วเขาก็นึกถึงท่าทางหวาดกลัวของตัวละครที่มีต่อสิ่งที่กำลังสวมอยู่บนร่าง
ไฮยาซินท์ตัดสินใจถอดเสื้อคลุมแผงคอขนสัตว์ของตน หันไปจัดการโยนมันลอยไปยังทิศทางของกลุ่มคนที่กำลังวิ่งไล่กวดตน!
และทันทีที่กลุ่มคนเ่าั้เห็นเสื้อขนสัตว์กำลังปลิวมาทางนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็หวาดกลัวจับใจ
“นะ… นั่นมันเสื้อขนสัตว์!!!”
“อ๊ากกกกกกก ทุกคนหลบเร็ว!!!”
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังวิ่งหน้าตั้งรีบถอยกรูด แต่เป็เพราะคนมีปริมาณเยอะเกินไปจึงทำให้การถอยกลับล่าช้า กลายเป็ว่าเบียดเสียดจนสะดุดกันเอง ล้มระเนระนาดราวโดมิโน
เสื้อขนสัตว์ที่ลอยปลิวไปตกคลุมทับใส่ชายคนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเสียงกรีดร้องแห่งความทุกข์ทรมาน
“ม่ายย เสื้อขนสัตว์มันกำลังคลุมร่างฉันอยู่อ๊ากกก!!!!”
“...”
[สมเป็ท่านจอมมาร แม้จะต้องเดือดร้อนกับพลังแห่งตัวเอกแต่ขณะเดียวกันก็ใช้พลังแห่งตัวเอกแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เฮ้อคนผู้ใดในโลกจะสมบูรณ์แบบได้เท่านี้ หล่อเหลา งดงามและชาญฉลาด]
ท่านจอมมารหันกลับมา เร่งฝีเท้าให้ทันคนข้างหน้า ทว่าภาพเหล่าผู้คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเสื้อคลุมขนสัตว์ยังคงติดตรึงในใจไม่รู้ลืม
666 ข้าสามารถนำสิ่งของที่อยู่ในโลกนี้เก็บไปไว้ใช้โลกอื่นได้หรือเปล่า
[หืม? ท่านจอมมารอยากได้สิ่งใดงั้นเหรอ]
วัตถุต้องสาปนั่น… ข้าอยากได้มันกลับไปที่โลกตัวเอง
[เสื้อคลุมขนสัตว์ต้องสาปสามารถนำเก็บไว้ใช้ในภายภาคหน้าได้ แต่แน่นอนว่าไม่สามารถนำอิทธิฤทธิ์ของมันออกไปใช้โลกอื่นด้วยได้เนื่องจากนี่เป็อัตลักษณ์พิเศษของจ้าวเสวี่ยอิง]
กลุ่มคนหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงไฮยาซินท์ที่ยังคงไล่ตามหยางเจี๋ย พอได้ถอดเสื้อคลุมขนสัตว์แล้วตัวเขาก็เบาสบาย วิ่งไล่ตามจนทันหยางเจี๋ยที่ไปจนถึงทางตันหลังโรงเรียน
หยางเจี๋ยไม่มีทางหนีอีกต่อไปแล้ว อีกฝ่ายหันกลับมามองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนก
“หยางเจี๋ยมาคุยกันหน่อย”
“นะ… นายถอยไปเลยนะ”
“ฉันยังไม่ได้เข้าใกล้นายเสียหน่อย” ไฮยาซินท์พูดปนหอบ ปลดกระดุม้าของตนออกขณะรูดเนกไทลงเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏเม็ดเหงื่อผุดพรายทำให้เส้นผมสีเงินเปียกชื้นแนบไปตามกรอบหน้า กลีบปากสีแดงอ้าออกเล็กน้อย หอบเอาอากาศตักตวงเข้าไป ภาพนั้นช่างชวนให้นึกจินตนาการเื่ลามกจนหยางเจี๋ยเผลอตาค้างไปชั่วขณะ “นายจะกลับบ้านไม่ใช่หรือไง ฉันสามารถไปส่งได้”
“ฉันไม่้าความช่วยเหลือ นาย้าอะไรกันแน่” หยางเจี๋ยกลับมาได้สติ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่ก็ไม่วายมีจังหวะหนึ่งแอบเหลือบมองไหปลาร้าใต้ผิวขาว ๆ ที่โผล่พ้นออกมาวับ ๆ แวมๆ จากคอเสื้อที่ถูกปลดจนเผยอกว้าง
[…] ท่านจอมมารอาจไม่รู้ตัว ทว่าระบบ 666 รู้ทุกอย่าง รู้ถึงสายตาโลมเลียจากฝ่ายรับตัวน้อยผู้นั้น
“แล้วนายจะกลับเองสภาพนั้นด้วยรถสาธารณะ? สภาพสกปรกโสโครกน่าสะอิดสะเอียน หากฉันต้องโดยสารร่วมกับนาย ฉันขอใช้ศีรษะเดินกลับบ้านยังดีกว่า!”
[อันนี้ตามบทหรือส่วนตัว…]
ประโยคตามแบบฉบับชายชั่วทำให้ใบหน้าของหยางเจี๋ย บิดเบี้ยวด้วยความกรุ่นโกรธ ฝ่ายรับตัวน้อยผู้นั้นย่างสามขุมตรงเข้ามา หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มีดผีเสื้อปลายด้ามจับเป็สีเงิน สลักลวดลายประหลาด ส่วนปลายแหลมกำลังถูกชี้มาทางเขา
“ฉันไม่สน! นายถอยไปเลยนะ”
สำหรับไฮยาซินท์ ตนไม่ได้มองว่าหยางเจี๋ยเป็ผู้กล้าในโลกของตน
ทว่าการได้มาเห็นใบหน้าคล้ายคลึงผู้ที่เคยฆ่าตนเอง กำลังถือของมีคมยื่นขู่มาทางเขา วินาทีนั้นจอมมารก็รู้สึกเจ็บตรงส่วนใดสักแห่งชั่วขณะหนึ่ง
เขายกมือขึ้นกุมหน้าท้องบริเวณที่เคยถูกดาบศักดิ์สิทธิ์เสียดแทงเข้ามา เอ่ยปากพยายามเจรจากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เธอเลิกทำตัวเป็กระต่ายตื่นตูมเสียที ฉัน…”
“แกตายยยยย!!!”
ทว่าคำพูดทั้งหมดก็เป็อันต้องกลืนหายไปเมื่อจู่ ๆ หยางเจี๋ยก็เงื้อมีดแล้ววิ่งตรงดิ่งมาหาไฮยาซินท์
ท่านจอมมารตระหนก ในหัวกำลังนึกจินตนาการตอบโต้อีกฝ่ายแต่เสียงระบบ 666 ดังแจ้งเตือนในหัวว่าไม่สามารถทำร้ายตัวเอกของโลกทางกายภาพได้หากไม่มีบท
บัดซบ!!! แต่ไอ้เวรนั่นกำลังจะทำร้ายข้าเนี่ยนะ!
[ก็นี่โลก BL ปิตาเคะธิปไตย เจ็บตัวนิดหน่อยแต่ไม่ตายหรอกครับ]
ไฮยาซินท์ไม่ได้ยินประโยคนั้นของระบบ 666 อีกต่อไปแล้ว วินาทีนั้นท่านจอมมารกำลังรำลึกถึงพ่อแม่ เอ่ยบอกลาต่อโลกนี้ และสิ่งสุดท้ายที่ทำคือหลับตาปี๋ เตรียมใจรับดาบศักดิ์สิทธิ์เอกซ์คาลิเบอร์แทงเข้าร่างอีกครา
“...”
จนแล้วจนรอดกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงฝีเท้าของหยางเจี๋ยที่ตอนแรกวิ่งตึงตังเข้ามาค่อย ๆ แ่เบาลง
ไฮยาซินท์ลืมตา หยางเจี๋ยหายไปแล้วและเมื่อหันหลังไปมองก็ได้พบกับแผ่นหลังคนที่วิ่งหน้าตั้งจากไป
เสียงถอนหายใจดังออกมาเฮือกใหญ่ภายในซอกตึก ท่านจอมมารทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เมื่อได้สติความรู้สึกอับอายก็แล่นขึ้นมา
จอมมารผู้ชั่วช้าและยิ่งใหญ่ กลับมาหวาดกลัวต่อคมมีดขนาดเล็กจิ๋ว… ท่านแม่ลูกขออภัยที่ได้แสดงกิริยาเสียเกียรติเช่นนั้นออกไปฮึก...ฮือ…
[ผมก็บอกท่านจอมมารแล้วว่าไม่ถึงตาย]
คนประเภทใดพกอาวุธมายังสถาบันการศึกษา เ้าฝ่ายรับนั่นมันพวกอันธพาลชัด ๆ
หยางเจี๋ยวิ่งหนีมาไกลจนแน่ใจแล้วว่าต่อให้ไฮยาซินท์นึกอยากตามตอนนี้ก็คงไม่มีทางตามทัน ตนหันกลับไปมองยังบริเวณที่จากมา
คนตัวสูงเวลานี้กำลังนั่งทรุดตัวลงกับพื้น ศีรษะซบลงกับหัวเข่าที่ชันขึ้นอย่างหมดแรง
หวนนึกไปถึงเื่เมื่อ่พักเที่ยง ผู้ชายกลุ่มหนึ่งในห้องจู่ ๆ เดินเข้ามาคุกคามเขาที่ห้องน้ำ หยางเจี๋ยหยิบมีดขึ้นมาขู่เช่นนี้แต่กลับถูกคนพวกนั้นหัวเราะเยาะ ดูิ่ว่ามีดเช่นนี้จะไปทำอะไรได้ รวมทั้งคนอย่างหยางเจี๋ยย่อมไม่มีทางกล้าแทงพวกตนอย่างแน่นอน
เป็จริงตามที่พวกนั้นสบประมาท หยางเจี๋ยย่อมไม่กล้าอยู่แล้ว ความน่ากลัวไม่ได้มีเพียงแค่กำลังกายหรือจำนวน แต่นักเรียนในโรงเรียนนี้ล้วนมีอำนาจ เงินตรา สิ่งที่จะสามารถบีบบังคับให้หยางเจี๋ยตกที่นั่งลำบาก ลูกแผลงฤทธิ์ก็มากพออยู่แล้ว หากชักนำผู้ปกครองเข้ามาเกี่ยว คราวนี้ทั้งครอบครัวของหยางเจี๋ยคงยิ่งลำบากเป็พันเท่า
ด้วยเหตุนั้นหยางเจี๋ยจึงขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ โชคดีที่คนพวกนั้นไม่ได้พังประตูเข้ามา แต่เลือกที่จะสาดน้ำถูพื้นเข้ามาในห้องจนหยางเจี๋ยมีสภาพเช่นนี้
คุณชายสกุลจ้าว ยิ่งใหญ่คับฟ้าไม่คิดเกรงกลัวสิ่งใดแต่หวาดกลัวเพียงคมมีดเล่มเล็ก ๆ
หยางเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา ในตอนที่เกิดความคิดนั้น จู่ ๆ ร่างกายก็พลันรู้สึกหนาวเหน็บ ภายในอกอึดอัดราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังเสียดแทงอัดเข้ามาในร่าง
ความรู้สึกเพียงไม่กี่วินาที ทว่ากลับทำให้ทุกข์ทรมานเจียนตาย
หยางเจี๋ยค่อยได้สติเมื่อความรู้สึกหายไป เขาลูบหน้าอกตัวเองป้อย ๆ ก่อนจะกลับมายืนตัวตรง เดินออกไปจากโรงเรียนเอกชนซีฮัน
#จุดจบของวายร้ายคือต้องกลายเป็นายเอกนิยายแฟนฟิก