บุรุษสวมผ้าปิดหน้ากลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา บุรุษที่เป็หัวหน้าเดินไปหยิบเสื้อผ้าบนพื้นมาคลุมให้สตรีสาวที่ถูกย่ำยี คนที่เหลือค้นหากุญแจจากศพที่ตาย หลังจากค้นเสร็จแล้วก็กลับออกไปโดยไม่มองกลุ่มสตรีสาวในห้องแม้แต่แวบเดียว
“อื้ออื้ออื้อ…”
มีสตรีส่งเสียงเรียก เสียงติดอยู่ในปาก
คนพวกนี้…
ไม่ใช่คนของทางการ?
ไม่ได้มาเพื่อช่วยพวกนาง
เช่นนั้นพวกนางควรทำอย่างไรดี?
ตอนแรกพวกนางสิ้นหวังถึงขีดสุด ต่อมามีความหวังอย่างฉับพลัน แต่ความหวังนี้คงอยู่ได้ไม่นานก็หายไป
มีอยู่แวบหนึ่งที่พวกนางคิดว่าตัวเองจะรอดแล้ว…
บรรดาสตรีสาวร้องไห้อีกครั้ง เสียงอัดอั้นน่าหดหู่มาก
“ลูกพี่ พวกเราจะไม่สนใจพวกนางหรือ?” กวาดเงินบ้านสวี่ไปเกินครึ่ง บุรุษชุดดำคนหนึ่งถามเจียงหงหย่วนด้วยความระมัดระวัง
เจียงหงหย่วน “อีกสิบห้านาที มือปราบจากหัวเมืองก็น่าจะมาแล้ว”
หลังจากวางแผนเื่นี้เรียบร้อย เจียงหงหย่วนส่งคนไปแจ้งข่าวแบบไม่ระบุชื่อให้หวงจ้งซาน ส่งไปพร้อมกับข้อมูลเด็กหายของเ้าหน้าที่ในหยาเหมินประจำจังหวัดคนหนึ่ง หวงจ้งซานไม่มีทางไม่เชื่อ
“ไป!”
เจียงหงหย่วนพาทุกคนใช้เส้นทางอื่นจากไป มาถึงที่แห่งหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็รถม้า ขนทรัพย์สินเงินทองที่ยึดมาได้ไปที่อื่น
รอบนี้ได้ตั๋วเงินกับเงินทองมาอย่างน้อยหลายแสนตำลึง
เจียงหงหย่วนอยากยึดเงินบ้านสวี่ให้หมด แต่น่าเสียดายที่พวกเขาขี่ม้ามา ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ทิ้งเงินให้ทางการมายึดไปหน่อย ทางการคงจะสืบหาที่อยู่ของเงินของกลางเป็แน่
เจียงหงหย่วนไม่นำเงินก้อนนี้กลับบ้านแม้แต่ตำลึงเดียว
เขาเก็บเงินเข้าคลังแล้วแบ่งให้ทุกคนคนละสองร้อยตำลึง จ่ายบัญชีแยกให้สวีหู่หนึ่งหมื่นตำลึง ให้ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายรายวันขององค์กร
อืม เขาตั้งชื่อองค์กรของพวกเขาว่า ‘โถงเกล็ดน้ำค้าง’
เจียงหงหย่วนไม่ได้กลับบ้านทันที
เขาอยู่จัดการงานที่โถงเกล็ดน้ำค้าง โถงเกล็ดน้ำค้างตั้งอยู่ในตำบลหลินสุ่ย ที่นี่อยู่ติดแม่น้ำสายใหญ่ เจียงหงหย่วนซื้อร้านจัดหาแรงงานหนึ่งห้อง(ร้านค้าบริเวณท่าเรือที่ทำงานใช้แรงงานอย่างเช่นแบกหามกระเป๋า)
ร้านประเภทนี้เหมาะสำหรับอำพรางตัวตนคนของโถงเกล็ดน้ำค้างที่สุดแล้ว เพราะร้านจัดหาแรงงานย่อมต้องมีชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำบึกบึน
ตอนนี้มีเงินก้อนแรก เจียงหงหย่วนวางแผนว่าจะซื้อสำนักคุ้มภัย
ร้านจัดหาแรงงานที่อยู่ในตำบลหลินสุ่ยใช้สำหรับปกปิดกิจวัตรประจำวันของโถงเกล็ดน้ำค้าง ดังนั้นสำนักคุ้มภัยสามารถไปไหนมาไหนมาทั่วประเทศได้ ขอเพียงดำเนินกิจการให้ดี เช่นนั้นมันจะกลายเป็เครือข่ายข่าวสารขนาดั์
เจียงหงหย่วนจัดการเื่ร้านจัดหาแรงงานเสร็จก็ยังไม่กลับหมู่บ้านเค่าซาน เลือกที่จะไปหัวเมืองก่อน
เขาไปหาหวงจ้งซานก่อน แต่หวงจ้งซานไม่อยู่ น่าจะยังจัดการเื่บ้านสวี่ไม่เสร็จ
เจียงหงหย่วนฝากให้คนที่หยาเหมินช่วยบอกให้ จากนั้นหาไปหลิวเฉียงที่หน่วยพิทักษ์
เขาทำสำนักคุ้มภัยด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องดึงคนเข้ามาร่วมด้วย
ตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้คือหลิวเฉียงกับหวงจ้งซาน
หลิวเฉียงเป็ลูกหลานตระกูลขุนนาง สามารถช่วยดูแลสำนักคุ้มภัย เป็ที่พึ่งของสำนักคุ้มภัย หวงจ้งซานเป็หัวหน้ามือปราบประจำจังหวัด มีเขาอยู่ อย่างน้อยการเดินทางไปมาภายในจังหวัดซินโจวของสำนักคุ้มภัยน่าจะไม่มีปัญหา
บวกกับพวกเขามีเส้นสายในจังหวัดใกล้เคียง ถึงเวลาแล้วจะได้ไปมาหาสู่สะดวก
“น้องเจียง!” หลิวเฉียงดีใจมากที่เห็นเจียงหงหย่วน ร้องทักทายมาแต่ไกล
ถึงกับเดินออกมารับเจียงหงหย่วนด้วยตัวเอง
“หลิวต้าเกอ” เจียงหงหย่วนประสานมือให้หลิวเฉียง “วันนี้ข้ามาทำธุระในหัวเมืองจึงถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนท่าน ไม่ทราบว่าหลิวต้าเกอพอจะมีเวลาหรือไม่? พวกเราไปดื่มกันสักจอก”
“มีสิ!” หลิวเฉียงโบกมือ “ไป!”
เจียงหงหย่วนเชิญหลิวเฉียงขึ้นรถม้า เขาเลิกขี่ม้าั้แ่ออกจากตำบลหลินสุ่ยแล้ว จ่ายเงินเหมารถม้าให้พาเขามาส่งที่หัวเมือง ตกลงกันว่าเช่าหนึ่งวัน
ทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัว อาหารและสุราขึ้นโต๊ะเสร็จก็ยกดื่มลงท้อง เจียงหงหย่วนไม่มัวอ้อมค้อม พูดเข้าประเด็นทันที “ข้าอยากซื้อสำนักคุ้มภัย ไม่ทราบว่าหลิวต้าเกออยากร่วมด้วยหรือไม่?”
“เหตุใดจึงอยากเปิดสำนักคุ้มภัย? นี่เป็งานหนัก บางครั้งคนที่ทำงานนี้ก็ไม่ต่างกับเอาศีรษะไปแขวนที่เอว”
หลิวเฉียงไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่ถามถึงแผนการของเจียงหงหย่วนก่อน
เจียงหงหย่วนตอบว่า “ข้าไม่อยากขึ้นเขาล่าสัตว์แล้ว อยากเลี้ยงครอบครัวก็ต้องมีอาชีพที่มั่นคง ข้าเก่งแต่ใช้กำลัง นอกจากกวัดแกว่งอาวุธแล้วก็ทำอย่างอื่นไม่เป็อีก ดังนั้นจึงอยากซื้อสำนักคุ้มภัย อีกเื่คือ ข้าวางแผนไว้ว่าหลังจากสำนักคุ้มภัยดำเนินกิจการราบรื่นแล้วจะไปเข้ากองทัพสร้างผลงาน ช่วยปูเส้นสายและรากฐานให้ลูกหลานในอนาคตด้วยเช่นกัน หากบอกว่างานนี้เหมือนเอาศีรษะไปแขวนที่เอว เช่นนั้นการเข้ากองทัพคงไม่มีกระไรต่างกัน ข้าไตร่ตรองเื่นี้มานานแล้ว ตัดสินใจได้แล้วจึงมาหาหลิวต้าเกอ ข้ามองว่าทหารผ่านศึกออกจากกองทัพมาแล้วไม่มีที่ไป หากมีความสามารถก็มาทำงานที่สำนักคุ้มภัยได้ เช่นนี้ก็ถือเป็เื่ที่ดีเช่นกัน”
“จริงด้วย สำนักคุ้มภัยจัดหางานให้ทหารผ่านศึกได้! เหตุใดข้าจึงคิดไม่ได้กันนะ? ได้ ตกลงตามนี้ แต่ตอนนี้ข้ามีเงินไม่มาก พอจะนำออกมาได้แค่หมื่นตำลึง เ้าดูว่าพอหรือไม่ หากไม่พอข้าจะเขียนจดหมายให้ที่บ้านส่งมาเพิ่ม”
หลิวเฉียงเคาะโต๊ะตกลงทันที
เขานึกถึงความสามารถในการต่อสู้ของเจียงหงหย่วน คนที่คิดจะล่าเสือก็ล่าเสือ ทั้งยังจับลูกเสือได้แบบเป็ๆ บุรุษเช่นนี้เหมาะกับการเปิดสำนักคุ้มภัยที่สุดแล้ว
เจียงหงหย่วนยกจอกให้หลิวเฉียง “พอแล้วขอรับ ข้าว่าจะไปถามหวงต้าเกอดูเช่นกัน พวกท่านต่างก็อยู่ในหัวเมือง ไม่มีเหตุผลให้ถามพวกท่านแค่คนเดียว แต่วันนี้เขากำลังยุ่ง ไว้วันพรุ่งข้าค่อยไปคุยด้วย ซื้อสำนักคุ้มภัยขนาดเล็กน่าจะใช้เงินไม่มาก ไม่ต้องคิดถึงสำนักคุ้มภัยขนาดใหญ่ เพราะไม่มีคนยอมให้แน่ พวกเราตกลงกันตามนี้ ไว้เจอสำนักคุ้มภัยที่เหมาะสมแล้วค่อยหารือกันอีกที”
“ได้!” หลิวเฉียงเป็คนเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นกัน เขาตอบตกลงทันที “วันพรุ่งเ้ายังไม่กลับใช่หรือไม่?” เขาถาม
เจียงหงหย่วนพยักหน้า “ขอรับ ยังไม่กลับ รอคุยกับหวงต้าเกอก่อน”
หลิวเฉียงพูดว่า “เอาเช่นนี้ เที่ยงวันพรุ่งข้าเป็เ้ามือ มาคุยกันที่นี่ ข้าจะส่งคนไปบอกสหายหวงให้”
ทั้งคู่กินๆ ดื่มๆ หลิวเฉียงเป็คนคุยเก่ง หลังจากที่ตัดสินใจร่วมหุ้นก็เริ่มเสนอความคิดว่าเปิดสำนักคุ้มภัยแล้วควรทำอย่างไร
ยังไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น ของที่ส่งไปเมืองหลวงทุกปี เขาจะให้สำนักคุ้มภัยของตัวเองเป็คนส่ง
จากนั้นพูดว่าต้องไปทำธุรกิจที่ใด บนโต๊ะอาหารมีแต่เสียงพูดของเขา เจียงหงหย่วนทำแค่พยักหน้าอืมๆ เท่านั้น…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้