ในจินตนาการ กระบี่เคลื่อนไหวสังหารทั้งเทพและโพธิสัตว์ แต่ในความเป็จริงแล้ว สำหรับิอวี่การจะกระชับทำให้ลมปราณนั้นรัดกุมมันยากยิ่งกว่ายากอีก
แต่คิดมากเกินไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ิอวี่เดินลมปราณให้พุ่งขึ้นมาบนตัวกระบี่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็หลับตาลง ตั้งสมาธิทั้งหมดไปบนกระบี่เพื่อควบคุมพลังลมปราณ และค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในตัวกระบี่
แต่ิอวี่ก็ยังไม่สามารถควบคุมมันได้ ทำให้ลมปราณที่อยู่ในตัวกระบี่นั้นสั่น จนสุดท้ายก็จำใจต้องดึงลมปราณกลับมา
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง ...
เขาลองทุกวิถีทางอยู่หลายต่อหลายครั้ง ใช้เวลาไปตลอดบ่ายจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ก็ยังคงไม่สามารถนำเอาลมปราณหนึ่งส่วนนั้นใส่ไปในกระบี่ได้เลย
“ไม่ไหว!”
ิอวี่ปักกระบี่ลงพื้น มือซ้ายจับไปที่ด้ามและขมวดคิ้วแน่นมาก
เขาหยุดลอง แล้วยืนอยู่คนเดียวกลางลานและเริ่มครุ่นคิด
เพราะลองอยู่หลายครั้งแต่ไม่ได้ผล ิอวี่ก็เลยเริ่มหงุดหงิด เขามองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า เห็นอสูรสัตว์ปีกบินอยู่บนท้องฟ้าสีเทาๆ รอบๆ มีแตู่เาและต้นไม้เต็มไปหมด
เขาหลับตาลง ถึงแม้ทุกอย่างมันจะมืดมิด แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงร้องของนกอยู่ มีลมพัดผ่านูเา ใบไม้ปลิวไสว และเสียงแม่น้ำที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ...
ทันใดนั้นเองเขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้!
เมื่อครู่เขาพยายามรวบรวมลมปราณไปไว้ในตัวกระบี่และทดลองอยู่ตลอดเวลา จนในใจเริ่มหงุดหงิดเขาเลยทำได้แค่บนผิวกระบี่เท่านั้น ในการรวบรวมลมปราณ จิตใจของเขามันไม่สงบเลย
มันก็เหมือนทัศนียภาพที่ถึงแม้จะหลับตาก็ยังคงได้ยินเสียงลม เสียงน้ำ เสียงแมลง เสียงปลา เสียงนก เสียงสัตว์ร้องอยู่ แม้มองไม่เห็นก็ยังอยู่ในหัวใจ!
ของบางอย่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งลืมไม่ลง เขายิ่งอยากจะสงบใจแค่ไหน มันก็ยิ่งทำไม่ได้
พอเขาปล่อยวาง มันกลับทำให้เขาสงบใจได้ง่ายมากขึ้น!
หลังจากที่ิอวี่คิดได้ เขาก็จับกระบี่หลวมขึ้น ผ่อนคลายร่างกาย และคลายคิ้วที่กำลังขมวดอยู่ออก
เขาเริ่ม ... ที่จะสงบลงแล้ว!
ิอวี่ค่อยๆ ยืนตั้งท่า ร่างกายของเขานั้นไม่ขยับและเริ่มหายใจตามจังหวะ
ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยาม ... และล่วงเลยไปถึงสองชั่วยาม
ิอวี่ถลำไปยังบรรยากาศที่เงียบสงบ จิตใจของเขานั้นก็สงบลงตามไปด้วย
เขาพบว่าลมปราณในร่างกายนั้นกำลังค่อยๆ ไหลเวียน มันไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนที่ไหลเข้าในตัวกระบี่ก่อนหน้านี้เลย
ไม่แน่ว่า การจะรวบรวมลมปราณเข้าไปในตัวกระบี่ ที่จริงมันอาจจะไม่ได้ต้องใช้พลังสติหรือพลังจิตที่มากมายอะไรเลย ตัวเขานั้นมีจิตสำนึกที่แรงกล้ามาก ในการเดินลมปราณทั้งหมดที่มีจึงต้องทำให้กระบี่ไม่ต่อต้านการถ่ายโอนลมปราณเข้าไปต่างหาก!
หากบอกว่าลมปราณเป็อสูรร้าย ถ้าอย่างนั้น เขาจะไม่ต้องเล่นงานมันจนพ่าย แต่ต้องทำให้มันเชื่อง!
ิอวี่ลืมตาขึ้นมา เขาก้มลงไปดึงกระบี่หวงฉวนขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินลมปราณอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้จิตควบคุมลมปราณให้เล็กลง แต่ใช้พลังจิตสำนึกถ่ายโอนเข้าไปในลมปราณและดึงเอาลมปราณหนึ่งส่วนนั้นออกมาใช้ตามใจสั่ง
หลังจากนั้น ลมปราณที่ไม่มีอะไรขัดขวางก็หายไปจนหมด
เพราะลมปราณหนึ่งส่วนที่ว่านั้นมันหลอมเข้าไปภายในตัวกระบี่แล้ว
ิอวี่พลิกข้อมือและฟันกระบี่ออกมาจนเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ลมปราณหนึ่งส่วนกลายเป็ลมปราณที่เล็กเท่ากับเส้นผม แต่กลับแหลมคมดุดันและหายไปกลางอากาศ!
น่าสนใจ
ิอวี่ร่ายรำกระบี่หวงฉวนและดูดซับพลังงานฟ้าดินเพื่อชดเชยพลังงาน จากนั้นก็เดินลมปราณไปในตัวกระบี่อย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าเขาฟันกระบี่ออกไปมากน้อยแค่ไหน จนรู้สึกว่าเริ่มอ่อนล้าเขาถึงได้กลับไปหลับพักผ่อนที่หอจิ้งโม่
เช้าวันต่อมาตอนที่ิอวี่ลืมตาขึ้น เขาก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะฝึกกระบี่ต่อ เขาจริงจังจนเหมือนคนบ้าและคลั่งในการฝึกเพลงกระบี่!
เป็อยู่อย่างนี้ จนผ่านไปอีกเก้าวัน
คืนวันนี้ ิอวี่ยืนอยู่ที่กลางเขา เอากระบี่หวงฉวนไว้ด้านหลัง แล้วเงยหน้ามองพระจันทร์ที่ส่องแสงลงมาบนผิวน้ำ
ทันใดนั้นเอง เขาก็ะโลอยตัวขึ้นและพุ่งลงไปในแม่น้ำ
น้ำในแม่น้ำหนาวเย็นมากและยังมีกลิ่นคาวเือ่อนๆ ด้วย รอบตัวของเขามืดสนิท ิอวี่ปล่อยลมหายใจของเขาออกมา ปลาที่อยู่รอบตัวในกรอบรัศมีสามสิบเมตรกระจายหายไปกันหมด มีแค่เขาคนเดียวที่ยืนอยู่ใต้น้ำ
เขายืนอยู่ใต้น้ำโดยไม่ได้ยินเสียงใดๆ มองไม่เห็นอะไรเลย ราวกับตัดขาดจากโลกภายนอกและเริ่มสงบลง
เขาตวัดข้อมือเบาๆ กระบี่เริ่มกวัดแกว่ง ิอวี่เริ่มร่ายนำกระบี่ในน้ำ!
ลมปราณเริ่มหมุนวนรอบตัวของเขา น้ำในแม่น้ำมันลดทอนความเร็วในการออกกระบี่ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความแหลมคมของกระบี่ของเขาได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนเหมือนกัน เขาก็หยุดลงแล้วชี้กระบี่ขึ้นฟ้า ใช้ลมปราณประมาณห้าส่วนฟันออกไปบนน้ำอย่างต่อเนื่อง!
จากนั้น ลมปราณทั้งหมดก็หายไป รอบตัวของเขาก็เงียบสงบ
ิอวี่ค่อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาและจับไปที่ด้ามด้วยสองมือ ดวงตาของเขาเป็ประกายก่อนจะฟันกระบี่ออกไปหนึ่งที!
ในตัวกระบี่ ลมปราณห้าส่วนนั้นละเอียดถึงขีดสุด มันะเิออกไปจากคมกระบี่และพุ่งตรงไปด้านหน้า
บนผิวน้ำเห็นแค่แสงสีขาวที่พุ่งขึ้นมาจากกลางแม่น้ำ มันพุ่งไปเกือบร้อยเมตรและแยกออกเป็ร่องที่กว้างมาก!
ร่องน้ำที่ว่านี้ค้างอยู่นานถึงสามวินาทีก่อนจะหายไป!
เดิมแล้วน้ำเองก็ไม่มีรูปลักษณ์ แต่ิอวี่ใช้ลมปราณห้าส่วนที่ละเอียดที่สุดฟันมันขาดเป็สองท่อนเพียงกระบี่เดียว!
ตัดน้ำขาดได้ในกระบี่เดียว!
ผู้กล้าทั่วไปไม่มีทางทำได้แบบนี้ จะต้องจับทางความหมายที่แท้จริงของ “กระชับรัดกุม” ได้เท่านั้น ถึงจะสามารถปล่อยจิตสำนึกแห่งกระบี่ออกมาได้คมคายแบบนี้!
ในเวลานี้ ิอวี่เหมือนจะส่งเสียงออกมาจากลำคอ เขาเริ่มเวียนหัวเหมือนจะล้มลง
ก่อนหน้านี้เขาะโลงมาในน้ำ ใจของเขาสงบมากถึงได้สามารถรวบรวมลมปราณห้าส่วนและฟันกระบี่ที่มีอานุภาพสูงแบบนี้ออกไปได้ พอเขาเข้าถึงกระบี่นี้แล้ว ิอวี่ก็รีดเอาศักยภาพในร่างกายทั้งหมดออกมา มันทำให้น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นหมดเกลี้ยง
ทุกอย่างเมื่อแรกเริ่มก็เป็เื่ยากเสมอ เมื่อิอวี่จดจำวิธีการกระชับลมปราณในสมองได้ ต่อไปเวลาเขาจะใช้งานก็ไม่ต้องลำบากแล้ว
ก็เหมือนกับซ่งหยวนหยวนที่แค่สะบัดมือก็สามารถกระชับลมปราณได้เต็มกำลัง และปล่อยออกมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย
ิอวี่ว่ายขึ้นมาบนฝั่งด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง ตอนที่เขาเดินกลับไปที่หอจิ้งโม่ ก็รู้สึกง่วงมากแล้วจึงล้มลงไปนอนแล้วหลับไปเลย
หลายวันที่ผ่านมาเขาฝึกวิชาจนล้าไปหมด ครั้งนี้เขาจึงหลับลึกมากๆ ทำให้รู้สึกสบาย
จนเช้าวันต่อมาที่ิอวี่ตื่นขึ้น เขากลับมามีสติและแรงเต็มกำลัง น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกใช้ไปกลับมาเต็มในชั่วข้ามคืนอีกครั้ง
ถึงแม้ดูผิวเผินจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สายตากลับดูมีความมั่นใจอย่างลึกซึ้งแฝงอยู่!
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว เพลงกระบี่ของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว!
“อือ ... ”
ิอวี่บิดี้เีแล้วลงจากเตียงเดินมาที่หน้าต่าง เขามองไปที่ทิวทัศน์กลางเขาเหมือนรออะไรบางอย่างอยู่
ไม่นานนัก บนท้องฟ้าก็มีวิหคั์ตัวหนึ่งที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงบินมาทางนี้ ตอนที่เข้ามาใกล้มันกระพือปีกรออยู่บนท้องฟ้า
บนวิหคเพลิง ซ่งหยวนหยวนที่สวมชุดกี่เพ้าสีขาว รูปร่างเร่าร้อน ใบหน้างดงาม เอามือกอดอกและกำลังมองมาทางนี้ นางพูดว่า “ออกมา แล้วไปกับข้า”
วันนี้เป็วันร่วมศึกหอคอยเลี่ยนถ่า ซ่งหยวนหยวนเดินทางมารับศิษย์ชั้นยอดที่เข้ามาก่อนกำหนดเวลาสามคน และิอวี่ก็กำลังรอนางอยู่นั่นเอง
หลังจากที่ซ่งหยวนหยวนพูดจบ ทางเขาด้านตะวันตกของิอวี่ ก็เห็นถังเฉินสวมชุดสีน้ำเงินท่าทางสง่างามนั่งเหยี่ยวสีดำบินมาถึงข้างกายของซ่งหยวนหยวนอย่างรวดเร็ว
ส่วนฝั่งตรงข้ามเขาของิอวี่ นกกระเรียนสีขาวตัวหนึ่งพร้อมเงาสีแดงก็บินออกมาเช่นกัน
ผู้หญิงที่อยู่้านั้นใบหน้างดงาม รูปร่างสมส่วน ผิวพรรณขาวราวกับหิมะ ถึงแม้ท่าทางจะดูนิ่งเฉย แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเทพเซียน นางเหมือนเดินออกมาจากภาพวาดโบราณ
ไม่ได้เจอเิหยูเยียนหนึ่งเดือน นางยังคงงดงามเหมือนเดิม
ิอวี่ยังพบอีกว่าลมปราณของนางมีการเปลี่ยนแปลง!
ครั้งแรกที่ิอวี่ได้พบนาง นางก็เป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่ตอนนี้เขาพบว่าลมปราณทั่วทั้งตัวของเิหยูเยียนนั้นมันแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก ลมปราณที่ปล่อยออกมาจากดวงจิตเทวะหนาแน่นมาก ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งทั่วไปเทียบไม่ได้เลย!
มันคือ ... ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด!
และมันไม่ใช่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดทั่วไปด้วย แต่มันเป็ลมปราณที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับขอบเขตอมฤตขั้นที่สองแล้ว!
ิอวี่รู้สึกตะลึงมาก ถึงแม้เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาจะบ้าฝึกแต่กระบี่ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้หยุดฝึกเลย อีกทั้งร่างกายของเขายังมีสะพานแห่งหยินหยางอีก แต่ภายในหนึ่งเดือนก็ยังไปไม่ถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดเลย
ิอวี่คำนวณจากระดับการฝึกของเขาแล้ว คิดอยากจะไปถึงระดับเดียวกับเิหยูเยียน อย่างน้อยอาจต้องใช้เวลาถึงสามเดือน
เิหยูเยียนไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งก่อนแล้ว แต่ในความเป็จริง นางใช้เวลาแค่ประมาณสองเดือนในการไปได้ใกล้เคียงกับขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง
ดังนั้น ิอวี่ถึงได้คิดได้ว่า ระดับการฝึกของเิหยูเยียนนั้นมันน่ากลัวกว่าเขามาก!
“ความเร็วในการฝึกของนางเร็วขนาดนี้เลย หากเป็แบบนี้ต่อไป ระยะห่างระหว่างเรานั้นน่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แน่”
ิอวี่ไม่อยากให้ศิษย์ในรุ่นเดียวกันของซ่งหยวนหยวนมีระยะที่ห่างไกลกันมาก เพราะหากเป็แบบนั้น ซ่งหยวนหยวนก็คงทุ่มเทให้เิหยูเยียนมากกว่า ส่วนเขาคงทำได้แค่ฝึกอย่างลำบาก หากครบหนึ่งปีเขายังไม่สามารถไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม แล้วจะกลับไปช่วยราษฎรชาวต้าิได้อย่างไรกันล่ะ?
ดูท่า เขาจำเป็ต้องฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อให้สะพานแห่งหยินหยางแข็งแกร่งและใหญ่ขึ้น ความเร็วในการฝึกของเขาจะได้ตามนางได้ทัน!
ดวงตาของิอวี่นั้นแอบจริงจัง เขาะโลงมาจากหอจิ้งโม่แล้วขี่เ้าวิหคัปีกมืดที่บินออกมาจากคอกอย่างรวดเร็ว
“คำนับอาจารย์ ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง”
ิอวี่คำนับให้กับซ่งหยวนหยวนและคนอื่นทีละคน ซ่งหยวนหยวนตอบรับ ถังเฉินเองก็ยกมือคำนับตอบ เิหยูเยียนก็พยักหน้าตอบเบาๆ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไริอวี่อีกเลย
“อีกเดี๋ยวต้องเข้าร่วมศึกหอคอยเลี่ยนถ่าแล้ว หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เตรียมตัวกันอย่างไรบ้างแล้ว?”
ซ่งหยวนหยวนกวาดสายตา ััไปที่ลมปราณของแต่ละคน พลังฝีมือของเิหยูเยียนนั้นเพิ่มเร็วสุด ถึงแม้ถังเฉินจะยังไม่ถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด แต่ก็ใกล้มากแล้ว ส่วนิอวี่คือคนที่พัฒนาได้ช้าที่สุดและน้อยที่สุดด้วย
ซ่งหยวนหยวนยิ้มอย่างจนใจ ระดับการพัฒนาของถังเฉินกับิอวี่นั้นเป็ไปอย่างที่นางคาดเอาไว้ แต่เิหยูเยียนนั้น ความเร็วในการฝึกของนางมันเกินความคาดหมายของซ่งหยวนหยวนมาก
