ยามพวกซีต้าเฉียงออกจากเมืองกลับมาถึงขู่หลิ่งถุน ทิวเขาสลับซับซ้อนก็เหลือเพียงแสงสีส้มอ่อน
ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่กินมื้อเย็นแล้วต่างแล่นไปยืนหน้าหมู่บ้านรอพวกเขากลับมา
กระบือตัวใหญ่ลากเกวียนเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านที่มายืนรอต่างเฮโลเข้ามาห้อมล้อม
"ต้าเฉียง กลับมาแล้วหรือ ขายแพะได้หรือเปล่า"
"ผู้าุโ แพะสองตัวขายได้เท่าไร"
"มู่คุน พวกเ้าช่วยขายแพะได้ส่วนแบ่งเท่าไรหรือ"
เมื่อตอนเที่ยง คนจำนวนมากล้วนเห็นพวกเขาหามแพะสองตัวลงจากเขา หลังจากนั้นก็ลากเกวียนเข้าเมือง
เมื่อสอบถามถึงรู้ว่าผู้มาอาศัยท้ายหมู่บ้านล่าสัตว์มาได้
ทุกคนต่างอิจฉาริษยาไปตามๆ กัน
"ทุกท่านโปรดหลีกทางด้วย เอาไว้มีเวลาค่อยคุยกัน" ซีต้าเฉียงต้องรีบไปรายงานตัวกับต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียน ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจพวกเขา
ซีต้าเฉียงเป็ที่ยำเกรงในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ขวางอยู่จึงยอมหลีกทางแต่โดยดี
เกวียนลากไปถึงท้ายหมู่บ้าน คนที่มารอชมความครึกครื้นต่างจับกลุ่มกันคุยกัน
ในคนกลุ่มนั้นมีสายตาเหี้ยมเกรียมคู่หนึ่งจดจ้องไปทางที่เกวียนลากออกไป
"ซีติ้ง คราวนี้เ้าไม่ได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์บ้างเลยหรือ"
ข้อศอกถูกชายหนุ่มข้างกายแตะเบาๆ ซีติ้งเอี้ยวศีรษะมาถลึงตาใส่เขา
"เชอะ เ้ามาถลึงตาใส่บิดามีประโยชน์อันใด ใครใช้ให้เ้าปากเสียเองเล่า แค่อ้าปากก็ล่วงเกินเทพยดา ดูเ้าสิ ครอบครัวของมู่เซิงช่วยเหลือพวกเขา หาเงินได้ตั้งเท่าไร"
ซีติ้งหาใช่คนเขลา คำเยาะเย้ยถากถางของชาวบ้านไยจะฟังไม่ออก
"ไสหัวไปหามารดาของเ้าเลย เื่ของบิดาต้องให้เ้ามาสอดปากด้วยหรือ" ซีติ้งผลักเขาอย่างแรง
แต่แค่ผลักก็เกิดเื่ได้ พวกเขาต่างก็เป็ชายหนุ่มเืร้อน ถกแขนเสื้อพุ่งกระโจนเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที
ทั้งสองชกต่อยกันชุลมุน คนที่มุงล้อมอยู่เริ่มมีปฏิกิริยา รีบเข้ามาช่วยแยกคนออกจากกัน
ทั้งสองฝ่ายยังคงด่าทอกันยกใหญ่ ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามคำเกลี้ยกล่อมของคนรอบข้าง
"ชิ" ซีติ้งเดินไปยังมุมมืดก่อนถ่มน้ำลายเจือโลหิตลงพื้น
สายตาของเขามองไปทางท้ายหมู่บ้านอย่างมาดร้าย
"เทพเ้าแห่งความมั่งคั่ง? ฮึ เงินเยอะเกินไประวังจะลวกมือ"
"ต้าเหนียงจื่อ แพะสองตัวขายได้ทั้งหมดยี่สิบแปดตำลึง ในนี้มีเงินยี่สิบห้าตำลึง ส่วนเนื้อกับข้าวสารใช้เงินไม่ถึงหนึ่งตำลึง"
แสงตะเกียงในห้องโถงสว่างไสว เซวียเสี่ยวหรั่นรับถุงเงินมา แล้วหยิบเงินปลีกจากในนั้นออกมาหนึ่งตำลึงส่งให้ซีต้าเฉียง ค่าตอบแทนหนึ่งส่วนควรเป็สองตำลึงแปดเฉียน ซื้อข้าวสารจ่ายไปเกือบหนึ่งตำลึงแล้ว ย่อมต้องชดเชยคืนให้แก่พวกเขา"
"ค่าตอบแทนตกลงไว้หนึ่งส่วน ก็ต้องเป็หนึ่งส่วน ที่เหลือคือเงินซื้อเนื้อกับข้าวสาร"
"พอแล้วๆ ต้าเหนียงจื่อ คราก่อนส่วนแบ่งจากขายหนังสัตว์พวกเราก็ได้มาสองตำลึง ต้าเหนียงจื่อจะเกรงใจไปไย" ซีต้าเฉียงปฏิเสธไม่ได้จำต้องรับไว้
"ต้องให้พวกท่านช่วยวิ่งเข้าเมืองเป็ประจำ ยังรบกวนพี่ใหญ่ซีไปซื้อสมุนไพรมาอีก พวกเราควรขอบคุณพวกท่านถึงจะถูก" เซวียเสี่ยวหรั่นกล่าวขอบคุณด้วยน้ำใสใจจริง
"มิกล้าๆ ได้ช่วยเหลือต้าเหนียงจื่อ เป็วาสนาของพวกเรา" ซีต้าเฉียงรีบตอบกลับ
ทั้งสองฝ่ายต่างพูดแสดงมารยาทคนละประโยคสองประโยค
ผู้อื่นให้เกียรติเราหนึ่งฉื่อ เราก็ต้องให้เกียรติผู้อื่นหนึ่งจั้ง [1] ครอบครัวซีต้าเฉียงให้ความช่วยเหลืออย่างสุจริตใจ ย่อมสมควรได้รับส่วนแบ่งเป็การตอบแทน เซวียเสี่ยวหรั่นมีหลักการเป็ของตนเอง
ท้องฟ้ามืดแล้ว ซีต้าเฉียงต้องรีบกลับบ้าน เซวียเสี่ยวหรั่นออกไปส่งพวกเขาที่ประตูเรือน
"ต้าเหนียงจื่อ จะตุ๋นน้ำแกงกระดูกหมูหรือไม่" อูหลันฮวายกข้าวสารกับเนื้อที่พวกซีต้าเฉียงซื้อมาจากในเมืองเข้าครัว
พวกเขากินอาหารมื้อเย็นกันแล้ว แต่ขาของหลางจวินาเ็ ต้าเหนียงจื่อซื้อกระดูกมาเพื่อต้มน้ำแกงบำรุงให้แก่เขา
"ตุ๋นเลยสิ อีกประเดี๋ยวจะได้ดื่มคนละชาม ส่วนที่เหลือเอาไว้ต้มโจ๊กพรุ่งนี้เช้า"
เลี้ยงแขกครั้งก่อน หมดเปลืองข้าวสารไปไม่น้อย ประกอบกับเหลียนเซวียนกับอูหลันฮวากินข้าวเยอะ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงต้องวางแผนล่วงหน้าฝากซีต้าเฉียงซื้อข้าวสารมาไม่น้อย
นางหยิบถุงเงินเดินไปหาเหลียนเซวียนที่ห้อง
"เหลียนเซวียน ตอนนี้พวกเรามีเงินหกสิบกว่าตำลึงแล้ว พอใช้สำหรับเดินทางหรือยัง" คำนวณราคาข้าวสารและธัญพืช เซวียเสี่ยวหรั่นคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว
"เพียงพอสำหรับค่าเดินทางเบื้องต้น" หากไม่นับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ถือว่าเพียงพอ นิ้วมือของเหลียนเซวียนเคาะโต๊ะเบาๆ
"ค่าเดินทางเบื้องต้น?" เซวียเสี่ยวหรั่นฟังสายสนกลในออก "หมายความว่ายังไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ หรือ"
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ คืออะไรบ้างล่ะ เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องตาเขา นึกถึงสภาพร่างกายของเหลียนเซวียนยามนี้ก็เริ่มวิตกกังวล
จริงด้วยสิ โรคของเหลียนเซวียนยังต้องใช้เงินอีกมาก
"หรือว่าพวกเราขึ้นเขากันอีกสักสองสามรอบดีหรือไม่" ไปล่าสัตว์เพิ่มขึ้นก็สามารถสะสมเงินทองได้อีกหน่อย
เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ "ไม่ต้องแล้ว ไปถึงเมืองชางตานค่อยว่ากัน"
เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปากเหลือบมองเขา
หมู่บ้านเล็กๆ ไกลห่างความเจริญ วิธีหาเงินโดยเร็วมีไม่มากนัก มิต้องกังขาว่าการล่าสัตว์คือหนึ่งในนั้น
"ที่จริงไปกันอีกสักสองรอบก็ได้อยู่นะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยังไม่ถอดใจเกลี้ยกล่อมอีกประโยค
เหลียนเซวียนส่ายหน้าเช่นเดิม "วิธีหาเงินแบบนี้ต่อให้ไปอีกสิบรอบก็หาได้ไม่เท่าไรหรอก"
แพะูเาสองตัวขายได้แค่ยี่สิบกว่าตำลึง ล่ายี่สิบตัวยังได้แค่สองร้อยตำลึง เสียทั้งแรงใจแรงกายเหมือนดั่งน้ำถ้วยเดียวกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ทั้งคัน ไม่คุ้ม เขาไม่อยากให้นางเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังความหมายของเขาเข้าใจ จำนวนที่เขา้าเยอะกว่านี้มาก เงินเพียงแค่นี้ไม่อาจแก้ปัญหาได้
เธอเก็บเงินไว้ในตู้ข้างเตียงของเหลียนเซวียน หลังจากนั้นก็ค่อยเดินออกไป
ระหว่างที่เดินก็ขบคิดวิธีสร้างความมั่งคั่งให้เร็วที่สุด
เห็นชัดว่า การหาเงินเป็ภูมิปัญญาอันประณีตลึกซึ้งยิ่ง
ไม่ใช่แค่คิดไปส่งเดชก็จะหาวิธีได้ เซวียเสี่ยวหรั่นคิดจนหัวแทบแตกยังไม่ได้อะไรสักอย่าง
หากเพียงแค่หาเลี้ยงปากท้อง หาเงินเล็กน้อยไม่ยากอะไร เธอสามารถเปิดแผงขายบะหมี่ก็ได้ อย่างไรเสียเธอก็มีความมั่นใจในฝีมือการทำครัวของตนเอง และมั่นใจว่าสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าจะคิดไปถึงเป้าหมายสร้างความร่ำรวยให้เร็วที่สุด ย่อมไม่ไหวแน่นอน
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาเดินศีรษะเข้าไปในห้องครัว
เมื่อก่อนเธอแทบไม่เคยกังวลเื่เงินทอง ค่าใช้จ่ายที่คุณปู่คุณย่าให้ก็พอยิ่งกว่าพอ เธอเองก็ใช้อย่างประหยัด ประกอบกับเงินอั่งเปาที่ได้ตอนปีใหม่ จึงมีเงินเก็บสะสมถือว่าเยอะสำหรับนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง
"เฮ่อ..." เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจอย่างหวั่นกังวล ถึงเหลียนเซวียนจะบอกว่าเขาคิดหาวิธีได้ แต่เธอก็ยังกลุ้มอยู่ดี
"ต้าเหนียงจื่อ อยู่ดีๆ ไยจึงถอนใจเล่า" อูหลันฮวาซึ่งนั่งเฝ้าน้ำแกงกระดูกหมูอยู่หน้าเตาเอ่ยถาม
เห็นอยู่ว่าขายแพะูเาได้เงินมาตั้งเยอะ เพราะเหตุใดถึงยังถอนหายใจ?
"หลันฮวา ตามพวกเราไปแคว้นฉี เ้าไม่กลัวจริงๆ หรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นถามเื่ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
"ไม่กลัวเลย เหตุใดต้องกลัวเล่า ได้ติดตามข้างกายต้าเหนียงจื่อ ข้าไม่กลัวสักนิด" อูหลันฮวาสีหน้าหนักแน่น
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะแหะๆ อูหลันฮวาไม่กลัว แต่นางกลัวอยู่นะ รู้สึกเหมือนมีภาระวางอยู่บนบ่า
ต่อไปนางต้องหาเลี้ยงทั้งตัวเอง อาเหลย และอูหลันฮวา ยังมีน้องชายที่ยังไม่รู้จักอีกคน ภาระใหญ่หลวงเทียมขุนเขาทีเดียว
รู้สึกว่าอะไรๆ ล้วนแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น
ทุนของเธอตอนนี้ก็มีแต่เห็ดหลิงจือห้าดอกเท่านั้นเอง
...
[1] หมายถึงผู้อื่นเคารพให้เกียรติเรามากเท่าไร เราต้องเคารพให้เกียรติผู้อื่นมากยิ่งกว่า
