“ทำไมเล่าเ้าคะ รับไปสิ” นางถามขึ้นอย่างสงสัย
“เหยียนเหยียน เรารับของจากเ้าบ่อยเกินไปแล้ว เราเกรงใจ”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยตอบเสียงเบา เสิ่นเล่อเหยียนหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะจับไก่ป่าวางลงในมือของพวกเขาทีละตัว
“ข้าเก็บไว้สองตัวก็พอแล้ว ที่เหลือฝากพวกท่านนำไปให้บ้านพี่มู่ด้วยนะเ้าคะ ใครยังไม่ได้ก็แบ่งๆ กันไป” ทุกคนต่างมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาซาบซึ้ง
เสิ่นเล่อเหยียนในสายตาของพวกเขา ไม่ใช่เพียงหญิงสาวผู้มีโชค แต่เป็ผู้ให้ที่ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน
สิบปีที่นางอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เป็สิบปีที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากนางไม่เคยขาด ทั้งยามเจ็บป่วย ยามขาดแคลนอาหาร หรือแม้แต่ยามมีปัญหาในครอบครัว
แม่นมหลี่ที่ยืนอยู่หน้ากระท่อม มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แววตาของหญิงชราเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ฮูหยินเ้าคะ บุตรสาวที่ท่านให้กำเนิด นางเติบโตได้ดีจริงๆ ท่านที่มองอยู่บนฟ้า ช่วยเป็กำลังใจให้เราสองคนด้วย” หญิงชราพึมพำเสียงเบา พร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นซับหางตาที่มีน้ำใสไหลซึมออกมา
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องผ่านกิ่งไม้ลงมากระทบเรือนผมสีดำขลับของเสิ่นเล่อเหยียน เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของชาวบ้านยังคงดังก้องภายในลานเล็กๆ ของนาง
ทว่า...ในตอนนั้นเอง
“พี่อาเหยียน! ช่วยท่านย่าของข้าด้วย!”
เสียงร้องะโดังลั่นลานหน้ากระท่อม เสิ่นเล่อเหยียนที่กำลังจะกลับเข้าเรือนพลันหันขวับไปตามเสียงเรียก ใบหน้าที่ชื้นเหงื่อฉายแววใทันที เมื่อเห็นว่าเป็จางเอ้อหลาง เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ที่นางคุ้นเคยดี
“เกิดอะไรขึ้น! เอ้อหลาง ท่านย่าจวงเป็อะไร” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เมื่อเช้า ทุกคนออกไปทำนากันหมด มีเพียงท่านย่าอยู่ที่เรือนกับน้องเล็ก พอเรากลับเรือนพบว่าท่านย่าล้มอยู่ ตามร่างกายของนางมีแต่าแ เงินในบ้านของเราก็หายไปหมด จะต้องเป็ฝีมือของลุงใหญ่แน่ๆ” เด็กหนุ่มพูดไปร้องไห้ไป น้ำเสียงของเขาสั่นเครือด้วยความใปนโกรธแค้น
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไป! พาข้าไปดูท่านย่าจวงก่อน” เสิ่นเล่อเหยียนไม่รอช้า รีบคว้ากระเป๋าผ้าข้างกายที่ใส่สมุนไพรติดมือไว้เสมอ แล้ววิ่งตามเด็กหนุ่มไปยังเรือนของเขาทันที
สายลมยามเย็นพัดแรงจนใบไม้ปลิวว่อน ฝุ่นดินลอยคลุ้งตามแรงฝีเท้าของทั้งคู่ เส้นทางจากเรือนของนางไปยังบ้านตระกูลจางไม่ไกลนัก ทว่าในยามนี้ทั้งสองกลับรู้สึกยาวไกลอย่างน่าประหลาด
ในใจของเสิ่นเล่อเหยียนเต้นแรงด้วยความกังวล
เมื่อมาถึงเรือนของจางเอ้อหลาง ภาพที่เห็นทำให้นางถึงกับชะงักไป ร่างของท่านย่าจวงนอนอยู่บนพื้นไม้เก่าๆ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง มีรอยฟกช้ำตามแขนและขา พร้อมด้วยเด็กหญิงตัวเล็กนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ด้วยความใ
“ท่านย่า! พี่สาว! ท่านช่วยรักษาท่านยาของข้าหน่อยได้หรือไม่ ข้าขอร้องล่ะ” จางเอ้อหลางทรุดตัวลงข้างหญิงชรา พร้อมกับร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คนในเรือนอย่างบุตรชายและสะใภ้ต่างยืนขวัญเสียอยู่ด้านข้าง
เสิ่นเล่อเหยียนรีบตามเข้าไป พร้อมกับตรวจชีพจรของหญิงชราอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงฝังเข็มให้นางเล็กน้อย
“ยังดี...ชีพจรยังเต้นปกติ ร่างกายของนางเพียงอ่อนแรงและใมากเท่านั้น ส่วนาแภายนอกก็ไม่มีอะไรมาก ทายาแก้ฟกช้ำสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
หญิงสาวเอ่ยอธิบายแก่คนในครอบครัว เพื่อให้พวกเขาคลายใจ ก่อนจะหยิบขวดยาสมุนไพรออกมาจากถุง แล้วทาให้หญิงชราอย่างระมัดระวัง
“เอ้อหลาง เ้าไปต้มน้ำร้อนให้ข้าสักหน่อย แล้วนำผ้าสะอาดมาเพิ่มอีก”
เด็กหนุ่มพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบวิ่งออกไปทำตามคำสั่ง เสิ่นเล่อเหยียนหันมามองเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงส่งเสียงสะอื้นไม่หยุด
“หยวนหยวนไม่ต้องกลัวนะ ท่านย่าไม่เป็ไร เช่นนั้นมาให้พี่สาวดูแผลของเ้าหน่อย” นางพูดเสียงอ่อนโยน พลางลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ
ไม่นานนัก เมื่อเอ้อหลางกลับมาพร้อมน้ำร้อนและผ้าสะอาด เสิ่นเล่อเหยียนใช้ผ้าชุบน้ำร้อนทำความสะอาดาแบนหัวของเด็กน้อย ก่อนจะทำแผลให้นาง ยามนั้นกลิ่นหอมของสมุนไพรลอยคลุ้งไปทั่วห้อง
“่นี้ก็ให้ท่านย่าจวงพักผ่อนให้มากๆ ที่ตัวข้าไม่มียาสมุนไพรแล้ว ดังนั้นต้องให้เอ้อหลางไปซื้อในเมือง”
เมื่อเอ่ยเสร็จหญิงสาวจึงเขียนเทียบสงบใจ พร้อมทั้งยาบำรุงยื่นส่งให้คนสกุลจาง
“นำเทียบยานี้ไปที่ร้านขายยาจินเป่าถัง บอกว่าเทียบยานี้เป็ของข้า ซื้อกลับมาต้มให้ท่านย่าจวงดื่มวันละสองครั้ง” เด็กหนุ่มรับเทียบยามากำเอาไว้แน่น ทว่าสีหน้าที่แสดงออกคล้ายกับกำลังลำบากใจ
“ทำไมหรือ มีเื่อะไรที่้าเอ่ยกับข้าหรือไม่” หญิงสาวรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าเขา้าเอ่ยบางอย่างกับตน
“พี่อาเหยียน...เงินในบ้านเราถูกขโมยไปหมดแล้ว ข้า...”
เสิ่นเล่อเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะล้วงถุงเงินจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เด็กหนุ่ม
“เ้านำเงินนี้ไปซื้อยาให้ท่านย่าจวงก่อน” เสิ่นเล่อเหยียนวางถุงเงินลงในมือของจางเอ้อหลาง
“พี่อาเหยียน...” ท่าทีลำบากใจที่แสดงออกมา ทำให้หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ
“เอ้อหลาง สุขภาพของท่านย่าจวงสำคัญกว่า เ้าจะปล่อยให้ท่านย่าจวงต้องไม่สบายเพราะเื่เงินเพียงไม่กี่ตำลึงหรือ”
เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ พร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว
“ขอบคุณพี่อาเหยียน เงินนี้ของท่าน...ข้าสัญญาว่าจะคืนให้แน่นอนขอรับ เมื่อขายผลผลิตได้ ข้าจะรีบเอามาคืนท่าน”
หญิงสาวรีบพยุงเด็กหนุ่มขึ้น
“ขอบคุณเ้ามากเหยียนเหยียน หากไม่ได้เ้า แม่เฒ่าบ้านข้าคงต้องแย่แน่ๆ โปรดรับคารวะนี้จากข้าด้วยเถิด” ท่านลุงจางเอ่ยทั้งน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือของชายวัยกลางคน ฟังดูแล้วช่างน่าสงสารนัก เสิ่นเล่อเหยียนส่ายหน้าเบาๆ พลางยกมือขึ้นห้าม
“ล้วนเป็คนหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น ท่านลุงจาง...ท่านเกรงใจข้าเกินไปแล้ว” ร่างบางพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายอบอุ่นราวกับแสงแดดยามเช้า
“คืนนี้ข้าจะอยู่ดูอาการท่านย่าจวงก่อน พรุ่งนี้ท่านลุงจางก็ให้เอ้อหลางไปซื้อยามาต้มให้นางดื่ม แล้วก็อย่าให้นางลุกเดินเหินใน่นี้”
ทุกคนพยักหน้ารับด้วยความเคารพ เสิ่นเล่อเหยียนจึงนั่งลงข้างเตียง คอยเช็ดเหงื่อให้หญิงชราที่หมดสติอยู่ แสงแดดยามเย็นส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้เข้ามาอาบร่างของนางเป็แสงสีทองอ่อนๆ
ในยามนั้น ทุกคนในเรือนต่างรู้สึกเหมือนกันว่า นางเหมือนโพธิสัตว์มาโปรดคนยากอย่างพวกเขา เพราะตราบใดที่เสิ่นเล่อเหยียนยังอยู่ที่นี่ หมู่บ้านแห่งนี้ก็เหมือนจะผ่านเื่ราวทุกอย่างไปได้อย่างราบรื่น
