ช่องเขาดอกท้อ คือสถานที่ที่ผู้เฒ่าจี๋เล่อสร้างขึ้นเพื่อให้ตนเองได้ชื่นชม
เขาเข้ามาสร้างสุสานไว้ที่นี่เพื่อซ่อนตัวจากด่านเคราะห์พันปี ระยะเวลาพันปีนี้ เขาต้องทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูดีสักหน่อย
ทว่าสถานที่แห่งนี้ถูกคนนอกพบเจอเข้า จึงค่อยๆ แบ่งอาณาเขตออกไป กลายเป็อาณาเขตที่สาม
ที่เรียกว่าอาณาเขต เพราะนอกจากูเาที่เป็สุสานใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีูเาอีกแห่งหนึ่ง แล้วค่อยเป็ช่องเขาดอกท้อแห่งนี้
เนื่องจากสถานที่สามแห่งนี้เป็อาณาเขตสำคัญ จึงถูกแยกออกไปเป็อาณาเขตต่างๆ
และช่องเขาดอกท้อแห่งนี้ก็กลายเป็อาณาเขตที่สามไปโดยปริยาย
ทั้งสองคนเหาะอยู่กลางอากาศ ทะลวงผ่านมิติไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าสู่ช่องเขาดอกท้อ
ผู้เฒ่าจี๋เล่อเหาะไปตามเส้นทางที่หลีกเลี่ยงผู้คน เพื่อไม่ให้มีใครสังเกตเห็นพวกเขา
บนท้องฟ้า ผู้เฒ่าจี๋เล่อชี้ไปยังป่าท้อที่อยู่ไม่ไกลเบื้องหน้า
“ที่นั่นคือช่องเขาดอกท้อ เป็สวนดอกไม้ของข้าเอง ทว่าถูกผู้คนที่เข้ามาทำลายไปแล้วไม่น้อย ไม่รู้จักรักษาความงดงามไว้เสียเลย”
“ดูเหมือนท่านจะติดตั้งค่ายกลเอาไว้ที่นี่ด้วย ขอบคุณแทนดอกท้อด้วย!”
เสิ่นเสวียนมองป่าท้อเบื้องหน้าพลางพยักหน้า
ดอกท้อเป็สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ในหมู่มวลดอกไม้ นักกวีทั้งหลายมักเขียนบทกลอนขึ้นจากดอกท้อ แสดงถึงความงดงามและความชื่นชม ผู้เฒ่าจี๋เล่อสร้างช่องเขาดอกท้อไว้ แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขานั้นราวกับเป็สาวน้อยคนหนึ่ง
“ซ่อนตัวจากด่านเคราะห์มากว่าพันปี คงต้องทำอะไรบ้าง” ผู้เฒ่าจี๋เล่อยิ้มน้อยๆ พึงพอใจมากในสิ่งที่ตนเองสร้าง
จากนั้นทั้งสองเหาะไปถึงเบื้องหน้าช่องเขาดอกท้อ
เมื่อหลายร้อยปีก่อนที่นี่ถูกทำลายไปไม่น้อย ต่อมาเขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการติดตั้งค่ายกลในนี้จนเรียกได้ว่าเป็ดินแดนหมองหม่น หลายคนต้องตายอยู่ที่นี่ จึงเริ่มไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามา จึงทำให้อาณาเขตนี้เงียบสงบลง
สถานที่อื่นๆ ผู้คนผ่านไปมาพลุกพล่าน แต่ที่นี่กลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด เปิดสุสานครั้งนี้ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาที่นี่เลย
“มนุษย์จดจำแต่สิ่งดี หลงลืมสิ่งไม่ดี หากไม่ให้บทเรียนเล็กน้อยกับพวกเขาบ้าง ก็ไม่รู้จักรักษาความงดงามเอาไว้”
“บทเรียนของท่านไม่เล็กน้อยเลย”
เสิ่นเสวียนมองป่าท้อเบื้องหน้าพลางส่ายหัว ไม่รู้จะพิจารณาอย่างไร
ผู้เฒ่าจี๋เล่อไม่ได้ทำผิดอะไร จะโทษก็เพียงแต่พวกาามารตะวันตกเข้ามาที่นี่โดยไม่ทันได้ระวังก่อนหน้านี้
“ว่าแต่เ้ามาทำอะไรที่นี่”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำไมเสิ่นเสวียนถึงอยากมาที่นี่ ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครเข้ามาที่นี่ เขาเองก็เข้ามาชื่นชมความงดงามเป็ครั้งคราวเท่านั้น
“ตามหาสหายเก่าคนหนึ่ง”
เสิ่นเสวียนกล่าวเบาๆ กลัวว่าหากเสียงดังเกินไปจะทำให้เด็กคนนั้นใ
ตามที่าามารตะวันตกเล่ามา แม้เสิ่นเสวียนไม่เคยเจอเด็กสาวคนนั้นมาก่อนแต่ก็มีความรู้สึกเห็นใจต่อเื่ราวของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้ามาช่วยเด็กสาวผู้นั้น อย่างน้อยได้พานางออกไปส่งให้าามารตะวันตกก็นับว่าพวกเขาได้อยู่ด้วยกันแล้ว
“สหายเก่า?”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อไม่ค่อยเข้าใจ
ที่นี่คืออาณาเขตของเขา จะมีสหายเก่าอะไรได้อย่างไร และเสิ่นเสวียนยังดูมีอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี ครั้งก่อนที่สุสานเปิดก็เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ทั้งสองไม่มีทางรู้จักกันได้เลย
“สุสานเปิดครั้งก่อนมีเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาที่นี่ ครั้งนี้สหายของข้าไหว้วานให้ข้ามาพานางออกไป”
“เด็กสาว?”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อส่ายหัว ทุกครั้งที่นี่จะมีทั้งบุรุษและสตรีเข้ามามากมาย คนที่ติดอยู่ที่นี่ก็มากมายเช่นกัน ซึ่งเขาคิดอะไรเกี่ยวกับเด็กสาวที่ว่านี้ไม่ออกเลย
“ข้าจำไม่ได้”
“ขอบคุณมาก ข้าเข้าไปตามหาแล้วกัน!”
เสิ่นเสวียนรู้ว่าอีกฝ่ายหาไม่เจอก็ไม่อยากบังคับ
“ในนั้นเต็มไปด้วยค่ายกล เ้าอาจหลงทางอยู่ในนั้นได้”
“ค่ายกลของท่านขังข้าไม่ได้หรอก”
เสิ่นเสวียนยิ้มออกมา ตอนนี้เขาถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว ค่ายกลนี้ไม่ต่างอะไรกับของเด็กเล่นในสายตาของเขา
เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์มีความสามารถสามอย่างที่ได้ชื่อว่าไร้เทียมทานในโลก
คือการหลอมรวม ค่ายกล และโจมตี
การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขาทำให้จักรพรรดิเซียนโดนลูกหลงตายได้ แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของเขา เพียงแต่การโจมตีเป็สิ่งที่โเี้มากเกินไป ทำให้ความสามารถอีกสองอย่างถูกเมิน
ความเชี่ยวชาญด้านค่ายกลของเขา ่แรกเขาได้เรียนรู้จากอาจารย์หลี่ฉุนเฟิง ต่อมาทักษะของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก เขาไม่แยแสค่ายกลตรงหน้านี้เลย
“อย่างนั้นก็ดี ข้าจะดื่มด่ำบรรยากาศอยู่ตรงนี้ เ้าเข้าไปเถอะ หากออกมาไม่ได้ะโเรียกข้าก็พอ”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อไม่ค่อยพอใจ เ้าหนุ่มนี่ดูถูกกันเกินไปแล้ว นี่คือผลงานชิ้นเอกของเขาเลยนะ แต่กลับโดนอีกฝ่ายเมินเฉยเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ ต้องให้เสิ่นเสวียนได้รู้เสียบ้าง
“ได้”
เมื่อกล่าวจบ เสิ่นเสวียนก็มุ่งหน้าเข้าไปในช่องเขาดอกท้อทันที ส่วนผู้เฒ่าจี๋เล่อก็มองดูอยู่ด้านข้าง เขาไม่เชื่อว่าเสิ่นเสวียนจะทะลวงผ่านค่ายกลของเขาไปได้จริงๆ
เสิ่นเสวียนเดินอยู่ในป่าท้อ ภายในนั้นต้นท้อขึ้นจนรกไปหมด
ในนี้ไม่มีเส้นทางให้เดิน ที่พื้นถูกปกคลุมไปด้วยกลีบดอกไม้ร่วงโรย
ทว่าเสิ่นเสวียนกลับเดินไปในนั้นเหมือนไม่ได้มีจุดหมายปลายทาง เขาเดินเข้าไปไม่ถึงห้าจั้ง สภาพแวดล้อมภายในป่าท้อกลับเปลี่ยนไป
รอบด้านไม่มีเส้นทางเดินต่อ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เหมือนวนเวียนอยู่ที่เดิม ออกไปไหนไม่ได้เลย
ในตอนนี้ ค่ายกลของผู้เฒ่าจี๋เล่อเริ่มปรากฏขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเสิ่นเสวียน
ตอนนี้เขากำลังตามหาศิลาดอกท้ออยู่ าามารตะวันตกบอกว่าร่างของนางอยู่ข้างๆ ศิลาดอกท้อ ซึ่งเขามีเบาะแสอยู่เท่านี้
ผ่านไปสามสิบปีแล้ว เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะหาเจอหรือเปล่า
ส่วนสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปไม่หยุดรอบๆ เป็เพียงสิ่งที่ผู้เฒ่าจี๋เล่อกระตุ้นค่ายกลขึ้นมาเท่านั้น ทุกย่างก้าวของเขาจะหลงเหลือร่องรอยพลังไว้ที่พื้น ขอเพียงทิ้งร่องรอยเอาไว้ก็จะเดินตามรอยเ่าั้ออกไปด้านนอกได้
และยังมีบ้างที่ใช้กำลังทะลวงผ่านค่ายกลของอีกฝ่ายไปเลย
ผู้เฒ่าจี๋เล่อเหาะอยู่กลางอากาศ เขาก้มมองเสิ่นเสวียนที่เดินอยู่ในป่าท้อ เดิมทีใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม ทว่าหลังจากเสิ่นเสวียนเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ รอยยิ้มของเขาก็เริ่มแข็งทื่อ
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหรือ”
ค่ายกลของตนเองยังคงอยู่ เสิ่นเสวียนเข้าไปถึงในนั้นได้อย่างไร
แต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่อาจเพิ่มพลังให้ค่ายกลได้อีก จึงต้องปล่อยเสิ่นเสวียนเข้าไป เพราะยิ่งเป็ด้านหลังค่ายกลก็ยิ่งแข็งแกร่ง เขาไม่เชื่อว่าเสิ่นเสวียนยังทะลวงผ่านเข้าไปได้
ขณะที่เสิ่นเสวียนเดินไป พลังจิติญญาปกคลุมอาณาเขตราวสามฉื่อรอบๆ ตัว และขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ ต่อให้ที่นี่กว้างใหญ่มากแค่ไหน หากเสิ่นเสวียนเดินไปรอบๆ ยังสามารถหาศิลาดอกท้อเจอได้
แล้วก็เป็อย่างที่คิด เสิ่นเสวียนเดินหน้าไปอีกราวหกสิบจั้งแล้วหยุดลง เพราะเขาััได้ถึงบางอย่างที่ต่างออกไป
จากนั้นเขาก็วิ่งไปด้วยความเร็วสูง เบื้องหน้าห่างจากเขาไปอีกราวเก้าจั้งมีหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และมีร่างหนึ่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ
เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนเร่งฝีเท้าขึ้น ผู้เฒ่าจี๋เล่อส่งเสียงหัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วเขาก็สะบัดมือออกไปเพื่อยืดมิติออก เดิมทีมีระยะห่างเพียงเก้าจั้ง แต่เสิ่นเสวียนวิ่งไปไกลกว่าสามสิบจั้งแล้วก็ยังไปไม่ถึงศิลาก้อนนั้น
เสิ่นเสวียนอยากไปถึงให้เร็วที่สุด แต่ผู้เฒ่าจี๋เล่อกลับใช้อุบายล้อเล่นกับเขาเช่นนี้
เสิ่นเสวียนหยุดเท้าลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้เฒ่าจี๋เล่อบนท้องฟ้า เห็นเพียงผู้เฒ่าจี๋เล่อส่งยิ้มให้กับเขา
เสิ่นเสวียนไม่พอใจสักเท่าไร เขานั่งลงที่พื้นทันทีเพื่อทำสมาธิ
ตันเถียนของเขามีขนาดใหญ่มากราวกับมหาสมุทร พลังหกธาตุเดือดพล่านอยู่ภายในนั้น แก่นทองคำไม่มีอยู่แล้ว กลับกลายเป็เด็กทารกที่ถูกพลังหกธาตุห่อหุ้มไว้ภายใน
เขาในตอนนี้ถูกม่านพลังปกคลุมอยู่และลอยอยู่เหนือตันเถียน กำลังดูดซับพลังภายในตันเถียนอย่างบ้าคลั่งจนร่างกายใหญ่ขึ้น
และเขาก็คือหยวนก่อกำเนิดของเสิ่นเสวียน
“ทะลวง”
เสียงะเิดังขึ้นภายในตันเถียนอย่างรุนแรง ม่านพลังแตกออกในพริบตา หยวนก่อกำเนิดยืดแขนขาออกและเริ่มเคลื่อนไหว แล้วร่างหยวนก่อกำเนิดก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็ร่างเงาหลอมรวมเข้ากับร่างของเสิ่นเสวียนเป็หนึ่งเดียวกัน
ร่างมนุษย์ร่างหยวนก่อกำเนิดหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกัน นี่คือพลังที่ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นมหายานขึ้นไปเท่านั้นจะมีได้ ทว่าตอนนี้เสิ่นเสวียนกลับกำลังแสดงออกมา
หลังจากหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว ร่างกายของเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่สุด ทำให้พลังปะทุออกมาทันที
สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้วนี่คือสิ่งที่ใช้เพื่อฝ่าด่านเคราะห์ แต่ตอนนี้เสิ่นเสวียนได้แสดงออกมาให้เห็นแล้ว
ภายในป่าท้อ เสิ่นเสวียนที่นั่งสมาธิอยู่พลันลืมตาขึ้น แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น โจมตีลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
ตึงงง!!!
เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ พลังรุนแรงกระจายไปทั่วทั้งป่าท้อ แต่มันไม่ได้สร้างความเสียหายต่อป่าท้อแม้แต่น้อย ทำลายเพียงค่ายกลเท่านั้น
ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่เหาะอยู่้าเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าตื่นใ
“ทำลาย! ทำลายไปแล้ว?”
เขากล่าวเสียงตะกุกตะกัก