เ่ิูมาถึงตรงหน้าฝ่ายพลาธิการเป็ครั้งที่สาม ตามเนื้อหาในหยกคำสั่ง รับเอาอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงอย่างอื่นที่จำเป็ต่อการทำยุทธการครั้งนี้ได้ที่นี่
ตำแหน่งทูตถือดาบตรวจการณ์หาใช่ต่ำเตี้ย ทุกครั้งที่ออกศึกพร้อมกองทัพต้องได้รับเอาของที่จำเป็ไปอย่างไร้ค่าใช้จ่าย
คราวนี้เอง ที่เ่ิูไม่พบเจอจ้าวหรูอวิ๋นในฝ่ายพลาธิการ
แต่ทหารเกราะและเหล่านายทัพแห่งฝ่ายพลาธิการ ยามมองเ่ิูมักมองด้วยแววตาเป็ปฏิปักษ์ ไม่ว่าพวกเขาจะข้องเกี่ยวกับจ้าวหรูอวิ๋นอย่างไร เ่ิูที่ทำร้ายจ้าวหรูอวิ๋นก็เท่ากับทำร้ายฝ่ายพลาธิการทั้งกองทัพ ฝ่ายพลาธิการทุกระดับล้วนแล้วแต่ไม่เป็มิตรกับเขา
นายทัพจัดสรรที่รับหน้าที่ตรวจสอบการแจกเสบียงคือชายกลางคนๆ หนึ่ง
ใบหน้าของเขาจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ประดับด้วยความเยือกเย็น เขาเหล่ตามองเ่ิูอยู่นานถึงค่อยลงลายมือชื่อ
เมื่อเป็เช่นนี้ ตอนที่ได้เสบียงและยุทโธปกรณ์ครบ เ่ิูก็ส่ายหน้า
คนในฝ่ายพลาธิการยังไม่วายเล่นแง่ ยาหรือสมุนไพรที่เ่ิูได้มา ส่วนมากแห้งกรอบหมดสรรพคุณไม่พอ เกราะเหล็กและอาวุธยังทั้งเก่าทั้งพัง ไม่มีทางเป็ของดีแน่นอน
“ใครๆ ก็บอกมาว่าอย่าทำผิดต่อฝ่ายพลาธิการ สงสัยจะไม่ใช่แค่ลมปากสินะ”
เ่ิูเหยียดยิ้ม เขาไม่โต้เถียงอะไร
ดูจากรูปการณ์แล้ว ฝ่ายพลาธิการคงจัดเสบียงตามหยกคำสั่งที่ได้มา ไม่ว่าจะมองจากกี่มุมมอง เื่นี้ก็สุดที่ตำแหน่งพวกเขาจะรู้ได้ ถึงโวยวายไปก็เอาเปรียบอะไรไม่ได้อยู่ดี กลับกันจะทำให้คนอื่นได้เห็นภาพตำตาว่าเขาคิดหยุมหยิมเสียอีก
เพียงแต่ฝ่ายพลาธิการแห่งอาณาจักรกระทำการโดยพลการโดยไม่เห็นแก่ส่วนรวมถึงเพียงนี้ นี่ต่างหากที่ทำให้เ่ิูผิดหวัง
หลังกลับมาถึงหอคอยอาชาขาว เ่ิูก็นำเสบียงที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไว้ที่โรงเก็บของของหอคอยอย่างกับทิ้งขยะ ให้ทาสกระบี่อาชาขาวไป๋หย่วนสิงจัดการต่อ
และตอนนี้เองที่เ้าหมาหัวโตซึ่งหลับใหลมาตลอดตื่นขึ้นแล้ว
เ่ิูครุ่นคิดครู่หนึ่งก็อุ้มเอาเ้าตะกละไว้ในอก จากนั้นจึงตระเตรียมเสื้อผ้าและข้าวของที่เตรียมไว้นานแล้ว เมื่อล่วงเข้ายามสนธยา เ่ิูก็ลาจากหอคอยอาชาขาวตรงเข้าไปรายงานตัวที่ทัพหน้า
นี่เป็เวลาที่บอกไว้ในหยกคำสั่งทหาร
ไป๋หย่วนสิงและอูหม่าอยู่คุ้มครองหอคอยอาชาขาว
...
...
หนึ่งวันถัดมา
ห่างจากด่านโยวเยี่ยนมายี่สิบลี้
เรือเหาะอักขระลำหนึ่งยืมเมฆหมอกเป็เกราะกำบัง กล้ำกรายเข้าใกล้ทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ
เ่ิูยืนอยู่บนส่วนหน้าของเรือเหาะ
กระแสลมฉิวๆ เมฆหมอกตลบฟุ้ง
เรือเหาะสูงประมาณยี่สิบเมตร กว้างห้าเมตร รูปแบบคล้ายคลึงกับแพบนแม่น้ำ ลื่นสลวยเห็นลวดลายชัดเจน มีสีขาวอ่อน ใช้โลหะชนิดที่เ่ิูไม่เคยเห็นมาก่อนหล่อหลอมขึ้นมา ทั้งนอกทั้งในล้วนสลักเสลาอักขระแน่นขนัด ใต้การกระตุ้นพลังงานจากแก่นกลางของเรือเหาะ ทำให้สามารถล่องลอยบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระ เสียงมันเบามาก สีคล้ายคลึงกับก้อนเมฆบริเวณรอบๆ หากยืนมองไกลๆ ไม่สำรวจให้ถี่ถ้วน ย่อมยากที่จะพบการมีอยู่ของมัน
เกราะหุ้มอักขระปกป้องเรือเหาะไว้ตรงกลาง ตัดขาดแรงลมอันหนาวเหน็บจากภายนอก
เ่ิูนั่งสมาธิอยู่บนหัวเรือ
บนแผ่นเกราะด้านหน้าและด้านหลังของเขา มีทหารเกราะเงินเฉียดร้อยนายยืนอยู่
ทหารเกราะเหล่านี้เป็นักยุทธ์ชั้นสูงที่ทัพหน้าคัดเลือกมา พลังอย่างต่ำต้องน้ำพุิญญาหนึ่งตา ทำตามคำสั่งของแม่ทัพผู้บัญชาการกองโจรหลิวจงหยวน พวกเขายืนอยู่บนแผ่นเกราะอย่างเงียบสงบ เหมือนรูปปั้นหินสวมเกราะติดอาวุธมีคม รอการมาของการต่อสู้
ท้ายสุดเวินหว่านก็มิได้เข้าร่วมยุทธการเดินทัพวายุว่อง
เ่ิูรู้ว่าพลทหารที่เข้าร่วมยุทธการคราวนี้มีอย่างน้อยเกือบหมื่นคน ค่ายทัพหน้าจัดแม่ทัพกองโจรมายี่สิบนาย แล้วยังมีแม่ทัพกองโจรจากค่ายทัพปีกซ้ายและปีกขวา สมทบกับทูตถือดาบตรวจการณ์อีกห้านาย รวมทั้งยอดฝีมือในกองทัพอีกนับไม่ถ้วน มีใต้เท้าคนสำคัญชั้นผู้นำเป็ผู้บัญชาการ รุกเข้าเมืองหน้าด่านของเผ่าปีศาจแดนหิมะอย่างกองพลสู่ทักษิณ
จากแบบแผนของทหารเนิ่นนานมา คราวนี้เป็ยุทธการทางทหารที่สำคัญเป็ยิ่งยวด
แม่ทัพบัญชาการกองโจรสี่สิบท่าน ตามที่บอกไว้ในแผนการพยากรณ์ล่วงหน้า พวกเขาจะออกเดินทัพจากทิศทางแตกต่างกัน
เรือเหาะที่เ่ิูอยู่นี้ลอยลำเดียวโดดๆ ออกเดินทางขึ้นเวหาเมื่อคืนวาน ใช้ความเร็วอันเรียกได้ว่าเชื่องช้าและยืมเกราะกำบังเป็เมฆา มุ่งตรงสู่ทิศอุดร
ผู้นำสูงสุดบนเรือเหาะลำนี้คือหลิวจงหยวน ผู้แข็งแกร่งผู้เงียบงันพูดนับคำได้ เห็นหน้ากันครั้งแรกก็พยักหน้าให้เ่ิู แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย เงียบสงัดเสมือนโขดหิน คำสั่งทหารคือสิ่งที่ผู้ช่วยของเขาแถลงการณ์ ทั้งสองร่วมงานกันมาระยะหนึ่ง และร่วมมือกันได้ดีเป็อย่างมาก
เ่ิูแอบสำรวจหลิวจงหยวน
จากรูปร่างภายนอก ชายคนนี้น่าจะอายุประมาณสามสิบ ร่างกายกำยำ บ่าและแผ่นหลังกว้าง เป็ชายฉกรรจ์เต็มตัว สวมเสื้อเกราะสีเงินพร้อมผ้าคลุมขาวพาดแผ่นหลัง รวมทั้งดาบนักรบขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่กับแผ่นหลัง พลังภายในร่างเขาทั้งมากมายและล้ำลึก กำลังของเขาไม่อาจหยั่งถึง อย่างน้อยที่สุดเ่ิูในตอนนี้ก็ยังไม่อาจมองเห็นอาณาที่แท้จริงที่หลิวจงหยวนอยู่ได้เลย
“ถ้าข้าจำไม่ผิด หลิวจงหยวนเป็อันดับที่แปดสิบสามในอันดับดาวแม่ทัพ อาจนับได้ว่าเป็บทบาทกล้าแกร่งในค่ายทัพหน้า อันดับมากกว่าเวินหว่านเสียอีก”
เ่ิูนึกขึ้นได้ลับๆ ในใจ
ผู้ใต้บังคับบัญชาคือทหารเกราะของหลิวจงหยวน ส่วนมากก็เงียบพอกับเ้านาย
ทั้งเรือเหาะเสมือนเรือิญญาเงียบฉี่ไร้เสียงลำหนึ่งแล่นมา เข้าคู่กับการกระทำของหลิวจงหยวนได้พอดิบพอดี แหวกผ่าม่านเมฆหมอก ออกท่องไปในท้องฟ้ายามราตรี
คำสั่งที่เ่ิูได้มาจากก้อนหยกนั้นเรียบง่ายมาก คือเข้าคู่กับปฏิบัติการของหลิวจงหยวน ขณะเดียวกันก็ต้องคอยตรวจวินัยทหาร บันทึกสถิติผลงานของทหารหลากหลายประเภท และในทางกลับกัน เขายังต้องออกสู้ในเวลาเร่งด่วน เขาอยู่ที่นั่นเพื่อการันตีภารกิจของนายทัพทั้งหลายว่าสำเร็จ เช่นเดียวกันกับที่หลิวจงหยวนควรเป็ แต่ในเมื่อเ้าตัวไม่ปริปากเื่แผน เ่ิูจึงไม่มีทางรู้ได้เลย
แต่จากความเร็วและที่ตั้งของเรือเหาะลำนี้ เ่ิูเดาสุ่มเอาว่าคนในเรือเหาะลำนี้ไม่ได้เป็แนวหน้าซึ่งเป็บทบาทหลัก ทว่าเป็บทเสริมหรือซุ่มโจมตี
ไม่รู้ทำไม เ่ิูถึงได้รู้สึกว่าหลิวจงหยวนไม่ได้รู้สึกญาติดีอะไรกับเขาผ่านการลอบสำรวจคราวนี้ แม้กระทั่งมีความไม่เป็มิตรแฝงเร้นต่อเด็กหนุ่มเสียอีก
“หรือเขาจะเป็คนของกลุ่มชิงเฟิงซานเหมือนกัน?” เ่ิูเดา
ระหว่างทาง นอกจากการพักผ่อนทั่วไปแล้ว เ่ิูใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งขัดสมาธิอยู่ส่วนหัวเรือ โคจรกำลังภายในและฝึกวิชาต่อ
ยามเที่ยงวัน หัวเรือเหาะกลับเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน มันตรงสู่ทิศตันตกและเพิ่มความเร็วเล็กน้อย
เมฆหมอกทุกทิศทางแห่งท้องนภา ทัศนวิสัยถูกจำกัด คนๆ หนึ่งสามารถมองเห็นได้แค่ระยะร้อยเมตรจากตัว เ่ิูไม่รู้ว่าเรือเหาะนี้จะมุ่งไปที่ไหน เขามองไม่เห็นเบื้องล่างมันด้วยซ้ำ ทำได้เพียงรู้สึกถึงทิศทางที่มันแล่นไปเท่านั้น เวลาล่วงเลยอย่างเชื่องช้า เรือทั้งลำเงียบสนิท เ่ิูเบื่อหน่ายสุดฤทธิ์
ทางที่เรือล่องไปเหมือนจะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
บางครั้งก็เร็วขึ้น บางคราวกลับนิ่งเหมือนรออะไรบางอย่าง เห็นได้ชัดว่ามันมิได้ทำตามคำสั่งการทหารแต่ท่องไปอย่างไร้จุดหมาย
มีหลายครั้งที่เ่ิูอยากถามเื่นี้ใจแทบขาด แต่เมื่อสายตาเขาเหลือบเห็นหลิวจงหยวนซึ่งนิ่งและเงียบราวกับรูปปั้น เด็กหนุ่มก็ล้มเลิกความตั้งใจโดยสุดจะรู้ว่าเพราะอะไร
ราวกับผันผ่านไปชั่วขณะ เวลาสามวันค่อยๆ ผ่านไป
ระหว่างทาง พวกเขาไม่ได้พบเจอกับทหารหรือเรือเหาะอื่นของเผ่าปีศาจเลย ไม่ต้องพูดถึงสมรภูมิ แม้แต่สัญญาณของการมีชีวิตหรือสัญญาณเตือนภัยยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาเดินทางข้ามเมฆาอย่างช้าๆ ราวกับหลุดเข้ามาในภพสีขาวที่เงียบสงบ เวลาที่ไหลไปอย่างเชื่องช้าทำให้คนรอแทบบ้า
“เดี๋ยวจอดเดี๋ยวเคลื่อนมาตลอดทาง น่าจะเป็คำสั่งใหม่ของกองทัพ บางทีอาจกำลังหาช่องโหว่แนวป้องกันของเผ่าปีศาจ หลีกเลี่ยงการตรวจจับของเผ่าปีศาจ เป็ไปได้หรือไม่ที่ภารกิจของเราคือต้องบุกเข้าไปในทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ” ทว่าก็ยากจะคิดจริงๆ ว่าเรือเหาะจะใช้วิธีอะไรติดต่อกับด่านโยวเยี่ยนได้
นั่นทำให้เ่ิูเข้าใจยิ่งขึ้นว่าการเลือกมาด่านโยวเยี่ยนเป็ทางที่ถูก
มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เปิดหูเปิดตาเขาให้กว้างขึ้น ไม่ให้ชีวิตของเขาต้องถูกนิยามอยู่ในเมืองเล็กๆ ทุกวัน มีชีวิตเรียบง่ายเช่นปุถุชน วิสัยทัศน์แคบ ความรู้ก็อยู่ในระดับหนึ่ง
วันที่ห้า
เ่ิูก็ไม่ค่อยแน่นอนเช่นกัน ว่าเรือเหาะลำนี้แล่นมาไกลแค่ไหนแล้ว
ตอนนั้นเองที่เรือเหาะหยุดชะงักเสียดื้อๆ ปิดกระบวนอักขระใจกลางลำเรือไว้ ล่องลอยอยู่บนอากาศอย่างเงียบเชียบ ถอดเขี้ยวถอดเล็บจนหมด เรือเหาะราวกับนักล่ารอคอยเหยื่ออย่างใจเย็น ฝังอยู่ใต้กลุ่มเมฆ รั้งรอการมาของเหยื่ออันโอชะ จากนั้นก็พุ่งเข้าตะครุบอย่างไม่คิดชีวิต
จากที่หลิวจงหยวนแสดงสีหน้าท่าที เ่ิูมองเห็นความตึงเครียดเป็ริ้วๆ
มองผิวเผินก็เข้าจังหวะการคาดการณ์ของเขาไปแล้ว
ตอนนี้พวกเขาเข้าสู่เขตทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะแล้วเป็แน่ หากมัวรีรอจนเผ่าปีศาจมาเจอเข้า สภาพการณ์จะเลวร้ายหนักกว่าเดิมอีกเท่าไร
ระหว่างนี้เองที่หลิวจงหยวนเข้าเรือเหาะไปสองครั้งติด
ทุกครั้งที่เข้าไปได้ไม่นาน หลิวจงหยวนก็จะเดินออกมา ประกาศคำสั่งใหม่
“เกรงว่าในเรือเหาะจะยังมีผู้นำที่แท้จริงของกองทัพคอยสั่งการอยู่อีกที ผู้บัญชาการสูงสุดของเรือเหาะลำนี้จึงไม่ใช่แม่ทัพหลิวจงหยวน” เ่ิูเข้าใจขึ้นฉับพลัน
เ่ิูไม่ถามเื่นี้ตลอดทาง เขาเป็เหมือนผู้สังเกตการณ์คอยสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่อุบัติขึ้น
อาทิตย์ลาโลก
รัตติกาลเดินผ่านมา
ทหารเกราะหลายเป็กระวนกระวายและระแวงขึ้นมาเรื่อยๆ
เ่ิูกะเวลาเอา
หากแผนของกองทัพไม่ได้เปลี่ยน เช่นนั้นเขาก็เชื่อนักว่า ทัพแนวหน้า ทัพฝ่ายปีกซ้ายและปีกขวา กำลังรบสามส่วนนี้จะมีสิ่งนำทางไปยังกองพลสู่ทักษิณของเผ่าปีศาจ คราวนี้เองที่เป็ยุทธการขนาดใหญ่ของกองทัพซึ่งมีคนกว่าหนึ่งหมื่นคนเข้าร่วม พวกเขาปกป้องร่างกายและิญญา ทุกนาทีและวินาที ณ ตอนนั้นคือการตกผลึกของยอดฝีมือวรยุทธ์
“ภารกิจที่เราทำ มันคืออะไรหรือ?”
เ่ิูฉงนหนัก
ด่านโยวเยี่ยนวางแผนการระดับสูง มันไม่ควรเป็เช่นที่เวินหว่านบอกว่าานี้มีเพื่อฝึกเหล่าพลทหารและประกาศศักดาและท้าทายอำนาจกองทัพแห่งแดนปีศาจ เหมือนกับว่ามีจุดประสงค์พิเศษแอบแฝงนอกเหนือจากข้อนี้
และตัวเขาเอง ในานี้จะเล่นเป็บทไหนกัน?
คืนเดือนมืดแวะเวียนมาถึง
และเมื่อเ่ิูปิดเปลือกตาครุ่นคิดนั่นเอง แม่ทัพหลิวจงหยวนแห่งทัพกองโจรก็เดินมาถึงตรงหน้าเขาเป็ครั้งแรก
“มีอะไรหรือ?” เ่ิูเปิดเปลือกตา
หลิวจงหยวนตอบชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าไร้อารมณ์ “ใต้เท้าเย่ มีคน้าพบท่าน”
เ่ิูชะงัก “ใครหรือ?”
“ท่านเห็นแล้วก็จะรู้เอง” หลิวจงหยวนหันหลังกลับ เดินนำไปยังภายในเรือเหาะแล้วเอ่ย “โปรดตามข้ามา”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้