สายเืของตระกูลในตอนนี้ก็หลงเหลืออยู่เพียงนายทหารโจวแล้ว ส่วนคนอื่นๆที่ยังพอเหลืออยู่ต่างก็เป็สายเืห่างๆที่ใช้ชื่อของตระกูลโจวในการยกระดับตัวขึ้นมาทั้งนั้นแม้ว่าตระกูลโจวในตอนนี้จะยอมรับพวกเขา แต่คนอื่นก็อาจจะไม่ได้พอใจนักอยู่ดี
หลินลั่วหรานนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลโจวขึ้นมาในใจมันดูน่าตลกอยู่ไม่น้อยนะ ข้อมูลนี้เธอได้มาจากเฉินหยุนหลังจากที่เขาได้ยินว่าเธอเข้ามาในเมืองหลวง เขาก็หาทางส่งมาให้เธออย่างอ้อมๆเพื่อแสดงถึงความหวังดี การที่เฉินหยุนทำอะไรแบบนี้ เพราะความเป็ราชการค้ำคออยู่ถึงว่าทำไมเขาถึงไม่ได้เป็ระดับพื้นฐานเสียที...หลินลั่วหรานจัดการเผาข้อมูลเ่าั้ทิ้งไปเธอหยุดอยู่ที่กลางอากาศ พร้อมทั้งมองพิจารณาไปยังคุณนายโจวที่อยู่ในห้องหนังสือ
หากถอนหญ้าไม่ถอนรากถอนโคน พอได้ลมมันก็จะกลับมามีชีวิตอีก
ถ้าไม่มีญาติสนิท เป็แบบนี้ก็ยิ่งดี เื่การแก้แค้นก็เป็เื่หนึ่งแต่คนที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร หลินลั่วหรานก็ไม่อยากจะคร่าชีวิตคนให้มากนัก คนทำฟ้าดู การฆ่าไปเรื่อยแบบนั้น สำหรับหลินลั่วหรานแล้วเธอมองว่ามันดูจะทำให้เธอได้ระบายอารมณ์ดีเหมือนกัน แต่ว่าหากเธอทำแบบนั้นแล้วเธอกับโจวเหย้าเวยที่เอาแต่รังแกคนไร้ทางสู้และคนที่ไม่สนใจชีวิตของใครอย่างคุณนายโจว จะแตกต่างกันตรงไหน?
อยากฆ่าก็ฆ่า ทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลินลั่วหรานชอบทำนัก
โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าสวยงาม ห้องหนังสือของตระกูลโจวนั้นไม่ได้ดูหรูหรามากนักแต่ก็ดูมีราคา พวกเขาไม่ใช่ตระกูลพ่อค้าร่ำรวยแต่เป็ตระกูลข้าราชการชั้นสูงของจีน
แววตาของหลินลั่วหรานเต็มไปด้วยความเย็นะเืในห้องหนังสือที่ชั้นสองนั้น แม้แต่ที่ระเบียงก็ยังมีผู้รักษาความปลอดภัยถือปืนคอยคุ้มกันเดินไปเดินมาทั่วทั้งตัวคฤหาสน์ตระกูลโจว มีผู้รักษาความปลอดภัยอยู่ประมาณสิบคนและดูจากท่าทางแล้ว พวกเขาต่างก็ไม่ใช่ประเภทที่จะใช้กระบองด้วยแต่เป็ปืนทั้งหมด!
จากการป้องกันแบบนี้ แม้แต่แมลงวันก็ยังเข้าไปได้ยากเลย
ถ้าหากว่าศัตรูของตระกูลโจวคือคนธรรมดาน่ะนะ หลินลั่วหรานเหยียดยิ้มออกมาน่าเสียดายนะ ที่เป็เธอ ความสามารถทางการได้ยินของเธอนั้นดีมากเธอหยุดลงที่้าหลังคาและซ่อนตัวอยู่ในความมืดเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยที่เดินไปมานั้นไม่ได้สังเกตเห็นเธอเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งเธอยังสามารถได้ยินคำพูดของคุณนายตระกูลโจวได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในตอนที่พบกันที่โรงพยาบาลครั้งก่อนคุณนายโจวถึงได้มีกิริยาก้าวร้าวแบบนั้นที่แท้ท่านผู้บังคับบัญชาฉินและคุณปู่ตระกูลโจวที่เสียชีวิตไปแล้วก็มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องถึงชีวิตกันนั่นเอง แต่ว่าสุดท้ายแล้วดูเหมือนว่านายทหารโจวจะคิดอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้วไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด หากถูกร้องขออยู่ตั้งไม่รู้กี่ครั้งความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน การที่ขับรถชนเป่าเจียก็สามารถทำให้มันจางหายลงไปได้แล้ว
แต่ว่านายทหารก็มีความสามารถไม่น้อย ถึงได้สามารถเชื้อเชิญคนที่สามารถช่วยเหลือต่อกรกับคนธรรมดามาได้
ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด ดวงไฟค่อยๆเปล่งประกายขึ้นมาในเมืองหลวงแสนมืดมิด คฤหาสน์ตระกูลโจวอยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองเงียบสงบจนเหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นของคุณนายโจว
“จะมาร้องไห้ตอนนี้ ก็สายไปแล้ว” เสียงที่ดังขึ้นมาจากหลินลั่วหรานที่ทิ้งตัวลงเบาๆที่ระเบียงชั้นสอง ทำให้คุณนายโจวที่กำลังร้องไห้นิ่งไปก่อนที่จะรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที
เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยนั้นก็รีบชักปืนออกมาด้วยความรวดเร็วแต่ว่าด้วยการตอบสนองของหลินลั่วหรานที่เป็นักปราชญ์นั้นว่องไวกว่า!
ลูกะุเ่าั้ไม่ทันที่จะได้ยิงออกมาเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยก็รู้สึกราวกับว่าตัวของพวกเขาถูกพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นดึงให้ตกลงไปจากระเบียง
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ในตอนนี้ผู้รักษาความปลอดภัยที่อยู่ชั้นล่างต่างก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติลูกะุพุ่งขึ้นมายังระเบียงชั้นสองมากมายและดูเหมือนว่ามันจะหยุดลงก็ต่อเมื่อสามารถยิงตัวของหลินลั่วหรานให้พรุนเป็ตะแกรงไปทั้งตัวได้ก่อน
เมื่อเห็นว่ากระจกนั้น แม้ว่าจะโดนลูกะุยิงเข้าไปแต่ก็ไม่ได้เป็อะไรเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลินลั่วหรานต้องเลิกคิ้วขึ้นมา
กระจกกันะุ? ดูเหมือนว่าตระกูลโจวจะไม่ได้คิดยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย และพวกเขาก็้าจะสู้กับเธอต่อจริงๆ!
ตัวของหลินลั่วหรานนั้นมีระดับพื้นฐานแล้วก็จริงแต่ร่างกายของเธอก็ยังมีเืมีเนื้ออยู่ เมื่อมีลูกะุมากมายพุ่งมาที่ตัวเธอเธอก็ยังคงต้องหันไปใส่ใจกับมันเสียหน่อย แต่ว่าเพียงแค่เล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
ระหว่างที่ขยับตัวหลบนั้น แสงสีทองก็ประกายขึ้นระหว่างปลายนิ้วของเธอมันคือ “เวทเหล็กใน” ที่เคยใช้แกะสลักแผ่นหยกเพื่อให้เป็ของขวัญกับไท๋ซือนั่นเองเมื่อถูกหลินลั่วหลานที่เป็ระดับพื้นฐานแล้ว ใช้ขึ้นมาอีกครั้ง “เวทเหล็กใน” ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่รูปร่างของเหล็กในธรรมดาๆอีกต่อไปแล้ว!
เมื่อเธอร่ายเวทเสร็จเรียบร้อยแล้ว “เหล็กใน” ที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองก็ขยายใหญ่ขึ้นก่อนที่มันจะพุ่งออกปะทะเข้ากับเหล่าลูกะุที่พุ่งเข้ามา และทะลุผ่านพวกมันไปทำให้เหล่าอาวุธสังหารเ่าั้ตกลงที่พื้นด้วยความเร็วอันน่าใ
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คุณนายโจวต้องจับมือของนายทหารโจวเอาไว้ด้วยความกังวลเมื่อเห็นดังนั้นนายทหารโจวจึงหันมาแสดงสายตาปลอบใจเธอ
ตระกูลโจว ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลยเหรอ?
หากสายตาของนายทหารโจวนั้นสามารถมองเห็นลักษณะของลูกะุที่ตกลงที่พื้นได้อย่างชัดเจน บางทีความมั่นใจของเขาอาจจะไม่มีมากขนาดนี้ก็ได้เหล่าลูกะุเ่าั้ไม่ได้ถูกกระทบจนตกลงที่พื้นง่ายๆ อย่างที่คิดแต่ว่ามันถูก “เหล็กใน” ของเวทธาตุทองทะลุผ่านตัวลูกะุจนเกิดเป็รูเล็กๆก่อนจะแตกละเอียดลงที่พื้น
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ความคมของ “เหล็กใน” นั้นไม่มีอะไรสามารถต้านทานได้และราวกับว่าเหล็กในแต่ละอันนั้นต่างก็มีเป้าหมายเป็ของตัวเองพวกมันพุ่งเข้าไปโจมตียังมือของเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยที่ถือปืนเอาไว้ในชั่วพริบตาจนพวกเขาต้องล้มลงไปร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
หลินลั่วหรานหมุนตัวไปหาคุณนายโจว ก่อนจะหัวเราะออกมาและนั่นก็ทำให้คุณนายโจวยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก
“คุณนายโจว พบกันอีกแล้วนะคะ”
เพราะถูกกั้นเอาไว้ด้วยกระจกกันะุและคนที่อยู่ด้านในนั้นก็ไม่ได้มีความสามารถทางการได้ยินเหมือนกับหลินลั่วหรานทำให้พวกเขาได้แต่มองท่าทางการขยับปากของเธอเท่านั้นคุณนายโจวจึงไม่สามารถได้ยินอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่แต่ว่าสายตาเยาะเย้ยที่ถูกส่งมาจากเธอนั้นคุณนายโจวยังคงสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
ความโมโหเกิดขึ้นมากมายภายใต้ความกลัวของคุณนายโจว
ั้แ่ที่เคยพบกันที่โรงพยาบาลและคุณนายโจวก็ต้องหนีออกมาในตอนนั้นเธอก็ไม่ชอบหลินลั่วหรานคนนี้เอาเสียเลยแล้วยิ่งหลังจากนั้นเมื่อสืบเื่ของคนที่ทำให้กระดูกของโจวเหย้าเวยหักเสียหายไปถึงตัวของหลินลั่วหรานในตอนนั้นเธอก็ได้แต่คิดว่าจะต้องให้คนในตระกูลหลินทั้งหมดมาชดใช้ให้เื่นี้!
แต่ว่าอาจารย์ของโจวเหย้าเวยนั้น บอกเอาไว้ว่ามีคนคอยปกป้องตระกูลหลินอยู่ทำให้พวกเขาต้องอดทน อดทนมาตลอดสามปี แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาก็คือการตายที่ไม่เหลือแม้แต่ซากศพของลูกชาย
เมื่อคิดได้ดังนั้น สายตาที่เธอจ้องมองไปยังดวงตาที่เปล่งประกายของหญิงสาวที่อยู่นอกหน้าต่างก็ประกายความเคียดแค้นออกมา
แสงสีทองประกายผ่านปลายนิ้วของหลินลั่วหรานก่อนที่ประกายลงที่กระจกกันะุจนเกิดเป็รูปร่างทรงกลมขึ้นมา แต่กระจกบานนั้นกลับไม่ได้แตกออกไปเลยแม้แต่น้อย!
เอ๋...
หลินลั่วหรานใขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เสียงบางอย่างจะดังขึ้นบนหัวของเธอพร้อมกับมีของที่รูปร่างคล้ายกับระฆังอันใหญ่ตกลงมาจาก้าหลังคาและครอบลงที่ตัวของหลินลั่วหรานมันน่าจะมีน้ำหนักกว่าห้าร้อยกิโลกรัม แรงกระแทกของมันทำให้ระเบียงชั้นสองพากันสั่นะเืไปทั่ว หากว่าคฤหาสน์ตระกูลโจวนั้นไม่ได้ถูกสร้างเอาไว้เป็อย่างดีดูเหมือนว่าแม้แต่ระเบียงตรงนี้ก็น่าจะต้องทลายลงไปด้วย
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานถูกขังเอาไว้ในระฆังแล้วคุณนายโจวก็ดีใจขึ้นมาจนห้ามตัวเองไม่ได้มีเพียงนายทหารโจวที่ยังคงอยู่ในความสงบเฉกเช่นเดิม
“ครืด” เสียงของกลไกบางอย่างดังขึ้นสกุลเก่าแก่อย่างตระกูลโจว ในตัวของห้องหนังสือ มี “ประตูลับ” บางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดซ่อนอยู่ และในตอนนี้ประตูนั้นก็ถูกเปิดออกร่างของชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมยาวคนหนึ่งปรากฏออกมาให้เห็น
“ท่านเ้าสำนัก แผนของท่านช่างสมบูรณ์แบบเสียจริงปีศาจสาวถูกจับกุมเอาไว้แล้ว พวกเราจะทำขั้นตอนต่อไปเลยหรือไม่?” นายทหารโจวโค้งตัวลงคำนับ ดูท่าทางแล้วเขาน่าจะให้ความเคารพกับนักปราชญ์คนนี้ไม่น้อย
ใครบอกว่าตระกูลโจวจะต้องคอยพึ่งแต่คนอื่นล่ะ?
สายเืของคุณปู่โจวต่างหากที่น่าพึ่งพา! ก็เหมือนกับ “ปรมาจารย์” ที่นายทหารโจวใช้วิธีมากมายจนสามารถเชิญมาได้ท่านนี้เขาคิดแผนการทำตัวให้ตกเป็เป้านิ่งแบบนี้ มันสมบูรณ์แบบไปเลยไม่ใช่เหรอ?
นายทหารโจวนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ความกดดันในหลายๆวันที่ผ่านมาของคุณนายโจวหายไปในพริบตา โดยที่พวกเขาทั้งสองนั้นไม่ได้สังเกตเลยว่ามือทั้งสองของ “ปรมาจารย์” ที่เขาเชิญมานั้นกำลังสั่นสะท้านไปหมด
พูดกันตามตรงเลยนะ! ถ้าเขารู้ว่าคนที่สร้างปัญหาให้กับตระกูลโจวในครั้งนี้คือผู้าุโระดับพื้นฐาน แม้ว่าคำสัญญาของนายทหารโจวจะน่าดึงดูดมากเพียงใด เขาก็ไม่มีทางที่จะลากตัวเองมาลำบากที่ตรงนี้อย่างแน่นอน!
แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี…ความคิดมากมายไหลผ่านไปมาในหัวของนักปราชญ์วัยกลางคนคนนี้เขายังคงคิดขึ้นมาว่าอย่างน้อยก็โชคดีที่ระฆังทองแดงที่ผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่งจากเขาและกระจกนี้ก็น่าจะสามารถป้องกันการโจมตีจากระดับพื้นฐานได้บ้างแต่ในขณะนั้นเองระฆังทองแดงก็ส่งเสียงแสดงการขยับสั่นไหวขึ้นมา
“แควก” ระฆังทองแดงขยับสั่นไหวแต่เสียงนั้นดูไม่เหมือนเสียงของการกระทบกันของโลหะเลยแม้แต่น้อยมันกลับดูเหมือนเสียงมีดคมกำลังตัดผ่ากระดาษใบหนึ่งมากกว่า
ใช่แล้ว ระฆังทองแดงที่ผ่านการเพิ่มความแข็งแรงนี้ ก็ราวกับกระดาษแผ่นบางๆที่กำลังถูกคนใช้มีดคมกรีดลงไป
แสงสีขาวประกายขึ้นมา ก่อนที่ระฆังทองแดงจะแตกแยกออกเป็สองส่วนและล้มลงไปข้างๆ
ในระหว่างที่คุณนายโจวกำลังใจนอ้าปากค้างอยู่นั้น หลินลั่วหรานที่ไม่ได้รับาเ็เลยแม้แต่น้อยถือดาบเอาไว้ในมือข้างขวา เธอยืนอยู่ท่ามกลางซากของระฆังทองแดง และจ้องมองมายัง “ปรมาจารย์” ที่พวกเขาเชิญมาผ่านกระจกกันะุ
ตาของนักปราชญ์วัยกลางคนเบิกโตขึ้นนี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปร่างลักษณะของนักปราชญ์ระดับพื้นฐานคนนี้ชัดๆ
สาวน้อยอายุสิบยี่สิบปี?
เขาเพียงฝึกหนักอยู่ในป่าสิบกว่าปีเท่านั้นเองทําไมโลกแห่งการฝึกศาสตร์ในตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้? แล้วมีนักปราชญ์ระดับพื้นฐานที่ละอ่อนขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร? อีกทั้งเป็ผู้หญิงอีกต่างหาก นิ้วมือของนักปราชญ์วัยกลางคนแข็งทื่อใครจะไม่รู้บ้างว่า นักปราชญ์สาวนั้นเป็สิ่งที่พูดจาด้วยยากที่สุดแล้วแล้วนี่จะเป็เื่ดีได้อย่างไร
ใบหน้าของนักปราชญ์วัยกลางคนนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากแล้วเขาจะสามารถเห็นแววตาขอความช่วยเหลือ ที่ถูกส่งมาจากคุณนายโจวได้อย่างไรตอนนี้ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่า จะหาทางเอาตัวรอดออกไปได้อย่างไร!
หลินลั่วหรานส่งเสียงในลำคอออกมา ก่อนที่จะยก “เจาเจี้ยน” ขึ้นฟันลงบนกระจกกันะุแม้ว่าจะเป็กระจกที่ถูกเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยเวทลึกลับบางอย่างเอาไว้แต่ก็ยังคงไม่อาจจะต่อต้านแรงของอาวุธเวทระดับห้าได้ มันจึงแตกกระจายลงสู่พื้น
ปลายสายตาของนักปราชญ์วัยกลางคนเห็นได้ว่าเศษกระจกที่แตกลงมานั้นต่างก็ถูกเคลือบไปด้วยเกล็ดหิมะ จนตัวเขาต้องสั่นสะท้านขึ้นมา
กระจกที่แตกกระจาย ก็เหมือนกับหัวใจของคุณนายโจวที่แตกสลายเช่นกัน
ในตอนที่หลินลั่วหรานเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องหนังสือคุณนายโจวก็กลายร่างเป็สัตว์ป่าไปเสียแล้วเธอพุ่งเข้ามาหวังจะฉีกกระชากร่างของหลินลั่วหรานแต่แน่นอนว่าเธอถูกเตะกระเด็นออกไปโดยที่ยังไม่ได้แตะต้องแม้แต่ชายเสื้อผ้าของหลินลั่วหราน
ตัวของนายทหารโจวทรุดลงไปทันที และครั้งนี้เขาไม่ได้แสดงอีกต่อไปแล้วแต่เป็เพราะว่ารู้สึกสิ้นหวังกับการดิ้นรนในครั้งนี้แล้วจริงๆอิทธิพลมากมายอะไรต่างก็ไม่สามารถที่จะใช้ปกป้องชีวิตของเขาได้เลย
นักปราชญ์วัยกลางคนทิ้งตัวลงคำนับ ก่อนจะเรียก “ท่านผู้าุโ” ออกมาอย่างว่าง่ายหลินลั่วหรานจึงตอบกลับไปอย่างไร้ความรู้สึกว่า “มีความสามารถทางด้านนี้ดีนะ” และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาต้องก้มหัวลงต่ำลงไปอีก
หลินลั่วหรานไม่ได้ชมอะไรเขาแต่นักปราชญ์วัยกลางคนคนนี้มีระดับการศึกษาอยู่ใน่ฝึกลมปราณตอนกลาง และก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายการมีอยู่ของเขาได้เลยแม้แต่น้อยดังนั้นในเื่การหลบซ่อนกลิ่นอายของตัวเองแล้ว เธอก็ยอมรับเลยว่าเขามีความสามารถทางด้านนี้จริงๆ
หลินลั่วหรานนั้นคิดอยู่หลายครั้งว่าเธอจะจัดการกับพ่อและแม่ของโจวเหย้าเวยอย่างไรดีมันถึงจะรุนแรงและสามารถกำจัดความแค้นที่เธอมีออกไปได้
แต่ว่าเมื่อตอนนี้ได้เห็นสภาพที่ดูแก่ลงไปกว่าสิบปีของนายทหารโจวและสภาพที่ดูไม่ได้ของคุณนายโจวแล้วหลินลั่วหรานก็รู้สึกว่าการแก้แค้นนั้นช่างจืดชืดเสียเหลือเกิน
แต่ว่าเื่มาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้เธอปล่อยพวกเขาไปหลังจากนั้นก็รอให้คนที่สูญเสียลูกชายและอับอายขายขี้หน้าอย่างตระกูลโจวนั้นกลับมาแก้แค้นก็คงจะเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ดังนั้นเธอจึงไม่มีความคิดที่จะทรมานพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นในตอนที่นักปราชญ์วัยกลางคนกำลังอดทนสั่นสะท้านอยู่นั้นหลินลั่วหรานก็จัดการเผาไหม้นายทหารโจวและคุณนายโจวด้วยลูกไฟทั้งสองนั้นไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปออกมาก็ถูกฆ่าตายด้วยวิธีการเดียวกันกับลูกชายสุดที่รักของพวกเขาไปเสียแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงร้องของคุณนายโจว หยาดเหงื่อก็ไหลซึมออกมาทั่วตัวของนักปราชญ์วัยกลางคนเมื่อหลินลั่วหรานจัดการเื่สำคัญของวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ทิ้งสายตาลงมาที่ตัวของเขา จนเขาอดที่จะกลัวขึ้นมาไม่ได้
ใครบอกว่านักปราชญ์ไม่กลัวตายกัน?
คนที่เคยแต่ััความร่ำรวยมาตลอดต่างหาก ที่จะยิ่งกลัวความอดอยาก
มันก็เหมือนกัน มีเพียงนักปราชญ์ที่เฝ้าตามหาชีวิตอันยืนยาวเท่านั้นที่จะเกรงกลัวความตายมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
และในตอนนั้นเอง นักปราชญ์วัยกลางคนก็คิดถึงประโยคที่หลินลั่วหรานพูดขึ้นมาตอนที่เข้ามายังห้องนี้ มีความสามารถทางด้านนี้ดีนะ แน่นอนว่าเขารู้ว่าเขาสามารถตบตาของนักปราชญ์ระดับพื้นฐานได้ด้วยความสามารถนี้
“ไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลโจวจะมีความบาดหมางกับท่านผู้าุโตัวข้าเข้าใจคำพูดของเขาผิดไป จึงโจมตีท่านผู้าุโ ข้ายินดีที่จะมอบ “เวทควบคุมการหายใจ” เพื่อขอให้ท่านยกโทษให้อภัยข้า…”
ท่าทางกลัวสั่นระริกของเขานั้น ทำให้หลินลั่วหรานยิ่งแน่นิ่งไป
ทำไมล่ะ ฉันดูเหมือนโจรปล้นบ้านมากเลยเหรอ