เหล่าไท่ไท่มีความสุขทันที “คุณชายสือและคุณชายเจี้ยนมาหรือ? น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถไปทักทายพวกเขาด้วยตนเองได้ คราวที่แล้วตอนที่ชวนเป่ยมาเยี่ยมข้า อายุของพวกเขาเพิ่งสามสี่ขวบเท่าคุณชายจูและคุณชายเว่ยขณะนี้ ผ่านมาสิบปีแล้ว พวกเขาคงโตเป็หนุ่มแล้วกระมัง”
หยางมามาหอบหายใจพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮู้...ก่อนหน้านี้ฮูหยินเผิงจากเมืองหลวงมาหาบ่าวพร้อมบอกว่าแม้เหล่าไท่ไท่และไท่ไท่แห่งจวนตระกูลหลัวตะวันตกจะยินดีต้อนรับสองนายน้อยตระกูลเผิงไปอาศัยในจวนอย่างอบอุ่น แต่กระนั้นเมื่อนางเห็นอนุและนางบำเรอของเหล่าเหยียและไท่เหยียที่มีมากกว่าห้าหกสิบนาง ฮัดชิ่ว บางส่วนก็มักแต่งตัวแปลก ๆ เหมือนชุดราชวงศ์ถัง เผยหน้าอกขาวเนียนขนาดใหญ่ เหล่ากูไท่ไท่จึงกลัวว่าหนึ่งในนั้นจะมีนางสุนัขจิ้งจอกที่อาจมีอิทธิพลไม่ดีต่อคุณชายทั้งสอง...” เหล่าไท่ไท่กระแอมให้หยางมามาหยุดเอ่ย ไม่เหมาะสมนักหากจะพูดเช่นนี้ต่อหน้าเด็กหญิงตัวเล็กเช่นเสี่ยวอี้
เฟิงจิ่วกูเตือนเหล่าไท่ไท่ “ท่านพี่ เื่ด่วนในตอนนี้คือจะจัดให้แขกทั้งสองอยู่ที่ใด ข้าคิดว่าควรนำเื่ไปแจ้งเอ้อร์ไท่ไท่ก่อน แล้วก็เื่คุณหนูสี่…”
“อืม...เรือนสีชั่งในจวนหลัวของพวกเราใหญ่โตโอ่อ่าและมีห้องมากมาย ทั้งยังมีพื้นที่ป่า ให้พวกเขาอยู่เรือนสีชั่งก็แล้วกัน” เหล่าไท่ไท่สั่งต่อ “ดูแลชีวิตประจำวันของพวกเขาให้ดี รับใช้พวกเขาเช่นเดียวกับคุณชายเฉียน เราต้องปฏิบัติต่อแขกทั้งสองให้ดีที่สุด”
หยางมามากล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เหล่าไท่ไท่ เรือนสีชั่งและเรือนเถาเหยาถูกสร้างติดกัน ข้ากลัวว่าพวกเขาอาจใกล้กันเกินไป…”
เหล่าไท่ไท่หัวเราะพลางเอ่ย “ไม่ต้องกังวล เสี่ยวอี้ยังเด็กเกินกว่าจะใส่ใจเื่นี้ ชวนเป่ยและชวนสยงก็เป็ลูกพี่ลูกน้องกัน คุณชายสือและคุณชายเจี้ยนก็เป็ลูกพี่ลูกน้องกับเสี่ยวอี้ เผิงเฮ่าก่วงผู้เป็พ่อของพวกเขาก็ยังเป็ชู่จี๋ซื่อ[1] สามารถพูดคุยกับฮ่องเต้ได้… ในไม่ช้าทั้งสามจะกลายเป็เพื่อนเล่นที่ใกล้ชิดที่สุด ข้าดีใจที่ได้เห็นเช่นนั้น” จากนั้นเหล่าไท่ไท่ก็เอ่ยผ่านม่านกั้น “เสี่ยวอี้ หากเ้า้าแต่งงานกับหนึ่งในนั้นก็มาหาข้า ข้าจะช่วยเ้าแน่นอน”
เผิงสือและเผิงเจี้ยน? เหอตังกุยอดหัวเราะในใจไม่ได้ แม้เหล่าไท่ไท่จะมีเจตนาดี แต่น่าเสียดายที่เหล่าไท่ไท่เลือกคนผิด
ชาติที่แล้วหลังกลับจากวัดสุ่ยซัง เหอตังกุยได้ยินสาวใช้พูดคุยเกี่ยวกับเื่ที่หลัวไป๋ฉยงตกหลุมรักเผิงสือคุณชายแห่งตระกูลเผิงที่อายุมากกว่านางสองปี หลัวไป๋ฉยงจึงขอร้องให้ซุนเหม่ยเหนียงผู้เป็มารดาเจรจางานแต่งให้ ตอนแรกซุนเหม่ยเหนียงไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่าระดับทางสังคมของตระกูลเผิงต่ำกว่าตระกูลหลัว จึงไม่เหมาะสมหากหลัวไป๋ฉยงจะแต่งงานกับเผิงสือ เหอตังกุยเข้าใจว่าขณะนั้นซุนเหม่ยเหนียงวางแผนให้หลัวไป๋ฉยงเข้าร่วมคัดเลือกสาวงามในราชวัง การแต่งงานจึงไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าซุนเหม่ยเหนียงทนความดื้อรั้นของหลัวไป๋ฉยงไม่ไหว จึงทิ้งศักดิ์ศรีและขอให้เจียวผอจื่อเป็แม่สื่อเจรจาสู่ขอ ทว่าตระกูลเผิงกลับปฏิเสธ ทำให้ซุนเหม่ยเหนียงเดือดดาลมาก ถึงขั้นแอบส่งคนไปสอบถามจึงรู้ว่าเผิงสือและเผิงเจี้ยนเป็สหายเรียนของจูอวินเหวินผู้เป็หลานชายคนโตของฮ่องเต้ พวกเขาจะมีอนาคตยาวไกล เนื่องจากสหายเรียนหลายคนขององค์รัชทายาทผู้ล่วงลับได้กลายเป็พระอาจารย์ขององค์รัชทายาทและขุนนางชั้นสูงขั้นสามขึ้นไปแห่งวังบูรพา
ซุนเหม่ยเหนียงจึงขอความช่วยเหลือจากเหล่าไท่ไท่ทว่าเหล่าไท่ไท่ก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน กล่าวกันว่าเผิงสือไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ท้ายที่สุดแม่สื่อจากตระกูลหลัวทั้งหมดล้วนถูกส่งกลับด้วยความหงุดหงิด ตระกูลหลัวเสียหน้าและเสียศักดิ์ศรียิ่งนัก เผิงสือและเผิงเจี้ยนกล่าวอำลาเหล่าไท่ไท่หลังเรียนจบจากสำนักศึกษาเฉิงซวี่ได้ไม่ถึงครึ่งปี ดังนั้นเมื่อเหอตังกุยกลับมาจึงไม่ได้พบหน้าพวกเขา
ต่อมานายท่านผู้เฒ่าหลัวตู้ซ่งแห่งตระกูลหลัวในเมืองหลวงได้ยินเื่นี้ด้วยไม่้าให้เกิดความแตกแยกระหว่างตระกูลจึงพาหลานชายทั้งสองไปเยี่ยมตระกูลหลัวในเมืองหยางโจวด้วยตัวเอง ซุนเหม่ยเหนียงยินดีอย่างยิ่งที่จะได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาในเรือนฉินเป่าเพื่อจับคู่ลูกสาวทั้งสองกับเหล่าคุณชายตระกูลเผิง ทว่าเหอตังกุยไม่ได้รับเชิญจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในงานเลี้ยงนั้น ท้ายที่สุดงานเลี้ยงก็เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมก่อนเลิกราอย่างไม่มีความสุข กระทั่งหลัวไป๋ฉยงแต่งงานกับตระกูลเหลียงทางตอนเหนือก็ยังมีบางคนในตระกูลหลัวพูดถึงเื่ต่าง ๆ เช่น “หลัวไป๋ฉยงยั่วยวนลูกพี่ลูกน้องของตน” และ “ฉวยโอกาสไม่สำเร็จ”
เหอตังกุยคิดว่าสาเหตุที่เหล่าไท่ไท่้าจับคู่พวกเขาก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลหลัวในเมืองหลวง หากหลานสาวแต่งงานกับตระกูลเผิงได้สำเร็จ ไม่เพียงทั้งสองครอบครัวจะใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น แต่เหล่าคุณชายในตระกูลหลัวอาจมีโอกาสบนเส้นทางของขุนนางมากขึ้นด้วย เมื่อเหอตังกุยได้ยินคำพูดของเหล่าไท่ไท่ก็ไม่แปลกใจหรือสนใจเท่าไรนัก ด้วยคิดว่าเมื่อตระกูลเผิงดูถูกสตรีงามเช่นหลัวไป๋ฉยง พวกเขาก็คงไม่มีทางชอบตน แผนการจับคู่ไม่จริงจังของเหล่าไท่ไท่ อย่างมากก็เป็เพียงความ้าส่วนตัวของนางเท่านั้น
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบใดจากนอกม่าน หยางมามาจึงคิดว่าคุณหนูสามเขินอายจึงจามขัดจังหวะเหล่าไท่ไท่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ ก่อนพูดคุยเื่ตลกวัยเด็กของเผิงสือและเผิงเจี้ยนที่หลัวชวนเป่ยเคยกล่าวถึง ทำให้เหอตังกุยเหงื่อออกเล็กน้อย
“หยางมามา คุณชายจูยังนอนไม่ได้สติอยู่ด้านในใช่หรือไม่?” จิ่วกูไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปพลันเอ่ยต่อ “ข้าจะส่งสือหลิวไปรายงานเอ้อร์ไท่ไท่ให้จัดการพาคุณชายทั้งสองไปอาศัยที่เรือนสีชั่ง และดูแลพวกเขาเช่นเดียวกับที่ดูแลคุณชายใหญ่” กล่าวจบก็หันหลังจากไป
เหล่าไท่ไท่นึกถึงเื่สำคัญจึงรีบเอ่ย “จิ่งหยาง ก่วงหัง พวกเ้ารีบไปห้องปรุงยาทางลานทิศใต้ ตีคุณหนูเส่าให้สลบแล้วพานางออกมา อย่าให้ใครเห็นล่ะ... อ้อ อย่าลงมือหนักเกินไป แต่ก็อย่าให้นางตื่นขึ้นมาง่าย ๆ หาผ้านุ่มสักผืนห่อนางไว้ก่อนนำไปใส่ในรถม้า แล้วไปส่งที่วัดสุ่ยซังโดยเร็วที่สุด”
เหอตังกุยประหลาดใจกับท่าทีเด็ดขาดของเหล่าไท่ไท่ไม่น้อย ตีให้สลบแล้วออกไปโดยไม่ให้ใครเห็น? ส่งตัวไปวัดสุ่ยซังโดยเร็วที่สุด? ฮ่า ๆ ดูเหมือนตอนนี้ทั่วร่างกายของหลัวไป๋เส่าจะเต็มไปด้วยพิษ สีหน้าของผานจิ่งหยางประหลาดใจมาก “ตีคุณหนูสี่ให้สลบแล้วพาตัวไป? ทำเช่นนั้นด้วยเหตุใดขอรับ?”
ทันใดนั้นเฟิงจิ่วกูก็เดินเข้ามาพลางเอ่ย “ข้าให้สือหลิวไปเรือนฉินเป่าเพื่อรายงานแล้ว คุณหนูสาม ฉานอีสาวใช้ของเ้ากลับมาแล้ว นางรอเอยู่ที่ประตูเรือน”
“เื่นี้ดีสำหรับนาง ขอเพียงเ้ารีบทำเื่นี้ให้เร็วที่สุดก็พอ” เหล่าไท่ไท่กล่าวอย่างเด็ดขาด นางฟังคำแนะนำของหยางมามาโดยตลอดแต่เหตุที่นางยื้อเวลาก็เพราะทนเห็นหลานสาวต้องทนทุกข์ทรมานในวัดสุ่ยซังไม่ได้ ทว่าตอนนี้นางตัดสินใจแล้ว นางแสร้งเป็ทองไม่รู้ร้อนไม่ได้อีกต่อไปจึงเริ่มออกคำสั่ง “ทุกคนฟังให้ดี ข้าทำเพื่ออนาคตของคุณหนูเส่าโดยจะส่งนางไปที่วัดสุ่ยซังเป็เวลาครึ่งปี พวกเ้าทุกคนต้องเก็บเื่นี้เป็ความลับ ห้ามพูดเื่คุณหนูเส่ากับครอบครัวสาขาสองหรือใครก็ตามในตระกูลหลัวเด็ดขาด”
ก่วงหังอดถามไม่ได้ “คุณหนูสี่ทำอะไรผิดขอรับ เหตุใดเหล่าไท่ไท่ต้องลงโทษนางเช่นนี้?”
ขณะเหล่าไท่ไท่และหยางมามาอธิบายเื่ผงเตียวซานเย่า เหอตังกุยก็ออกจากห้องโถงใหญ่เงียบ ๆ ก่อนเห็นฉานอีที่มีโคลนเปื้อนใบหน้า พลันขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเ้าสกปรกเพียงนี้ เจ็บตรงไหนหรือไม่?”
ฉานอีโผกอดเหอตังกุยพลันร้องไห้ทันที “คุณหนู ข้าเห็นสัตว์ประหลาดดูดเืตัวนั้น เขามีดวงตาสีม่วง น่ากลัวมากเ้าค่ะ”
เหอตังกุยเหลือบมองหลี่มามาและผิ่นมามากระซิบกระซาบที่ประตูห้องโถงใหญ่ ก่อนดึงฉานอีเข้ามุมเพื่อดูให้แน่ใจว่านางไม่ได้รับาเ็ เหอตังกุยเอ่ยถาม “เ้าเห็นหน้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นหรือไม่? หนีมันมาได้อย่างไร? เคยเอ่ยเื่นี้กับใครบ้าง?”
ฉานอีพยายามใช้มือสกปรกเช็ดน้ำตาแต่กลับถูกเหอตังกุยห้ามไว้ ก่อนทำหน้ามุ่ยพลางส่ายหัว “ข้าซ่อนตัวหลังหิน สัตว์ประหลาดจึงไม่เห็นข้า ทว่าเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นดูดเืคน ข้าก็เผลอะโ มันได้ยินจึงเดินมาหาข้าเพื่อจะดูดเืข้า แล้วผู้ชายท่าทางแปลก ๆ สองคนที่ชื่อเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ก็ช่วยพาข้าหนี คุณหนู ข้าเคยได้ยินว่าแม้สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะไม่เห็นว่ารูปร่างหน้าตาของเราเป็อย่างไร แต่เมื่อมันได้กลิ่นของเรา มันจะ... ”
เหอตังกุยยกมือเป็เชิงบอกให้นางหยุดพูดแปลก ๆ ก่อนเอ่ยกำชับเสียงเบา “จำไว้ว่าอย่าพูดเื่นี้กับคนอื่นแม้แต่ไฮว่ฮวา มีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี เ้าไม่ต้องกลัว กลับห้องแล้วอาบน้ำอุ่นเสีย ข้าจะถามเื่นี้กับเ้าภายหลัง วางใจเถอะ ยามกลางวันสัตว์ประหลาดไม่ชอบออกมาข้างนอก เ้าเป็คนฉลาด รีบกลับเถิด”
หลังฉานอีจากไป เหอตังกุยก็กลับไปห้องโถงใหญ่พลันได้ยินเหล่าไท่ไท่อธิบายเื่คุณหนูเส่าให้องครักษ์ทั้งสองฟัง
“หงเจียงแนะนำข้าและข้าก็คิดว่าค่อนข้างเหมาะสม พวกเ้าจำให้ดี ข้าจะบอกแม่ของคุณหนูเส่าว่าคุณหนูเส่าขอกลับเมืองหลวงพร้อมป้าชวนเป่ยเพื่อดูละครเหลียนซวี่และเข้าร่วมการแข่งขันความสามารถแสนคึกคักของเหล่าคุณหนูคุณชาย แต่ชวนเป่ยจากไปด้วยความเร่งรีบ คุณหนูเส่าจึงไม่มีเวลาขออนุญาตแม่ของนาง ข้าจึงเป็คนอนุญาตให้นางไปเมืองหลวง นางเคยไปตระกูลหลัวในเมืองหลวงแล้วสามครั้ง ดังนั้นแม่ของนางจะไม่แปลกใจ”
เหอตังกุยนั่งบนเก้าอี้เล็กพลางเอ่ยถาม “น้องสี่จะไปพักที่ตระกูลหลัวในเมืองหลวงในฐานะ ‘แขก’ เป็เวลาครึ่งปีหรือเ้าคะ? ป้าสะใภ้รองจะไม่ส่งคนไปรับนางหรือ ข้าจำได้ว่าพี่รองชอบละครเหลียนซวี่เช่นกัน จะเป็อย่างไรหากนางรู้เื่แล้วเกิดอิจฉา ทั้งยังวิ่งไปที่เมืองหลวงเพื่อตามหาคุณหนูสี่?”
หยางมามายิ้มก่อนเอ่ยตอบ “ความกังวลใจของท่าน ข้าคิดมาแล้ว เมื่อผ่านไปเดือนหนึ่ง เหล่าไท่ไท่ก็สามารถบอกเอ้อร์ไท่ไท่ได้ว่าคุณหนูสี่พบท่านอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการชงชาที่มีชื่อเสียง ตั้งใจจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะฝึกชงชาได้อย่างชำนาญ เอ้อร์ไท่ไท่ต้องดีใจที่ได้ยินคุณหนูสี่ทุ่มเทมากเพียงนี้ นางต้องยอมให้คุณหนูสี่อยู่ที่จวนตระกูลหลัวในเมืองหลวงแน่นอน พวกเราก็จะสามารถยื้อเวลาได้ หนึ่งปีก็ไม่มีปัญหา”
เหอตังกุยพยักหน้าเล็กน้อยพลางคิดในใจ ‘การเรียนรู้ศิลปะการชงชาเป็ข้อแก้ตัวที่ดีจริง ๆ ั้แ่ปลายราชวงศ์หยวน ความสนุกสนานและความเพลิดเพลินบางอย่างของราชวงศ์ถังและซ่งก็เฟื่องฟู ศิลปะการชงชาเป็ที่โปรดปรานของขุนนางในพื้นที่ทางใต้ หญิงสาวฝีมือดีด้านการชงน้ำชาจะได้รับความนิยมมากกว่าสาวงามที่เอาแต่ร้องเพลง สตรีสูงศักดิ์ที่มีฝีมือชงชามักเป็ที่ชื่นชอบและดึงดูดความสนใจจากตระกูลชนชั้นสูงได้มากกว่า เทียบเท่าการเรียนรู้ในสำนักศึกษาเฉิงซวี่ถึงสามปี ดังนั้นสตรีผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการชงชาที่มีชื่อเสียงจึงน่าแย่งชิงยิ่งนักในเมืองหยางโจว เื่นี้ตระกูลหลัวตงไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลกวนและตระกูลซุนได้ คุณหนูตระกูลหลัวจึงไม่มีโอกาสเรียนรู้ศิลปะการชงชา ซุนเหม่ยเหนียงมักส่งหลัวไป๋ฉยงไปอาศัยในตระกูลซุนสองสามวันเพียงเพื่อให้นางมีโอกาสติดตามญาติสตรีไปเรียนรู้ศิลปะการชงชาจากท่านอาจารย์หวงผู้มีชื่อเสียงด้าน “ชาไร้กลิ่น”
ขณะเดียวกันเหล่าไท่ไท่ก็กล่าวเสริม “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ยอมให้คุณหนูฉยงไปหาน้องของนางที่เมืองหลวงแน่นอน เดือนหน้าเป็วันเปิดเรียนของสำนักศึกษาเฉิงซวี่ คุณหนูฉยงคงจะยุ่งกับการเรียนจนไม่มีเวลาว่างดูละครเหลียนซวี่ เสี่ยวอี้ เ้าคุ้นเคยกับวัดสุ่ยซังดี มีสิ่งจำเป็้าสั่งก่วงหังหรือไม่?”
เหอตังกุยส่ายหัว “อย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะส่งน้องสี่ไป แต่หากท่านยายยืนยันหนักแน่น ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด” ผานจิ่งหยางและก่วงหังต่างเคารพเอ้อร์ไท่ไท่ยิ่งนัก อีกทั้งพวกเขาอาจเป็สายลับของนาง ดังนั้นเหอตังกุยจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไร
หยางมามาไม่พอใจคำตอบของคุณหนูสาม นางนึกถึงสิ่งที่ได้ยินในวัดสุ่ยซังจึงช่วยคุณหนูสามตอบด้วยความหวังดี “บ่าวถามทั่วทั้งวัดสุ่ยซัง แม่ชีไท่ซั่นที่ดูแลวัดและลูกศิษย์ของนางล้วนมีน้ำใจและฉลาด ตราบใดที่เราเอ่ยความ้า พวกนางจะพยายามเต็มที่แน่นอน หรือพวกเราควรเขียนจดหมายฝากองครักษ์ผานสักฉบับ ดีหรือไม่? ข้าได้ยินว่าแม่ชีเ่าั้ไม่ชอบเงิน หากพวกเรานำเงินไปมากอาจได้ผลลัพธ์ในทางกลับกัน แต่พวกเราสามารถบริจาคได้จนกว่าจะรับตัวคุณหนูสี่กลับมา เหล่าไท่ไท่ พวกเรายังไม่ได้ให้คุณหนูสี่รินน้ำชาขอโทษคุณหนูสามเหตุที่นางทำให้คุณหนูสามต้องทนทุกข์ทรมานใน่ครึ่งปีที่ผ่านมา”
เหอตังกุยไม่้าให้เกิดปัญหาจึงรีบปฏิเสธ “ไม่จำเป็เ้าค่ะ พวกเราเป็พี่น้องกัน ข้าไม่้าให้นางขอโทษเ้าค่ะ” ความเสียหายเ่าั้ต้องตอบแทนมากกว่าคำขอโทษ
เมื่อเห็นคุณหนูสามใจกว้างเช่นนี้ หยางมามาและเหล่าไท่ไท่จึงไม่พูดถึงเื่นี้อีกต่อไป
หลังหยางมามาบรรยายเสร็จสิ้น เหอตังกุยก็ฝนแท่งหมึก ด้านเฟิงจิ่วกูก็เขียนตามที่หยางมามากล่าว จดหมายระบุว่า “ถึงแม่ชีไท่ซั่น” เหล่าไท่ไท่คิดอย่างถี่ถ้วนอีกหนึ่งรอบ ไม่ว่าจะส่งคุณหนูเส่าไปขัดเกลานิสัยที่วัดสุ่ยซังหรือบอกสถานที่ที่นางจะไปให้คนนอกฟัง เหตุผลเ่าั้ล้วนเป็เหตุผลที่ชาญฉลาด ไม่มีช่องโหว่แม้แต่นิด ดังนั้นเหล่าไท่ไท่จึงสั่งเพิ่มเติม “จิ่งหยาง ก่วงหัง พวกเ้ารีบจัดการเื่นี้ให้เร็วที่สุด หลังจากพวกเ้ากลับมา ก็เข้าไปค้นหาผงยาพิษทั้งหมดออกมาทำลายในนาม ‘เข้าไปช่วยคุณหนูเหอย้ายของและตกแต่งเรือนใหม่’ ”
หลังผานจิ่งหยางและก่วงหังจากไป เหอตังกุยก็เงยหน้าจ้องใยแมงมุมบนคานก่อนเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง “หมออูเ้าคะ คุณชายจูกินยาเิฮั่นที่มีพิษเล็กน้อย แต่เหตุใดอาการจึงรุนแรงเช่นนี้? เขาจะไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
-----------------------------------------------------------
[1] ชู่จี๋ซื่อ หมายถึงตำแหน่งเฉพาะกิจในสำนักศึกษาฮั่นหลิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้