การให้คนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านที่เป็ของเธอและเขาั้แ่แรก......... เป็เพราะขัดสนเื่เงินจริงๆน่ะเหรอ...... หรือว่าเวลาที่ผ่านไปสักพักทำให้ในที่สุดเขาก็เริ่มใจอ่อนที่ละน้อย...... หรือเพราะโดดเดี่ยวมานาน จิตใต้สำนึกของตนเองจึงปรารถนาที่จะมีใครสักคนไว้พูดคุยด้วย ใครสักคนที่จะมาเป็เพื่อนกัน
จิตใจของเขาเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่ามันเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆั้แ่วันที่กั่วกัวปรากฏตัวขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็ความปรารถนาตามธรรมชาติหรือจิตใจส่วนลึกของตัวเอง ก็จงยอมรับและเฝ้าคอยการพัฒนาต่อไปเถอะ เธอหวังว่าจะทำให้ฉันมีความสุขตลอดไป จะไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกตลอดไป....... แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ควรเป็เหมือนกับในอดีตที่เปลี่ยนไปราวกับซากศพเดินได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงดิ้นรนหาทางออกในอีกโลกหนึ่ง.......
“นายท่าน อมยิ้ม อมยิ้ม.....”
น้ำเสียงของกั่งกัวอ่อนแรงลง มันอ่อนระโหยเหมือนกับเธอเพิ่งตื่นนอนอย่างไรอย่างนั้น ั้แ่ซูเฟยเฟยก้าวเข้าประตูบ้านมา เธอก็เรียกหาแต่ “อมยิ้ม” อยู่ตลอด..... ไม่หยุดจนมาถึงตอนนี้....... มันช่างเป็ความรั้นที่น่ากลัวจริงๆ และในเวลานี้เย่เทียนเซี่ยก็กำลังอดทนไม่ให้เสียงของเธอมีผลต่อเขา
“อีกซักพัก รอให้คนพวกนั้นออกไปให้หมดก็จะมีอมยิ้มกินแล้ว” เย่เทียนเซี่ยอธิบายอีกครั้ง
สายตาของกั่วกัวเปล่งประกาย น้ำใสๆคลอหน่วยตามมาด้วยหยดน้ำที่เหมือนใกล้จะไหลลงมาเต็มที ใน่ที่เขาอยู่ร่วมกันกับกั่วกัว เย่เทียนเซี่ยรู้ดีว่า....... น้ำตาของยัยตัวเล็กนี่ก็ไม่ต่างกับเงิน เพราะถ้าไม่ระวังให้ดีมันก็จะไหลออกมาทันที
“เฮ้อ.... ลูกสาวของเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชียเนี่ยมันเป็สิ่งล่อตาล่อใจที่ยากจะต่อต้านจริงๆ........ น่าเสียดาย” เย่เทียนเซี่ยมองไปด้านหน้า เขาพูดกับตัวเองอย่างอับจนหนทาง ถึงเธอจะสวยและรวยมากขนาดไหนก็ไม่อยู่ในสายตาเขาอยู่ดีเพราะเขามีนางฟ้าตัวจริงอยู่แล้ว ดังนั้นหญิงสาวธรรมดาจึงยากที่จะทำให้หัวใจเขาปั่นป่วนได้....... ถ้าต้องพูดจริงๆล่ะก็จนกระทั่งถึงวันนี้ก็มีเพียงเธอเท่านั้นได้ชื่อว่าเป็ “สาวงามที่สมบูรณ์แบบที่สุดในหัวเซี่ย”.........
แม้กระทั่งคนที่ดูจะแก่ที่สุดในบรรดาคนทั้งสี่คนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่นั่นก็ยังต้องเรียกเธอว่า “เจ้ใหญ่” แน่นอน
ซูลั่วจะพูดอะไรกับซูเฟยเฟย เย่เทียนเซี่ยก็ไม่ได้สนใจจะฟัง แต่ต่อให้ไม่ได้ฟังเขาก็พอจะเดาได้ ท่ามกลางการครุ่นคิดอย่างเงียบๆของเย่เทียนเซี่ยและความพยายามอย่างน่าสงสารของกั่วกัวเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงแดดบนท้องฟ้าด้านนอกก็เคลื่อนคล้อยไปแล้วไม่น้อย ในที่สุดเย่เทียนเซี่ยก็อดทนต่อไปไม่ไหว เขายกมือซ้ายขึ้นแล้วกดลงไปบนสายรัดข้อมือสีดำ......
“ติ๊ง! เพื่อรับประกันว่าร่างกายของท่านจะไม่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุขณะอยู่ในเกม ขอความกรุณาให้ท่านปรับท่าทางเป็ท่านั่งหรือท่านอน ทางเราแนะนำว่าควรจะเป็ท่านอนค่ะ”
โลกเบื้องหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลับมีเสียงผู้หญิงที่ดูคล้ายระบบคอมพิวเตอร์ดังขึ้นมาจากอุปกรณ์เชื่อมต่อเกมบนข้อมือของเขา เย่เทียนเซี่ยกระตุกยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก เขาหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินลงไปด้านล่าง แต่เสียง “ตึกๆๆๆ” ของการย่ำเท้าด้วยรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วใบหน้าสดใสของซูเฟยเฟยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเย่เทียนเซี่ย
หลายครั้งความเร็วในการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของผู้หญิงก็ทำให้ผู้ชายต้องตกตะลึงอย่างประหลาด ใบหน้าของซูเฟยเฟยในตอนนี้เต็มไปด้วยความสุข ไม่หลงเหลือร่องรอยของความเ็ปจนต้องกอดตัวเองทรุดลงร้องไห้กับกำแพงอีกเลย เธอแทบจะะโมาตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ยแล้วมองมาทางเขาพร้อมหัวเราะคิกคักออกมา “นี่! เทียนเซี่ย คุณนี่มันน่าทึ่งจริงๆ....... คุณพ่อของฉันไม่เพียงตอบตกลงให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปได้ แต่ยังให้บอดี้การ์ดทั้งหมดถอนตัวกลับไปด้วย แล้วยังบอกว่าคุณจะดูแลความปลอดภัยของฉันได้อย่างดีแน่นอน ไม่ว่าฉันจะออกไปที่ไหนไม่ว่าจะเป็กลางวันหรือกลางคืนก็ไม่ต้องกลัวหรือกังวลอีกแล้ว ...... คุณพ่อของฉันไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครง่ายๆ! คุณเกลี้ยกล่อมคุณพ่อของฉันยังไงเหรอ!”
“ฉันสกุลเย่” เมื่อถูกเฟยเฟยเรียกชื่อเทียนเซี่ยโดยตรง ในใจของเย่เทียนเซี่ยก็เกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
ซูเฟยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย “ต่อไปพวกเราก็จะอยู่บ้านเดียวกันแล้ว เรียกว่าเทียนเซี่ยมันดูสนิทสนมกันมากกว่านี่นา คุณก็เรียกฉันว่าเฟยเฟยก็ได้นะ”
เย่เทียนเซี่ยลูบจมูกไปมา หลีกเลี่ยงปัญหานี้ไปอย่างเนียนๆ “คุณหนูซู คุณพ่อผู้ยิ่งใหญ่ของเธอล่ะ?”
ซูเฟยเฟยไม่เข้าใจและไม่สนใจคำเรียกของเย่เทียนเซี่ย เธอยังคงยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน “คุณพ่อของฉันกลับไปแล้ว ฮิๆ ต่อไปนี้คุณก็จะมีสาวสวยอย่างฉันอยู่เป็เพื่อนแล้วนะคะ ดีใจมากเลยใช่ไหมลล่ะ”
“........คุณหนูซู ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจความหมายที่ฉัน้าจะสื่อนะ ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็กิจการของครอบครัวเธอ แต่ที่นี่ก็เป็บ้านของฉัน” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาด้วยใบหน้าหงุดหงิด
“โอ้...... คนสวยอย่างฉันยอมย้ายมาอยู่บ้านคุณเองแบบนี้ คุณยังจะไม่ตกลงอีกหรอ? คุณนี่เป็ผู้ชายที่ผิดปกติหรือเปล่าเนี่ย”
คำพูดของซูเฟยเฟยทำให้เย่เทียนเซี่ยกลืนประโยคหลังกลับมาทันที....... ถ้าหากไม่โต้เถียงเื่นี้ต่อไป เขาคงถูกสงสัยว่าเป็ผู้ชายไม่เต็มตัวแน่ ผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ทั้งสวยและบ้านรวย มักจะถูกจ้องมองด้วยสายตาชื่นชมและการไล่ตามจนกระทั่งพวกเธอเติบโตมันจึงหล่อหลอมจนกลายเป็ความภาคภูมิใจของตัวเองอย่างหนึ่ง........ หรือพูดง่ายๆก็คือหลงตัวเองนั่นแหละ เธอคิดว่าผู้ชายทั้งโลกจะต้องอยู่ในกำมือของเธอ วนเวียนอยู่รอบกายเธอ ถ้าเธอเป็คนเข้าใกล้หรือขอความช่วยเหลือจากผู้ชายคนไหน ก็ไม่ใช่เื่ยุ่งยากสำหรับผู้ชายคนนั้น หากแต่เป็พระคุณต่างหาก และถ้าผู้ชายคนไหนไม่เห็นเธออยู่ในสายตา........ ผู้ชายคนนั้นก็คงจะมีความผิดปกติทางความรู้สึกบางอย่างแน่นอน หรือไม่ก็เป็ความผิดปกติทางร่างกาย..... ไม่ก็สายตา เพราะแบบนี้มันถึงมีคำที่เรียกว่าเอาแต่ใจยังไงล่ะ (มีนักอ่านผู้หญิงไหมครับ? มีไหม? มีหรอ? โอ้.. ทำไมผมไม่เห็นรู้เลยล่ะ......)
เห็นได้ชัดว่าซูเฟยเฟยคงจะติดลำดับต้นๆของผู้หญิงประเภทนั้น ั้แ่ที่เธอเริ่มตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่บ้านของเย่เทียนเซี่ยจนถึงปัจจุบัน เธอก็มโนไปเองไม่เคยถามเย่เทียนเซี่ยสักครั้งว่าเขายินยอมหรือไม่ยินยอม
จริงๆแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ในชีวิตจริงก็มีไม่ค่อยเยอะหรอก แต่ซูเฟยเฟยดันเป็ประเภทที่อยู่ในระดับสูงมากๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับประเภทที่อยู่ระดับธรรมดาอย่างสิ้นเชิง....... เมื่อเดินไปบนถนน ถ้ามีผู้ชายมองเธอไม่วางตา เธอคงจะด่าคนพวกนั้นในใจว่าโรคจิต พวกหน้าหม้อ ลามก ไร้ยางอาย และถ้าหากไม่มองเธอให้เต็มๆตาก็คงจะถูกด่าในใจว่าเป็พวกไม่มีตาเช่นกัน...... เธอตัดสินแม้กระทั่งว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเป็ขันทีหรือตายด้าน......
เย่เทียนเซี่ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ในที่สุดเขาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเขาบ้าไปแล้วหรือเปล่าที่รับเงินจำนวนสามร้อยล้านต่อปีเพื่อการคุ้มครองยัยคุณหนูนี่ แม้ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็เหมือนยัยคุณหนูนี่ไปเสียหมดก็ตาม.....
“ร่างกายของฉันปกติดี เธอจะลองไหมล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยพูดออกไปหน้าตาย
“นี่คุณ.......” ซูเฟยเฟยโกรธอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรหลังจากนั้นสีหน้าของเธอถึงกลายเป็สีแดงก่ำและพูดออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงต่ำ “ทะลึ่ง โรคจิต...... ผู้ชายเอาแต่ได้! ท่าทางคุณก็ดูดีไม่น่าจะเป็คนชอบลวนลามผู้หญิงตามที่สาธารณะเลย!”
“เอาเถอะ ที่เธอพูดก็ไม่ผิด แต่ในเมื่อมีคนอยากจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านผู้ชายทะลึ่งโรคจิตเอาแต่ได้เองแบบนี้...... ก็ไม่ใช่ว่าเธออยากจะถูกลวนลามจากผู้ชายทะลึ่งโรคจิตเอาแต่ได้ทั้งวันทั้งคืนหรือไง?” สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยสงบนิ่ง สิ่งที่เขาพูดออกมาเป็เหมือนคาถาผลักให้ซูเฟยเฟยต้องถอยกลับไป
ซูเฟยเฟยย่นจมูกก่อนจะฮึดฮัดออกมาเบาๆ “ฮึ้ย! ผู้ชายไร้มารยาท! คนสวยอย่างฉันไม่คิดอย่างนั้นกับคุณหรอก ไม่สนใจคุณด้วย ฉันหิวแล้วจะไปหาอะไรกิน....... นี่! คุณก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหมล่ะ จะไปด้วยกันหรือเปล่า?”
เย่เทียนเซี่ยเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ของล้ำค่าของคุณหนูซู คนธรรมดาอย่างผมคงจ่ายไม่ไหวหรอกครับ”
“ฉันเกลียดคุณ!” ซูเฟยเฟยสะบัดหน้าไปด้วยความโกรธ เธอหันหลังกลับลงไปยังชั้นล่างไม่สนใจเขาอีกต่อไป เมื่อมองจากทางด้านหลังเรียวขาสวยเหมือนหยกลายครามนั่น เวลาขยับไปขยับมาก็เจริญหูเจริญตาดีเหมือนกัน มันทำให้สายตาของเย่เทียนเซี่ยจ้องมองอยู่พักใหญ่อย่างควบคุมไม่ได้
