หวังเค่อกำลังจะผละจาก แต่ถงอันอันที่อยู่ไกลออกไปกลับเร่งรุดมาพร้อมมารฝูงหนึ่งแล้ว!
รูม่านตาของหวังเค่อหดวูบ รู้สึกว่าเื่ราวกำลังจะดิ่งลงเหว
“บัดซบ พวกนี้มันแพ้ไม่เป็กันใช่ไหม? แม้แต่เงินที่ชนะจากโต๊ะพนันก็ยังคิดชิงกลับไป? พวกเ้าเปิดบ่อนพนันกันรึไง! อ๋า? จูเยี่ยนเองก็ผสมโรงมาด้วย? คิดฆ่าคนชิงทรัพย์?” หวังเค่อวิเคราะห์สถานการณ์ออกมาได้ทันที
หากเป็คนทั่วไปก็คงหันหลังวิ่งโกยแน่บไปนานแล้ว
แต่หวังเค่อไม่ใช่ มันยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เฝ้ารอมารกลุ่มใหญ่กระโจนเข้ามา
ถงอันอัน จูเยี่ยนเมื่อเห็นหวังเค่ออยู่ตามลำพังก็ยินดีสุดเปรียบ ลำพังอีกฝ่ายแค่คนเดียวมีแต่ต้องเต้นอยู่บนมือพวกตนอย่างแน่นอน
เพียงแต่บนหาดทรายนี้ไม่ใช่ว่าเคยมีอสรพิษอยู่ยั้วเยี้ยเลยหรอกหรือ? หายไปไหนหมดแล้ว?
ช่างเถอะ ก่อนอื่นต้องจับตัวไอ้ทารกหวังเค่อมาให้ได้ก่อน ให้มันคายทรัพย์สินทุกอย่างออกมาแล้วค่อยว่ากัน
หวังเค่อ เ้าหนีไม่พ้นแล้ว!
ถงอันอันเป็คนแรกที่มาถึงหน้าหวังเค่อ ขณะกำลังตั้งท่าจะเปิดปาก
“พวกเ้าทำอะไร? ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้?” หวังเค่อถลึงตาะโขึ้นมาก่อน
ถงอันอัน “????”
นี่มันอะไร? หวังเค่อกำลังรอพวกเราอยู่? หัวใจของถงอันอันบีบรัดแน่น
“แล้วก็เ้า จูเยี่ยน ไม่ใช่ข้าบอกกับเ้าดิบดีแล้วหรอกรึ? มาจากทางใต้ พวกเ้ามาจากทางไหน?” หวังเค่อด่าจูเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกล
จูเยี่ยน “…!”
หวังเค่อกำลังพูดกับข้า?
“ผู้ดูแล ข้าไม่รู้ว่าหวังเค่อกำลังพล่ามอะไร มันเป็จอมลวงโลก มันชอบหลอกลวงผู้คน ท่านอย่าได้ถูกมันหลอกเชียวล่ะ! ข้าไม่ได้สมคบคิดกับมันนะ!” จูเยี่ยนรีบแก้ต่างให้กับตัวเอง
“อ้อ?” ถงอันอันนิ่วหน้ามองหวังเค่อ
“ใครว่าเ้ากับข้าสมรู้ร่วมคิดกัน? พวกเ้าทำอะไร? มาจากทางไหน?” หวังเค่อจ้องไม่วางตา
ถงอันอันกลับโบกมือคราหนึ่ง ฝูงมารกรูกันเข้าล้อมหวังเค่อ
“หวังเค่อ อย่าคิดใช้ลูกไม้ปาหี่ต่อหน้าข้าเลย ฮ่าฮ่า! วันนี้เ้าหนีไปไหนไม่รอดแล้ว!” ถงอันอันหัวเราะเสียงเย็น
“ผู้ดูแลเอ๋ยผู้ดูแล ไม่นึกเลยว่าท่านจะเป็คนแบบนี้! ก่อนนี้เรียกหาข้าว่าพี่หวังอย่างนู้นอย่างนี้ มาตอนนี้กลับพาลูกกระจ๊อกฝูงหนึ่งมากลุ้มรุมข้า? เสียทีที่ข้าอุตส่าห์ช่วยพูดถึงท่านในทางที่ดีต่อหน้ามารอริยะ! ที่แท้ท่านก็มีจิตคิดร้ายต่อข้ามาโดยตลอด? วันที่เซิ่งจื่อร่วงตกสระหมื่นอสรพิษท่านก็เลือกยืนอยู่ข้างเทพพนันอุดร เมื่อเห็นแก่ท่านที่ปกป้องคนของตัวเองข้าจึงพออภัยให้ได้ แต่ตอนนี้ท่านทำให้ข้าผิดหวังนัก!” หวังเค่อถอนใจอย่างเศร้าเสียใจ
“มารอริยะ? มารอริยะอะไร?” ถงอันอันตะลึงนิ่งอึ้ง
“ท่านผู้ดูแล อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดกับมันเด็ดขาด มันกำลังตะล่อมล่อหลอกท่าน มันเป็แค่เซียนเทียน จับมันก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!” จูเยี่ยนรีบเอ่ย
“จูเยี่ยน เ้ากับข้าไม่มีความบาดหมางต่อกัน ตอนที่เล่นไพ่นกกระจอกด้วยกันข้าเห็นว่าเ้าไม่มีเงินก็เลยชี้ช่องทางต้มไข่ใบชาให้แก่เ้า สอนเ้าทุกขั้นตอน แล้วตอนนี้เ้ามาะโโวยวายหาอะไร?” หวังเค่อส่ายหน้า
“ไม่มีความบาดหมางต่อกัน?” ฝูงมารรอบด้านเผยสีหน้าเคลือบแคลง
ไม่ใช่จูเยี่ยนบอกว่ามีความแค้นไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากับหวังเค่อหรอกหรือ?
“หวังเค่อ ข้าจะฆ่าเ้า!” จูเยี่ยนตวาดอย่างมาดร้าย
“เอาละ เลิกแสดงละครได้แล้ว ความบาดหมางของพวกเราล้วนสะสางสิ้นไปเนิ่นนานแล้ว เพราะงั้นเลิกะโทีเถอะ! ข้ากำลังคุยกับพวกมันอยู่ อย่าขัด!” หวังเค่อนิ่วหน้าตวาด
“ข้าไม่ได้ขัด หวังเค่อ เ้าคนลวงโลก เ้าทำร้ายข้ามานักต่อนัก ข้าจะถลกหนังเ้า!” จูเยี่ยนขู่คาด
“ตัวเ้าพลังฝีมือกระจอกงอกง่อยปานนั้น จะเอาอะไรมาชนะข้า! ะโหาอะไรอยู่ได้!” หวังเค่อเริ่มหมดความอดทน
ถงอันอันนิ่งไป ไม่ถูกต้อง! ไม่ใช่พวกมันบอกว่าหวังเค่อคือชนชั้นเซียนเทียนหรือไง? ส่วนจูเยี่ยนตนก็เพิ่งจะตรวจไปเมื่อสองวันก่อน เ้าหมอนี่คือเซียนเทียนขั้นสูงสุดนี่? แล้วทำไมหวังเค่อถึงหาว่าจูเยี่ยนกระจอกงอกง่อยล่ะ?
หนึ่งในสองคนนี้ จะต้องมีคนพูดปดอยู่สินะ?
“ข้า ข้า...!” จูเยี่ยนไม่รู้จะอธิบายยังไงไปชั่วขณะ
ประเด็นสำคัญคือครั้งก่อนตนทุ่มพลังทั้งหมดโจมตีหวังเค่อ แต่หวังเค่อกลับไม่เป็ผายลมอันใดสักนิด พลังฝีมือกระทั่งทะลวงไปขั้นต่อไปด้วยซ้ำ แล้วตนจะเอาชนะมันได้ยังไง? ขอบเขตเซียนเทียนขั้นสูงสุดของตนเป็เื่แหกตาหรือไร?
พอเห็นจูเยี่ยนน้ำท่วมปาก ถงอันอันก็เป็คนแรกที่หน้าหม่น รู้สึกว่าเื่ราวบางอย่างดูจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของตนเอง
กระโจนเข้าไปคุมตัวหวังเค่อเลยดีไหม? แต่เดี๋ยวก่อน!
“เมื่อกี้เ้าว่าเ้าไปเข้าเฝ้ามารอริยะและช่วยพูดถึงข้าในทางที่ดี? หึ หวังเค่อ เ้าเพิ่งจะมาที่เกาะเทพัได้ไม่กี่วัน เ้าเพิ่งจะรู้จักข้าไม่ใช่รึ? แล้วเ้าไปช่วยพูดกับมารอริยะตอนไหนกัน?” ถงอันอันถามเสียงเย็น
“เมื่อกี้ไงล่ะ เมื่อกี้มารอริยะอยู่ที่นี่!” หวังเค่อเอ่ยราวกับว่านี่เป็เื่ปกติ
เหล่ามาร “…!”
เมื่อกี้?
“หวังเค่อ เ้ากำลังหลอกลวงพวกเราอยู่ชัดๆ มารอริยะจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เ้าคิดเขียนเสือให้วัวกลัวสินะ?” จูเยี่ยนเอ่ยเสียงเย็น
ถงอันอันเองก็หรี่ตามองหวังเค่อ หวังเค่อผู้นี้กำลังจะตายอยู่เห็นๆ แต่ก็ยังจะหลอกลวงพวกตน?
“เขียนเสือให้วัวกลัว? ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วย? พวกเ้าไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนผืนทรายแห่งนี้บ้างเลยหรือไง?” หวังเค่อย้อนถาม
หวังเค่อเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหาดทรายแห่งนี้เคยมีอสรพิษมาก่อนหรือไม่ แต่ก่อนหน้าทุกคนล้วนเอ่ยเป็เสียงเดียวกัน หวังเค่อเลยจงใจหยั่งเชิงดู
“ที่นี่? นี่ก็แค่หาดทรายธรรมดาๆ มีอะไรเปลี่ยน? หวังเค่อ เ้าทำตัวลึกลับซ่อนเงื่อนไปก็เปล่าประโยชน์!” จูเยี่ยนจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
แต่สีหน้าของมารรอบด้านกลับเปลี่ยนไป
“ไม่ถูกต้อง! พวกงูหายไปไหน?” ปราชญ์พนันทักษิณเป็คนแรกที่อุทานขึ้นมาก่อนกวาดตามองไปรอบๆ
“จริงด้วย! งูหายไปไหน? ก่อนหน้านี้ที่นี่มีแต่งูเงี้ยวเขี้ยวขออยู่มากมายกล่นฟ้านี่นา?” มารอีกตนโพล่งขึ้นอย่างใ
“หายไป พวกมันหายไปหมดแล้ว? มีแต่กลิ่นไข่เน่าบางอย่าง แต่พวกงูกลับหายไปหมด?” เหล่ามารพากันตื่นใ
แต่หวังเค่อกลับผงะไป ก่อนหน้านี้เคยมีอสรพิษอยู่ที่นี่จริงๆ หรือนี่!? วิเศษไปเลย!
“หวังเค่อ อสรพิษบนหาดทรายนี้ไปไหนหมด?” ถงอันอันถามเสียงต่ำ
“แน่นอนว่าต้องถูกมารอริยะเก็บกวาดไป มารอริยะบอกข้าว่าท่านได้ทำการขับไล่อสรพิษออกไปหมดแล้วก็เลยให้ข้ามา!” หวังเค่อรับ่
“ผายลม ทำไมมารอริยะถึงต้องช่วยเ้าด้วย? มารอริยะไม่ได้อยู่ที่เกาะเทพัเสียหน่อย!” จูเยี่ยนบันดาลโทสะทันควัน
จูเยี่ยนััได้ว่าหวังเค่อกำลังแหกตาทุกคนอยู่ แต่ตนจะพิสูจน์ได้ยังไง?
“จูเยี่ยน เ้ากับข้าต่างก็เป็สหายเก่ามานานปี ไร้ความอาฆาตไร้ข้อบาดหมางต่อกัน แต่เ้ากลับเอาแต่เอะเอะโวยวายแกล้งทำตัวเป็เหยื่ออยู่ได้ นี่มันเื่อะไร? ไม่เห็นจะต้อง...!” หวังเค่อถอนใจ
“ทำตัวเป็เหยื่อ? ทำไมข้าต้องทำตัวเป็เหยื่อ?” จูเยี่ยนผงะไป
หวังเค่อกำลังหมายถึงอะไร?
“เ้าลดความสำคัญข้า ทำให้ข้าดูกระจอกไร้ทางสู้ จากนั้นก็พาพวกผู้ดูแลมาตอแยข้า? ข้าชอบเงินก็จริง แต่เงินจำนวนแค่นั้นที่พวกมันมีไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลย! จะให้ข้ารีดเอาทรัพย์มาจากพวกมันนั้นข้าหักใจทำไม่ลงหรอก!” หวังเค่อส่ายหน้า
“เ้าพูดให้มันชัดๆ นะ! ข้าไปช่วยลดความสำคัญให้เ้าั้แ่เมื่อไหร่กัน?” จูเยี่ยนโกรธกริ้ว
“จูเยี่ยน เ้าหุบปากไปซะ ข้ายังไม่ทันพูดจบเ้าก็เอาแต่ขัดอยู่ได้! หวังเค่อ เ้าว่าเมื่อครู่มารอริยะอยู่ที่นี่ เหอะ เ้าคิดว่าข้าจะเชื่อรึไง? อาศัยเ้า? ผู้ฝึกฌานกระจ้อยร่อยคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าลัทธิมารได้ไม่นานกลับมีสิทธิ์พบปะพูดคุยกับมารอริยะ? เ้ากำลังหลอกใครอยู่?” ถงอันอันยิ้มเย็น มันไม่เชื่อเลยสักนิด
“เอาเถอะ ยังไงซะเมื่อกี้ข้าก็ได้รับคำอนุญาตจากมารอริยะแล้ว! ข้าจะไม่เสแสร้งแกล้งทำอีก! ข้าจะหงายไพ่แล้ว!” หวังเค่อส่ายหน้าถอนใจ
ถงอันอันผงะไป หงายไพ่?
พวกจูเยี่ยนมารอสูรเองก็มองหวังเค่อด้วยสายตาตกตะลึง หวังเค่อมันจะหงายไพ่อะไร?
หวังเค่อปรายตามองทุกคนก่อนสูดลมหายใจลึก “ข้าคือั์ใหญ่ทารกแกนิญญา!”
จูเยี่ยน “…!”
ถงอันอัน “…!”
เหล่ามาร “…!”
ทารกแกนิญญา? แถมยังเป็ั์ใหญ่เสียด้วย?
คิดว่าพวกเราไม่เคยเห็นทารกแกนิญญากันหรือไง! มีทารกแกนิญญาคนไหนพูดจาอวดโอ่คุยโวแบบเ้าบ้าง? ั์ใหญ่แกนิญญาบ้านเ้าสิ
“ตลอดหลายปีมานี้ข้าต้องเสแสร้งแกล้งทำตัวกระจอกงอกง่อย ช่วยมารอริยะทำเื่ที่ไม่อาจเปิดเผยในทางแจ้ง ดูผิวเผินเหมือนข้าเป็แค่เซียนเทียนสินะ แต่ที่จริงข้าคือไส้ศึกปิดหน้าระดับเหรียญทอง! คอยจับตาดูว่าใครบ้างที่มีใจเป็อื่นต่อลัทธิมาร คอยจับตาดูว่าใครบ้างกระทำเื่ราวที่ส่งผลเสียต่อลัทธิมาร!” หวังเค่อชี้นิ้วกราดใส่ฝูงชน
เหล่ามาร “…!”
ไส้ศึกปิดหน้าระดับเหรียญทอง? มารอริยะส่งมาเพื่อคอยจับตาลัทธิมารอยู่ลับๆ?
แต่ขึ้นชื่อว่าไส้ศึกก็น่าจะต้องไปแฝงตัวอยู่ในฝ่ายธรรมะไม่ใช่รึ? แล้วมาแฝงตัวอยู่ในบ้านตัวเองทำแมวอะไร?
“หวังเค่อ ผายลมสิไม่ว่า เ้าเป็แค่เซียนเทียนกระจอกงอกง่อย ใช่ทารกแกนิญญาเสียที่ไหน!” จูเยี่ยนตาโตอย่างไม่เชื่อถือ
“จูเยี่ยน เ้าย่อมต้องไม่รู้อยู่แล้ว ก็ในเมื่อเ้ากระจอกเสียปานนั้น ครั้งก่อนข้ายืนให้เ้าต่อยตีได้ตามสบายแต่สุดท้ายก็ไม่กระเทือนด้วยซ้ำ ถ้าข้าไม่ใช่ทารกแกนิญญาแล้วจะเป็อะไร? อ้อ จริงด้วย เ้ามันกระจอกเกินไป เื่นี้ไม่นับ! งั้นขอยกตัวอย่างใหม่ ครั้งก่อนตอนอยู่วังหลวงต้าชิงข้าเล่นงานเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยาเ็ปางตายช่วยชีวิตศิษย์ลัทธิมารไว้เป็จำนวนมาก! เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคือทารกแกนิญญาถูกไหม? เซียนเทียนงอกง่อยคนหนึ่งทำร้ายนางได้หรือ? ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้หรือ? เหอะ! ต่อให้ทารกแกนิญญาเจ็บหนักเจียนตาย ดวงธาตุทองคำอย่างพวกเ้าก็ทำร้ายมันไม่ได้หรอก!” หวังเค่ออธิบายให้ทุกคนฟัง
สีหน้าของทุกคนหม่นลงทันตา
ขอบเขตทารกแกนิญญาต่างชั้นกับขอบเขตดวงธาตุทองคำถึงเพียงไหน ทุกคนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าครั้งก่อนเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยแพ้ให้กับหวังเค่อได้อย่างไร แถมหวังเค่อยังไม่เจ็บตัวเลยสักกระผีกริ้น อย่าบอกนะว่าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยทำอะไรหวังเค่อไม่ได้? ตอนนั้นเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยถึงจะเจ็บหนักแต่คิดกำจัดขอบเขตเซียนเทียนกระจ้อยร่อยคนหนึ่งก็ไม่น่าเป็เื่ยากนี่?
“พวกเ้าดู ข้าทำร้ายเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจนนางตกอยู่ในสภาพนั้น ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเ้าเห็นเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมาตามทวงแค้นข้าบ้างหรือไม่? จูหงอีล่ะ? ไม่มีเลย เพราะพวกมันล่วงรู้ถึงฐานะข้าผ่านทางมารอริยะแล้วไงล่ะ ที่สำคัญกว่านั้นคือข้าเป็ั์ใหญ่ทารกแกนิญญา! พวกมันทำร้ายข้าได้ที่ไหน!” หวังเค่อเอ่ยอย่างมั่นหน้า
เหล่ามาร “…!”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็เคลือบแคลงกังขาต่อคำพูดของหวังเค่อทั้งสิ้น
“เ้าว่าหากเ้ายืนปล่อยให้จูเยี่ยนทุบตีเ้า มันยังไม่อาจทำร้ายเ้าได้?” ถงอันอันขมวดหัวคิ้ว
ถงอันอันรู้ดีว่าจูเยี่ยนคือเซียนเทียนขั้นสูงสุด พลังระดับนั้นต่อให้เป็ดวงธาตุทองคำยืนเฉยให้มันต่อยเล่นก็ใช่ว่าจะไม่สะทกสะท้าน หวังเค่อเป็แค่เซียนเทียนกระจอกๆ จริงหรือ?
“จริงด้วยสิ งั้นเ้าเองก็ลองดูหน่อยดีไหม?” หวังเค่อยิ้มเผล่
ถงอันอัน “…!”
ข้าก็แค่หาช่องโหว่ในคำพูดเ้ามาทำให้เ้าแพ้ภัยตัวเองเท่านั้น แต่ แต่นี่เ้าจะให้ความร่วมมือเกินไปหน่อยไหม? ให้ข้าตีเ้า? นี่อำกันเล่นหรือหมายความตามที่พูดจริงๆ?
“มาเลย มาลองกัน! ต่อยข้าสักหมัด!” หวังเค่อย่างเท้าเข้าหา
เมื่อกี้หวังเค่อก็แค่คุยโวยกตนข่มท่านเฉยๆ แต่หลายต่อหลายครั้งหากท่านไม่วางมาดคนจริงออกมาให้เห็นแต่อาศัยเพียงลมปาก คำพูดของท่านก็จะกลายเป็ไร้น้ำหนักไปโดยปริยาย เกิดคนกลุ่มนี้ลงมือลงดาบขึ้นมาจนตนตกอยู่ในอันตราย น่ากลัวว่าเป็ไปได้สูงที่กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญจะถูกเปิดโปง แต่ขอเพียงข่มขู่ใครสักคนได้ก็เพียงพอแล้ว
หวังเค่อก้าวอาดๆ เข้ามาอยู่ตรงหน้าถงอันอันอย่างห้าวหาญชาญชัย
ไม่ควรจะเป็แบบนี้ซี! พวกข้ามาที่นี่เพื่อจับเ้า เพื่อเอาชีวิตเ้า แล้วทำไมคนที่กำลังจะถูกเล่นงานกลับเป็ฝ่ายยื่นคอลงเขียงเสียเองเล่า? การเคลื่อนไหวผิดแผกของหวังเค่อทำให้ถงอันอันเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้จะมารีดเอาทรัพย์เ้า เป็ไปไม่ได้ที่เ้าจะต่อยข้าหมัดหนึ่งแล้วข้าก็ลงไปนอนเรียกร้องเงินจากเ้า มาๆ มาตีข้า! ไม่เป็ไรหรอก! ทุกคนต่างเป็ศิษย์ลัทธิมารเหมือนกัน ข้าจะมาคิดเล็กคิดน้อยเพียงแค่ถูกพวกเ้าทุบตีสักหมัดสองหมัดได้อย่างไร?” หวังเค่อถือวิสาสะฉวยมือถงอันอันดึงเข้าหาแผ่นอกของตัวเอง
เหล่ามาร “…!”
ไม่ถูกต้อง! บทมันไม่ใช่อย่างนี้นี่นา! ไม่ใช่ว่าเ้าควรจะลงไปคุกเข่าร้องขอชีวิตหรอกหรือ? แล้วนี่เ้ากำลังทำอะไร? จริงจังหน่อยได้หรือไม่? พวกเรากำลังปล้นเ้าอยู่นะ!
“หวังเค่อ เ้าอย่าเข้ามานะ!” ถงอันอันรีบหดมือกลับ
“ทำอะไร? พวกเ้าถูกจูเยี่ยนปั่นจนหัวหดกันหมดแล้วรึ? คิดว่าข้าเป็แค่เซียนเทียน? ข้าก็บอกแล้วไงว่าข้าคือั์ใหญ่ทารกแกนิญญา ไม่ต้องกลัว มาๆ ออกแรงหน่อย! พอต่อยข้าหมัดนึงแล้วเ้าก็รู้เองแหละน่า!” หวังเค่อโน้มน้าวอย่างกระตือรือร้น
เหล่ามาร “…!”
ยิ่งหวังเค่อทำเช่นนี้ พวกมันก็ยิ่งวิตก ดู ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนะนี่! หรือว่าจูเยี่ยนมันจะหลอกพวกเราจริงๆ?
“ได้ ก็ได้ หวัง พี่หวัง งั้นข้าคงต้องขอล่วงเกินสักหน่อยแล้ว ข้าจะลองต่อยท่านสักหมัดแล้วกัน!” ถงอันอันจับจ้องหวังเค่อขณะเอ่ยอย่างขึงขัง
ถงอันอันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวมันนั้นกำลังใช้น้ำเสียงสุภาพนอบน้อมต่อหวังเค่อเพียงไร แถมยังกลับไปเรียกหวังเค่อว่า ‘พี่หวัง’ อีกต่างหาก
“อืม ต้องแบบนี้สิ ต่อยมาเลย! ใช้แรงทั้งหมดที่เ้ามี อย่าได้หันรีหันขวาง ข้ายังต้องรักษาหน้าตัวเองอยู่!” หวังเค่อพยักหน้ากล่าว
ถงอันอัน “…!”
หน้าผากของถงอันอันมีเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นมาแล้ว มันสังหรณ์ใจว่าวันนี้มันคงจะเตะถูกตอเบ้อเร่อเข้าให้แล้ว
ภาพลวงตา นี่จะต้องเป็ภาพลวงตา ข้าจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดทุบมันซะ
ถงอันอันขยับเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไปอย่างดุดัน
“ตูม~~~~~~~~~~~~~~!”
กำปั้นนี้ทรงพลังถึงขนาดที่ฝุ่นทรายบนหาดฟุ้งขโมงไปทั่วตามกระแสลมตกค้าง ทุกคนร่นถอยไม่เป็กระบวน
หลุมทรายที่มีรัศมีสามจั้งปรากฏขึ้นโดยมีหวังเค่อและถงอันอันเป็ศูนย์กลาง มองปราดเดียวก็รู้ได้ไม่ยากว่ากำปั้นเมื่อครู่ทรงพลังชวนขนลุกขนาดไหน
แต่หวังเค่อยืนอยู่ตรงนั้น แน่นิ่งไม่สะทกสะท้าน แม้แต่ร่องรอยาเ็สักนิดก็ยังไม่มีให้เห็น
กำปั้นของถงอันอันยังคงอยู่บนอกของหวังเค่อ ตาเบิกโพลงจ้องมองหวังเค่ออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ปะ เป็ไปได้ยังไง?
ถงอันอันเริ่มกังขาตนเองขึ้นมา ไม่น่าจะเป็ไปได้เลยนี่! ตนเป็ถึงดวงธาตุทองคำระดับสูง กำปั้นที่ร้ายกาจขนาดนั้นแม้แต่แรกเข้าทารกแกนิญญาเองคิดยืนหยัดให้มั่นยังต้องสลายพลังทิ้ง!
แต่หวังเค่อ มันกลับไม่สะทกสะท้านเลยเนี่ยนะ?
มันชักมือกลับ เสื้อของหวังเค่อขาดตามรอยหมัดของมัน แต่เนื้อหนังด้านในกลับขาวสะอาดดุจหิมะ ไม่ทิ้งรอยแดงเอาไว้แม้แต่ปื้นเดียว
นี่ นี่เป็ไปได้ยังไง? นี่ไม่น่าจะเป็ไปได้เลยนี่!?
หวังเค่อเป็แค่เซียนเทียนกระจอกๆ? หากเป็แค่เซียนเทียนกระจอกๆ งั้นมันก็ต้องถูกกำปั้นข้าพิฆาตแดดิ้นไปนานแล้ว!
“ั์ใหญ่ทารกแกนิญญา? ไส้ศึกระดับเหรียญทอง?” ถงอันอันรำพึงรำพัน เหงื่อเย็นโชกชุ่มไปทั่วทั้งตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้