หลิงมู่เอ๋อร์นั่งลงตรงหน้าเตียงแล้วตรวจร่างกายให้กับหญิงชรา
ตอนที่นางพาหญิงชราผู้นี้มานั้น เพราะนางเป็โรคลำไส้อักเสบถึงได้ปวดมากถึงเพียงนี้ กล่าวได้ว่าบนร่างกายของนางไม่มีอาการอื่นๆ ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดอยู่ดีๆ คนผู้หนึ่งถึงสูญเสียความทรงจำได้กันล่ะ?หรือว่านางเป็โรคอะไรมาก่อน ดังนั้นถึงได้สูญเสียความทรงจำ?อย่างเช่นโรคสมองเสื่อมในคนสูงวัยอะไรแบบนั้น?
หลิงมู่เอ๋อร์จับชีพจรของนาง ก็ยิ่งรู้สึกว่านางแปลกขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าหญิงชราไม่มีอาการอื่นๆ เลย จะสูญเสียความทรงจำได้อย่างไรล่ะ?
หลิงมู่เอ๋อร์มองหญิงชราที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของนางเป็ปกติ ดูสงบนิ่งเป็อย่างมากและเพราะความสงบนิ่งนี้ ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์จึงคาดเดาอะไรได้บางอย่าง
“ท่านยาย สุขภาพของท่านแข็งแรงดีมาก ไม่มีปัญหาอันใด ท่านบอกว่าท่านจำอะไรไม่ได้แล้ว ข้าก็ช่วยท่านไม่ได้เช่นกัน เอาอย่างนี้เถิด!ข้าจะพาท่านไปแจ้งทางการ ให้เ้าหน้าที่ช่วยท่านตามหาคน ท่านน่าจะเป็คนในเมืองหลวง เพียงแค่ตรวจสอบจากสภาพการณ์ของท่านย่อมหาคนในครอบครัวของท่านพบได้แน่นอนเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หญิงชราพลางยิ้มเล็กน้อย
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงชราชะงักไปชั่วขณะ นางจับมือของหลิงมู่เอ๋อร์ มองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างอ่อนโยน “นังหนู ทำให้เ้าลำบากแล้วใช่หรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายหน้าและยิ้มเล็กน้อย “ไม่เลยเ้าค่ะ”
“เช่นนั้น…ให้ข้าอยู่ต่อสักสองสามวันได้หรือไม่?” หญิงชรามองไปที่นางอย่างน่าสงสาร “่นี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มักจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนมีคนอยากจะมาทำร้ายข้า ข้าอายุมากแล้ว ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนได้หรอก คาดว่าน่าจะเป็บุตรชายและลูกสะใภ้อกตัญญูที่บ้าน้าไล่ข้าออกไปกระมัง!เ้าเป็คนจิตใจดีมีเมตตา ถือว่าสงสารข้า ให้ข้าได้อยู่ที่นี่ต่อเถิด!ข้าช่วยทำงานได้ เ้าพูดสิ่งใด ข้าก็ทำสิ่งนั้น ข้าจะกินข้าวน้อยๆ”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกว่าหญิงชราผู้นี้ค่อนข้างแปลก นางไม่้าเก็บหญิงชราไว้ แต่คำพูดยังไม่ทันได้กล่าวจบ หยางซื่อก็ยกโจ๊กเดินเข้ามา
นางเห็นว่าหญิงชรานั้นฟื้นแล้ว ก็นำโจ๊กส่งให้ซางจือ ให้ซางจือเป่าให้เย็นเสียก่อน นางเดินเข้ามานั่งลงด้านข้างกายของหญิงชราพลางกล่าว “ท่านป้า อาการดีขึ้นบ้างแล้วใช่หรือไม่?บุตรสาวของข้ามีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ ท่านไม่สบายที่ใดต้องบอกแก่นางนะ บุตรสาวของข้าจิตใจดีมีเมตตาเป็ที่สุดแล้ว เงินค่าตรวจโรคของคนจนเ่าั้นางก็ไม่เคยเก็บเลย ทุกคนต่างเรียกขานนางว่าเซียนหมอ ไม่ว่าจะเป็โรคอันใด เพียงแค่ถึงมือบุตรสาวข้าแล้ว นางจะต้องรักษาให้หายแน่นอน”
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดของหยางซื่อก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก จะมีอย่างที่ไหนที่คุยโวโอ้อวดบุตรสาวตัวเองเช่นนี้กัน?โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีผู้อื่น มิเช่นนั้นคงไม่มีหน้าไปพบคนอื่นแล้วจริงๆ
หญิงชราได้ยินคำพูดหยางซื่อก็ไม่เห็นด้วย เด็กหญิงผู้นี้อายุยังน้อย ถึงแม้ว่าจะกราบไหว้เป็ศิษย์ของอาจารย์ยอดฝีมือ นั่นก็คงไม่ได้มีวิชาแพทย์ดีกว่าหมอหลวงหรอกกระมัง ต้องรู้ว่าอาชีพแพทย์นี้ยากกว่าการสอบเคอจวี่เสียอีก บัณฑิตที่สอบเคอจวี่ ถึงแม้จะกล่าวว่าไม่รู้หัวข้อการสอบเป็แบบใด แต่ว่าเนื้อหาก็ยังคงอยู่ในหนังสือเล่มนั้น แตกต่างกับวิชาแพทย์ คนไข้ต่างกัน อาการต่างกัน วิชาความรู้มีตั้งมากมาย!
หญิงชราคิดได้เช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้ขัดบทสนทนาของหยางซื่อ ปล่อยให้หยางซื่อกล่าวต่อไป หญิงชราฟังนางเล่าด้วยรอยยิ้มตาหรี่ พร้อมพูดคล้อยตามสักสองประโยค
แต่หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าหญิงชราไม่ได้คิดว่าเป็เื่จริง นางอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ถ้าอย่างนั้นก็ให้อยู่เล่นกับหยางซื่อก็แล้วกัน!
ดูท่าแล้วหญิงชรานางนี้ไม่ใช่คนเรียบง่าย หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อยากรับนางไว้ ซูเช่อหนึ่งคน และพี่น้องตระกูลโจวอีกหนึ่งได้นำพาปัญหามาให้นางไม่น้อยแล้ว
“ท่านสูญเสียความทรงจำแล้วหรือ?” หยางซื่อมองหญิงชราด้วยความใ ขานเรียกหลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง “มู่เอ๋อร์ ท่านป้าท่านนี้สูญเสียความทรงจำแล้ว เ้ารีบดูอาการให้นางเร็วเข้า”
หลิงมู่เอ๋อร์ชำเลืองมองหญิงชราหนึ่งที แววตาที่ไร้ความผิดของหญิงชราดูไปแล้วก็ไม่มีพิษภัย แต่นางจะไม่เชื่อใจคนที่เพิ่งรู้จักกันโดยบังเอิญได้ง่ายๆ เป็อันขาด
ถ้านางคาดเดาไม่ผิด หญิงชราไม่ได้สูญเสียความทรงจำ แต่นางแสร้งทำเป็จำอะไรไม่ได้ จุดประสงค์ก็คือไม่อยากกลับบ้าน ในส่วนของเหตุผลนั้น ก็มีเพียงแต่นางเท่านั้นที่รู้!
“ท่านแม่ ข้าดูอาการให้ท่านป้าแล้วเ้าค่ะ” แววตาของหลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หญิงชราอย่างซับซ้อน “เมื่อสักครู่นางเป็ลำไส้อักเสบ ตอนนี้ไม่ได้มีอันใดร้ายแรงแล้ว ส่วนเื่สูญเสียความทรงจำนั้น คาดว่าน่าจะเป็เพราะว่าเมื่อครู่ได้รับความใ ยังไม่ได้สติกลับคืนมากระมัง!รอนางสงบสติอารมณ์สักหน่อย ก็น่าจะไม่เป็อันใดแล้วเ้าค่ะ”
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ เช่นนั้นท่านป้าท่านพักผ่อนก่อนเถิด รอท่านพักผ่อนให้หายดีก็จะสามารถจำขึ้นมาได้แล้ว” หยางซื่อตบไปที่มือหญิงชราพลางกล่าว
“ท่านแม่ เตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้วหรือยังเ้าคะ?ข้าเริ่มหิวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์พาหยางซื่อออกไป
ครั้นหยางซื่อได้ยินว่าหลิงมู่เอ๋อร์หิวแล้ว ไหนเลยจะสนใจคนอื่นกัน?นางรีบออกจากห้องแล้วไปยุ่งกับการเตรียมอาหารเย็นอยู่ในห้องครัว
“ซางจือ เจี้ยงเซียง พวกเ้าก็ไปทำงานเถิด! ข้ามีเื่จะพูดคุยกับท่านป้า” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับสาวใช้ทั้งสองนาง
พวกสาวใช้ย่อกายทำความเคารพและเดินออกไปจากห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหลิงมู่เอ๋อร์และหญิงชรา
หญิงชรามองที่แม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ด้วยแววตาลุ่มลึก เมื่อครู่ไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้เพิ่งจะพบว่าแม่นางน้อยแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไปจริงๆ ั์ตาของนางงดงามมาก ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นก้นบึ้งส่วนที่ลึกที่สุดได้ นางก็เข้าใจได้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้ไม่ใช่ว่าจะหลอกได้ง่ายถึงเพียงนั้น นางกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ข้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำ”
“อืม” หลิงมู่เอ๋อร์ขานรับหนึ่งเสียง
แววตาของหญิงชรามืดครึ้ม “แต่ข้าก็ไม่ได้โกหกเ้า บุตรชายและลูกสะใภ้ของข้าไม่้าให้ข้าอยู่จริงๆ ้าวางยาพิษทำให้ข้าตาย โชคดีที่ข้ารู้ตัวก่อน เช่นนี้ถึงไม่ได้ถูกพวกเขาฆ่าตายไป ข้าแอบหนีออกมาก็เป็เพราะอยากหนีจากพวกเขา ถ้าหากแม่นางมีจิตใจดีจริง ก็ช่วยรับข้าไว้สักระยะหนึ่งก่อนด้วยเถิด ภายหลังข้าจะตอบแทนเ้าอย่างแน่นอน”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยท่าน ท่านก็เห็นแล้ว พวกข้าก็เป็เพียงครอบครัวสามัญชนธรรมดาเท่านั้น ท่านพ่อท่านแม่ของข้ามีจิตใจเมตตา ท่านยายก็อายุมากแล้ว ยังไม่เคยได้มีชีวิตที่มีความสุขเลยสักครั้ง ครอบครัวของพวกข้าวิ่งเต้นหาเลี้ยงชีพ เดิมทีก็ดิ้นรนประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดบนโลกนี้ ถึงแม้จะไม่รู้ฐานะตัวตนของท่าน แต่ข้าก็มองออกว่าท่านไม่ใช่คนธรรมดา สำหรับท่านแล้วอาจจะเป็เพียงเื่เล็กน้อย แต่สำหรับพวกข้าอาจจะเป็เื่ใหญ่ที่มีผลกระทบต่อชีวิตได้ พวกข้าไม่อยากหาเื่ให้ตนเองเดือดร้อน” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว
“เ้าเด็กคนนี้ ดูเหมือนไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว เหตุใดถึงได้กลัวไปหมดเสียทุกอย่างขนาดนี้?” หญิงชราขมวดคิ้วพลางกล่าว “ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกเ้าเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน เช่นนี้ก็เป็อันว่าตกลงแล้วกระมัง?เ้าคงไม่อยากให้หญิงชราอย่างข้าไปเป็ขอทานอยู่ข้างนอกใช่หรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เคยพบเจอหญิงชราแบบนี้มาก่อน จะมีอย่างที่ไหนที่ใช้ความปลอดภัยของตนเองมาข่มขู่คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องด้วย?แต่ว่านี่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าหญิงชราผู้นี้มองนางออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ด้วยความห่วงใยของหยางซื่อ นางไม่อาจไล่หญิงชราเพียงคนเดียวออกไปได้ ถึงแม้นางจะไม่สนใจความคิดของหญิงชราผู้นี้ แต่นางก็ต้องคำนึงถึงความคิดของหยางซื่อด้วย
“ได้ หวังว่าท่านจะทำได้ตามที่ท่านสัญญาไว้” หลิงมู่เอ๋อร์มองที่หญิงชราอย่างลุ่มลึก “ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?”
“ข้าแซ่เฉิน เ้าเรียกข้าว่าป้าเฉินก็เป็พอแล้ว” ป้าเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความคะนึงหา
หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์เดินออกไปจากห้องแล้ว หยางซื่อก็เดินเข้ามาหา นางสอบถามอาการของเฉินซื่อ หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวว่า “ป้าเฉินจำเื่ราวของตนเองได้แล้วเ้าค่ะ เมื่อสักครู่สมองยังไม่ทันครองสติได้ชัด ตอนนี้สงบสติอารมณ์ลงก็จำขึ้นมาได้แล้วเ้าค่ะ นางเป็คนในพื้นที่ แต่ว่าบุตรชายและลูกสะใภ้อกตัญญูต่อนาง ไม่อยากอาศัยร่วมกลับนาง นางอยากยืมบ้านพวกเราพักอาศัยไปสักระยะหนึ่ง”
“บุตรชายและลูกสะใภ้ทำอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน?ป้าเฉินนั้นดูเป็คนจิตใจดีมีเมตตา อีกทั้งไม่ได้เหมือนกับท่านย่าของเ้า คิดไม่ถึงว่ายังรังเกียจนางอีก ถ้าหากเขาได้เจอแม่สามีอย่างเช่นท่านย่าเ้า ก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้อย่างไรดี!” หยางซื่อเป็เดือนเป็ร้อนแทนเฉินซื่อ “มู่เอ๋อร์ ครอบครัวเราก็ไม่ได้ขาดแคลนอาหาร ให้นางได้อาศัยอยู่ที่นี่เถิด!”
“ไม่ว่าบุตรชายลูกสะใภ้จะไม่ดีมากถึงเพียงใด พวกเขาก็เป็คนในครอบครัวของนาง นางสามารถอยู่ที่นี่ได้ระยะหนึ่ง แต่ในอนาคตก็ยังต้องกลับไปเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ย
“แน่นอนอยู่แล้ว” หยางซื่อพยักหน้า “พวกเรารับนางไว้ก่อนสักระยะหนึ่งแล้วค่อยว่าอีกที หลังจากนี้จะเอาอย่างไรก็ดูป้าเฉินตัดสินใจด้วยตนเอง”
ครอบครัวมีป้าเฉินที่เป็คนแปลกหน้าเข้ามาอีกหนึ่งคนแต่กลับไม่มีผลกระทบต่อชีวิตคนในตระกูลหลิง วันพรุ่งนี้ก็ต้องย้ายบ้านแล้ว ในคืนวันนั้นทุกคนต่างก็พากันเก็บข้าวของทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนในครอบครัวเริ่มขนย้ายข้าวของ รอพวกเขาจัดเก็บข้าวของทั้งหมดให้เรียบร้อย ก็เกือบถึงเวลาตอนเย็นแล้ว
ป้ายชื่อของจวนหวังถูกเก็บลงมา และตอนนี้เปลี่ยนเป็จวนหลิงแล้ว ภายในจวนใหญ่โตมาก ทุกคนสามารถเลือกห้องได้ตามใจชอบ ส่วนหลิงมู่เอ๋อร์นั้นมีเรือนเล็กแยกเป็ของตนเอง หยางซื่อพักอาศัยอยู่กับหลิงต้าจื้อ สองพี่น้องหลิงจื่ออวี้และหลิงจื่อเซวียนพักอยู่ในเรือนเดียวกัน หลิงจื่ออวี้และหยางเสี่ยวหู่พักอยู่ในห้องเดียวกัน เด็กสองคนนี้หารือกันมาเรียบร้อยแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อง่ายต่อการเรียนด้วยกัน ทั้งสองคนยินดีที่จะอยู่ด้วยกัน ถึงอย่างไรห้องหนึ่งห้องก็มีขนาดใหญ่มาก ภายในสามารถวางเตียงได้สองหลัง
สำหรับฝูเอ๋อร์นั้น ถึงแม้จะเรียนด้วยกันกับพวกเขา แต่ก็อยู่ในฐานะคนรับใช้ ฝูเอ๋อร์ก็อาศัยอยู่กับพวกเขา เพียงแค่พักอยู่ข้างห้อง
พวกข้ารับใช้แยกพักอาศัยชายหญิง ถ้ามีสถานะเป็สามีภรรยาจะมีที่พักแยกเฉพาะ ใน่ที่ผ่านมา มีข้ารับใช้วัยหนุ่มสาวหลายคนกลายมาเป็คู่รักกัน จึงใช้โอกาสนี้จัดงานแต่งงานเรียบง่ายให้กับพวกเขา จากนั้นก็แบ่งเรือนแยกให้พวกเขา
“นังหนู มีสิ่งใดให้ช่วยหรือไม่?” ป้าเฉินเห็นหลิงมู่เอ๋อร์กำลังจัดเรือนอยู่ ก็โผล่ศีรษะออกมาถาม
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นนาง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “สุขภาพของท่านจำเป็ต้องได้รับการพักฟื้น เหตุใดถึงมาหาข้าที่นี่ได้ล่ะเ้าคะ?”
“ข้าสบายดีมาก” ถึงแม้ว่าท่านป้าเฉินจะสวมเสื้อผ้าเก่าๆ แต่ก็ยังไม่อาจลดทอนสง่าราศีของนางได้ นี่ก็เป็หนึ่งในเหตุผลที่ทุกคนให้ความเคารพนาง
“บ้านข้าต้องจัดการเื่หน้าร้าน ่นี้จะค่อนข้างยุ่งมาก ถ้าหากป้าเฉินว่างก็ช่วยข้าดูแลภายในเรือนสักหน่อยแล้วกันเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยพลางมองไปที่ป้าเฉิน “ใช่แล้ว ข้า้าหาอาจารย์ผู้มีความรู้ค่อนข้างดีสักหนึ่งคนมาสอนน้องชายและญาติผู้น้องข้าเรียนหนังสือ ท่านป้ามีผู้ใดแนะนำหรือไม่เ้าคะ?”
“นับว่าเ้าถามถูกคนแล้ว” ป้าเฉินลูบที่ใบหน้า กล่าวนิ่งๆ ว่า “ยังมีคนเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง แต่ว่านิสัยของคนผู้นี้แปลกประหลาด เชิญมาได้ยาก”
หลิงมู่เอ๋อร์เพิ่งจะมาที่นี่เป็ครั้งแรกและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ตอนนี้มีแผนที่ที่มีชีวิตอยู่ตรงหน้านี้แล้ว สามารถช่วยนางลดทอนเื่ต่างๆ ได้ไม่น้อย
“เชิญท่านป้ากล่าว” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่ป้าเฉินอย่างจริงจัง
“คนผู้นั้นแซ่จู นามว่าชิงเฟิง เขาคือจ้วงหยวนของเมื่อสามสิบปีก่อน ในเวลานั้นเขาอายุเพียงสามสิบปีก็สอบได้จ้วงหยวนแล้ว เรียกได้ว่าน่าเกรงขามเป็อย่างมาก แต่คนผู้นี้เป็คนตรงไปตรงมา ไม่รู้จักคล้อยตาม จึงได้ล่วงเกินในคนราชสำนักไม่น้อย เมื่อห้าปีก่อนเกิดอุบัติเหตุทำให้เขาสูญเสียขาทั้งสองข้างไป นับั้แ่นั้นจึงออกจากราชการไป” เมื่อกล่าวถึงจูชิงเฟิง สีหน้าท่าทางของป้าเฉินก็ดูซับซ้อนขึ้นมา “ถ้าเ้าสามารถเชิญคนผู้นี้มาได้ ขอเพียงแค่น้องชายเ้าไม่ได้โง่เขลา ไม่ช้าก็เร็วก็สามารถสอบขุนนางระดับเคอจวี่ได้”
หลิงมู่เอ๋อร์ถามรายละเอียดที่พักอาศัยของจูชิงเฟิง จูชิงเฟิงผู้นั้นเคยรับราชการมาก่อน แต่กลับอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่คนจน หลังจากได้ยินสถานที่ที่ป้าเฉินพูดแล้ว นางมีความรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าพูดไปแต่แรกแล้วว่า คนผู้นี้เป็คนซื่อตรงไม่รู้จักคล้อยตามผู้อื่น ล่วงเกินคนในราชสำนัก ถ้าหากเ้าเชิญเขามาเป็อาจารย์ ก็ต้องระวังว่าจะถูกผู้คนจดจำความแค้นเอาได้” ป้าเฉินทำท่าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มพลางมองไปที่นาง “เ้าอยากหาคน ข้าก็ช่วยเ้าแล้ว เื่อื่นก็เป็เื่ของตัวเ้าเอง ข้าไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้