“นางไม่ใช่คนครอบครัวรองของเราสักหน่อย!”อวี๋ฝูหลิงขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ยินดีเมิ่งอวี๋เจียวเปลื้องอาภรณ์ขึ้นไปนอนบนเตียงของอวี๋จิ่นเหยียนขนาดนั้นแล้วนางยังจะคู่ควรกับน้องเล็กได้อย่างไร?
“ท่านพี่...” หัวคิ้วของอวี๋ฉี่เจ๋อขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
อวี๋ฝูหลิงไม่กล้าโวยวายต่อไป นางหยิบตะกร้าเย็บปักของตนขึ้นมาแล้วกำชับว่า“อ่านตำรามาทั้งบ่ายแล้ว เ้าออกไปเดินเล่นพักสายตาสักนิดเถิด”
อวี๋ฉี่เจ๋อขานรับ อวี๋ฝูหลิงจึงยกตะกร้าเย็บปักของตนกลับห้อง
ครั้นอวี๋เจียวมาถึงห้องครัวสตรีแซ่ซ่งทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วนางนึ่งหมั่นโถวหนึ่งหม้อและกำลังนั่งใส่ฟืนอยู่ด้านล่างเตาไฟ
เมื่อเห็นอวี๋เจียวเข้ามา สตรีแซ่ซ่งเอ่ยพลางแย้มยิ้มว่า“คัดอักษรมาทั้งบ่ายแล้ว เหนื่อยแล้วกระมัง รีบไปพักผ่อนเถิด ข้าทำคนเดียวไหว”
อวี๋เจียวมองเห็ดในตะกร้าที่วางอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าออกมา“คัดอักษรไม่เหนื่อยสักนิดเ้าค่ะ ท่านเป็คนขึ้นเขาไปเก็บเห็ดเหล่านี้หรือเ้าคะ?”
“ไปเก็บมาจากตีนเขาทางด้านหลังเขา นึ่งหมั่นโถวเสร็จแล้วข้าจะเอาเห็ดพวกนี้มาทำน้ำแกงเห็ดเกอตา [1] ดื่มตอนเย็น” สตรีแซ่ซ่งเขี่ยไฟในท้องเตา เอ่ยพลางแย้มยิ้มอ่อนโยน
อวี๋เจียวเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “ท่านอาซ่ง ปกติพวกท่านเอาเห็ดพวกนี้มาทำกินอย่างไรเ้าคะ?”
ในตะกร้ามีเห็ดถั่วฝรั่งเป็จำนวนมาก เมื่อครั้งยังเด็กอวี๋เจียวเคยเก็บเห็ดจำพวกนี้มาผัดบ่อยครั้งตอนตามท่านปู่เข้าไปในูเาเห็ดที่พบมากที่สุดในูเาก็คือเห็ดถั่วฝรั่งหลังจากนำมาผัดจะให้รสชาติสดใหม่และนุ่มชื่นใจหากกินพร้อมกับไก่ป่าตุ๋นรสชาติก็จะยิ่งล้ำเลิศ
สตรีแซ่ซ่งเอ่ย “พวกเราชอบเอามาทำน้ำแกงเสียมากกว่าบางคนในหมู่บ้านก็เอามาผัดกิน พวกเราเคยเอามาผัดอยู่ไม่กี่ครั้งแต่ไม่ชอบเพราะรู้สึกเหมือนมีทรายติดฟัน จะว่าไปแล้วก็น่าแปลก หากผัดเห็ดพวกนี้กินแล้วมักรู้สึกเหมือนมีทรายติดฟัน แต่เมื่อเอามาต้มทำน้ำแกงกลับรสชาติดีไม่น้อย”
อวี๋เจียวกลั้นหัวเราะไม่ไหวเสียแล้ว เห็ดเกิดอยู่ในป่าบนูเา ตากแดดตากลมนอกจากนั้นยังเกิดอยู่บนดินเหนียวและกิ่งก้านของต้นไม้เน่าเปื่อยทำให้ฝุ่นผงเข้าสู่ดอกเห็ดได้ง่าย จำต้องล้างอย่างพิถีพิถันให้สะอาดไม่เช่นนั้นกินเข้าไปจะมีทรายติดฟันแต่กลับไม่อาจบอกสตรีแซ่ซ่งไปตามตรงว่าเป็เพราะนางไม่ได้ล้างเห็ดให้สะอาด
อวี๋เจียวหยิบเห็ดถั่วฝรั่งจำนวนหนึ่งออกมา เอ่ยกับสตรีแซ่ซ่งว่า“ท่านอา อีกประเดี๋ยวข้าจะผัดเห็ดถั่วฝรั่งให้ท่านชิมสักหน่อยข้าเคยทำตอนอยู่ที่บ้าน ผัดแล้วไม่มีทรายติดฟันเ้าค่ะ”
“ได้ ถ้าเช่นนั้นอีกประเดี๋ยวข้าจะก่อไฟให้เ้า”สตรีแซ่ซ่งเป็คนว่าง่ายยิ่งนัก นางขานรับพลางยกยิ้ม
อวี๋เจียวใช้มีดหั่นส่วนสกปรกตรงโคนของเห็ดถั่วฝรั่งออกทั้งหมดแช่ไว้ในน้ำแล้วล้างให้สะอาด ตามด้วยหั่นเป็แผ่นก่อนนำมาวางไว้ในอ่างนางหันหลังเดินไปยังสวนผักด้านหลังของสกุลอวี๋เด็ดพริกแดงจำนวนหนึ่งและแตงกวาสองลูก หลังกลับมาถึงห้องครัวนางหั่นกระเทียมจนละเอียดและทุบแตงกวา
ถึงแม้กับข้าวเหล่านี้จะทำให้คนทั้งสกุลอวี๋กินแต่อวี๋เจียวไม่อยากทำให้ตนเองต้องทนกล้ำกลืน ฟ้าสูงแผ่นดินใหญ่เื่ที่ใหญ่ที่สุดก็คือเื่กิน แม้จะมีข้อจำกัด แต่ยังต้องกินให้ดีที่สุด
หลังจากสตรีแซ่ซ่งต้มน้ำแกงเห็ดเกอตาเสร็จจึงช่วยก่อไฟให้อวี๋เจียวจากนั้นมองดูนางผัดเห็ดถั่วฝรั่ง
อวี๋เจียวเทน้ำมันลงกระทะอย่างคล่องแคล่วตามด้วยใส่กระเทียมและพริกลงไป กลิ่นหอมลอยฟุ้งทั่วทั้งห้องครัวภายในเวลาไม่ช้ากับข้าวยังไม่ทันเทออกจากกระทะ สตรีแซ่ซ่งก็เอ่ยชมอย่างอดไม่ได้เสียแล้ว “หอมมาก!”
หลังจากเห็ดถั่วฝรั่งหั่นเป็แผ่นลงไปในกระทะอวี๋เจียวผัดจนมีกลิ่นเนื้อโชยออกมา อวี๋ฝูหลิงตามกลิ่นมาถึงห้องครัวเมื่อเห็นว่าอวี๋เจียวเป็คนผัด เดิมทีคิดจะเย้ยหยันไม่กี่ประโยค ทว่าภายในปากกลับน้ำลายสออย่างห้ามไม่อยู่นางเกรงว่าถ้าอ้าปากน้ำลายจะไหลยืดออกมา ทำได้เพียงสูดจมูกพลางมองในกระทะตาปริบๆ
อวี๋ฉี่เจ๋อนั่งอยู่ใต้ต้นไหวในลานเรือนเขาฟังเสียงทำอาหารภายในห้องครัวพลางเงยหน้าทอดมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันแสนไกลดวงตาใสกระจ่างดุจดอกท้อในยามนี้แลดูว่างเปล่า เงาร่างผอมบางเอนพิงบนต้นไม้แลดูเปล่าเปลี่ยวกว่ายามปกติเช่นกัน
“ก๊อกๆ ...” เสียงเคาะประตูจวนดังขึ้น อวี๋ฉี่เจ๋อได้สติกลับมาเขาเดินไปยังประตูจวน หลังจากดึงประตูจวนให้เปิดออกภายในแววตาฉายแววตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนจะกลับคืนสู่ความสุขุมดังเดิมอย่างรวดเร็ว
นอกประตูมีสตรีนางหนึ่งที่มีสีหน้าค่อนข้างตะลึงงันเช่นกันคิ้วบางของนางหยักโค้ง ใบหน้ารูปไข่เผยยิ้มงามอ่อนโยนออกมา“ข้าจะมาเอายารักษาอาการไอให้ท่านย่าของข้าจำนวนหนึ่งเ้าค่ะ”
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนนุ่มนวล ท่วงท่างามสง่าเป็ธรรมชาติ
อวี๋ฉี่เจ๋อพยักหน้าเล็กน้อยเบี่ยงกายหลบด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกใด จากนั้นจึงเชิญคนผู้นั้นเข้าไปในจวน
…………….
เชิงอรรถ
[1] น้ำแกงเกอตาคือน้ำแกงที่ปั้นข้าวสาลีเป็ก้อนเล็กๆ ใส่ลงไป