มีหน้าที่แค่ทำความสะอาดเท่านั้น ฉินอ๋องไม่เคยพูดเช่นนั้นมาก่อน!
แม่นมจ้าวผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็พูดอย่างจริงจังว่า “หวังเฟย หม่อมฉัน...ไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร”
ตอนนี้ หานอวิ๋นซีเริ่มสงสัย “ท่านอ๋องสั่งให้เ้ามาที่นี่ทำไม?”
แม่นมจ้าวที่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ หวังเฟยก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา นางจึงพูดซ้ำในสิ่งที่นางพูดแนะนำตัวเองไปก่อนหน้านี้ “หวังเฟย ฉินอ๋องสั่งให้หม่อมฉันมารับใช้ท่าน ต่อไปหากมีอะไรท่านสามารถบอกหม่อมฉันได้เพคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็ชะงักไปเช่นกัน
หลงเฟยเยี่ยโกหกนาง! ไม่สิ ชายผู้นั้นแค่ฉวยโอกาสบอกว่าที่อยู่ของนางสกปรก!
ที่อยู่ของนางสกปรกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขากัน เขาต้องพูดกับนางอย่างปากร้ายแบบนี้ด้วยหรือ?
น่าเบื่อ!
หานอวิ๋นซีเบะปาก เมื่อกำลังจะอ้าปากพูด แม่นมจ้าวก็พูดขึ้นมาอีกว่า “หวังเฟย ท่านไม่ต้องกังวลนะเพคะ ถึงหม่อมฉันจะอายุมากแล้ว แต่รับใช้ได้ดีกว่าเหล่าสาวใช้อายุน้อยในตอนนี้อย่างแน่นอน หม่อมฉันอยู่รับใช้ที่นี่มาั้แ่จวนฉินอ๋องสร้างขึ้นเพคะ”
“นานขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้าอย่างนั้นเ้าก็ถือว่าเป็ผู้าุโเลยน่ะสิ?” หานอวิ๋นซีประหลาดใจอย่างมาก เสี่ยวเฉินเซียงเป็มือใหม่ที่ไม่ภูมิหลังใดๆ มาก่อน ดังนั้นนางจึงสามารถใช้ให้นางทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างสบายใจ
แม่นมจ้าวที่อยู่มานานขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีประสบการณ์มากมาย นางคงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกของอี้ไท่เฟยหรอกใช่หรือไม่?
“ฮ่าฮ่า หม่อมฉันเป็ผู้าุโจริงๆ นั่นแหละเพคะ” แม่นมจ้าวพูดอย่างภูมิใจ “หวังเฟย ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยอยู่ในวังและเฝ้าดูท่านอ๋องเติบโต! ท่านอ๋องทรงวางใจหม่อมฉัน หลังจากออกจากวังจึงพาหม่อมฉันออกมาจากวังด้วย ไม่ว่าจะเื่เล็กเื่ใหญ่ทั้งหมดในลานดอกบัวล้วนเป็หม่อมฉันที่ดูแล”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น ที่แท้ลานดอกบัวแห่งนี้ก็มีคนรับใช้ นางเคยคิดว่า ลานดอกบัวใหญ่ขนาดนี้แต่กลับไม่มีสาวใช้เลยสักคน แล้วเหล่าองครักษ์พวกนั้นสามารถทำความสะอาดและจัดระเบียบได้ดีขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
“ทำไมก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยเห็นเ้าเลยล่ะ?” แน่นอนว่านางข้องใจเกี่ยวกับคำถามนี้มากที่สุด
“หลายเดือนก่อนหม่อมฉันกลับไปที่บ้านเกิดทางใต้ เพิ่งจะกลับมาวันนี้ ทันทีที่กลับมาท่านอ๋องก็ทรงเรียกหม่อมฉันไปพบ” แม่นมจ้าวพูด ด้วยกลัวว่าหานอวิ๋นซีจะไม่เชื่อ นางจึงรีบเสริมว่า “หวังเฟย องครักษ์ของตำหนักแห่งนี้หม่อมฉันรู้จักทั้งหมด หากไม่เชื่อ ท่านสามารถถามพวกเขาได้เลยเพคะ”
ทันทีที่แม่นมจ้าวมาถึง นางไม่มีเวลาแม้แต่จะจัดเก็บของก็ถูกท่านอ๋องเรียกไปพบที่ตำหนักหยุนเซี่ยนเพื่อทำความสะอาดเรือน โดยเฉพาะห้องตำรา
ทันทีที่แม่นมจ้าวมาถึง นางก็ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าฉินหวังเฟยคนใหม่อยู่ที่นี่ นางไม่เคยคิดว่าท่านอ๋องจะอนุญาตให้สตรีผู้นี้อาศัยอยู่ในลานดอกบัว
ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องไม่เห็นด้วยกับการอภิเษกครั้งนี้มากๆ เลยไม่ใช่หรือ?
เมื่อนางเห็นห้องตำราที่ทั้งเหม็นและรกยุ่งเหยิง นางถึงกับใ ต้องรู้ว่าท่านอ๋องทรงรักความสะอาดเป็อย่างมาก และเกลียดความยุ่งเหยิงเป็ที่สุด คิดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยให้หวังเฟยทำสถานที่แห่งนี้รกแบบนี้ได้?
และหลังจากที่แม่นมจ้าวทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อย ท่านอ๋องก็เสด็จเข้ามาในห้อง นั่งลงบนที่นั่งสักพักและสิ่งแรกที่พูดคือ “แม่นมจ้าว ต่อไปเ้าก็อยู่รับใช้ที่นี่ไปเลยก็แล้วกัน”
แน่นอนว่าแม่นมจ้าวต้องสงสัยเป็ธรรมดา จึงถามหยั่งเชิงไปว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่าฉินหวังเฟยสวยมาก”
อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องยังคงเงียบและไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง แม่นมจ้าวจึงไม่กล้าถามคำถามใดๆ อีก และสงสัยอยู่ในใจว่าฉินหวังเฟยคนนี้เป็ที่โปรดปรานหรือไม่
ในขณะที่ใช้เวลาทำความสะอาดตำหนัก นางจึงได้ถามไถ่องครักษ์ แต่องครักษ์เองก็ไม่รู้อะไรเลย
แม้ว่าแม่นมจ้าวจะงุนงงและไม่เข้าใจมากๆ แต่นางก็มั่นใจได้อย่างหนึ่ง ในเมื่อท่านอ๋องให้ฉินหวังเฟยอยู่ที่ลานดอกบัวและสั่งให้นางมาคอยรับใช้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในใจของท่านอ๋องก็ต้องยอมรับหวังเฟยท่านนี้แล้ว
และแน่นอนว่าเมื่อเป็สตรีที่ท่านอ๋องยอมรับแล้ว นางก็ต้องปรนนิบัติอย่างสุดหัวใจแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นมจ้าว หานอวิ๋นซีก็ถามอย่างใจเย็นว่า “แม่นมจ้าว พูดเช่นนี้ เ้ารับใช้ท่านอ๋องมาจนโตเลยอย่างนั้นหรือ?”
แม่นมจ้าวยิ้มและพยักหน้าอย่างใจดี “ผ่านมาหลายปีแล้ว ท่านอ๋องมีเพียงหม่อมฉันที่คอยรับใช้เท่านั้น นิสัยของท่าน หม่อมฉันรู้ดีกว่าอี้ไท่เฟยเสียอีกเพคะ”
“เ้ามาที่นี่ เช่นนั้นฝั่งท่านอ๋อง...” หานอวิ๋นซีลองถามหยั่งเชิง
“หวังเฟย พวกท่านก็อยู่ในลานดอกบัวแห่งเดียวกันอย่างไรล่ะเพคะ ท่านวางใจได้ หม่อมฉันไม่แอบี้เีอย่างนอนเพคะ” แม่นมจ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม
หานอวิ๋นซีนิ่งงันไปเป็เวลานานก่อนที่จะพูดว่า “อ๋อ” และโบกมือ “เข้าใจแล้ว ไม่มีเื่อะไรแล้วล่ะ เ้าไปทำงานต่อเถอะ”
“หวังเฟย คืนนี้ท่านอยากทานอะไรเพคะ หม่อมฉันจะไปสั่งห้องครัวให้” แม่นมจ้าวขยันขันแข็งเป็อย่างมาก
“เ้าตัดสินใจได้เลย” หานอวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้สมองของนางยุ่งเหยิงเสียเหลือเกิน จะไปสนใจว่าอยากกินอะไรที่ไหนกัน
หลังจากที่แม่นมจ้าวออกไป นางก็นั่งนิ่ง
หลงเฟยเยี่ยมอบคนรับใช้คนสำคัญให้นางจริงหรือ?
หรือว่าจะมีการสมรู้ร่วมคิดอะไรหรือไม่? เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะส่งคนมาคอยจับตามองนาง?
ในไม่ช้า หานอวิ๋นซีก็ปฏิเสธความคิดนี้ นางอาศัยอยู่ในลานดอกบัวซึ่งอยู่ในขอบเขตอิทธิพลของหลงเฟยเยี่ย ถ้าอยากจะจับตามองนางมันก็ไม่ใช่เื่ยากอะไรไม่ใช่หรือ?
แปลกจริงๆ!
ชายผู้นั้นคิดอะไรอยู่กันแน่?
ในคืนนี้แม่นมจ้าวสั่งให้ห้องครัวทำอาหารหลายอย่างและทำน้ำแกงโสมให้หานอวิ๋นซีเพื่อบำรุงร่างกายโดยเฉพาะ
ต้องบอกว่าเมื่อเทียบกับเสี่ยวเฉินเซียงแล้ว แม่นมจ้าวเป็คนรับใช้ที่เก่งกาจอย่างไร้ที่ติ นางเป็คนไม่ค่อยพูด และเมื่อทำงานที่ควรทำเสร็จสิ้นก็จะกลับมาคอยรับใช้และจะไม่รบกวนโดยไม่มีเหตุผล
โดยที่หานอวิ๋นซีไม่รู้ว่าแม่นมจ้าวกำลังแอบสังเกตนางอยู่
แม้ว่าจะมีความประทับใจที่ดีต่อหวังเฟยท่านนี้ แต่แม่นมจ้าวก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าทำไมฉินอ๋องถึงตกหลุมรักสตรีผู้นี้?
ครั้งหนึ่งนางเคยเดิมพันกับฉู่ซีเฟิง ฉู่ซีเฟิงพนันว่าท่านอ๋องไม่มีทางสนใจสตรีผู้ใดก่อนอายุสามสิบอย่างแน่นอน ในขณะที่นางพนันว่าท่านอ๋องไม่มีวันใกล้ชิดกับสตรีผู้ใดเลยตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีนายหญิงมาอยู่ที่ลานดอกบัวแล้ว แม่นมจ้าวก็มีความสุขมาก อย่างน้อยฉินอ๋องของพวกเขาก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวจนแก่ตาย
แม่นมจ้าวคิดว่านางควรใกล้ชิดกับนายหญิงผู้นี้ให้มากขึ้น ทำความคุ้นเคยกับนางเป็พิเศษ แล้วค่อยสอนนางว่าต้องดูแลท่านอ๋องอย่างไร
หลังจากทำงานในห้องตำราเสร็จ หานอวิ๋นซีก็นั่งดื่มชาที่ลานบ้านและโบกมือเรียกให้แม่นมจ้าวเข้ามาหา
“หวังเฟย้ารับสั่งอันใดหรือเพคะ?” แม่นมจ้าวพูดด้วยความเคารพอย่างมาก
“แม่นมจ้าว เ้าอยู่กับข้าที่นี่ไม่ต้องมีมารยาทมากขนาดนั้นก็ได้ อย่าทำให้มันซับซ้อนเลย นั่งลงสิ” หานอวิ๋นซีพูดพลางตบที่นั่งข้างนาง
“หวังเฟย หม่อมฉันต่ำต้อย ไม่คู่ควรที่จะนั่งที่ตรงนั้นเพคะ” แม่นมจ้าวพูดอย่างจริงจัง
หานอวิ๋นซีแอบถอนหายใจ ด้วยเพราะนางออกมาจากวัง เลยแตกต่างจากเสี่ยวเฉินเซียง
“งั้นก็นั่งบนเก้าอี้เตี้ยเถอะ” หานอวิ๋นซีพูด
“ขอบพระทัยหวังเฟยเพคะ” แม่นมจ้าวนั่งลงข้างๆ หานอวิ๋นซีและก้มศีรษะลง
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามเบาๆ ว่า “ท่านอ๋องมีศิษย์น้องคนหนึ่ง เ้ารู้หรือไม่?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา รอยยิ้มก็เปล่งประกายในดวงตาของแม่นมจ้าว “รู้สิเพคะ คือองค์หญิงฉางเล่อแห่งอาณาจักรซีโจว ตวนมู่เหยา”
หานอวิ๋นซีแค่ลองถามไปเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าแม่นมจ้าวจะรู้จัก ทั้งยังตอบนางได้จริงๆ
“แล้วพวกเขาอยู่สำนักไหนหรือ?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง
“สำนักกระบี่เทียนซานเพคะ” แม่นมจ้าวตอบโดยไม่ต้องคิด
หานอวิ๋นซีใ คิดไม่ถึงว่านางจะตอบแบบนี้
สำนักกระบี่เทียนซานเป็หนึ่งในสามของสำนักศิลปะการต่อสู้หลัก ซึ่งเป็สำนักของวิชากระบี่ในโลก กล่าวกันว่าการประเมินที่นั่นเข้มงวดมากและรับศิษย์เพียงหนึ่งคนต่อปี
ไม่แปลกใจที่หลงเฟยเยี่ยสามารถเข้าไปได้ ชายผู้นั้นแข็งแกร่งเหนืุ์ แต่สิ่งที่ทำให้หานอวิ๋นซีประหลาดใจคือ คิดไม่ถึงว่าตวนมู่เหยาก็สามารถเข้าไปได้เช่นกัน จะว่าไปแล้ว ศิลปะการต่อสู้ของนางก็ไม่ได้ต่ำต้อย
แน่นอนว่าตอนนี้นางไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ นางสงสัยว่าแม่นมจ้าวตอบได้ทุกคำถามจริงๆ หรือ?
ั์ตาเ้าเล่ห์ส่องประกายในดวงตาของหานอวิ๋นซี นางจึงพูดอีกครั้งว่า “แม่นมจ้าว เวลากลางคืนท่านอ๋องไม่ค่อยกลับมา น่าจะมีที่อยู่ข้างนอกด้วยใช่หรือไม่?”
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้แม่นมจ้าวลังเล เมื่อเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของหานอวิ๋นซี ดูเหมือนว่าการถามอย่างลองเชิงของนางจะถูกต้อง
แต่ใครจะรู้ว่าปฏิกิริยาของแม่นมจ้าวนั้นกลับเกินความคาดหมายของนาง
แม่นมจ้าวมองไปรอบๆ และลดเสียงของนางให้เบามาก “หวังเฟย นี่เป็เื่ส่วนตัวของท่านอ๋อง หม่อมฉันบอกท่าน ท่านอย่าไปบอกใครว่าหม่อมฉันเป็คนบอกนะเพคะ แล้วก็อย่าได้เอาไปพูดต่อด้วย”
เอ่อ…
หานอวิ๋นซีที่ไม่คาดคิดก็ดวงตาเบิกกว้างในขณะที่แม่นมจ้าวกำลังจะพูด ทว่าหานอวิ๋นซีก็หยุดนางไว้และถามว่า “ช้าก่อน! แล้วทำไมเ้าถึงบอกข้าล่ะ?”
แม่นมจ้าวผงะไปอย่างไร้เดียงสา “ก็หวังเฟยถามนี่เพคะ”
“ข้าถามเ้า เ้าก็บอกอย่างนั้นหรือ?” หานอวิ๋นซีถามกลับ
แม่นมจ้าวมองไปที่นาง แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมาราวกับเฒ่าทารก “ที่แท้ หวังเฟยก็กำลังถามลองเชิงหม่อมฉันหรือเพคะ”
หานอวิ๋นซีที่ถูกรู้ทันก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางกระตุกมุมปาก “แม่นมจ้าวคิดมากไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก เ้าไปเถอะ”
อย่างไรก็ตาม แม่นมจ้าวไม่ได้ออกไปและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็เื่ปกติที่หวังเฟยจะระแวง เพราะนี่คือจวนฉินอ๋องและหวังเฟยเองก็ไม่ได้รับการต้อนรับ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ดวงตาของหานอวิ๋นซีก็เ็า แม่นมจ้าวคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ คิดวางแผนที่จะประลองกับนางอย่างนั้นหรือ?
“เ้าคิดจะพูดอะไร?” นางถามอย่างเ็า
อย่างไรก็ตาม แม่นมจ้าวกลับอยู่เหนือความคาดหมายของนางอีกครั้ง
“หวังเฟย ท่านวางใจได้ หม่อมฉันเป็คนของท่านอ๋องอย่างแน่นอน ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็ผู้พระราชทานหม่อมฉันให้ฉินอ๋อง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอี้ไท่เฟย หม่อมฉันภักดีต่อท่านอ๋องเพียงผู้เดียวเพคะ!” ใบหน้าของแม่นมจ้าวมีริ้วรอยตื้นขึ้นด้วยเพราะความจริงใจของนาง
หานอวิ๋นซีไม่คาดคิดว่านางจะพูดเช่นนี้ออกมา ที่แท้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอี้ไท่เฟยสินะ!
อย่างไรก็ตาม นางยังคงไม่เข้าใจและตั้งคำถามว่า “ในเมื่อเ้าซื่อสัตย์ภักดี เหตุใดเ้าจึงขายเขาง่ายดายเช่นนี้ล่ะ?”
“หวังเฟยเป็ชายาเอกของท่านอ๋อง หม่อมฉันตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อ จะไปถือว่าเป็การขายท่านอ๋องได้อย่างไรกันเพคะ?”
คำพูดของแม่นมจ้าวทำให้หานอวิ๋นซีถึงกับพูดไม่ออก นางรู้สึกเพียงแค่ว่ามันน่าขันเท่านั้น
“แม่นมจ้าว เ้าเลอะเลือนจริงๆ หรือแกล้งทำเป็เลอะเลือนกันแน่? ข้าก็แค่แสดงไปเท่านั้น เ้าให้ความสำคัญกับข้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? เ้ารับใช้ท่านอ๋องมาตั้งหลายปี ก็น่าจะรู้ว่าท่านอ๋องไม่ได้เต็มใจที่จะอภิเษกกับข้า”
ชายาเอก?
นางเทียบไม่ได้แม้กระทั่งคนรับใช้ข้างกายหลงเฟยเยี่ย แม้กระทั่งสหายก็ยังไม่นับ เป็เพียงคนแปลกหน้าที่เคยคบค้าสมาคมกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ตำแหน่งของชายาเอกนำปัญหามาให้นางยตั้งมากมายเท่าไร เมื่อคิดถึงเื่นี้ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกโกรธและพูดว่า “แม่นมจ้าว แค่ท่านอ๋องไม่หาเื่ข้า ข้าก็ขอบคุณมากแล้ว ส่วนเื่ชายาเอก เขาจะรักใครแต่งกับใครก็แล้วแต่เขาเถอะ ข้าพร้อมยกให้ทุกเวลา”
แม่นมจ้าวไม่เคยได้ยินสตรีผู้ใดที่กล้าดูถูกท่านอ๋องมากขนาดนี้มาก่อน!
ต้องรู้ว่าไม่ต้องพูดถึงลานดอกบัวนี้เลย สตรีที่อยากจะอภิเษกเข้าจวนฉินอ๋องสามารถตั้งแถวยาวไปจนถึงนอกเมืองได้เลย คิดไม่ถึงว่าหวังเฟยท่านนี้จะรังเกียจท่านอ๋องขนาดนี้
แม่นมจ้าวโกรธอย่างมากและพูดออกไปโดยไม่ได้คิดว่า “หวังเฟย ท่านอ๋องให้ท่านอยู่ในลานดอกบัว ทั้งยังให้หม่อมฉันมารับใช้ ทำไมจะไม่ให้ความสำคัญกับท่านล่ะเพคะ? อีกอย่าง ก่อนหน้านี้อี้ไท่เฟย้าขอร้องท่านอ๋องให้หม่อมฉันไปรับใช้นาง ทว่าท่านอ๋องปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง! หวังเฟยอย่ามองว่ามันไร้ค่าเลยเพคะ!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีก็ขมวดคิ้วทันที แม่นมจ้าวเองก็ใเช่นกันและรีบคุกเข่าทันที “หม่อมฉันเลอะเลือนไปแล้ว! หม่อมฉันทำให้หวังเฟยขุ่นเคืองด้วยคำพูดที่หุนหันพลันแล่น โปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเพคะ!”
มุมปากของหานอวิ๋นซีกระตุก ไม่รู้ทำไมจู่ๆ หัวใจของนางก็เริ่มเต้นรัวและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
