เมื่อคำกล่าวนี้หลุดออกมา ภายในห้องก็เงียบเป็เป่าสากป้าสามลุกขึ้นช้าๆ และมองไปยังชายคนนนั้น ใบหน้าเรียบเฉยของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็ซีดขาวดวงตาที่อ่อนโยนพลันเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “หวังหงเซิง ทำไมเ้ายังไม่ตาย?”
ชายคนนั้นมองป้าสามั้แ่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้ายั่วเย้าพอได้ยินถ้อยคำของป้าสาม สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “เ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้ามีชีวิตสุขสบาย ทำไมจะต้องตายด้วย? แต่นังแพศยาอย่างเ้าได้ยินมาว่าตอนที่ทำแท้งบุตรก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด คิดไม่ถึงว่าจะยังมีชีวิตอยู่”
พอเอ่ยถึงเื่ทำแท้ง สีหน้าของป้าสามก็เศร้าสลดลง
สีหน้าของคนตระกูลเสิ่นก็ย่ำแย่ลงไปด้วย
“หุบปาก” ลุงสามลุกขึ้นมายืนบังหน้าปกป้องภรรยาสายตาโกรธเคืองมองไปยังชายที่ชื่อหวังหงเซิง “เ้าไสหัวออกไปซะ”
“เ้านับเป็อะไรได้ ถึงกล้าสั่งให้ข้าไสหัวไป?” หวังหงเซิงก้าวเท้าเข้ามาในห้องเขามองลุงสามอย่างดูแคลน “เ้าคือชายที่ซื้อเยียนเหมยเมื่อหลายปีก่อนสินะ? จิ๊ๆ รองเท้าที่ขาดรุ่งริ่งขนาดนี้ก็ยังจะใส่ช่างเป็ความรักที่โง่เง่าจริงๆ เป็ยังไงบ้างล่ะ รองเท้าที่ชายอื่นเคยสวมใส่มาแล้ว ใส่สบายไหมล่ะ?”
ลุงสามไหนเลยจะทนรับวาจาเหยียดหยามเช่นนี้ได้เขาก้าวเข้าไปหมายจะต่อยอีกฝ่าย แต่นายท่านเสิ่นตาไวมือไวกว่าเขากอดห้ามลุงสามเอาไว้ “พี่สาม ใจเย็นๆ”
“เ้าสี่ ปล่อยข้า มันกล้าพูดแบบนี้กับภรรยาข้า ข้าจะต่อยมัน” ลุงสามดีดดิ้นอย่างเดือดดาล แต่นายท่านเสิ่นมีพละกำลังกว่าเขามาก
คนตระกูลเสิ่นต่างกำหมัดแน่นด้วยความกรุ่นโกรธหากไม่ใช่เพราะยังมีสติและรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ก็คงพุ่งเข้าใส่ไปนานแล้ว
“เ้ารู้ไหมว่าข้าเป็ใคร? ข้าเป็คนของตระกูลหวัง พี่ใหญ่ของข้าเป็รองเ้ากรมการคลังขั้นสี่ส่วนพี่รองของข้าเป็บัณฑิตของลัทธิขงจื๊อแห่งยุค ทั้งยังเคยสอนหนังสือแก่องค์รัชทายาทเ้ากล้าต่อยข้า อยากตายหรือไง?” หวังหงเซิงยิ้มหยัน สายตาดูถูกกวาดตามองทุกคนเมื่อกวาดสายตามาถึงกู้เจิง ก็อดร้องเสียงประหลาดใจไม่ได้ “แม่นางน้อยหน้าตาไม่เลวเลย”
กู้เจิงเหลือบตามองเสิ่นเยี่ยน เขามีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดไม่จา
หวังหงเซิงเดินเข้าไปหากู้เจิง ไล่สายตามองนางั้แ่หัวจรดเท้า “แม่นางน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน เ้าชื่ออะไรหรือ?"
ชุนหงมองท่าทางบ้าตัณหาของชายคนนี้ นางโมโหจนอยากจะด่าออกไปแต่เมื่อเห็นสีหน้าคุณหนูของนางก็พลันเปลี่ยนเป็ตกตะลึงคุณหนูของนางกำลังโถมกายเข้าใส่อ้อมอกของท่านบุตรเขยพร้อมทำเป็ร่ำไห้อย่างออดอ้อน “ท่านพี่ ข้ามีฐานะเป็ถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยไม่เคยถูกคนพูดจาลวนลามเช่นนี้มาก่อน ท่านจัดการเขาเลยเ้าค่ะ” อีกฝ่ายทำเป็อ้างว่ามาจากตระกูลหวัง ถ้าอย่างนั้นนางก็อ้างได้ว่ามาจากจากจวนป๋อเจวี๋ยเหมือนกัน
“ได้” เสิ่นเยี่ยนประคองกู้เจิงให้นั่งลงก่อนจะเตะไปที่ท้องของหวังหงเซิงอย่างแรง
การเตะนี้รวดเร็วหมดจดเหลือเกิน เมื่อทุกคนได้สติกลับมาหวังหงเซิงก็ถูกเตะออกจากห้องไปแล้วมีเสียงร้องโอดโอยและเสียงชนโต๊ะเก้าอี้ดังอยู่ด้านนอก
กู้เจิง “...” รุนแรงขนาดนี้เชียว?
“เตะได้ดี” นายหญิงเสิ่นมองลูกชายตัวเองแล้วพูดขึ้น
“อาเยี่ยน เ้าหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว” นายท่านเสิ่นใ บุรุษผู้นั้นแม้จะสมควรโดนซ้อมเพราะทำตัวล่วงเกินคนในตระกูลก็จริง แต่ในเมืองเยว่เฉิงนี้มีผู้สูงศักดิ์มากมายตระกูลเสิ่นเป็เพียงชาวบ้านธรรมดาสามัญ หากต้องเผชิญหน้ากับตระกูลขุนนางที่มีอิทธิพลขึ้นมาเกรงว่าจะต้องพบกับความยุ่งยากแน่ๆ
ลุงสามเมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ก็รู้สึกหนักใจขึ้นกว่าเดิมตอนนั้นเขาขายบ้านขายที่ดินพาภรรยาออกจากบ้านเพราะกลัวว่าผู้ชายพวกนั้นจะมาหาเื่พวกเขาจนผ่านมาสิบกว่าปีแล้วไม่คิดว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นอีกแต่ไหนเลยจะรู้ว่ามาโรงเตี๊ยมครั้งแรกก็พบเจอปัญหาเสียแล้วแถมยังทำให้หลานชายที่เพิ่งสอบได้เป็จิ้นซื่อพลอยเดือดร้อนไปด้วยอีก
“พวกเ้ากลับไปก่อนเถอะ” นายท่านเสิ่นรีบเอ่ยกับเหล่าพี่สะใภ้ หลานชาย และภรรยารวมถึงกู้เจิงกับชุนหงว่า “ที่นี่พวกเราที่เหลือจะรับมือกันเอง”
“ใช่” ลุงใหญ่ได้สติกลับมาเขาหันไปบอกลูกชายและภรรยาให้รีบกลับออกไป “พวกเ้ากลับกันไปก่อน รีบไปซะ”
ก่อนหน้านี้กู้เจิงเห็นความอดททนอดกลั้นของพ่อสามีกับเหล่าท่านลุงก็ยังรู้สึกว่าบุรุษในตระกูลเสิ่นมีนิสัยอ่อนโยนเกินไป แต่พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประทับใจขึ้นมา
“ท่านพ่อ ท่านลุงท่านป้าทั้งหลาย วางใจเถอะขอรับ” ขณะที่เสิ่นเยี่ยนกำลังจะเดินออกจากห้อง ก็มีบ่าวรับใช้หลายคนก็วิ่งกรูเข้ามารุมล้อมพวกเขาจ้องมาที่ตระกูลเสิ่นอย่างโกรธเคือง “ใครเตะคุณชายสามของข้า?”
“พวกเ้าเข้ามาพร้อมกันเลยเถอะ” เสิ่นเยี่ยนกวาดสายตามองพวกเขาอย่างดูแคลน
“ได้เลยเ้าหนู” บ่าวรับใช้คนหนึ่งม้วนแขนเสื้อขึ้นและทำท่าจะเข้ามาจับเสิ่นเยี่ยน
แต่ยังไม่ทันจะจับโดนแขนเสื้อ เสิ่นยี่ยนก็ตวัดฝ่าเท้าออกไปพวกนั้นไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำว่าเสิ่นเยี่ยนทำอะไรบ่าวรับใช้คนนั้นก็ทรุดลงกับพื้นไปแล้วคนที่เหลือเมื่อเห็นดังนั้นจึงล้อมกันเข้ามาเพื่อลงมือพร้อมกัน
เสิ่นเยี่ยนมีวรยุทธหรือ? กู้เจิงประหลาดใจเขาจัดการพวกบ่าวเหล่านี้ทีละคนโดยเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วงดงามไม่มีท่าทางอ่อนแออย่างผู้เป็บัณฑิตให้เห็นเลย แต่นางคิดอีกทีก็ไม่น่าแปลกอะไร เขาอยู่ในค่ายทหารมาหลายปีก็คงต้องพอมีวรยุทธอยู่บ้าง
“ท่านบุตรเขยเก่งมากเลยเ้าค่ะ” ชุนหงให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
“สามีของข้าเก่งที่สุดเลย” กู้เจิงเองก็พูดอย่างตื่นเต้น
เสิ่นเยี่ยนหันไปสบตาภรรยา ั์ตาสงบนิ่งของเขามีรอยยิ้มแฝงอยู่หลังจากจัดการพวกบ่าวอันธพาลเรียบร้อย เขาก็เดินออกจากห้องไป
คนในตระกูลเสิ่นรีบตามกันออกไป ด้านนอกวุ่นวายไปหมดเถ้าแก่ของหอถงชุน และเสี่ยวเอ้อในร้านขึ้นมามุงที่ชั้นสอง พวกเขาคิดว่าคนที่อยู่ข้างในห้องที่มีเื่กันต้องเป็ขุนนางใหญ่โตแน่นอนถึงได้กล้าเตะคนของตระกูลหวังเช่นนี้แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่ออกมาจากห้องนั้นจะแต่งกายอย่างชาวบ้านธรรมดาเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมหน้าเขียวในทันที เขาตะคอกใส่ลูกน้องว่า “พวกเ้ายังยืนบื้ออะไรอยู่อีก? รีบไปรายงานทางการเร็วเข้า”
“ขอรับ ขอรับ” พวกเสี่ยวเอ้อรีบพากันไปทำตามคำสั่ง
หวังหงเซิงถูกซ้อมอย่างหนัก จนบ่าวรับใช้ต้องเข้ามาช่วยพยุงเขาเขายกมืออันสั่นเทาขึ้นชี้ไปทางเสิ่นเยี่ยน “พวกเ้าน่ะหยุดก่อน”
กู้เจิงหยุดยืนอยู่ข้างกายสามี นางมองหวังหงเซิงอย่างเ็า “ข้าเป็ถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้แต่เ้ากลับกล้าพูดจาโดยไม่ให้เกียรติ ช่างโง่เขลาเสียจริง”`
สายตาของทุกคนที่กำลังมุงดูอยู่นั้นล้วนหันไปจ้องที่กู้เจิงแขกในโรงเตี๊ยมล้วนไม่แปลกใจ พวกเขาต้องเคยได้ยินเื่ที่บุตรสาวคนโตของตระกูลกู้ป๋อเจวี๋ยแต่งงานเข้าตระกูลเสิ่นอยู่แล้วเื่เช่นนี้พวกเขาย่อมรู้ดีแต่ไม่คิดว่าบุตรสาวอนุคนโตของจวนป๋อเจวี๋ยผู้นั้นจะเป็สตรีที่อยู่ตรงหน้าคนนี้นางมีรูปโฉมงดงามผุดผ่องเป็ที่สุด
หวังหงเซิงเป็คนเ้าชู้ั้แ่เด็ก เขาไม่เคยเก็บอาการมาก่อนการที่บุตรสาวคนโตของตระกูลกู้หน้าตาดีเช่นนี้จะถูกคนหยอกล้อก็ถือเป็เื่ปกติแต่นางแต่งงานแล้ว บุรุษอย่างเขากลับทำเื่น่าอายเช่นนั้นได้นี่สิแปลกถือว่าโง่เอามากๆ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เสิ่นเยี่ยนอีกครั้ง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ภายนอกดูเหมือนบัณฑิตทั่วไปจะเป็คนที่มีวรยุทธอีกด้วยมิน่าเล่าจวนกู้ถึงได้ให้บุตรสาวคนโตแต่งงานกับเขา
จู่ๆ ก็มีเสียงคนเอ่ยขึ้น “ได้ข่าวว่าคุณหนูสามแห่งจวนกู้ก็จะแต่งงานกับตวนอ๋องอีกไม่กี่วันแล้วนี่”
“ใช่ๆ ฝ่าาทรงมีพระบรมราชโองการส่วนพระองค์ดูเหมือนจะอีกไม่นานแล้ว”
“หวังหงเซิงคนนี้โชคร้ายเหลือเกินดันไปล่วงเกินพี่สาวของว่าที่พระชายาของตวนอ๋อง”
กู้เจิงเห็นหวังหงเซิงดูมีท่าทีหวาดกลัวั้แ่ที่ได้รู้ถึงฐานะของนางแล้วแต่พอคนอื่นเอ่ยถึงตวนอ๋องสีหน้าของเขาก็ยิ่งซีดขาวขึ้นไปอีกเป็อีกครั้งที่นางรู้สึกว่าฐานะชาติตระกูลของนางนี้ช่างมีประโยชน์จริงๆ
หลังจากทหารของทางการมาถึง ทุกคนก็ตามทหารไปที่ที่ว่าการอำเภอแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือนายอำเภอผู้นี้กับเสิ่นเยี่ยนรู้จักกันดี
สีหน้าของหวังหงเซิงยิ่งดูย่ำแย่เข้าไปอีกเมื่อเขารู้ว่านายอำเภอจะไปเชิญกู้ห่งหย่งและตวนอ๋องมาร่วมฟังการพิจารณาด้วยแม้ว่าตระกูลหวังของเขาจะเป็ตระกูลเก่าแก่แต่ตำแหน่งขุนนางยศใหญ่ที่สุดในตระกูลก็เป็แค่รองเ้ากรมพลเรือนเท่านั้นจะเทียบกับท่านอ๋องได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นท่านอ๋องผู้นี้ยังเป็คนขององค์รัชทายาท แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้ว
กู้เจิงและคนตระกูลเสิ่นถูกเชิญให้มานั่งในห้องโถง นายอำเภอพาเสิ่นเยี่ยนกับหวังหงเซิงไปที่โถงอีกฝั่งหนึ่งน่าจะไปคุยกันว่าจะจัดการเื่นี้อย่างไร
ท่าทางของป้าสามยังดูใอยู่ ลุงสามต้องคอยปลอบประโลมอยู่ด้านข้างแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเปล่าประโยชน์
สีหน้าของทุกคนในตระกูลเสิ่นไม่ค่อยดีนักหากเป็เมื่อก่อนป้าใหญ่กับป้ารองคงช่วยพูดให้ป้าสามรู้สึกดีขึ้นบ้างแต่ตอนนี้พวกนางกลับนั่งเงียบๆ
กู้เจิงก็ทอดถอนใจนึกถึงเื่ของป้าสามที่พ่อแม่สามีเคยเล่าให้นางฟัง หญิงสาวที่เกิดในหอคณิกาคงถูกคนส่วนใหญ่ดูแคลน ยังดีที่ป้าสามขายเพียงศิลปะมิใช่เรือนร่างแต่ฟังจากที่หวังหงเซิงพูดป้าสามก็คงไม่ได้บริสุทธิ์ั้แ่ก่อนที่จะแต่งงานกับลุงสามแล้ว กระทั่งนางยังเคยแท้งบุตรอีกด้วย
แม้ว่าคนตระกูลเสิ่นจะยอมรับในตัวป้าสามแต่เื่ที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้ตระกูลเสิ่นอับอายมากจริงๆ
“ฮูหยิน อย่านะ” ลุงสามอุทานออกมา
จู่ๆ ป้าสามก็ลุกพรวดขึ้นมา นางจะวิ่งไปพุ่งชนเสาห้องโถงโชคดีที่ลุงสามจับเอาไว้ได้ทัน เขากอดนางไว้ทั้งตัวจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้นทั้งสองคน
“นี่พวกเ้าทำอะไรกัน?” ลุงใหญ่รีบเข้าไปช่วยพยุงน้องสาม
ป้าใหญ่ก็ก้าวเข้าไปประคองป้าสามขึ้นมาทว่านางกลับไม่ยอมมองหน้าของป้าสามเลย
“จะมาตายอะไรเอาตอนนี้” ป้ารองพูดพึมพำ นางเหลือบเห็นสามีถลึงตาใส่ตนจึงก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก