เมื่อหลี่ชิงเฟิงถูกหลิวจือโม่ถามด้วยน้ำเสียงที่เ็าก็หดหัวเล็กน้อย เขาพูดเสียงเบา "ข้า... แค่เป็ห่วงพี่มากเลยอยากเข้าเมืองไปหา” ให้เขารอข่าวอยู่ที่บ้าน เขารอต่อไปไม่ไหวจริงๆ
หากไม่ได้เห็นพี่สาวด้วยตาตัวเอง หัวใจของเขาคงไม่อาจสงบลงได้
“แบกน้องเข้าเมืองแบบนี้ เคยคิดไหมว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง” หลิวจือโม่ตัดสินใจที่จะสอนบทเรียนให้กับน้องชายที่กล้าหาญสองคนนี้ “จือเยี่ยน เ้าก็เหมือนกัน เ้าโตกว่าเสี่ยวเฟิงหนึ่งปี ไม่เพียงแต่ไม่ห้าม ทั้งยังไปกับเขาด้วย มันใช้ได้หรือ”
เมื่อไฟมาถึง หลิวจือเยี่ยนก็กัดฟันเหลือบมองหลิวจือโม่ สุดท้ายก็ก้มศีรษะลง ครั้งนี้พี่ชายโกรธมาก แย่แน่ๆ
“ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ดูแลเสี่ยวเฟิงให้ดี คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีก” เขาไม่กล้าแก้ตัว ต้องยอมรับความผิดพลาดอย่างตรงไปมา
เขาเองก็เป็ห่วงพี่เสี่ยวหลิง พอได้ยินเสี่ยวเฟิงพูดก็รู้สึกคล้อยตาม
ทันทีที่ทั้งสองตัดสินใจได้ก็แบกน้องสาวขึ้นหลังเตรียมเดินทาง
เสียแต่เพิ่งออกบ้านก็เจอคนปิดทางทันที
เคลื่อนทัพออกศึกไม่ทันคว้าชัย ตัวมาตายเสียก่อน ตรงกับสถานการณ์เขาและเสี่ยวเฟิงมาก
หลิวจือโม่ชำเลืองมองน้องๆ ซึ่งต่างก็ก้มหน้าและพูดขึ้นว่า "คัดตัวอักษรตัวใหญ่ห้าสิบตัว ส่งคืนพรุ่งนี้” หลังจากพูดจบ เขาก็หันกลับมาเปิดม่านรถม้า ยื่นมือให้หลี่ชิงหลิงโดยไม่สนว่าทั้งสองจะมีสีหน้าอ้อนวอนขนาดไหน
หลี่ชิงหลิงยิ้มให้เขา ยื่นมือออกไปให้เขาจับ
"ท่านพี่…” หลี่ชิงเฟิงะโ น้ำตาไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาอยากกอดพี่ แต่ก็กลัวจะทำให้นางเจ็บ เด็กชายทำตัวไม่ถูก
หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือไปลูบหัวหลี่ชิงเฟิงและหัวเราะ "พี่ขอโทษที่ทำให้เป็ห่วง” นางหยุดเล็กน้อย ใช้โอกาสนี้สอน “แต่จะพาน้องเข้าเมืองไปหาพี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะให้พี่ทำยังไง? คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก เข้าใจไหม” โชคดีที่นางรู้จักเขาดีและรู้ว่าเขาจะทำตัวแบบนี้ นางจึงรีบกลับมา
ถ้าปล่อยให้เด็กๆ เข้าเมืองแล้วเกิดเื่ขึ้นจริงๆ ก็ไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว
หลี่ชิงเฟิงพยักหน้า "ดีที่ท่านพี่ไม่เป็อะไร” เขากลัวจริงๆ ว่าพี่จะทิ้งเขา และน้องเหมือนพ่อและแม่
โชคดีที่ไม่...
"เอาล่ะ เข้าไปคุยกันข้างในกันเถอะ!" หลิวจือโม่จ่ายค่าโดยสาร เอื้อมมือไปอุ้มหลี่ชิงหลิง ทำให้นางใ รีบโอบแขนรอบคอของหลิวจือโม่ และขอให้เขาวางนางลงเสียงเบา นางเดินเองได้
หลิวจือโม่ไม่สนใจคำพูดของนาง อุ้มนางเข้าบ้าน
เดิมทีเขาอยากให้นางเข้าไปพักในห้อง แต่นางปฏิเสธ บอกว่านางพักผ่อนเพียงพอแล้วและไม่จำเป็ต้องพักผ่อนอีก ให้นางนั่งบนเก้าอี้ในห้องโถงก็ได้แล้ว
เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รู้สึกไม่สบายจริงๆ หลิวจือโม่ก็ตอบรับและวางนางลงบนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง
หลี่ชิงหลิงพิงเก้าอี้มองหลี่ชิงเฟิงซึ่งดวงตายังคงแดงอยู่ บอกให้เขาวางน้องสาวลงบนเตียงแล้วค่อยออกมาคุยกับนางด้วยเสียงอ่อนโยน
หลี่ชิงเฟิงทำตาม อุ้มน้องสาวกลับไปที่ห้อง ค่อยๆ วางนางลงบนเตียง เมื่อเห็นว่านางยังไม่ตื่นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หยิบผ้าห่มมาคลุมตัวนาง
ในขณะเดียวกัน หลิวจือโม่ก็เข้ามาพร้อมกับหลิวจือโหรวบนหลัง
หลี่ชิงเฟิงเห็นก็ช่วยวางหลิวจือโหรวลง และปล่อยให้นางนอนกับน้องสาวของเขา
"จือเยี่ยน ข้าขอโทษที่ทำให้เ้าโดนลงโทษด้วย” ถ้าไม่ใช่เพราะเขาดื้อดึงจะไป จือเยี่ยนก็คงไม่ตามใจ ตามเขาไปด้วย
หลิวจือเยี่ยนตบไหล่หลี่ชิงเฟิง "เราก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ” เขาเองก็ไม่อยากให้หลี่ชิงเฟิงแบกหลี่ชิงหนิงเข้าเมืองคนเดียว ถ้าทำแบบนั้นคงโดนลงโทษหนักยิ่งกว่า "ไปกันเถอะ ออกไปคุยกับพี่เสี่ยวหลิงกัน” เขารู้สึกโล่งใจจริงๆ ที่พี่เสี่ยวหลิงกลับมาอย่างปลอดภัย
แม้ว่าเขาจะมีพี่ชายคนโต ทว่าไม่รู้ั้แ่เมื่อไร เขาเองก็เริ่มพึ่งพาพี่เสี่ยวหลิงมาก
เขารู้สึกว่าเมื่อมีพี่เสี่ยวหลิงอยู่ใกล้ๆ ครอบครัวจึงจะสมบูรณ์
หลี่ชิงเฟิงเดินออกไปยังห้องโถงพร้อมกับหลิวจือเยี่ยน จากนั้นลากเก้าอี้มานั่งลงข้างหลี่ชิงหลิง
เขามองไปที่แถบผ้าสีขาวบนศีรษะแล้วรู้สึกคอตีบตัน อยากจะร้องไห้อีกครั้ง
“ท่านพี่ ข้าขอโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะข้า พี่ก็...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็ถูกหลี่ชิงหลิงขัดจังหวะ นางยื่นมือออกมาลูบหัวของเขาเบา ๆ "เ้าคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่ความผิดของเ้า หิมะตกหนักเกินไป พี่ไม่ได้คิดให้รอบคอบเลยเป็แบบนี้” นางกลัวจริงๆ ว่าเขาจะมีปมเพราะเื่นี้ “อย่าเก็บมาใส่ใจ เข้าใจไหม”
หลี่ชิงเฟิงก้มศีรษะลง เช็ดน้ำตาและพยักหน้า สาบานในใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เื่แบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่มีทางเด็ดขาด
หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือไปลูบหัวของหลี่ชิงเฟิงอีกครั้ง ปลอบเขาอีกสองสามคำ จากนั้นหันไปคุยกับหลิวจือเยี่ยน
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิงหลิง หลิวจือเยี่ยนพยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนหน้านี้เขาคิดน้อยเกินไปจริงๆ เมืองใหญ่ขนาดนั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าพี่จะอยู่ร้านขายยาไหน
ถ้าไม่เจอพวกพี่ๆ แต่พวกเขาหลงทางแทน พวกพี่ๆ คงต้องคลั่งแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิวจือเยี่ยนก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย ครั้งหน้าเจอเื่แบบนี้อีก เขาต้องคิดให้มากกว่าเดิมและคอยห้ามหลี่ชิงเฟิง
เมื่อเห็นหลิวจือเยี่ยนพยักหน้า หลี่ชิงหลิงก็หยุดสอนพวกเขา
"เสี่ยวหลิง ่นี้พวกเ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ ไว้หลังตรุษจีนค่อยสร้างบ้านใหม่” หลิวจือโม่พูดขึ้น
หลี่ชิงหลิงคิดเองก็นึกถึงจุดนี้ นางไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของหลิวจือโม่และพยักหน้าให้เขา
พลันนึกถึงไก่ที่บ้านก็รีบถามทันที "ไก่ที่บ้านเป็อย่างไรบ้าง หรือว่าจะ...?" นางพยายามเลี้ยงไก่ให้โตขนาดนั้น ถ้าตายไป นางคงอยากร้องไห้
"ไก่ไม่เป็ไร ข้ากับจือเยี่ยนจับมันมาเลี้ยงที่นี่แล้ว" เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของหลี่ชิงหลิง หลี่ชิงเฟิงก็รีบพูด "แต่ของอื่นๆ ในบ้านนี่สิ เราขนไม่ไหว” มีเพียงห้องนอนและห้องโถงโดนหิมะถล่ม ฝั่งเล้าไก่ไม่เป็ไร
หลี่ชิงหลิงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าไก่สบายดี โชคดีที่การทำงานหนักของนางไม่เสียเปล่า
“ส่วนพวกเสื้อผ้า ไว้ข้าดีขึ้นหน่อยจะไปขนมา ตอนนี้คงขนไม่ไหว” หลี่ชิงหลิงมองข้างนอกที่หิมะยังตกอยู่ คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “เ้ายืมเสื้อจือเยี่ยนก่อนได้ไหม?” ช่วยไม่ได้จริงๆ
หลี่ชิงเฟิงไม่ทันถาม หลิวจือเยี่ยนก็พยักหน้าละบอกว่าเขาให้ยืมได้
เขาสนิทกับหลี่ชิงเฟิงขนาดนี้ย่อมไม่คิดมาก
เมื่อเห็นหลิวจือเยี่ยนไม่ได้ดูฝืน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลี่ชิงหลิง "ถ้างั้นก็ขอบคุณจือเยี่ยนนะ” ไม่ใช่ว่าเด็กสาวไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าให้หลี่ชิงเฟิง แต่แค่อากาศแบบนี้จะเข้าเมืองก็ยากแสนยาก
ช่วยไม่ได้ คงต้องยืมมาใส่ก่อน
เสื้อผ้าของหลี่ชิงเฟิงสามารถยืมหลิวจือเยี่ยนได้ แต่ของหลี่ชิงหนิงล่ะ?
หลิวจือโม่เห็นความลำบากใจของหลี่ชิงหลิงได้อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะ "ข้ายังมีเสื้อตอนเด็กของโหรวโหรวที่ยังไม่ได้ทิ้ง เดี๋ยวรื้อมาให้หนิงหนิงใส่ได้” เขาจำได้ว่าอยู่ก้นตู้เสื้อผ้า คงต้องลองไปรื้อดู
จัดการเื่ของน้องๆ ได้อย่างรวดเร็ว หลี่ชิงหลิงยิ้มและพยักหน้า
หลิวจือโม่กล่าวต่อ "ส่วนเ้าก็คงต้องใส่เสื้อข้าไปก่อนแล้ว ไว้อากาศดีขึ้นค่อยไปซื้อในเมือง” ตอนกลับมาเขาก็ลืมไปว่าเสื้อโดนฝังกลบ ตอนนี้คงต้องทำแบบนี้ไปก่อน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงหลิงหน้าแดงเล็กน้อยและตอบรับ นางไม่้าอยู่โดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งวัน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงรับข้อเสนอของหลิวจือโม่
นางเม้มริมฝีปาก กระแอมในลำคอ เก็บความกระสับกระส่ายในสีหน้า "พี่จือโม่ ข้ายังจำชื่อคนที่มาช่วยในคืนนั้นได้ไหม ถ้าจำได้ช่วยเขียนให้หน่อย ข้าอยากซื้อของไปขอบคุณ” ควรขอบคุณคนเ่าั้ที่ช่วยชีวิตนาง
"จำได้ ข้าจะเขียนให้เ้าเลย ไว้เ้าดีขึ้นหน่อยค่อยไปซื้อของขอบคุณกัน!" หลิวจือโม่ลุกขึ้น เดินไปหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึก ครุ่นคิดแล้วเขียนอย่างจริงจัง หลังจากเขียนเสร็จก็เป่าหมึกให้แห้งก่อนส่งให้นาง "ทุกคนช่วยเ้า โดยเฉพาะลุงเจิงกับป้าหวง พวกเขาช่วยมากที่สุด" เขาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดนางจะได้รู้
หลี่ชิงหลิงดูรายชื่ออย่างระมัดระวัง แต่นางไม่เห็นชื่อของพวกผู้เฒ่าหลี่ นางจึงถามว่าตอนนั้นได้แจ้งพวกปู่ไหม
หลิวจือโม่มองหลี่ชิงเฟิง เป็การบอกว่าเขาเป็คนเรียกในคืนนั้น เขาคงจะรู้ชัดเจนกว่า
"เรียกแล้ว ไม่มีใครตอบ ข้าก็เลยไม่ได้เรียกอีก” เมื่อนึกถึงครอบครัวของปู่ที่เป็ญาติทางสายเืแต่กลับหายตัวไม่มีร่องรอยในจังหวะอันตราย แววตาของเด็กชายก็มืดลง
เื่นี้ทำให้เขาหนาวสะท้านจริงๆ ถ้าเป็ไปได้ เขาไม่อยากมีญาติทางสายเืที่เทียบไม่ได้กับชาวบ้านทั่วไปเลยจริงๆ
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลี่ชิงหลิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางพยักหน้าเบา ๆ หลังจากเหตุการณ์นี้ นางจะได้รู้ว่าในอนาคตตนควรปฏิบัติต่อครอบครัวหลี่อย่างไร
