“ท่านประธาน ถ้าหากคุณเนี่ยไม่ยอมรับเงื่อนไขของท่านสักข้อ ท่านไม่คิดจะช่วยคุณชายจริงๆ หรือคะ?” จินเป้ยน่าเดินตามอยู่ข้างหลังพลางจ้องด้านหลังของเหยียนจิ่งจื้อนิ่ง เธอรู้สึกว่าสัญญานี้มีช่องโหว่ใหญ่มาก ถ้าหากเนี่ยเซิงเสี่ยวทำตัวไร้เหตุผลขึ้นมาแล้วไม่ยอมเซ็น อย่างไรสุดท้ายเขาก็ยังต้องไปนอนบริจาคไขกระดูกให้อยู่ดีไม่ใช่หรือ
“มีช่องโหว่อะไร? ถ้าหากเธอไม่ตกลง ก็เหมือนกับยอมรับที่จะทอดทิ้งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก” พูดได้ว่านี่เป็วังวนที่ไม่มีทางออก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องเลือกสักข้อ
ความจริงแล้วจากที่เหยียนจิ่งจื้อวิเคราะห์จากความเข้าใจในนิสัยของเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้ว เขาก็เหมือนจะรู้อยู่ว่าเธอจะเลือกข้อไหน
จึงอดไม่ได้ที่จะต่อว่าจินเป้ยน่าออกไป “จิตวิทยาของคน ผมว่าคุณยังเรียนได้ไม่ดีพอนะ ถ้าไม่มีข้อที่สามต่างหากถึงจะเป็ช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุด”
“ท่านประธาน ท่านกำลังลงโทษคุณเนี่ย”
“ใช่”
ไม่เพียงแค่คำพูดของจินเป้ยน่า คำพูดของเหยียนจิ่งจื้อเองก็ไม่มีความลังเล
หลายวันต่อมา เหยียนจิ่งจื้อหาเวลาว่างไปที่โรงพยาบาลทุกวัน แถมยังอยู่ที่นั่นเป็เวลานาน ไม่ใช่แค่คอยเล่นกับเหนี่ยวเหนี่ยวเท่านั้น เขายังคอยตามใจทุกอย่าง ต่อมายังพาเหยียนเจียอวี๋มาหาด้วย
หลังจากเหยียนเจียอวี๋มาถึงก็ลากเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวมาคุย “อาสองของฉันกับแม่นายมีเื่อะไรกัน?”
“อาสองของนายกำลังจีบแม่ฉัน!” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวพูดอย่างมั่นใจ
เหยียนเจียอวี๋กลับไม่คิดแบบนั้น “อาสองเคยพูดกับพ่อฉันว่าทั้งชีวิตนี้ไม่มีวันจีบผู้หญิงก่อน มีแต่ผู้หญิงเข้ามาจีบเขา”
เด็กผู้ชายเมื่อถึง่อายุที่เริ่มสนใจผู้หญิง หัวข้ออะไรก็สามารถเอามาพูดได้อย่างสนุกสนาน ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม
เหยียนจิ่งจื้อที่อยู่ด้านข้างถึงกับคิ้วกระตุก เ้าเด็กพวกนี้ จะนินทากันก็ช่างเถอะ แต่ว่าช่วยพูดเสียงเบาๆ หน่อย แถมยังเอาคำพูดของเขาตอนที่เขาถูกบังคับให้แต่งงานมาพูดอีก แต่เหยียนเจียอวี๋กลับจำมันได้แม่นยำแบบนี้ เด็กสมัยนี้นี่ไม่น่าเอ็นดูเอาซะเลย
เด็กผู้ชายสองคนเข้ากันได้ง่าย ถึงแม้จะเคยไม่พอใจกัน แต่พอได้เจอหน้ากันอีกครั้งก็ได้ลืมความบาดหมางนั้นทิ้งไปและเปลี่ยนมาเป็เพื่อนที่สนิทกันจนสามารถแบ่งแอปเปิลสองลูกให้กินกันคนละครึ่งได้
เหยียนจิ่งจื้อถอนหายใจออกมาอีกครั้ง คุณรู้ไหมว่าทำไมเนี่ยเซิงเสี่ยวถึงได้ขี้งกขนาดนี้
ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวเข้ามาในห้องและเห็นเหยียนจิ่งจื้อมองไปยังเด็กสองคนนั้นด้วยท่าทางทอดถอนใจ เธอก็หมุนตัวออกจากห้องไป คิดว่ารอให้เขาไปก่อนแล้วเธอถึงค่อยเข้าไป
ทว่ายังไม่ทันแม้แต่จะหมุนตัวออกไปก็ได้ยินเหยียนเจียอวี๋เรียกเสียงดัง “น้าเนี่ย น้าเอาของกินมาให้พวกเราหรือครับ?”
เหยียนเจียอวี๋เป็เด็กกินเก่ง แถมยังถูกเหนี่ยวเหนี่ยวหลอกล่อ จากไม่ชอบกินอาหารป่าอาหารทะเลแต่ดันมาชอบของกินเล่นจำพวกอาหารยำหรือหมูคลุกซอสที่เธอทำ
หลายครั้งที่เห็นท่าทางเขาตอนกินอาหารที่เธอทำ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็ลูกนอกสมรสที่เหยียนจิ่งจื้อไปไข่ทิ้งเอาไว้หรือเปล่า ความชอบถึงได้เหมือนกันขนาดนี้
“นี่คือหลานของฉัน” เหยียนจิ่งจื้อมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไร ถึงแม้จะไม่จำเป็ต้องพูด แต่แสดงความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเอาไว้ก่อนคงดีกว่า
ในตอนนั้นที่กระดูกหมูชิ้นหนึ่งถูกยัดเข้ามาในปาก โดยที่ตัวการอย่างเหยียนเจียอวี๋ก็ยิ้มอย่างพอใจ “อาสองชอบกระดูกหมูมากที่สุดไม่ใช่หรือครับ ลองชิมที่น้าเนี่ยทำสิ อร่อยกว่าแม่บ้านที่บ้านอาทำอีก”
มือของเหยียนเจียอวี๋ไม่ค่อยจะแม่นยำเท่าไรนัก ทำให้กระดูกหมูที่หนีบได้ไม่มั่นคงชิ้นนั้นปาดน้ำซอสเลอะไปถึงมุมปากและลากยาวไปครึ่งหน้า วินาทีนั้นหน้าตาแสนเท่ก็กลายเป็ดูไม่จืดไปเลย
เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดว่าเขาจะโกรธแล้ววิ่งหากระดาษเช็ดชู่ไปทั่ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจนตาแทบถลนก็คือ เขาหยิบกระดูกหมูในตะเกียบของเหยียนเจียอวี๋ไป จากนั้นก็ยื่นหน้าไปทางเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว ซึ่งคนที่ถูกยื่นหน้าไปหาก็หยิบกระดาษเช็ดชู่ขึ้นมาเช็ดปืดๆให้อย่างว่าง่าย
ถึงแม้จะเช็ดไม่ค่อยสะอาดเท่าไร แต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่ผู้ชายทั้งสามคนนั้นยังอยู่กันอย่างปรองดองจนทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นคิดมากไปแล้ว
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าต่อไปควรจะอธิบายสถานะของเหยียนจิ่งจื้อกับเหนี่ยวเหนี่ยวยังไงดี ถึงแม้เขาจะไม่รีบ แต่การผ่าตัดที่ใกล้เข้ามาทำให้เธอร้อนใจ
“อร่อยไหมครับ อาสอง?” เหยียนเจียอวี๋ถาม
เหยียนจิ่งจื้อมองไปยังเนี่ยเซิงเสี่ยว “ก็ใช้ได้”
“ถ้าหากอาสองแต่งน้าเนี่ยเข้าบ้านแล้ว ผมจะต้องเรียกน้าเนี่ยว่าอะไรครับ?” เหยียนเจียอวี๋เริ่มที่จะคิดถึงปัญหาข้อนี้
เหยียนจิ่งจื้อตอบโดยไม่คิด “เรียกอาสะใภ้สอง”
เท้าของเนี่ยเซิงเสี่ยวถึงกับเซไป “ฉัน…ฉันออกไปข้างนอกสักเดี๋ยวนะ” พูดจบก็หมุนตัวออกไป
“อาสะใภ้สองจะไปไหนครับ? พรุ่งนี้ผมก็จะมาหาเหนี่ยวเหนี่ยวนะ” ความหมายของเหยียนเจียอวี๋ก็คือพรุ่งนี้น้าจะต้องเอาอาหารมาให้ผมกินด้วย
เนี่ยเซิงเสี่ยวเกือบจะลื่นล้มเพราะคำเรียกนั้น
“พรุ่งนี้วันอะไร?” เหยียนจิ่งจื้อถามพวกเขาขึ้นมา
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยกมือขึ้น “พรุ่งนี้วันพฤหัส วันมะรืนผมจะต้องผ่าตัดแล้ว หลังจากนั้นร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงจนสามารถเล่นสเกตน้ำแข็งได้แล้ว!”
ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวปิดประตู หูก็ยังได้ยินเสียงดีใจของเหนี่ยวเหนี่ยว ั้แ่เกิดมาร่างกายของเขาก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก สามวันเป็หวัด ห้าวันเป็ไข้ สำหรับเด็กผู้ชายแล้วถือเป็เื่ที่น่าอายมาก เพราะขนาดแมวลายที่โรงเรียนอนุบาลยังไม่อ่อนแอแบบเขาเลย
ตอนวันเกิดอายุสี่ขวบเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเริ่มจะรู้เื่ราวแล้ว เธอให้เขาขอพร เขาก็พูดว่า พรแรกผมขอมีพ่อ พรขอที่สองผมขอให้ร่างกายของผมแข็งแรง
ตอนวันเกิดอายุห้าขวบ เขาพูดว่า พรข้อที่หนึ่งผมขอให้พ่อมาหาผมกับเสี่ยวเสี่ยว พรข้อที่สองขอให้ร่างกายของผมกับเสี่ยวเสี่ยวแข็งแรง
ตอนวันเกิดอายุหกขวบ เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า พรข้อที่หนึ่งขอให้ผมหาพ่อเจอ พรข้อที่สองผมของให้ผมโตไปร่างกายแข็งแรงจนสามารถปกป้องเสี่ยวเสี่ยวได้ ข้อที่สามขอให้เสี่ยวเสี่ยวสวยขึ้นทุกวัน
ดูสิ ไม่ว่าจะปีไหนๆ เขามักจะมีความมั่นใจและความกล้าที่จะหวังเื่สุขภาพที่ดี พอเธอได้มาเจอลูกชายที่เป็เด็กดีขึ้นทุกวันเธอก็ไม่อาจทอดทิ้งโอกาสที่จะทำให้เขากลับไปแข็งแรงได้ แต่เธอก็ไม่สามารถทอดทิ้งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเขาไปได้
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวอยู่ข้างกายเธอมาหกปี แต่เหยียนจิ่งจื้ออยู่ในชีวิตของเธอแค่สี่ปี ถึงแม้จะไม่สามารถเทียบกันได้ แต่เธอก็ยังเอาผู้ชายสองคนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของเธอมาเปรียบเทียบอย่างใจร้าย
ความต่างไม่ได้ต่างกันแบบธรรมดาจริงๆ
“เหยียนจิ่งจื้อ นายอย่าบีบบังคับฉันได้ไหม” เธอหลบเข้ามาวาดวงกลมอยู่ที่มุมกำแพง ทั่วทั้งตัวของเธอถูกไอความเศร้าครอบคลุมเอาไว้
“ไม่ได้” เสียงของเหยียนจิ่งจื้อดังมาจากด้านหลัง เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกถึงมือของเขาที่วางไว้บนบ่าของตัวเอง ถึงแม้จะอบอุ่น แต่ตัวของเธอก็ยังแข็งทื่อ
“นิสัยชอบยื้อเวลาของเธอมันหนักเกินไป ถ้าไม่บังคับเธอก็คงไม่ทำอะไรจริงจังไปตลอด”
เนี่ยเซิงเสี่ยวสะบัดมือเขาออกไป “มีแค่นายที่รู้สึกว่าการหาเสี่ยมาเลี้ยงดู มันคือเื่ปกติ”
“ฉันเลี้ยงภรรยาตัวเองมันผิดตรงไหน?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวกัดลิ้นตัวเอง จู่ๆ จากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเปลี่ยนมาเป็ภรรยาสาว เธอก็รู้สึกไม่ชิน จึงเมินเขาแล้วเดินจากไป
ซึ่งเหยียนจิ่งจื้อก็เดินตามไปด้วย
เนี่ยเซิงเสี่ยวเดินได้ไม่กี่ก้าวจู่ๆ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา “ท่านประธานบริษัทอย่างนายทำไมถึงได้ว่างงานนัก”
“ไม่ว่าง” เหยียนจิ่งจื้อเม้มปาก “จะบอกเธอให้นะ คืนนี้ฉันมีบินไปฮ่องกง กำหนดเวลาที่ฉันให้เธอเหลือไม่ถึงสามสิบหกชั่วโมงแล้วนะ รบกวนช่วยรีบทำเวลาด้วย ฉันหวังว่าตอนที่ฉันกลับมาเธอจะแต่งตัวดีๆ มาต้อนรับฉัน”
“ฉันไม่มีทางเลือกข้อที่หนึ่ง”
เหยียนจิ่งจื้อได้ฟังก็โน้มตัวลงมาหาเธอ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา ถึงจะแก้ผ้ามารับฉันก็ยินดี”
เนี่ยเซิงเสี่ยวโกรธจนไหล่สั่น
หลังจากส่งเหยียนจิ่งจื้อกับเหยียนเจียอวี๋กลับไป ตอนกลางคืนเนี่ยเซิงเสี่ยวก็ถามเหนี่ยวเหนี่ยว “เหนี่ยวเหนี่ยวชอบอาเหยียนไหม?”
“ไม่ใช่พ่อหรือ?” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวใช้แววตาที่บอกว่า แม่หนีไม่พ้นกำมือของผมหรอก
นั่นทำเอาเนี่ยเซิงเสี่ยวใจนเกือบจะไหลตกจากเตียงนอนของเขา “ลูก…ทำไมลูกถึงมั่นใจแบบนั้น?”
“อ้าว อ้าว ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ” เหนี่ยวเหนี่ยวเริ่มพูดสิ่งที่เขาคิด “แม่ว่าต่อไปผมจะไปเรียนที่ไหน?”
“บอกแม่มาว่าทำไมมั่นใจว่าเขาคือพ่อ?”
“เสี่ยวเสี่ยว ตอนที่แม่ฝัน มักจะละเมอออกมาว่าจิ่งจื้อ ตอนที่ผมตื่นนอนขึ้นมาเข้าห้องน้ำได้ยินประจำเลย”
“วางใจเถอะเสี่ยวเสี่ยว เขาไม่โผล่มาดูแลแม่มาตั้งนาน ผมจะช่วยแม่ลงโทษเขาเอง”