เซี่ยชิงหลีหันไปมองพี่ชายอีกครั้ง นางเงียบไปชั่วอึดใจก่อนยกยิ้มบางเบาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงสองคนได้ยิน
“พี่ใหญ่หากสิ่งที่ท่านรู้สึกไม่อาจพูดออกไปก็จงอย่ากลบเกลื่อนมันด้วยความกลัว จงยอมรับมันด้วยความเคารพต่อตนเองเถอะเ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าไม่ว่าท่านเลือกเช่นไร ครอบครัวของเราล้วนแต่เห็นด้วย ความสุขของท่านคือความสุขของท่าน ไม่สามารถเห็นแก่ผู้อื่นแล้วตนต้องตกอยู่ในความทุกข์ได้”
เซี่ยจื่ออี้ชะงักงัน ใบหน้าสงบนิ่งของเขามีแววใวูบผ่าน ก่อนจะรีบหลบสายตาน้องสาวทันที
“ข้า…ไม่รู้ว่าเ้าพูดถึงเื่อะไร”
“ข้าไม่ได้บอกว่ารู้ เพียงแค่…ข้ารู้สึกถึงมันได้”
หญิงสาวส่งยิ้มอย่างจริงใจให้กับพี่ชาย
“ท่านไม่ต้องอธิบายให้ข้าเข้าใจ แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจตนเองมากกว่า”
เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ชายแขนเสื้อของทั้งสองพี่น้องไหวตามสายลม เบื้องหน้าคือแสงแดดยามสายที่ส่องลอดผ่านกิ่งไม้ เื้ัคือความรู้สึกบางอย่าง…ที่ไม่อาจพูดออกไปในตอนนี้
หลังจากการประชุมจบลง เซี่ยชิงหลีได้เรียกรวมตัวสตรีในเรือน มีมารดาของนางหลี่หลันฮวา แม่เฒ่าโจวผู้เป็ยาย ป้าสะใภ้ใหญ่โจวชุนเถา ป้าสะใภ้รองสวีเจียงเหมย และตู้เฟิงอิง คนสุดท้ายคือเถาเถาน้อยบุตรสาวของตู้เฟิงอิง ส่วนเซี่ยชิงเป่าออกไปวิ่งเล่นกับอาเหิงข้างนอก
หญิงสาวตระกูลหลี่ทุกคนต่างมองมาที่เซี่ยชิงหลีเป็ตาเดียว และเฝ้ารอว่านางจะมอบหมายงานอะไรแก่พวกตน
“ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างเป็เสาหลักทำหน้าที่ขับเคลื่อนตระกูลหลี่ให้เดินหน้าต่อไปได้ วันนี้หลีเอ๋อจึงขอมอบของขวัญแก่พวกท่านเพื่อเป็ขวัญกำลังใจในการดูแลตระกูลต่อไป”
ผ้าไหมอย่างดีที่ได้รับจากผู้เฒ่าเมิ่งถูกแบ่งออกให้แต่ละคนอย่างเท่าเทียม ยังมีเครื่องประดับอย่างปิ่นปักผมและต่างหูชิ้นเล็ก เซี่ยชิงหลีก็ไม่คิดเก็บเอาไว้
ก่อนหน้านางเห็นสายตาชื่นชมของทุกคนที่มีต่อสิ่งของเหล่านี้ หากนางเก็บเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวอาจนำพาซึ่งความไม่พอใจ และเกิดความแตกแยกภายในตระกูล
“หลีเอ๋อ สิ่งของเหล่านี้ผู้เฒ่าคนนั้นมอบให้เ้าเพราะเ้าช่วยชีวิตเขาไม่ใช่หรือ เหตุใดเอามาแบ่งให้เรา”
“ป้าสะใภ้ใหญ่ พวกเราคือคนตระกูลหลี่ไม่มีของข้าของเ้า ในเมื่อลาภนี้ข้าได้มาอย่างโชคดี เื่อะไรข้าจะต้องเก็บเอาไว้โชคดีเองคนเดียว แบ่งพวกท่านทุกคนให้ได้รับความโชคดีด้วยไม่ดีกว่าหรือ”
“แต่ว่า...”
สะใภ้ใหญ่ยังมีท่าทีลังเล หลี่หลันฮวาผู้เป็น้องสามีจึงช่วยเอ่ยอีกแรง
“ในเมื่อนางบอกว่าให้พวกท่าน ก็ไม่ต้องคิดมากและรับเอาไว้เถอะ” สะใภ้ใหญ่มีท่าทีลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้ารับ
“ได้เช่นนั้นข้าขอรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ”
สตรีตระกูลหลี่ทั้งหมดต่างมีสีหน้าเบิกบานเมื่อได้รับของขวัญจากเซี่ยชิงหลี
“ป้าสะใภ้รอง ท่านรอก่อนได้หรือไม่เ้าคะ”
หญิงสาวรั้งสะใภ้รองเอาไว้ในระหว่างที่ทุกคนแยกย้ายกลับห้องของตน
“มีอะไรหรือ หลีเอ๋อ”
เซี่ยชิงหลียื่นผ้าไหมและเครื่องประดับให้แก่นาง สะใภ้รองมองสิ่งของเ่าั้ด้วยสีหน้างงงัน
“นี่เป็ส่วนของพี่ซิ่วเอ๋อ ั้แ่ที่นางแต่งออกไปท่านก็ไม่ได้ไปเยี่ยมนางบ่อยๆ ถือโอกาสนี้นำของขวัญจากข้ามอบให้นางได้หรือไม่”
คำพูดของหลานสาวทำให้สะใภ้รองตื่นใ ต้องบอกว่าหญิงสาวที่แต่งงานออกจากตระกูลไม่ต่างจากน้ำที่สาดทิ้ง บ้านเดิมแทบไม่สนใจ ทว่าการกระทำของเซี่ยชิงหลีทำให้นางรู้สึกขัดแย้ง
“แต่ซิ่วเอ๋อนางแต่งออกไปแล้วนะ ทำเช่นนี้จะดูไม่ดีหรือไม่”
“ป้าสะใภ้รอง ท่านแม่ของข้าก็แต่งออกจากตระกูลหลี่ไปแล้ว ทุกวันนี้มิใช่พวกท่านก็ดูแลเราหรือ หากท่านเป็กังวลเช่นนั้นก็บอกพี่ซิ่วเอ๋อไปว่าเป็ของขวัญแต่งงานที่ข้ามอบให้แก่นาง”
คำพูดของเซี่ยชิงหลีทำให้สะใภ้รองไม่สามารถปฏิเสธได้ นางรับผ้าไหมพับนั้นและเครื่องประดับมาด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
ทุกการกระทำของเซี่ยชิงหลีถูกบันทึกโดยองครักษ์ลับที่ถูกมอบหมายให้คอยเฝ้าดูแลที่นี่ตามคำสั่งของไท่ซ่างหวง แม้หญิงสาวจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา ทว่าหลายครั้งที่นางรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนกำลังจับตามอง
ยาสีฟันและแปรงสีฟันของเซี่ยชิงหลีก็ผลิตออกมาได้เป็จำนวนมาก และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ่เวลาที่กำลังผลิตยาสีฟันและแปรงสีฟันหญิงสาวไม่ปล่อยให้สูญเปล่า
นางได้ใช้เงินเก็บกว่าสามร้อยตำลึงซื้อพื้นที่รอบๆ ตระกูลหลี่เพื่อเตรียมสร้างโรงงาน และหลังจากนี้ชาวบ้านสือโถวจะกลายเป็พนักงานประจำที่สามารถทำเงินโดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานในเมืองใหญ่
จากแผนของนางที่วางเอาไว้ในหัว อันดับแรกจ้างชาวบ้านที่ยังว่างงานทำการล้อมพื้นที่ทั้งหมดสิบหมู่รอบเรือนตระกูลหลี่อย่างแ่า จากนั้นเริ่มสร้างโรงงานด้านข้างถัดจากเรือนหลัก เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีเอาไว้เพื่อจัดเตรียมวัตถุดิบ
ณ ตอนนี้ เซี่ยชิงหลีกำลังยืนอยู่หน้าหม้อต้มสมุนไพรใบใหญ่ กลิ่นใบมะกรูดแห้งผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของกลีบดอกบัวที่กำลังเคี่ยวเข้ากันลอยคลุ้งอบอวลไปทั่วลานด้านหลังเรือน
มือเรียวของหญิงสาวคนไปอย่างต่อเนื่องด้วยไม้พาย ในขณะที่เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากอย่างไม่อาจเลี่ยง
ผ่านไปแล้วหลายวัน...
ั้แ่เช้าจรดค่ำ นางทดลองผสมอัตราส่วนใหม่ ลองอุณหภูมิที่ต่างกัน ทดลองการตาก การกวน การแยกชั้นของน้ำมันกับสมุนไพร
ทุกครั้งที่ล้มเหลว สบู่จับตัวไม่ขึ้นหรือแชมพูกลายเป็น้ำเหนียวข้นกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
นางก็ต้องเริ่มใหม่...ั้แ่ต้น
ยามตะวันบ่ายคล้อย สายลมเอื่อยพัดชายแขนเสื้อที่เลอะเปื้อนของนางอย่างแ่เบา เซี่ยชิงหลีค่อยๆ วางไม้พายลงพลางถอนหายใจเงียบๆ และทรุดตัวนั่งพิงข้างถังน้ำอย่างเหนื่อยล้า
สายตาของนางทอดมองสบู่ก้อนเล็กๆ ที่พอใช้การได้ก้อนแรกในรอบหลายวัน กลิ่นหอมของมันยังอ่อนนัก รูปทรงไม่สวย เนื้อไม่เนียน
แต่มัน...สามารถชำระล้างได้จริง
“ทำไมกันนะ…”
ร่างบางพึมพำกับตนเองเบาๆ เสียงนั้นแฝงไว้ทั้งความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย
“คนอื่นพอเกิดใหม่ก็มีกระบี่เทพติดมือ มีพลังปราณฟ้าฟาด ฝึกแค่ไม่กี่วันก็กวาดล้างทั้งตระกูลศัตรู…แต่ข้า...มีแค่ความจำกับสองมือเปล่า”
นางหัวเราะในลำคอ พลางเหน็บแนมตนเองเบาๆ
“ทำไมข้าถึงไม่มีมิติ ไม่มีพลัง ไม่มีระบบ ไม่มีครูเทพตกลงมาจากฟ้าสอนสั่ง…มีแค่หม้อต้มกับฝีมือต้มยา กลิ่นสมุนไพร และความพยายามอันไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด”
แม้นางจะประชดประชันตนเองเช่นนั้น ทว่าดวงตาของเซี่ยชิงหลียังคงเปล่งประกาย เพราะแม้จะไม่มีพลัง ไม่มีอาวุธ ไม่มีวรยุทธ์อันใด นางก็สร้างของบางอย่างที่ไม่มีใครในยุคนี้ทำได้ สร้างด้วยสติปัญญา ความรู้ และมือที่เปื้อนเหงื่อของตนเอง
และนั่น…อาจจะไม่หรูหราเหมือนพลังเหนือโลก แต่สำหรับนางมันคือสิ่งที่มั่นคงและแท้จริงที่สุด เซี่ยชิงหลีลุกขึ้นอีกครั้งคว้าไม้พายในมือ
“ดี...ถ้าไม่มีพลัง ข้าก็จะสร้างมันด้วยสองมือนี่แหละ ข้าจะเปลี่ยนแผ่นดินนี้ ด้วยสบู่ กับแชมพูและหัวใจของข้าเอง”
หญิงสาวพึมพำกับตนเองเบาๆ ร่างสูงโปร่งที่เฝ้ามองภรรยาพยายามทำบางสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจด้วยสายตาสงสาร เขาก้าวเข้ามาด้านหลังยึดไม้พายไปจากหญิงสาวไป
ร่างบางเหลือบมองชายหนุ่มด้วยสายตาเหนื่อยล้า
“อาเหิง...เด็กดี เ้าออกไปเล่นที่อื่นก่อนดีหรือไม่ ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่ เอาไว้ว่างเมื่อใดข้าจะไปเล่นกับเ้า เป่าเอ๋อ!!...พาอาเหิงไปเล่นข้างนอก ที่นี่อันตราย”
“ไม่เอา อาเหิงจะอยู่ที่นี่กับภรรยา”
เซี่ยชิงหลียิ้มอ่อนกับท่าทางดื้อดึงของชายหนุ่ม ทว่าก็ไม่ได้ดุด่าเขา สายตาเหนื่อยล้ายังคงมองไปยังบุรุษตรงหน้าอย่างเปล่งประกายไม่เคยเปลี่ยน
“ได้ๆ ...เช่นนั้นอาเหิงต้องทำตามที่ข้าสั่งรู้หรือไม่”
“เย้ ภรรยาดีที่สุด”