บทที่ 97 บาดาลเทพอสูร
ในห้องหินเผ่าสุนัขที่ใช้เป็สถานที่ถวายเครื่องบูชานั้นเงียบสนิท ดวงไฟที่ลุกโชนอยู่ทั้งสองด้านดูแปลกตา
หลังจากที่ปุโรหิตอาหย่าสั่งให้คนส่งฉู่อวิ๋นออกไป นางก็ครุ่นคิดอยู่กับตัวเองเงียบๆ
“หนุ่มสกุลฉู่ผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก กระแสสัตว์ปีศาจครั้งนี้น่ากลัวที่สุดในรอบร้อยปี ทั้งยังจะมีภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา แต่เขากลับยืนกรานจะบุกออกไปตามทางของตนเอง...” อาหย่าถอนหายใจไม่หยุด
เมื่อครู่นี้นางลองโน้มน้าวฉู่อวิ๋นซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้อยู่ในถ้ำลับเผ่าสุนัข รอให้กระแสสัตว์ปีศาจเบาลงก่อน แต่เขาก็ยังคงดื้อรั้นและ้าจากไปในวันมะรืนนี้หลังจากที่คำทำนายเป็จริง สิ่งนี้ทำให้อาหย่ารู้สึกเสียดายและสับสนมาก
ฉู่อวิ๋นผู้นี้ถึงขั้นยอมเสี่ยงชีวิต แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์อันใดกันแน่?
“เฮ้อ อย่างไรเสียเขาก็เคยช่วยชีวิตพ่านพ่าน ข้าควรจะขอพรให้เขาสักหน่อย”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อาหย่าก็หันหลังกลับ เดินเข้าไปในห้องหินที่มืดมิดและตรงไปที่แท่นบูชา
“ข้าแต่เทพสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดปกป้องฉู่อวิ๋นผู้ยืนหยัดผู้นี้ด้วยเทอญ!”
นางพึมพำคาถาที่ไม่คุ้นเคยและยากต่อการเข้าใจออกมา เสียงของนางดังก้อง ทันใดนั้น ไฟิญญาสีขาวบริสุทธิ์ก็ไหลออกมาจากแท่นบูชา ขดตัวขึ้นเป็เกลียวควัน ลวดลายสัตว์บนผนังแท่นบูชาก็เรืองแสงเช่นกัน ปราณบริสุทธิ์หลั่งไหลออกมา
“โฮก--”
พร้อมกับเสียงร้องของสัตว์ร้ายลึกลับ ไฟิญญาก็กลายร่างมาเป็รูปร่างของหัวสุนัข เปลวไฟส่องสว่างจ้า แต่ไร้ซึ่งความอบอุ่น ซึ่งแปลกมาก
ยามนี้ ไฟิญญากลุ่มนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน!
“ตูม!”
เสียงดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วห้อง ไฟิญญากระเพื่อมด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น ทันใดนั้น เปลวไฟทั้งหมดในห้องหินก็ดับสนิท กลายเป็ขบวนก้อนไฟหลากสีสันสวยงาม วิ่งเข้าหาแท่นบูชาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้อาหย่าประหลาดใจยิ่งนัก
“นี่... นี่คือสิ่งใด?! เหตุในเทพสุนัขจึงตื่นเต้นเช่นนี้?! พลังนี่มัน…” เมื่อเห็นนิมิตบนแท่นบูชา ปุโรหิตอาหย่าก็ใจนทิ้งไม้เท้าในมือลง
แม้ว่าอาหย่าจะดูเด็กมาก ผิวกายเรียบเนียน ใบหน้าบอบบาง แต่ความจริงนางมีอายุกว่าร้อยปีและเป็ปุโรหิตของเผ่าสุนัขมาเกือบร้อยปีแล้ว
นางสวดภาวนาและถวายเครื่องบูชานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ทุกอย่างน่าทึ่งเหลือเกิน! นี่เป็ครั้งแรกที่เทพสุนัขตอบสารกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้!
“โฮก!”
สักครู่หนึ่ง เมื่อพลังงานทั้งหมดในห้องหินมารวมกัน ไฟิญญารูปกระบี่ก็ปรากฏขึ้นบนแท่นบูชา พร้อมกับพลังอันเป็มงคลและแสงสีดำที่กะพริบอย่างต่อเนื่อง
พูดให้ชัดเจนแล้ว นี่คือกระบี่หักท่อน
กระบี่หักสีดำที่สร้างขึ้นจากไฟิญญา
เมื่อมองดูปรากฏการณ์ประหลาดนี้ อาหย่าก็พูดไม่ออก ดวงตาของนางสั่นระริก พลางพึมพำกับตัวเอง “ท่านเทพสุนัข... นี่คือคำทำนายของท่านหรือเ้าคะ? กระบี่หักเล่มนี้...คุ้นเคยนัก! คล้ายจะเป็ิญญายุทธ์ของเด็กหนุ่มผู้นั้น!”
ทันทีที่อาหย่าพูดจบ ไฟิญญารูปกระบี่ก็เริ่มควบแน่นและค่อยๆ กลายเป็ก้อนน้ำหยดผ่านพื้นผิวหินของแท่นบูชา หลังจากนั้นไม่นาน ห้องหินก็มืดสนิท พลังพื้นพิภพโดยรอบคล้ายโดนดูดออกไปจนว่างเปล่า
“ติ้ง--”
ในเวลานี้ เปลวไฟได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยและมีหลุมหินเล็กๆ ปรากฏขึ้นเหนือแท่นบูชาซึ่งมีน้ำขังอยู่เต็มแทบล้น มันหนาแน่น เย็นะเื และโปร่งใส มีระลอกคลื่นจางๆ กระจายอยู่บนผิวน้ำ
“นี่...” อาหย่าใจนหัวใจเต้นแรง นางทรุดตัวลงกับพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้อยู่นาน
แม้ว่านางจะสามารถเรียกไฟิญญาและตีความคำที่มาจากรูปเปลวไฟได้ แต่มันก็ดูไม่สมจริง เพราะทุกอย่างเป็เพียงการคาดเดา
แต่ตอนนี้ ไฟิญญาได้รวบรวมพลังงานจากพื้นพิภพโดยรอบและก่อตัวเป็แอ่งน้ำ ทำให้นางตกตะลึงยิ่งนัก
“ท่านเทพสุนัข ท่านเทพสุนัข!” อาหย่าพยายามเรียกไฟิญญาอีกหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ล้มเหลว เทพสัตว์ที่นางรับใช้ดูเหมือนจะหมดแรงและไม่สามารถตอบสนองต่อนางได้อีก
ยามนี้ ห้องหินแท่นบูชามืดสนิท มีเพียงเสียงน้ำหยดทีละน้อย ซึ่งลึกลับอย่างยิ่ง
“ชายหนุ่มที่ชื่อฉู่อวิ๋น...ไม่ธรรมดา... ไม่ธรรมดาเลย!!”
อาหย่ากระซิบกับตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมสีหน้าประหลาดใจ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์แผดจ้า หมอกสีแดงบนท้องฟ้าที่ป่าสีเืยังคงลอยเป็ลูกคลื่นและไหลเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยเคลื่อนที่ไปทุกทิศทาง
เสียงคำรามดังลั่นในป่าทึบ เหล่าปักษาโบยบินผ่านท้องฟ้าสีคราม สัตว์ปีศาจต่างๆ เหยียบย่ำต้นไม้ั์ใหญ่ อันตรายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง หยาดเืก็กระจัดกระจายเป็ระยะทางหลายพันลี้
หลังจากพักผ่อนทั้งคืน ฉู่อวิ๋นก็สวมเสื้อผ้าที่สะอาดตา เขาดูสง่างาม แต่คิ้วกลับขมวดแน่น เขาเสียสมาธิขณะฝึกฝ่ามือั จึงไม่ก้าวหน้าเท่าใดนัก
เขากังวลและอยากจะไปให้ถึงเมืองซุยเสวี่ยโดยเร็วที่สุด เพราะใกล้ถึงวันที่ฉู่ซินเหยาจะต้องถูกบังคับให้เลือกสามีแล้ว
โชคดีที่ผู้คนในเผ่าสุนัขล้วนเรียบง่ายและจิตใจดี เป็มิตรกับฉู่อวิ๋นมาก พวกเขายังส่งของอร่อยมาให้เขาไม่น้อย ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและซาบซึ้ง
โดยเฉพาะพ่านพ่านที่มักจะพาสุนัขบพิตริญญาสองสามตัวนั่นมาเล่นกับเสี่ยวหวง ทำให้ในห้องหินอันเงียบสงบเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีชีวิตชีวา
แต่ฉู่อวิ๋นพบว่าเสี่ยวหวงเหมือนจะมีอะไรบางอย่างแปลกไป ขนสีเหลืองของมันค่อยๆ กลายเป็สีทองเล่นแสงแวววาว และมันมักจะะโขึ้นไปนอนบนสุนัขบพิตริญญา์ ทำเอาคนกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
สุนัขอสูรแสนเชื่องพวกนั้นเองก็ดูเหมือนจะกลัวเสี่ยวหวงเล็กน้อย พวกมันไม่กล้ารบกวนเสี่ยวหวง ทำได้เพียงนอนนิ่งแล้วปล่อยให้เสี่ยวหวงยุ่มย่ามกับมันต่อไป
สุนัขบพิตริญญาทุกตัวคล้ายเป็สุนัขบ้าน เมื่อจ้องมองไปที่ดวงตาสีแดงบริสุทธิ์คู่นั้น มันก็ส่งเสียงครวญคราง ราวกับว่าพวกมันน่าสงสารมาก
วันนี้ ฉู่อวิ๋นครุ่นคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะบอกมู่หรงซินว่าเขาตัดสินใจจะไปจากที่นี่ ทำให้นางโกรธทันที
“อะไรนะ?! ข้างนอกอันตรายขนาดนั้นเ้ายังจะไปอีกหรือ? เ้าไม่รู้จักคำว่าตายหรืออย่างไร?”
“ไม่มีทางอื่นแล้ว... หนึ่งเดือนมันนานเกินไป! ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องไป ข้ารู้ว่าพี่ซินเหยารออยู่” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ เขารู้ดีว่ามู่หรงซินเป็ห่วงเขา แต่การไปเมืองชุยเสวี่ยครั้งนี้ไม่ไปไม่ได้
“ข้า... เ้า!” ดวงตาของมู่หรงซินสว่างวาบ แต่กลับลังเลที่จะพูด นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากเข้าไปในป่าสีเืเ้าต้องตายแน่.. ”
ฉู่อวิ๋นพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเคยคิดเื่นี้แล้ว แต่ข้าไม่มีทางเลือก! ระหว่างทางมาข้าคิดเพียงจะช่วยพี่ซินเหยา ข้าไม่อาจมองดูนางแต่งงานกับคนที่นางไม่ชอบได้ ต่อให้ต้องตายข้าก็จะสู้ให้ถึงที่สุด”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของมู่หรงซินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาของนางสั่นไหว นางกล่าวเสริม “เช่นนั้น... เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าถ้าเ้าตาย คุณหนูเช่นข้าจะเสีย... อะแฮ่ม จะเดือดร้อนมาก”
“ซินเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเ้าเป็ห่วงข้า แต่ข้าตัดสินใจแล้ว ส่วนเ้าก็อยู่ที่ถ้ำลับเผ่าสุนัขอย่างสบายใจเถอะ รอให้กระแสสัตว์ปีศาจผ่านไป ข้าเชื่อว่าไม่นานเ้าเมืองมู่หรงก็จะส่งคนมาหาเ้าเป็แน่”
ทั้งคู่หนีออกมาจากเมืองไป๋หยางมาระยะหนึ่งแล้ว มู่หรงเจี๋ยไม่ใช่คนโง่ หลังจากส่งคนค้นหาเส้นทางหลวงแล้วยังไม่เจอ เขาย่อมเปลี่ยนวิธีการอื่นเป็แน่
ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในป่าสีเื เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น
“เช่นนั้นก็ได้” ทันใดนั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงซินก็แสดงสีหน้าแน่วแน่และพูดอย่างจริงจัง “ให้คุณหนูเช่นข้าอยู่ที่นี่หรือ? ไม่มีทาง! ข้า... ข้าจะไปกับเ้า!”
“ไม่ได้! ซินเอ๋อร์ เ้าอย่าเอาแต่ใจนัก การเดินทางครั้งนี้เสี่ยงชีวิตนัก ถ้าตามข้ามา เ้ามีแต่จะ... เป็ตัวถ่วงข้า!” เมื่อเห็นว่ามู่หรงซินดูจริงจังไม่มีทีท่าล้อเล่น ฉู่อวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะแสร้งทำเป็ไม่ชอบนาง ด้วยอยากให้นางอยู่ที่นี่ต่อ
ครั้งนี้ในป่าสีเื โอกาสรอดเกือบเป็ศูนย์ ฉู่อวิ๋นไม่อยากให้การเสียสละของมู่หรงซินไร้ผล
“ข้าไม่สน! ไม่ว่าเ้าจะไปไหน...ข้าจะไปด้วย! ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วหรอกหรือ?” ใบหน้าสวยของมู่หรงซินซับสีเืด้วยความเขินอาย ดวงตาของนางหลุบมองไปทางอื่น
หลังจากโน้มน้าวใจอยู่หลายครั้ง มู่หรงซินก็ยังคงยืนกรานที่จะตามไป ทำให้ฉู่อวิ๋นถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นเกินไปจริงๆ
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังทะเลาะกัน พ่านพ่านก็ขี่สุนัขบพิตริญญาเข้ามาในห้องหินและพูดกับฉู่อวิ๋น “อวิ๋นอวิ๋น ท่านมหาปุโรหิตของเราบอกว่า้าพบเ้า อาฮู้ว~”
“ท่านปุโรหิตอาหย่า...อยากพบข้าหรือ?” ฉู่อวิ๋นงุนงง เขาเพิ่งพบกับอาหย่าเมื่อวันก่อน และตอนนี้ปุโรหิตเผ่าสุนัขผู้ลึกลับคนนี้ก็เรียกพบเขาอีกครั้ง ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เขาไม่คิดหลบเลี่ยง ก่อนจะออกเดินทางตามพ่านพ่านไปยังห้องหินบูชาทันที
ส่วนมู่หรงซินก็กลัวว่าจู่ๆ ฉู่อวิ๋นจะวิ่งหนีไป ดังนั้นนางจึงร้องะโเดินตามเขาไป ทำให้ฉู่อวิ๋นยกยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวไปมา
ไม่นาน ทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องหินบูชา แต่ฉู่อวิ๋นกลับรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าไฟิญญาต่างๆ จากทั้งสองด้านหายไป ผนังที่นี่ถูกฝังใหม่ด้วยแร่หินสีฟ้าม่วงเพื่อให้แสงสว่างอันงดงาม
“จอมยุทธ์ฉู่ เ้ามาแล้ว?” อาหย่ายังคงสวมชุดคลุมหนังสัตว์ บนใบหน้ามีลวดลายแปลกๆ วาดไว้ พูดกับฉู่อวิ๋นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในเวลาเดียวกันนางก็เห็นมู่หรงซินที่ตามมาด้วย ดวงตาของนางฉายแววประหลาดใจ จากนั้นสีหน้าของนางก็กลับมาเป็ปกติ
“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ ท่านปุโรหิตอาหย่ามีสิ่งใดจะแนะนำหรือ?” ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นประสานด้วยท่าทีสับสน เขารู้สึกว่าท่าทางของอาหย่าที่มีต่อเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ให้ความเคารพเขามากขึ้น
อาหย่าสูดลมหายใจ พยายามสงบสติอารมณ์ แล้วตอบว่า “จอมยุทธ์ฉู่ เห็นแก่ที่เ้าช่วยพ่านพ่านไว้ ข้าจะให้ของขวัญแก่เ้า”
“ของขวัญหรือ? ท่านปุโรหิตอาหย่า ท่านไม่ต้องเกรงใจไป พรุ่งนี้เย็นข้าน้อยก็จะออกเดินทางแล้ว หนทางครั้งนี้เป็ทางหนีที่แคบ[1] หากตายไปก็ไม่อาจใช้ได้แล้ว” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ
อาหย่าเผยรอยยิ้มที่ซ่อนความหมายแล้วพูดว่า “โอ้? เช่นนั้นหากข้าบอกว่าของขวัญชิ้นนี้จะช่วยให้เ้าผ่านป่าสีเืไปได้เล่า? เ้าจะไม่รับไว้หรือ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉู่อวิ๋นก็อึ้งไป จากนั้นเขาก็ยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “นี่... รับขอรับ! ถ้ามันสามารถเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตจากป่าสีเืได้ ข้าน้อยรับไว้แน่นอนขอรับ!”
“ดี! เช่นนั้นก็ตามข้ามา”
อาหย่าพยักหน้า จากนั้นหันกลับมาและเดินนำฉู่อวิ๋นไปที่แท่นบูชาโบราณ
“หืม? นี่คือ…” ฉู่อวิ๋นมองลงไปและเห็นหลุมเล็กๆ บนพื้นผิวของแท่นบูชาหิน ซึ่งเป็แอ่งน้ำใสเล็กๆ มันส่องแสงระยิบระยับและเต็มไปด้วยม่านหมอกปกติ คล้ายเล่นเวทย์เล่นกล
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็สับสนมาก ครั้งล่าสุดที่เขาเห็นแท่นบูชานี้เป็เพียงพื้นเรียบ แอ่งเล็กๆ นี้ถูกขุดออกมาั้แ่เมื่อใด?
“จอมยุทธ์ฉู่ นี่คือบาดาลเทพอสูรที่เผ่าสุนัขของเราสืบทอดกันมานับพันปี หากเ้าดื่มลงไป ความแข็งแกร่งของเ้าก็จะเพิ่มขึ้นคล้ายทะยาน” อาหย่าแสร้งทำท่าทีสูงส่งและกล่าวอย่างเคร่งขรึม
----------
[1] อันตรายอย่างยิ่ง