หลี่เจี้ยนอันไม่ได้บอกไปตรงๆ ว่า อากาศร้อนเช่นนี้อาจทำให้อาหารจานเนื้อเสียง่าย บอกไปแค่ว่า “พี่สาว วันนี้พวกเราขายแป้งย่างต้นหอมที่ทำจากแป้งขาวขอรับ”
สตรีอ้วนพึมพำ “แป้งย่างมีอะไรอร่อยกัน ข้าทำเองก็ได้”
หลี่เจี้ยนอันเห็นสตรีอ้วนหมุนตัวจะเดินจากไป จึงรีบร้อนพูดขึ้นว่า “แป้งย่างบ้านข้าอร่อยมากนะขอรับ หากไม่เชื่อท่านลองชิมดูชิ้นหนึ่งก็ได้” กล่าวจบก็ยกถ้วยที่มีแป้งย่างต้นหอมที่ถูกหั่นเป็ชิ้นเล็กๆ ซึ่งเตรียมไว้ั้แ่ตอนเช้าออกมา “พี่สาว ชิมได้หนึ่งชิ้นไม่คิดเงิน ลองชิมดูเถิดขอรับ”
สตรีอ้วนคิดในใจว่า ในเมื่อไม่คิดเงิน เช่นนั้นก็จะลองชิมดูสักชิ้น จากนั้นจึงหันกลับมาหยิบแป้งย่างต้นหอมใส่ปากชิ้นหนึ่ง เมื่อกินเข้าไปก็รู้สึกว่าอร่อยกว่าแป้งย่างที่ตนทำมาก ฝีมือครัวของสตรีบ้านนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
สามีและลูกๆ ที่บ้านรอกินไส้ทอดอยู่ ในเมื่อไม่มี เช่นนั้นก็ซื้อแป้งย่างต้นหอมกลับไปให้พวกเขากินแทนแล้วกัน “ข้าซื้อสี่แผ่น”
แป้งย่างสองร้อยแผ่น ไม่ทันไรก็ขายออกไปแล้วสี่แผ่น เปิดกิจการได้อย่างงดงาม
หลี่เจี้ยนอันรับเงินมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “พี่สาวขอรับ อย่าลืมมาอุดหนุนอีกนะขอรับ”
หลี่อิงฮว๋าที่อยู่ด้านข้างเห็นหลี่เจี้ยนอันขายของได้แล้ว ในใจรู้สึกนับถือ คิดว่าตนช่างไร้ประโยชน์เสียจริง เขาอัดอั้นตันใจเพียงครู่เดียว ก็รวบรวมความกล้าะโเรียกลูกค้าออกไป
สตรีอ้วนเดินไปด้านหน้า ซื้อไข่ไก่มาหนึ่งชั่ง จากนั้นก็หมุนตัวไปมาแล้วเดินกลับมาอีก รู้สึกราวกับค้นพบแผ่นดินใหม่ก็มิปาน นางชี้ไปที่หลี่อิงฮว๋าและ หลี่เจี้ยนอัน ถามว่า “นี่ก็เป็พี่น้องของเ้าหรือ?”
หลี่เจี้ยนอันยิ้มแล้วตอบว่า “ขอรับ เขาคือน้องสามของข้า”
สตรีอ้วนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “บ้านเ้ามีพี่น้องกี่คนหรือ?”
หลี่เจี้ยนอันตอบไปตามตรง “มีพี่น้องผู้ชายสี่คนกับน้องสาวหนึ่งคนขอรับ ท่านแม่ของข้าตั้งท้องอยู่อีกหนึ่งคน อีกไม่นานครอบครัวเราจะมีคนเพิ่มแล้ว”
“แม่เ้าคลอดบุตรชายดีๆ อย่างพวกเ้าออกมาตั้งหลายคน ช่างมีวาสนาจริงๆ ฝีมือครัวของแม่เ้าดีมากทีเดียว” สตรีอ้วนยิ้มจนตาหยีแล้วเดินจากไป คราวนี้นางไม่ได้กลับมาอีก นางเดินเข้าไปในตัวอำเภอแล้ว
หลี่เจี้ยนอันและหลี่อิงฮว๋าปรายตามองตามหลังสตรีอ้วน อยากจะวิ่งตามไปอธิบายให้นางฟังเสียจริงว่า ทั้งไส้ทอดและแป้งย่างต้นหอม น้องสาวข้าเป็คนทำ น้องสาวข้ามีฝีมือครัวยอดเยี่ยม แม่ข้ามีบุตรีที่ดียิ่ง
หญิงชราผมสีเทาผู้หนึ่ง สวมต่างหูเปล่งประกายเดินเข้ามา มองแป้งย่างในตะกร้าไผ่สานก่อนจะชี้ไปยังบริเวณใกล้ๆ ประตูเมือง พูดว่า “ทางนั้นก็มีคนขายแป้งย่าง หนึ่งแผ่นหนึ่งทองแดงเช่นกัน ทั้งยังใหญ่กว่าของบ้านเ้าเสียอีก อ้อ... เป็ชายสวมชุดสีเทานั่น”
ผู้เยาว์ทั้งสองมองตามที่หญิงชราชี้ ห่างไปสิบลี้ มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อสีเทากางเกงสีดำผู้หนึ่งกำลังขายแป้งย่างอยู่
เมื่อวานหลี่เจี้ยนอันขายไส้ทอดจนไม่มีเวลาไปสนใจ ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดจริงๆ ที่เมื่อวานไม่ได้สังเกตว่า มีร้านขายแป้งย่างอยู่ด้วย จึงไม่ได้เสนอให้หลี่หรูอี้ย่างแผ่นแป้งให้ใหญ่กว่านี้
หลี่อิงฮว๋าหยิบถ้วยขึ้นมา กล่าวอ้อนๆ ว่า “ท่านยายขอรับ ท่านลองชิมแป้งย่างของบ้านข้าดูสักชิ้น ก็จะรู้แล้วว่าอร่อยเพียงใด”
หญิงชรารู้ว่าชิมชิ้นหนึ่งไม่ต้องจ่ายเงินจึงหยิบแป้งย่างขึ้นมากิน หลังจากกินเข้าไปแล้วก็เข้าใจกระจ่าง “แป้งย่างของบ้านเ้าใส่ทั้งต้นหอมและเกลือ ทั้งยังใช้น้ำมันผักกาดก้านขาวย่างแป้งอีก แต่แป้งย่างของเขาไม่ใส่อะไรเลย ย่างแต่แป้งอย่างเดียว มิน่าเล่าแป้งย่างบ้านเ้าถึงได้เล็กกว่าของเขา” หญิงชรากล่าวจบก็หยิบเงินออกมาหกทองแดง ซื้อแป้งย่างต้นหอมไปหกแผ่น
ผู้เยาว์ทั้งสองยินดีมาก รีบร้อนหยิบแป้งย่างให้กับหญิงชรา
ยามที่คนเราหิวและ้าจะซื้อของกินนั้นจะดูวุ่นวายมาก หลังจากสตรีอ้วนและหญิงชราซื้อแป้งย่างไปแล้ว ชาวบ้านในตัวอำเภอก็มาซื้อแป้งย่างต้นหอมกันอย่างต่อเนื่อง
บางคนซื้อกินตรงนั้นเลยหนึ่งแผ่น คนละแวกนั้นก็พากันถามว่ารสชาติเป็อย่างไร คนผู้นั้นไม่เคยกินแป้งย่างต้นหอมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนจึงซื้อไปทีเดียวแปดแผ่น รวมกับที่ซื้อกินตรงนั้นหนึ่งแผ่นเป็เก้าแผ่น จึงได้แถมไปอีกหนึ่งแผ่นโดยไม่เสียเงิน
คนผู้นั้นกล่าวด้วยความเปรมปรีดิ์ “ซื้อเก้าแถมหนึ่งหรือ ข้าใช้เงินเก้าทองแดงก็ซื้อแป้งย่างต้นหอมได้สิบแผ่นเชียว”
บางคนที่รู้จักคนผู้นี้ก็พูดยิ้มๆ “บ้านของเ้ามีทั้งหมดสามคน ซื้อแป้งย่างไปมากขนาดนี้จะกินหมดหรือ?”
“แป้งย่างที่กินไม่หมด ข้าก็เก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้าได้อีกไม่ใช่หรือ?”
“เก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้าจะไม่เสียหรือไร?”
คนผู้นี้มีสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “นี่ไม่ใช่อาหารจานเนื้อ แป้งนี่ใช้น้ำมันผักกาดก้านขาวย่าง เก็บไว้ถึงวันมะรืนก็ยังไม่เสีย”
พริบตานั้นทุกคนจึงแย่งกันซื้ออย่างบ้าคลั่งเหมือนตอนที่พวกเขาขายไส้ทอดเมื่อวาน กิจการรุ่งเรืองมาก
หลี่เจี้ยนอันและหลี่อิงฮว๋าไม่ใช่ฝาแฝดกันจึงร่วมมือกันได้ไม่ดีเท่ากับเมื่อวานที่หลี่เจี้ยนอันมากับหลี่ฝูคัง แต่หลี่อิงฮว๋าไม่ใช่คนใจร้อน ไม่ทำความผิดพลาดตอนเร่งรีบเหมือนหลี่ฝูคัง
สองพี่น้องขายแป้งย่างต้นหอมสองร้อยแผ่นหมดแล้ว ในสาบเสื้อมีเหรียญทองแดงอยู่กองใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเห็นชายวัยกลางคนสวมชุด สีเทาผู้นั้นยังขายไม่หมด ก็รู้สึกภาคภูมิใจในตนเองยิ่งนัก
วันนี้หลี่เจี้ยนอันกลับมาถึงหมู่บ้านหลี่เร็วกว่าเมื่อวานครึ่งชั่วยาม
นอกจากบ้านของหวังไห่ ซึ่งเป็หัวหน้าตระกูลหวังที่ยังจุดโคมอยู่ บ้านอื่นๆ ต่างก็มืดสลัว
พวกเขาเดินจากทางเข้าหมู่บ้านไปยังบ้านหลี่ ตลอดทางถูกสุนัขของหลายบ้านเห่าไล่
บางคนยังไม่ได้ขึ้นเตียงนอน ทั้งยังว่างจนไม่มีอะไรทำจึงวิ่งออกมาเปิดประตูมองออกไปด้านนอก เมื่อเห็นเงาของทั้งสองที่ไม่รู้ว่าเป็คนบ้านใดจึงเกิดความแปลกใจ กลับบ้านดึกขนาดนี้ไม่กลัวมองไม่เห็นทางแล้วสะดุดล้มหรือ?
หลี่ฝูคังเดินอยู่บนถนนดิน มองไปโดยอาศัยแสงจันทร์ เห็นเงาอันคุ้นเคยสองร่างจึงะโออกไปด้วยความตื่นเต้นระคนกังวล “พี่ใหญ่ น้องสาม แป้งย่างของบ้านเราขายหมดหรือไม่?”
“กลับไปค่อยพูดกันเถิด” หลี่เจี้ยนอันได้ยินเสียงเปิดประตูของบ้านหลิวดังมาจากด้านหลัง คิดอยากจะวิ่งไปอุดปากหลี่ฝูคังเสียจริง ไม่รู้หรือไรว่าเื่เงินๆ ทองๆ ห้ามนำมาพูดนอกบ้าน
จางซื่อลูกสะใภ้ของบ้านหลิวยืนท้องโย้อยู่ตรงประตู พูดเสียงดังว่า “ดึกดื่นขนาดนี้เพิ่งกลับ ที่แท้เป็สองพี่น้องบ้านหลี่กลับมาจากการขายแป้งย่างในตัวอำเภอนี่เอง เดินเร็วขนาดนี้จะต้องได้เงินมากแน่”
หลี่อิงฮว๋ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “สะใภ้จาง อย่าพูดเลยขอรับ ที่ตัวอำเภอมีคนขายแป้งย่างอยู่แล้ว แป้งย่างของร้านนั้นใหญ่กว่าแป้งย่างบ้านเราเสียอีก แป้งย่างบ้านเราขายไม่ออก สุดท้ายตลาดใกล้เลิก พวกเราเลยต้องขายลดราคา”
จางซื่อกล่าวอย่างลำพองใจ “นับว่าเ้าฉลาดที่ขายลดราคา มิฉะนั้นหากนำกลับมากินที่บ้าน อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้ากินไม่หมดคงเหม็นหืน” นางเยาะเย้ยอยู่ในใจ การค้าจะง่ายดายเช่นนั้นที่ไหนกัน หากหาเงินได้ง่ายๆ เช่นนี้ แต่ละครอบครัวในหมู่บ้านคงไปขายแป้งย่างกันหมดแล้ว
ตอนนี้หลี่ฝูคังเพิ่งรู้ว่าเมื่อครู่ไม่ควรพูดออกไป จึงเดินตามหลังหลี่เจี้ยนอันไปด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
เมื่อหลี่อิงฮว๋าได้ยินเสียงปิดประตูดังมาจากบ้านหลิว จึงก้มตัวกระซิบข้างหูหลี่ิ่หานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “เมื่อครู่แค่หลอกสะใภ้จางน่ะ จริงๆ แป้งย่างของพวกเราขายหมดแล้ว”
หลี่ิ่หานดีใจจนะโตัวลอย หลี่อิงฮว๋ารีบปิดปากเขาจนสนิท ส่งสายตาให้เขาเงียบไว้
หลี่เจี้ยนอันแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง ดูท่าทางต้องพูดกับน้องชายทั้งสามให้เข้าใจเสียหน่อยว่า เื่เงินๆ ทองๆ ไม่ควรเอาไปพูดนอกบ้าน
เมื่อปิดประตูห้องโถงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในครอบครัวจึงเริ่มคิดบัญชี
หลี่เจี้ยนอันหยิบเงินทองแดงทั้งหมดออกมานับทีละเหรียญให้ทุกคนดู มีทั้งหมดสองร้อยเก้าสิบเจ็ดเหรียญ จึงอธิบายไปว่า “มีลูกค้าสามคนซื้อทีเดียวเก้าแผ่น จึงแถมให้คนละหนึ่งแผ่น”
จ้าวซื่อมองเหรียญทองแดงเ่าั้ ตื่นตะลึงไปหลายชั่วยามก็ยังพูดอะไรไม่ออก สามีของนางและอาเล็กไปทำงานใช้แรงอย่างการสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนด้วยความยากลำบาก รวมกันแล้วยังได้เงินเพียงวันละสี่สิบทองแดง วันนี้บุตรชายบุตรสาวทั้งห้าขายแป้งย่างสามร้อยแผ่น หักเงินทุนแล้วยังได้กำไรถึงสองร้อยกว่าทองแดง
หลี่ฝูคังตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ “วันนี้ครอบครัวของเราขายแป้งย่างไปสามร้อยแผ่น ได้เงินมาทั้งหมดสองร้อยเก้าสิบเจ็ดทองแดง นี่เป็เงินเกือบสามตำลึงเชียว”
หลี่หรูอี้พูดอย่างยิ้มแย้ม “พี่รองคนดีของข้า ท่านอย่าลืมว่า พวกเราต้องคิดเงินทุนกับค่าแรงด้วย”
.......................................