ฉีเหยียนซงไม่แปลกใจกับผลการสอบ
ในวันสอบ ตอนรับกระดาษข้อสอบเขาเองก็รู้สึกว่ายาก
เขายืมข้ออ้างเตรียมสอบจึงอาศัยอยู่ในอำเภอหนานอี๋ อยู่ที่นี่ไม่มีผู้ใดยุ่งกับเขา อิสระเป็อย่างยิ่ง เล่าเรียนไม่กี่วันก็สามารถพักสองวันเข้าเมืองไปเยี่ยมสหายและชื่นชมดอกไม้[1] หลังจากงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดู เขาและแม่นางซือซือก็ส่งจดหมายหากันตลอด จากบทกวีถึงบทเพลง เขาและซือซือมีรสนิยมต้องกัน นางก็คือหญิงผู้รู้ใจของเขา!
ในส่วนการสอบของสถานศึกษาหนานอี๋ ฉีเหยียนซงไม่เห็นอยู่ในสายตา ตอนสอบซิ่วไฉเขาก็ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย สอบเข้าสถานศึกษาหนานอี๋ไม่ใช่ว่าง่ายมากหรอกหรือ?
แต่หัวข้อการสอบวันนั้นทั้งยากและเอนเอียง ฉีเหยียนซงเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นภายในใจ
่นี้เขาหลงมัวเมาไปกับความรักแรงปรารถนา ไหนเลยจะท่องตำราจริงๆ มีพื้นฐานก็จริงอยู่ แต่พอหัวข้อยากเขาก็ตื่นตระหนกแล้ว
แต่หลังการสอบหากเขายังคงโชคดี ถึงหัวข้อจะยากก็ไม่เป็ไร เพียงแค่เขาสอบได้ดีกว่าผู้อื่นก็ยังคงจะถูกรับเลือก
ผู้ใดจะรู้ว่าสถานศึกษาหนานอี๋โหดร้ายนัก ครั้งนี้ไม่รับศิษย์ใหม่แม้แต่ผู้เดียว!
ฉีเหยียนซงรับความอับอายนี้ไม่ไหว ทุบทำลายกองข้าวของภายในห้องหนังสือระบายอารมณ์
เขาสอบไม่ผ่านได้อย่างไร?
ล้อกันเล่นหรือไง!
ไร้หนทางที่จะแก้ตัวต่อคนในครอบครัวโดยสิ้นเชิง เขามาหนานอี๋เพื่อเตรียมสอบ พร้อมทั้งนำเหล่าเด็กรับใช้และหญิงรับใช้มาด้วย ยังมีเงินอีกหลายร้อยตำลึงเงิน
บัดนี้เงินทองใช้จ่ายจนเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว ให้บอกว่าตนเองไม่ได้ถูกสถานศึกษารับเข้า ฉีเหยียนซงก็ยากที่จะเอ่ยปากบอกได้
“นายน้อยรอง เื่นี้จะโทษท่านไม่ได้ ข้าน้อยได้ยินมาว่าเป็เพราะสถานศึกษาไม่้ารับศิษย์ใหม่!”
ดีเหลือเกิน เหตุใดสถานศึกษาจึงไม่คิดจะรับศิษย์ใหม่แล้ว?
ฉีเหยียนซงกระวนกระวาย “ไม่อาจกลับไปด้วยเหตุผลนี้ได้ ั้แ่ท่านแม่ยกเื่ภายในบ้านให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแล ยามข้าอยู่ในบ้านก็ถูกขัดขวางทุกหนทาง เงินกองกลางในบัญชีก็ซักไซ้ทุกวิถีทาง แม้แต่คนในบ้านยังให้เงินไม่กี่ร้อยตำลึงไม่ได้เลยหรือ? ก็ไม่แน่ว่าเป็การจงใจหาเื่... พี่สะใภ้แสนดีของข้าผู้นั้น ทำเหมือนเข็มทุกเล่ม ด้ายทุกเส้นภายในบ้านล้วนเป็ของนางหมด เกรงว่าข้าจะจ่ายมากไปหนึ่งเฟิน[2] ใช้มากไปหนึ่งหลี[3] !”
เื่นี้เกี่ยวข้องไปถึงนายหญิงใหญ่ เด็กรับใช้ไม่กล้าเอ่ยเลอะเทอะ
เด็กรับใช้ที่ดีย่อมต้องพยายามเพื่อเ้านายอย่างเต็มที่ ั์ตาของเด็กรับใช้กลอกไปมา “นายน้อย ท่านกล่าวถูกต้องแล้วขอรับ ท่านใช้จ่ายเงินทองไปแล้ว สอบเข้าสถานศึกษาไม่ผ่านก็ไม่อาจไปแก้ตัวกับคนในครอบครัวได้ ถึงอย่างไรสถานศึกษาหนานอี๋ก็เป็ของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ ตระกูลฉีและตระกูลเฉิงเกี่ยวดองกัน ดีเลวอย่างไรก็ต้องผ่อนปรนเสียหน่อย!”
ใช่แล้ว ตระกูลฉีและตระกูลเฉิงเกี่ยวดองกัน
แต่นั่นนับเป็การเกี่ยวดองอะไรกัน เขามีท่านอาหญิงที่แต่งเข้าบ้านรองตระกูลเฉิง แต่ก็เสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว ไหนเลยจะยังมีความผูกพันกันอยู่!
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอาเขยผู้นั้นของเขาก็กระทำความผิดในหน้าที่ พ้นจากราชการเป็เื่ที่เห็นได้บ่อยครั้ง แต่แม้กระทั่งชีวิตก็หลุดลอยไปด้วยนับว่าเป็เื่ที่พบเห็นได้ยาก
คนในครอบครัวยังหมั้นหมายเขาและญาติผู้น้องที่ไม่เคยพบหน้ากันไว้แล้ว... มีอาเขยกระทำความผิดก็มากเกินพอแล้ว นี่ยังต้องให้อีกฝ่ายมาเป็พ่อตาอีก ฉีเหยียนซงรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด ได้ยินมาว่าเหล่าแม่ม่ายบุตรกำพร้าที่อาเขยทิ้งไว้กลับมายังอำเภอหนานอี๋แล้ว ฉีเหยียนซงหลบเลี่ยงไม่ทัน พอเขาอยู่ที่บ้านโวยวายจะถอนหมั้นก็ถูกตี หลังจากนั้นเขาก็อดข้าวประท้วง มารดาก็ร้องไห้ขอร้องแทนเขา สุดท้ายตระกูลฉีจะยังไม่ถอนหมั้น แต่ก็ไม่ไปมาหาสู่กับตระกูลเฉิงเช่นกัน ยืดเวลาไว้สักพัก ทำเป็ไม่รู้ว่าพวกนางหลิ่วกลับมายังหนานอี๋แล้ว
ฉีเหยียนซงต่อต้านการแต่งงาน เกรงว่าจะถูกญาติผู้น้องหญิงที่บ้านตกต่ำลงเกาะ เมื่อมาถึงยังหนานอี๋ก็ไม่เคยกล่าวว่าตนเองเป็ญาติตระกูลเฉิง
เขาเองก็ไม่เคยคิดจะพึ่งพาความสัมพันธ์ทางเครือญาติในการสอบเข้าสถานศึกษา เดิมทีมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม!
บัดนี้ไม่ถูกรับเข้า เงินหลายร้อยตำลึงที่ใช้จ่ายไปก็ไม่มีวิธีที่จะกลับบ้านไปเอ่ยแก้ตัว เมื่อได้เด็กรับใช้เตือนสติ ฉีเหยียนซงจึงนึกได้ถึงญาติบ้านนี้ขึ้นมาได้
ความจริงตอนงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดู ชื่อเสียงของเฉิงชิงก็โด่งดังขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว น่าเสียดายที่ฉีเหยียนซงมัวจดจ่ออยู่กับซือซือแห่งหอิเยวี่ยเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ได้สนใจเื่เหล่านี้เลย
แต่ในทางกลับกัน เมื่ออาศัยอยู่ที่หนานอี๋ได้หนึ่งเดือนก็ได้สอบถามถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นหลังจากครอบครัวเฉิงชิงเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิด ฉีเหยียนซงก็ยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจถอนหมั้น—— เฉิงชิงรับมือยากเกินไปแล้ว เขาก็ไม่อยากได้น้องชายภรรยาเช่นนี้เหมือนกัน!
ข้อเสนอแนะของเด็กรับใช้ทำให้ฉีเหยียนซงตื่นเต้นขึ้นมา
แต่ไปขอให้ครอบครัวของญาติผู้น้องหญิงช่วยเหลือ?
อย่าล้อเล่นหน่า
ครอบครัวของญาติผู้น้องก็ยากที่จะดูแลตนเองอยู่แล้ว
หากตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ชื่นชอบพวกนาง ตอนนี้โลงศพของอาเขยเฉิงจือหย่วนก็คงไม่ถึงขั้นต้องเก็บไว้ที่บ้านโลงศพหรอก!
สุดท้ายฉีเหยียนซงก็ขนของขวัญไปหาบ้านห้า
ซือโม่กล่าวอย่างได้อรรถรส
“พอไปถึงที่ คุณชายรองฉีก็กล่าวว่าตระกูลเฉิงคือญาติ ฮูหยินผู้เฒ่าห้าต้อนรับเขาอย่างเกรงใจ คุณชายรองฉีกล่าวว่าตนเองมาหนานอี๋เพื่อเล่าเรียน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ชมว่าเขาสอบเข้าได้ พอชมจบก็ถามคุณชายรองฉีอีกว่าได้ไปที่ตรอกหยางหลิ่วหรือยัง คุณชายรองฉีกล่าวว่าตนเองมาไม่ทันไปพบญาติผู้น้อง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยยินดีนัก ทั้งยังถามว่าหรือตระกูลฉีจะมีแผนอื่น กล่าวว่าปีหน้าจะออกทุกข์แล้ว คุณชายรองฉีอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ถูก ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้คนส่งแขกไปเลย!”
ซือโม่และซือเยี่ยนล้วนเป็เด็กที่ถือกำเนิดในบ้านห้า แม้สัญญาขายตัวจะมอบให้เฉิงชิงแล้ว เปลี่ยนเป็เด็กรับใช้ของเฉิงชิง แต่ทั้งสองคนก็ยังมีญาติและสหายมากมายอยู่ในบ้านห้า เหตุการณ์ที่ฉีเหยียนซงไปเยี่ยมคารวะบ้านห้าล้วนอยู่ในสายตาของเหล่าหญิงรับใช้ เพียงซือโม่ไปสอบถามก็ได้ความแล้ว
แน่นอนว่าเื่พวกนี้ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ซือโม่สอบถามก็ไม่ได้ทำผิดละเมิดสิ่งใด
ถึงอย่างไรคุณชายรองฉีก็เป็ญาติกับบ้านเฉิงชิงโดยตรง เฉิงชิงก็สมควรได้รู้
หากเปลี่ยนเป็ความลับอื่นของบ้านห้า ถึงซือโม่จะยอมเอ่ย แต่เฉิงชิงไม่ยินยอมที่จะฟัง!
ฉีเหยียนซงถูกปฏิเสธที่บ้านห้าก็ถือว่าโชคร้าย เพราะเมื่อวันก่อนเฉิงชิงเพิ่งจะไปก่อปัญหากับนายท่านห้า
ผ่านการกระทำเหล่านี้ เฉิงชิงก็เริ่มเข้าใจอุปนิสัยของฉีเหยียนซง พอจะจับจุดแบบแผนการดำเนินการของอีกฝ่ายได้แล้ว
“ในสองวันนี้คุณชายรองฉีย่อมต้องมาที่ตรอกหยางหลิ่วแน่นอน”
หากคุณชายรองฉีกล้าที่จะขีดเส้นชัดเจนกับตระกูลเฉิง เฉิงชิงก็ไม่อาจกล่าวอะไรได้ ทุกคนล้วนมีความคิดแตกต่างกัน คนเขามีชื่อเสียงบริสุทธิ์ ไม่ยินดีที่จะมาข้องเกี่ยวกับบ้านนาง แม้ไม่มีเหตุผล แต่ก็เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
แต่คุณชายรองฉีไม่ได้ถูกสถานศึกษารับเข้า ทั้งยังขนของขวัญไปบ้านห้า สามารถเห็นได้ว่าความกล้านี้มีจำกัดอย่างมาก
ฉีเหยียนซงถูกบ้านห้าปฏิเสธ เป็ไปได้มากว่าจะลองเสี่ยงดวงที่ตรอกหยางหลิ่ว!
“แต่ท่านต้องกลับสถานศึกษาแล้ว…”
“ไม่เป็ไร ให้เขามา ไม่ว่าเขาจะมากล่าวอะไรถึงที่ เ้าก็ต้องวิ่งมาบอกข้าที่สถานศึกษาสักรอบหนึ่ง!”
“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ”
ตัวเฉิงชิงใช้เด็กสองคนนี้อย่างฟุ่มเฟือยมาก ใช้ซือโม่ไปทำธุระให้นาง ซือเยี่ยนร่างกายสูงใหญ่พละกำลังเยอะ ยามปกติจะให้อยู่ที่ตรอกหยางหลิ่วช่วยทำงานใช้แรงให้กับนางหลิ่ว เฉิงชิงยังคิดที่จะจ้างหญิงสูงวัยมาซักเสื้อผ้าและทำอาหาร ทั้งนางหลิ่วและบุตรสาวคนโตต่างไม่เห็นด้วย นางจึงได้แต่พับเก็บเื่นี้ไว้ชั่วคราว
นางคิดออกว่าจะใช้ประโยชน์เนินดินรกร้างนั่นอย่างไร รายรับภายในบ้านเพิ่มขึ้นแล้ว นางหลิ่วก็คงจะยินยอมให้จ้างคนแล้วกระมัง!
เฉิงชิงกลับมายังสถานศึกษา เมิ่งไหวจิ่นอยู่ตรงประตู ดูท่าทางแล้วเหมือนจะรอนางอยู่
“ศิษย์พี่ หรือว่าท่านมีข่าวดีแล้วขอรับ?”
นางเอ่ยถามว่าสรุปเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ้าให้ทำบัญชีปลอมหรือไม่ มุมปากของเมิ่งไหวจิ่นปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย
“ก็นับว่าเป็เื่ดีน่ะนะ ข้ามาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเ้า… ศิษย์น้อง เ้าต้องเรียนพิเศษจริงๆ แล้ว!”
เฉิงชิงต้องเรียนพิเศษจริงๆ แล้ว
ในลำดับรายชื่อการสอบประจำเดือนที่ติดประกาศนาง ได้ลำดับที่หนึ่งร้อยเจ็ดของห้องเรียนตัวอักษรติง
อืม ไม่เพียงไม่ก้าวหน้าขึ้น แต่ยังแย่กว่าสอบครั้งแรกอีกด้วย ไม่ควรหลอกลวงเหล่าเทพเซียนจริงๆ ขยันเล่าเรียนหรือไม่ ความจริงก็จะปรากฏอยู่ในอันดับผลสอบทันที
เมื่อเทียบกันแล้ว ครั้งนี้เฉิงกุยกลับสอบได้ดี แม้แต่เ้าอ้วนชุยก็ได้อันดับเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
—— แต่อวี๋ซานกลับสอบได้แย่กว่าครั้งก่อนเช่นกัน!
[1] หาดอกไม้ หมายถึงเที่ยวนางคณิกา
[2] เฟิน คือหน่วยวัดของจีนโบราณ 1 เฟินเท่ากับ 0.231 เิเโดยประมาณ
[3] หลี คือหน่วยวัดของจีนโบราณ 1 หลีเท่ากับ 1 เิเ
