เมื่อกล่าวจบ ฮ่องเต้จึงสะบัดชายแขนเสื้อเดินจากไปเขาไม่สนใจว่าคำพูดเหล่านี้ของตนจะสร้างความวุ่นวายให้วังหลังอย่างไรบ้าง
ไม่รู้ว่าคุกเข่านานเท่าใดแล้ว กงเช่อค่อยๆ ลุกขึ้นมาเขาเดินออกจากตำหนักจาวหยางด้วยสภาพงุนงง จากนั้นจึงเดินไปทางตำหนักเฟิ่งชี
ตลอดทางเขาเดินตาลอย มุมปากคว่ำลงราวกับไม่มีสติอีกแล้วเวลานี้เขาไม่เหลือความอ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนท่าทางเช่นนี้ทำให้ฝ่ายในที่พบเขาระหว่างทางต่างเดินออกไปห่างๆไม่มีใครปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าสายตาของเขา
แต่คาดไม่ถึงว่าขณะที่อยู่ด้านนอกตำหนักเขายังไม่ทันเหยียบตำหนักเฟิ่งชีก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เขาจึงใทันที จากนั้นรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านในเขาเห็นนางกำนัลาุโกำลังดึงฮองเฮาที่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยเห็นได้ชัดว่าขันทีที่ประกาศราชโองการได้มาถึงแล้วเสด็จแม่ทราบเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทั้งหมดแล้วจึงรู้สึกเ็ปมากมายเช่นนี้
“เสด็จแม่ท่านทำอะไรหรือ?!”
“องค์รัชทายาท ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ท่านรีบกล่าวกับเหนียงเหนียงเถิดเมื่อสักครู่เหนียงเหนียงคิดจะชนผนังปลิดชีพเพคะ” เมื่อหนึ่งในนางกำนัลาุโเห็นกงเช่อมาแล้วนางจึงกล่าวอย่างร้อนใจพร้อมน้ำตาคลอั์ตา
“องค์รัชทายาท?”
หลังจากได้ยินคำนี้แล้ว ฮองเฮาที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจึงเงยหน้าขึ้นดวงตาของนางเป็ประกายทิ่มแทงถึงกระดูก นางหัวเราะเสียงดังพร้อมกล่าวขึ้น“ยังมีองค์รัชทายาทเสียที่ไหน? เป็องค์รัชทายาทมีประโยชน์อันใด? เ้าฟังสิ ฟังความหมายของฝ่าา ฝ่าาตรัสว่าทุกคนสามารถขึ้นเป็ฮ่องเต้แล้วการเป็องค์รัชทายาทยังมีประโยชน์อันใดอีก?!”
ความพยายามของนางในหลายปีมานี้ยังมีประโยชน์อีกหรือ? การวางกลอุบายอย่างแยบยลจะมีประโยชน์อันใดอีก? สุดท้ายก็ขึ้นกับคำพูดของผู้กุมอำนาจไว้ในมือคำพูดเพียงประโยคเดียวก็ทำให้ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ราวกับเป็เพียงเื่ตลกเื่หนึ่ง
“เสด็จแม่ ในเมื่อผู้มีความสามารถเท่านั้นที่จะเป็ผู้แล้วทำไมจะเป็ลูกไม่ได้ล่ะ? เสด็จแม่เชื่อมั่นใจตัวลูกสักครั้ง เสด็จแม่” ท่าทางเหมือนคนเสียสติของนางทำให้กงเช่อใเขารีบคุกเข่าเบื้องหน้าฮองเฮาพร้อมกล่าวเสียงขรึม
“เชื่อเ้า?” ดวงตาเรียวยาวของฮองเฮาค่อยๆ คลอไปด้วยน้ำตา น้ำเสียงเ็ปและสิ้นหวัง
“ลูกรักของข้า เ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ? หากดูที่อำนาจ พวกเราสู้หลิ่วเสียนเฟยไม่ได้หากดูที่ทรัพย์สมบัติก็ยิ่งสู้หลงกุ้ยเฟยไม่ได้ ตระกูลหลิวค่อยๆ อ่อนแอลง ดังนั้นพวกนางจึงร่วมมือกันกลั่นแกล้งพวกเรากล้าทำในสิ่งที่พวกนาง้าโดยไม่สนใจใคร”
“ลูกรักของข้า สถานการณ์ในตอนนี้ แม่ไม่ได้กลัวว่าเ้าไม่มีความสามารถแต่แม่กลัวว่าเ้ามีความสามารถแต่ไม่อาจปกป้องตนเองสุดท้ายยังคงเป็แท่นหินขวางทางในสายตาของพวกเขา”
นางกล่าวไปพลาง ร้องไห้ไปพลาง เป็ฮองเฮาแล้วอย่างไร? นางก็แค่สตรีนางหนึ่งเท่านั้นเองแต่ไหนแต่ไรตำแหน่งฐานะของสตรีในวังหลังล้วนถูกตัดสินจากความรุ่งเรืองเสื่อมถอยของวงศ์ตระกูลหรือความโปรดปรานนางเ็ปทรมานไร้ทางออก มีใครบ้างที่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้?
คำพูดของฮองเฮากระแทกใจกงเช่อโดยตรง ความจริงช่างโหดร้ายและเืเย็นเหลือเกิน
เขาใช้ความสามารถของตัวเองไม่ได้หรือ? เขาจะทำไม่สำเร็จเลยหรือ?
ความไม่มั่นใจของคนในครอบครัวทำให้เขาเริ่มสงสัยและรังเกียจตนเอง เขาอยากเป็ฮ่องเต้ก็เพราะเขามีคนที่้าปกป้องเขามีความรับผิดชอบที่เขาจำเป็ต้องแบกรับทว่าเขาไม่สามารถปกป้องบุคคลเบื้องหน้าเหล่านี้ เขาทำให้พวกนางต้องใช้ชีวิตอย่างตื่นตระหนกหวาดระแวง รวมทั้งความไม่เชื่อมั่นในตัวเขา เช่นนี้ แล้วเขายังมีประโยชน์อันใด?
ไม่! นอกจากเขาจะไร้ประโยชน์แล้วเขายังไร้อำนาจบารมี อีกทั้งร่างกายไม่สมบูรณ์ ช่างเป็ความจริงอันแสนโหดร้าย!
เขารู้สึกหนักใจขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายเขาจึงยิ้มอย่างเ็า
เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในตำหนักหลวง เขาเผชิญหน้ากับความเย้ยหยันและการด่าทอของเสด็จพ่อโดยไม่รู้สึกสิ้นหวังทว่าตอนนี้เขาสิ้นหวังแล้วเขารู้สึกว่าเขาถูกตัดสินปะาชีวิตและถูกปล่อยอยู่ในนรกที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
“ลูกรัก เป็แม่ที่ทำให้เ้าต้องลำบากไปด้วย เพราะแม่ไร้ความสามารถ แม่ผิดเอง” เมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของเขาแต่กลับส่งยิ้มอย่างสิ้นหวังเช่นนี้ฮองเฮาจึงรู้สึกเ็ปแทบทนไม่ไหวนางคุกเข่าลงกับพื้นอย่างกะทันหันพร้อมกอดกงเช่อไว้ในอ้อมกอดนางร้องไห้เสียงแหบแห้ง
หากนางลงมือโดยไม่ทิ้งหลักฐานไว้หากตระกูลมารดาของนางไม่ทำความผิดจนถูกคนอื่นจับได้บุตรชายของนางจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ?
น้ำตาของนางไหลซึมตรงบ่าของกงเช่ออย่างรวดเร็วข้างหูของเขานอกจากจะมีเสียงร้องไห้ของเสด็จแม่แล้วยังมีเสียงสะอึกสะอื้นของนางกำนัลาุโทั้งสองอีกด้วยตำหนักเฟิ่งชีตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
ความมีเกียรติและความอัปยศของทุกคนถูกวางอยู่บนบ่าของเขาเพียงคนเดียวเมื่อเกิดเื่แล้วจึงเป็ความรับผิดชอบที่เขาต้องแบกรับไว้
ไม่รู้เป็เพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับภาระเช่นนี้มานานแล้วทว่าเขากลับรู้สึกว่าบนบ่าของเขาช่างหนักเหลือเกินทำให้เขารู้สึกอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงทำให้เขาไม่มีแรงแม้กระทั่งจะยกมือขึ้นปลอบฮองเฮา
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เขายังต้องรับผิดชอบปลอบใจฮองเฮาและคนอื่นๆจากนั้นจึงเดินออกจากตำหนักไปด้วยสภาพเหม่อลอย เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งฟ้ากลับมืดเสียแล้ว
ทว่าข้างหูของเขายังคงมีเสียงสิ้นหวังของเสด็จแม่ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเป็เสียงร้องขอชีวิต เต็มไปด้วยความเศร้าและสิ้นหวัง
กงเช่อคิดอย่างเืเย็น ในเมื่อตระกูลมารดาไม่อาจสนับสนุน ส่วนนางก็ถูกคนอื่นคนอื่นเปิดโปงความผิดในอดีตอีกทั้งคำพูดของฮ่องเต้ยังทำให้นางสูญเสียความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้วเช่นนี้แม้นางยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนคนไร้จิติญญาก็เหมือนคนตายเดินได้เท่านั้นกระมัง
เช่นเขาในตอนนี้ เขาเหมือนิญญาล่องลอย เหมือนต้นไม้ใหญ่ล้มผู้ที่ขอพึ่งพิงกระจัดกระจาย เขาต้องคอยปลอบใจผู้อื่น แต่มีใครบ้างที่คิดจะหันมามองเขา?
“องค์รัชทายาท”
เสียงกล่าวอย่างดีใจของใครคนหนึ่งดังลอยมา เลี่ยนเซียงยกโคมเดินเข้าใกล้เมื่อเห็นว่าเป็องค์รัชทายาทจริงๆ นางจึงผ่อนลมหายใจ จากนั้นรีบกล่าวขึ้น“คุณหนูได้ยินว่าเกิดเื่ขึ้นในวัง นางจึงสั่งให้ข้ารออยู่ที่นี่ตลอดนางกล่าวว่าท่านจะต้องกลับมา ท่านสบายดีไหมเพคะ?”
เมื่อเข้าใกล้แล้วนางจึงพบว่าใบหน้ากงเช่อซีดขาวจนน่าใ
เมื่อเห็นนาง กงเช่อจึงเพิ่งได้สติราวกับตื่นจากความฝันเมื่อได้ยินคำพูดของนางว่ากงอี่โม่กำลังรอเขาอยู่ ไม่รู้เป็เพราะเหตุใดกงเช่อรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขารู้สึกมีพลังขึ้นไม่น้อยเลย
เพียงแต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วมุมปากที่ยกยิ้มจึงหายไปอย่างรวดเร็ว เขาคลึงหัวคิ้วอย่างอ่อนแรงแต่พยายามเรียกพลังกลับคืนมา จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อเข้าไปแล้ว เขาจึงเห็นว่าอาหารทั้งหมดยังคงร้อนอยู่ส่วนกงอี่โม่ก็เหลือบมองด้านข้างอย่างรวดเร็วจากนั้นนางจึงหยิบลูกชิ้นหมูขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วจับเข้าปากทันที
เมื่อกงเช่อเห็นภาพนี้ เขาจึงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ทว่าเมื่อเขาหัวเราะกงอี่โม่จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาโตของนางดูไม่พอใจ แก้มของนางพองออกจะเคี้ยวก็ไม่ควร จะกลืนก็ไม่เหมาะ ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็ดูตลกมากเช่นกัน
“หิวแย่แล้วล่ะสิ?” เขาส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงนั่งลงข้างกายกงอี่โม่เขากวาดตามองอาหารเบื้องหน้า มันเป็สิ่งที่เขาชอบทั้งหมดั์ตาจึงอ่อนลงยิ่งกว่าเดิม
เขาไม่สนใจเหตุการณ์ที่เพิ่งเผชิญมา เวลานี้เขารู้สึกสงบลงเขาคิดว่าความรู้สึกของความเป็ครอบครัวก็เป็เช่นนี้เอง
“คนครัวของท่านพี่รัชทายาทมีฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆแค่ได้กลิ่นเมื่อสักครู่ข้าก็อยากทานจนทนไม่ไหว” กงอี่โม่เห็นเขาไม่ขยับนางจึงคลี่ยิ้มพร้อมตักอาหารให้เขา
“ต่อไปไม่จำเป็ต้องรอข้า หิวแล้วก็ทานก่อนได้เลย เข้าใจไหม?” เมื่อเห็นนางกล่าวเกินจริงกงเช่อจึงลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน
กงอี่โม่พยักหน้า สีหน้าของเขาสะท้อนอย่างชัดเจนว่ามีเื่อยู่ในใจแต่ไม่อยากเอ่ยออกมานางจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านพี่ ตอนนี้สถานการณ์ในวังเป็อย่างไรบ้าง? เหนียงเหนียงสบายดีไหม?”
คำพูดของนางทำให้กงเช่อไม่อาจรักษาความอ่อนโยนที่ตนเองแสดงออกได้อีกต่อไปสีหน้าของเขาค่อยๆ เคร่งขรึม ทว่าการไม่พูดย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหา ดังนั้นกงอี่โม่จึงจับมือเขาเบาๆ
“มีเื่อะไรที่เล่าให้ข้าฟังไม่ได้หรือ?” ขณะที่กล่าวนั้น นางจึงพองแก้มเล็กน้อย แสดงท่าทางออดอ้อนอย่างไม่เคอะเขิน
กงเช่อฝืนยิ้ม เขาััถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากมือของอีกฝ่ายเขาไม่อยากให้กงอี่โม่กังวล จึงพยายามเล่าเื่ราวอย่างเรียบง่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้