ผู้ติดเชื้อพุ่งเข้าโจมตีรถทั้งสองคันอย่างบ้าคลั่ง หลินเว่ย ะโออกจากรถ ชักดาบสั้นขึ้นมา เขารู้สึกถึงพลังชิวเสวียนในตัวพลุ่งพล่านตามความตื่นเต้น
"ระวัง!" เสวียนเหมย ะโ เธอลั่นไกยิงผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งที่ะโลงมาจากต้นไม้เหนือศีรษะหลินเว่ยพอดี
ผู้ติดเชื้อตัวนั้นล้มลงด้วยแผละุที่ท้อง แต่กลับลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว เสวียนเหมยมองอย่างใ "พวกมันแข็งแกร่งกว่าที่คิด!"
หลินเว่ยเห็นผู้ติดเชื้ออีกตัวพุ่งเข้าหาเสวียนเหมยจากด้านหลัง เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะะโเตือน จึงใช้สัญชาตญาณปล่อยพลังชิวเสวียนออกไป พลังม่วงเข้มพุ่งออกจากฝ่ามือเขา กระแทกผู้ติดเชื้อกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้
เสวียนเหมยหันมามองหลินเว่ยด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะผู้ติดเชื้อยังคงโถมเข้ามาไม่ขาดสาย
หลิวซิน ใช้ธนูยิงพวกมันจากบนหลังคารถ ในขณะที่ เมิ่งหลิง และ ลี่จง ช่วยกันปกป้อง หยางเหลียง ที่ยังคงาเ็
จ้าวหยาง และ หลิงเยว่ แสดงทักษะการต่อสู้ระดับสูงของวัดม่านเมฆ ต่อกรกับผู้ติดเชื้อหลายตัวพร้อมกัน แม้จะยังไม่หายดีจากการาเ็ แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขายังคงรวดเร็วและแม่นยำ
หลินเว่ยรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่เร่งเร็ว เขาจำได้ว่า หลิงเยว่ สอนท่าที่สองของวิชาัทะยานฟ้าไว้—ท่าัตื่นกาย เขาลองใช้มันอย่างมีสติ สูดลมหายใจลึกๆ และรู้สึกถึงพลังชิวเสวียนที่ไหลเวียนอย่างมีระเบียบมากขึ้น
ประสาทััของเขาแหลมคมขึ้นทันที เขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของผู้ติดเชื้อในป่าชัดเจน รับรู้ถึงกลิ่นผิดปกติและความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกมัน
ผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านซ้าย หลินเว่ยหลบได้อย่างง่ายดาย แทบจะเหมือนเขารู้ล่วงหน้าว่ามันจะโจมตีจากทิศไหน เขาตวัดดาบสั้นฟันที่แขนของมัน ทำให้มันถอยกรูดด้วยความเ็ป
"ด้านหลังเสวียนเหมย!" หลินเว่ยะโเตือน เมื่อรับรู้ได้ถึงผู้ติดเชื้ออีกตัวที่กำลังจะโผล่ออกมาจากพุ่มไม้
เสวียนเหมยหันไปเล็งปืนยิงได้ทันที "เ้ารับรู้พวกมันได้ไกลขนาดนั้นเลยหรือ?"
"ใช่" หลินเว่ยตอบสั้นๆ ขณะที่เขาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีจากอีกทิศทางหนึ่ง "มีอีกตัวกำลังมาทางเรา... ไม่ใช่... มันใหญ่กว่านั้น" เขารู้สึกถึงพลังชิวเสวียนขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ "ทุกคน ระวัง! มีบางอย่างกำลังมา!"
เสียงคำรามดังกึกก้องมาจากป่า ผู้ติดเชื้อตัวเล็กที่โจมตีอยู่พากันหยุดชะงัก มองไปทางต้นเสียงด้วยท่าทางหวาดกลัว ก่อนจะถอยร่นกลับเข้าไปในป่า
"มันถอยไปทำไม?" ลี่จงถาม พยายามมองหาสิ่งที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเหล่านี้ต้องถอย
ทันใดนั้น ต้นไม้ขนาดใหญ่ฝั่งตรงข้ามโค่นลงมาราวกับถูกอะไรบางอย่างผลัก และร่างขนาดมหึมาก้าวออกมาจากเงามืด
สิ่งมีชีวิตตรงหน้าพวกเขาสูงเกือบสามเมตร ร่างกายบิดเบี้ยวด้วยกล้ามเนื้อที่เติบโตผิดปกติ ิัเป็เกล็ดแข็งสีเขียวเข้มผสมสีม่วง ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความเป็มนุษย์อยู่บ้าง แต่ดวงตากลับเรืองแสงสีม่วงเข้ม
"นั่นคือ... มนุษย์หรือ?" หลิวซินถาม เสียงสั่น
"เคยเป็" เสวียนเหมยตอบ "แต่ตอนนี้มันกลายเป็ 'อัลฟ่า'—ผู้ติดเชื้อชิวเสวียนที่ร่างกายรับพลังได้มากกว่าปกติ พวกมันหายาก และอันตรายมาก"
สัตว์ประหลาดอัลฟ่ามองมาที่หลินเว่ย ดวงตาเรืองแสงจ้องมองอย่างจดจ่อ มันคำรามออกมาเสียงต่ำ ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อสำหรับร่างกายขนาดใหญ่เช่นนั้น
"หลบ!" หลินเว่ยะโ ะโหลบไปด้านข้าง
อัลฟ่าชนรถจี๊ปคันหนึ่งเต็มแรง ทำให้รถพลิกคว่ำกระแทกกับต้นไม้ข้างทาง
"เราต้องหนี!" เสวียนเหมยะโ "มันแข็งแกร่งเกินกว่าจะต่อสู้ด้วย!"
แต่หลินเว่ยรู้ดีว่าไม่มีทางหนีทัน อัลฟ่าตัวนี้เร็วเกินไป และพวกเขายังมี หยางเหลียงที่าเ็ด้วย
"ทุกคนรวมกลุ่มกัน!" หลินเว่ยสั่ง "ผมจะล่อมันไปทางอื่น!"
"ไม่!" หลิงเยว่คัดค้าน "อันตรายเกินไป!"
แต่หลินเว่ยไม่ฟัง เขาใช้ ท่าัตื่นกาย อย่างเต็มที่ รู้สึกถึงพลังชิวเสวียนที่พุ่งพล่านในร่างกาย เขาเรียกมันออกมา ปล่อยให้มันแผ่รัศมีออกไปรอบตัว ทำให้อัลฟ่าหันมาสนใจเขาทันที
"มาหาฉันสิ!" หลินเว่ยะโท้าทาย วิ่งเข้าไปในป่าฝั่งตรงข้าม
อัลฟ่าคำรามด้วยความโกรธ ก่อนจะทิ้งคนอื่นๆ ไว้และไล่ตามหลินเว่ยเข้าไปในป่า
หลินเว่ยวิ่งเข้าไปในป่าทึบ ใช้ประสาทััที่เฉียบคมจาก ท่าัตื่นกาย นำทาง เขาได้ยินเสียงอัลฟ่าที่ไล่ตามมาด้านหลัง เสียงกิ่งไม้หักและต้นไม้โค่นล้มดังสนั่น
เขารู้ว่าถ้าวิ่งตรงๆ จะไม่มีทางหนีพ้น อัลฟ่าเร็วกว่าและแข็งแกร่งกว่ามาก หลินเว่ยจึงพยายามเลี้ยวไปมา หลบผ่านต้นไม้หนาแน่น ใช้ขนาดร่างกายที่เล็กกว่าให้เป็ประโยชน์
เสียงคำรามของอัลฟ่าดังอยู่ไม่ไกล และเขารู้สึกถึงพลังชิวเสวียนที่แผ่ออกมาจากมัน รุนแรงและผิดปกติ เหมือนคลื่นพลังงานที่บิดเบี้ยว
"แปล...ก...แปล...ก!" เสียงฝีเท้าของอัลฟ่ากระทบพื้นดินหนักและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"คิดสิ... คิด!" หลินเว่ยบอกตัวเอง ขณะที่ส่ายหัวไปมาเพื่อมองหาหนทางหนี
ทันใดนั้น เขานึกถึงบทเรียนของ หลิงเยว่ วิชาัทะยานฟ้าไม่ได้มีไว้เพียงแค่รับรู้ แต่ยังใช้ควบคุมพลังชิวเสวียนได้ด้วย
หลินเว่ยหยุดกลางป่าทึบ หันกลับไปเผชิญหน้ากับอัลฟ่าที่กำลังพุ่งเข้ามา เขายืนนิ่ง สูดลมหายใจลึก และเริ่มฝึก ท่าัตื่นกาย อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้เพื่อรับรู้ แต่เพื่อควบคุมพลังที่แผ่ออกจากตัวเขา
อัลฟ่าชะลอความเร็วลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลินเว่ยยืนนิ่ง มันคำรามต่ำๆ ในลำคอ ดวงตาเรืองแสงจับจ้องเขาด้วยทั้งความโกรธและความสงสัย
"นั่นแหละ..." หลินเว่ยกระซิบ "มันรับรู้ถึงพลังชิวเสวียนในตัวฉัน และสับสน เพราะพลังนี้ไม่เหมือนกับที่มันเคยเจอ"
เขาค่อยๆ ปรับลมหายใจ จินตนาการถึงพลังชิวเสวียนในร่างกายเหมือนน้ำที่ไหลอย่างนิ่มนวล ไม่ขุ่นไม่แรง เมื่อเขาทำได้ พลังม่วงรอบตัวเขาเริ่มเปลี่ยนเป็สีม่วงอ่อน เรืองแสงอย่างนุ่มนวล
อัลฟ่าส่งเสียงคำรามสับสน ถอยหลังไปหนึ่งก้าว มันััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลัง
หลินเว่ยค่อยๆ ยกมือขึ้น ตามที่หลิงเยว่สอน จินตนาการว่าพลังชิวเสวียนกำลังไหลจากแกนกลางร่างกายไปยังปลายนิ้วมือ แล้วแผ่ออกไปเป็คลื่นนุ่มนวล
"ฉันไม่ใช่ศัตรูของเธอ..." เขาพูดเบาๆ ไม่แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าจะเข้าใจหรือไม่ แต่น้ำเสียงของเขาสงบและมั่นคง
อัลฟ่ายังคงส่งเสียงคำรามในลำคอ แต่ไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีอย่างที่ควรจะเป็ มันเอียงศีรษะเล็กน้อย เหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้น เสียงปืนดังขึ้นจากด้านหลังของหลินเว่ย "ปัง! ปัง!"
"โครม!" ะุสองนัดเจาะเข้าที่ไหล่ของอัลฟ่า มันคำรามด้วยความเ็ปและโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่หลินเว่ยทันที
"หลบ!" เสวียนเหมย ะโ เธอวิ่งมาพร้อมกับปืนในมือ
หลินเว่ยะโหลบไปด้านข้าง แต่อัลฟ่าเร็วเกินคาด แขนใหญ่กวาดโดนเขาเต็มๆ เหวี่ยงให้กระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้
"อึก!" ความเ็ปแล่นไปทั่วร่าง หลินเว่ยคิดว่ากระดูกซี่โครงน่าจะร้าวจากแรงกระแทก
เสวียนเหมยยิงต่อเนื่อง แต่ะุดูจะไม่ค่อยมีผลกับิัเกล็ดแข็งของอัลฟ่า มันหันไปทางเธอ กำลังจะพุ่งเข้าโจมตี
"เสวียนเหมย!" หลินเว่ยะโ พยายามดึงความสนใจของอัลฟ่ากลับมาที่เขา "นี่!"
เขาอาศัยความเ็ปกระตุ้นพลังชิวเสวียน ปล่อยให้มันพุ่งทะลักออกมาจากร่างกายอย่างรุนแรง พลังสีม่วงเข้มะเิออกมาเป็คลื่นกระแทก
อัลฟ่าััได้ถึงพลังชิวเสวียนที่ปะทุออกมาและหันกลับมาทันที คำราาาม!!! มันพุ่งเข้าใส่หลินเว่ยอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ หลินเว่ยเตรียมพร้อม เขาใช้ ท่าัตื่นกาย เพื่อรับรู้จังหวะการเคลื่อนไหว หลบการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด ะโไปอีกทาง และวิ่งลึกเข้าไปในป่า
"ทางนี้!" เสียงของ หลิวซิน ดังขึ้น เธอยืนอยู่กับ จ้าวหยาง ด้านหน้า
"ล่อมันไปที่หน้าผา!" จ้าวหยางะโบอก "มีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง!"
หลินเว่ยเข้าใจแผนทันที เขาวิ่งไปตามทิศทางที่พวกเขาชี้ ได้ยินเสียงอัลฟ่าไล่ตามมาด้านหลัง ต้นไม้ล้มครืนเมื่อมันวิ่งชนผ่าน
ไม่นาน เขาก็เห็นหน้าผาสูงอยู่เบื้องหน้า ด้านล่างเป็แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก หลินเว่ยหยุดที่ขอบหน้าผา หันกลับไปเผชิญหน้ากับอัลฟ่าอีกครั้ง
"มาเลย..." เขากระซิบ
อัลฟ่าพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเต็มที่ เขารอจนมันเกือบถึงตัว แล้วะโหลบไปด้านข้างในวินาทีสุดท้าย
ด้วยความเร็วและแรงเฉื่อย อัลฟ่าไม่สามารถหยุดตัวเองได้ทัน มันะโข้ามขอบหน้าผาไปพร้อมกับเสียงคำรามสุดท้าย ก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำเบื้องล่าง
"ตูม!" เสียงร่างใหญ่กระทบผิวน้ำดังสนั่น
หลินเว่ยทรุดตัวลงนั่งที่พื้น หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า จ้าวหยาง หลิวซิน และเสวียนเหมยเข้ามาหาเขา
"เ้าทำได้แล้ว!" จ้าวหยางพูดด้วยความโล่งใจ "แต่อย่าประมาทนัก พวกมันว่ายน้ำเก่ง และเมื่อโกรธ พวกมันจะไล่ตามศัตรูไม่เลิก เราต้องรีบออกจากที่นี่"
"คนอื่นเป็อย่างไรบ้าง?" หลินเว่ยถามขณะที่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ความเจ็บแปลบที่ซี่โครงทำให้เขาสูดปากเบาๆ
"ทุกคนปลอดภัย แต่รถหนึ่งคันพังไปแล้ว" หลิวซินตอบ "พวกเขารอเราอยู่ที่ถนน"
"งั้นเรารีบกลับไปกันเถอะ" หลินเว่ยพูด
ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินกลับ เสวียนเหมยดึงแขนหลินเว่ยไว้ "รอก่อน"
"มีอะไร?" หลินเว่ยถาม
"สิ่งที่เ้าทำเมื่อกี้..." เสวียนเหมยมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ "ฉันเห็นเ้าพยายามสื่อสารกับมัน และมันตอบสนอง จนกระทั่งฉันยิงมัน เ้าควบคุมพลังชิวเสวียนได้ขนาดนั้นแล้วหรือ?"
หลินเว่ยส่ายหน้า "ผมแค่ลองใช้สิ่งที่เพิ่งเรียนรู้มาจากวิชาัทะยานฟ้า" เขาตอบตามตรง "ผมยังควบคุมมันได้ไม่สมบูรณ์ แค่เริ่มเข้าใจวิธีใช้มันบ้างเท่านั้น"
"น่าสนใจ..." เสวียนเหมยพึมพำ "ที่วัดเมฆาอรุณ มีตำรามากมายเกี่ยวกับพลังชิวเสวียน ฉันคิดว่าเ้าจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นที่นั่น"
พวกเขากลับไปที่ถนน พบว่าทุกคนรอพวกเขาอยู่พร้อมกับรถจี๊ปคันที่เหลือ
"หลินเว่ย!" หลิงเยว่ วิ่งเข้ามาหา สีหน้าเป็ห่วง "พวกเรากังวลมาก!"
"ฉันไม่เป็ไร" หลินเว่ยตอบ แม้จะรู้สึกเจ็บที่ซี่โครง "แต่เราต้องรีบออกจากที่นี่"
"ใช่" เสวียนเหมยเห็นด้วย "รถจี๊ปคันนี้จะบรรทุกพวกเรา และสิ่งของที่จำเป็ไปวัดเมฆาอรุณ แต่จะแออัดหน่อย"
ทุกคนจัดเตรียมสัมภาระและขึ้นรถอย่างรวดเร็ว แม้จะแออัด แต่ไม่มีใครบ่น ทุกคนตระหนักดีว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปเป็อันตราย
"เรายังอีกไกลไหมกว่าจะถึงวัดเมฆาอรุณ?" เมิ่งหลิง ถามขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัว
"ถ้าไม่มีอะไรขัดขวางอีก เราควรจะถึงที่นั่นในอีกหนึ่งวัน" เสวียนเหมยตอบ "แต่เราต้องเดินทางข้ามดินแดนอันตรายอีกหลายแห่ง"
"ถึงจะไม่มีอัลฟ่า แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อธรรมดาอีกมาก" จ้าวหยางเสริม "และที่น่ากังวลกว่านั้นคือกองกำลังขององค์กรเทียนซื่อ"
รถจี๊ปแล่นไปบนเส้นทางขรุขระ มุ่งหน้าสูู่เาสามยอด ระหว่างทาง เสวียนเหมยเล่าให้ทุกคนฟังถึงวัดเมฆาอรุณ
"วัดเมฆาอรุณเก่าแก่กว่าวัดม่านเมฆมาก" เธอเล่า "ตั้งอยู่บนยอดเขากลางของูเาสามยอด มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการศึกษาพลังชิวเสวียน แต่แตกต่างจากวัดม่านเมฆตรงที่เราเน้นศึกษาธรรมชาติของมัน มากกว่าการใช้มันเพื่อการต่อสู้"
"แล้วทำไมเธอถึงรู้วิธีใช้อาวุธและต่อสู้ได้ดีขนาดนั้น?" หลินเว่ยถาม
เสวียนเหมยยิ้มบางๆ "เพราะสถานการณ์บังคับ ในยุคสมัยของความวุ่นวายนี้ การศึกษาอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราต้องปกป้องตัวเองด้วย"
รถจี๊ปแล่นไปท่ามกลางป่าทึบและเทือกเขาอันสูงใหญ่ ทุกคนเงียบลงด้วยความเหนื่อยล้า หลินเว่ยมองออกไปนอกหน้าต่าง สงสัยว่าที่วัดเมฆาอรุณจะมีคำตอบให้เขาหรือไม่ เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขา และวิธีหยุดองค์กรเทียนซื่อ
"เราจะหยุดพักที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งระหว่างทาง" เสวียนเหมยบอก "ทุกคน้าพักผ่อนและรักษาาแ โดยเฉพาะเ้า หลินเว่ย"
หลินเว่ยพยักหน้า รู้สึกเจ็บที่ซี่โครงทุกครั้งที่หายใจเข้าลึกๆ แต่เขาไม่ได้บ่น
ขณะที่รถแล่นไปบนเส้นทางอันตราย หลินเว่ยหลับตาลง พยายามฝึก ท่าัตื่นกาย อีกครั้ง เขารู้ว่าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังนี้ให้ได้มากกว่าที่เป็อยู่ หาก้าเอาชนะศัตรูที่รออยู่ข้างหน้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้