บทที่ 10 : ค่าผ่านทางของมาเฟียเ้าถิ่น
สถานีรถไฟลำพูนยามพลบค่ำคึกคักไปด้วยผู้คนและกรรมกรแบกหาม
"เรียบร้อยครับนายสถานี! ล็อตสุดท้ายขึ้นตู้เรียบร้อย!"
เสียงะโแจ้งงานของสิงห์ดังฟังชัด เขาปาดเหงื่อที่ไหลเข้าตา ยกนิ้วโป้งให้พ่อคมสันที่ยืนคุมงานอยู่บนชานชาลา
เสียงนกหวีดรถไฟดังยาว ปู๊นนนนน...
ขบวนรถไฟค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากชานชาลา มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร นำพาสินค้าล็อตแรกของโรงงานรุ่งเรืองพานิชไปสู่ตลาด
"เฮ้อ... รอดตายไปที" พ่อคมสันถอนหายใจยาว ทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้ยาว "ถ้าไม่ได้รถพ่อหนุ่มสิงห์ช่วยไว้ วันนี้พ่อคงหัวใจวายตายคาโรงงานแน่ๆ"
"ไม่เป็ไรครับเฮีย งานจ้างก็คืองานจ้าง ผมเต็มที่อยู่แล้ว" สิงห์ตอบอย่างถ่อมตน หยิบผ้าขาวม้าขึ้นมาเช็ดหน้า
พ่อคมสันล้วงกระเป๋าหยิบซองเงินปึกหนึ่งออกมา ยื่นให้สิงห์
"นี่ค่าจ้าง... พ่อแถมพิเศษให้เป็ค่าน้ำมันกับค่าขนม พ่อนับดูแล้ว เกินที่ตกลงกันไว้นิดหน่อย รับไปเถอะ"
สิงห์ยกมือไหว้รับซองเงินมา มือของเขาสั่นเล็กน้อย... นี่เป็เงินก้อนแรกที่เขาหาได้จากการ 'ขนส่ง' ไม่ใช่การซ่อมรถ
"ขอบคุณครับเฮีย! ขอบคุณจริงๆ!"
"เอ้อ... เดี๋ยวขากลับ รินกลับกับพี่เขานะลูก พ่อจะแวะไปคุยธุระกับลุงหมายในตลาดแป๊บนึง" พ่อหันมาบอกลูกสาว
รินรดาพยักหน้าหงึกหงักในทันที (เข้าทางโจร!) "ได้จ้ะพ่อ ไม่ต้องห่วง หนูจะคุมพี่สิงห์ขับรถดีๆ ไม่ให้ซิ่งแน่นอน"
...
บนถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า)
บรรยากาศยามค่ำคืนบนถนนสายต้นยางนาอันเลื่องชื่อ สองข้างทางมืดสลัว มีเพียงแสงไฟหน้ารถบรรทุกสาดส่องไปข้างหน้า ลมเย็นๆ พัดผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้
สิงห์ขับรถด้วยท่าทางผ่อนคลายขึ้น ฮัมเพลงในลำคอเบาๆ
"ได้เงินมาแล้ว จะเอาไปทำอะไรเหรอพี่?" รินรดาชวนคุย ทำลายความเงียบ
"ก็... คงเอาไปคืนทุนค่าอะไหล่ที่ซ่อมรถคันนี้แหละ" สิงห์ตบพวงมาลัยเบาๆ "แล้วก็เก็บไว้เป็ทุนค่าน้ำมันรอบหน้า... ถ้าพ่อเรายังจ้างต่อนะ"
"จ้างต่อแน่นอน" รินรดายืนยัน "หนูดูบัญชีแล้ว จ้างพี่คุ้มกว่าจ้างรถบริษัทใหญ่ตั้งเยอะ แถมพี่ช่วยยกของด้วย พ่อหนูปลื้มจะตาย"
สิงห์หันมายิ้มมุมปาก "ขอบใจนะ... ที่เชื่อใจพี่ ทั้งเื่ที่ดิน แล้วก็เื่รถนี่ด้วย"
"บอกแล้วไง ว่าหนูตาถึง" รินรดายิ้มตอบ
บรรยากาศกำลังดี จู่ๆ สิงห์ก็ขมวดคิ้ว สายตามองกระจกมองข้าง
"มีรถตามมา..."
"หือ?" รินรดาหันไปมอง เห็นแสงไฟหน้ารถกระบะสองคันขับจี้ท้ายมาติดๆ ทั้งที่ถนนก็ว่าง แต่ไม่ยอมแซง
ทันใดนั้น รถกระบะคันหนึ่งก็เร่งเครื่องปาดหน้า แล้วเบรกกะทันหัน!
เอี๊ยดดดดด!
สิงห์เหยียบเบรกจนตัวโก่ง รถบรรทุกหยุดกึก ห่างจากท้ายรถกระบะคันหน้าแค่คืบ
"เฮ้ย! ขับรถประสาอะไรวะ!" สิงห์ะโด่า
รถกระบะอีกคันขับมาประกบปิดท้าย ปิดทางหนีทีไล่
ชายฉกรรจ์ 4-5 คน ะโลงมาจากรถ ในมือถือแป๊บเหล็กและไม้หน้าสาม หน้าตาบอกยี่ห้อชัดเจนว่าเป็ 'นักเลง' หรือที่คนสมัยนั้นเรียกว่า 'จิ๊กโก๋'
"ซวยแล้ว..." สิงห์พึมพำ เขาหันมาสั่งรินรดาเสียงเข้ม "ล็อกประตู! ห้ามลงมาเด็ดขาด เข้าใจไหม!"
"พี่สิงห์!"
สิงห์ไม่รอฟัง เขาเปิดประตูรถ ะโลงไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเ่าั้ทันที
"มีธุระอะไร? ทำไมขับรถปาดหน้าแบบนี้?"
ชายร่างท้วมหัวโล้นที่ดูเหมือนหัวหน้าเดินอาดๆ เข้ามา เอาไม้หน้าสามเคาะมือตัวเองเล่น
"ไอ้น้อง... หน้าใหม่เหรอวะ? มาวิ่งรถแถวนี้ไม่รู้จักธรรมเนียมหรือไง?"
"ธรรมเนียมอะไร?" สิงห์ถามเสียงแข็ง
"ถนนเส้นนี้เป็เขตดูแลของ 'เสี่ยเม้ง' บริษัทขนส่งลำพูน" ไอ้หัวโล้นถ่มน้ำลายลงพื้น "ใครจะเอารถบรรทุกมาวิ่งรับงานแถวนี้ ต้องจ่ายค่าบำรุงเส้นทาง... หรือไม่ก็ต้องเป็รถในสังกัดเสี่ยเท่านั้น"
"ผมรับงานโรงงานรุ่งเรืองพานิช ไม่เกี่ยวกับใคร" สิงห์ยืนกราน "ถอยไป ผมจะกลับบ้าน"
"ปากดีนี่หว่า..." หัวหน้าแก๊งแสยะยิ้ม "งั้นขอค่าผ่านทางหน่อยเป็ไง... เอาไอ้ซองที่เพิ่งรับมาจากเาแก่โรงงานนั่นแหละ ส่งมา!"
ที่แท้พวกมันก็ดักดูต้นทางอยู่ที่สถานีรถไฟ!
"ฝันไปเถอะ!" สิงห์ตั้งการ์ดมวย เตรียมพร้อม
บนรถ... รินรดานั่งไม่ติด เธอพยายามมองหาทางช่วย
[เปิดใช้งานสกิล: วิเคราะห์สถานการณ์ (Tactical Analysis) Lv.1]
[ศัตรู: 5 คน | อาวุธ: ของแข็งไม่มีคม]
[ระดับความอันตราย: สูง]
สายตาของเธอสแกนไปที่กลุ่มคนร้าย ระบบ ESS ทำงานรวดเร็ว
[ตรวจพบจุดอ่อน: ชายคนขวาสุด... ขาเป๋จากการาเ็เก่า]
[สภาพแวดล้อม: รถกระบะคันหน้า... เบรกมือดึงไม่สุด]
รินรดาตาเป็ประกาย 'เบรกมือดึงไม่สุด?'
ข้างล่าง เสียงปะทะกันเริ่มขึ้นแล้ว
ผัวะ!
สิงห์หลบไม้หน้าสามที่ฟาดลงมาได้อย่างหวุดหวิด แล้วสวนหมัดเข้าที่ปลายคางลูกสมุนคนหนึ่งจนร่วงลงไปกอง
แต่พวกมันมีเยอะกว่า อีกคนอ้อมไปด้านหลังฟาดไม้เข้าที่กลางหลังสิงห์
ปึก!
"อั่ก!" สิงห์เซถลา แต่ยังกัดฟันหันกลับไปเตะก้านคอจนอีกฝ่ายกระเด็น
ถึงเขาจะเก่งเื่มวยวัด แต่ 1 รุม 5 มันตึงมือเกินไป
รินรดาตัดสินใจ เธอปีนข้ามจากเบาะคนนั่งมาที่ฝั่งคนขับ
เธอเข้าเกียร์ 1 ของรถบรรทุก แล้วเหยียบคลัตช์ค้างไว้...
"พี่สิงห์! หลบซ้าย!!!" เธอะโสุดเสียงผ่านกระจก
สิงห์ได้ยินเสียงรินรดา สัญชาตญาณสั่งให้เขาะโหลบไปทางซ้ายทันทีโดยไม่ต้องคิด
รินรดาปล่อยคลัตช์กระทันหัน!
บรึ้ม!
รถบรรทุกหกล้อกระตุกพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ชนเข้ากับท้ายรถกระบะคันที่ขวางอยู่
โครมมมม!
ด้วยแรงกระแทก บวกกับเบรกมือที่ดึงไม่สุด รถกระบะของคนร้ายจึงไถลพรืดออกไปข้างทาง ตกลงไปในคูน้ำข้างถนนเสียงดัง ตูม!
พวกนักเลงยืนอึ้ง แตกตื่นกันจ้าละหวั่น
"เฮ้ย! รถกู!"
จังหวะนี้แหละ!
"พี่สิงห์! ขึ้นรถ!" รินรดาะโพร้อมปลดล็อกประตูฝั่งซ้าย
สิงห์ไม่รอช้า วิ่งฝ่าวงล้อมที่กำลังเสียขวัญ ะโขึ้นรถบรรทุกฝั่งข้างคนขับ
"ออกรถเลย! ไป!"
รินรดา (ซึ่งขายังไม่ค่อยถึงคันเร่งดีนัก) เหยียบคันเร่งจมมิด รถบรรทุกคำรามลั่น วิ่งฝ่ากลุ่มนักเลงที่ะโหนีตายกันอลหม่าน ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควันและรถกระบะที่จมน้ำครึ่งคัน
...
รถบรรทุกวิ่งออกมาไกลจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา
รินรดาค่อยๆ ชะลอรถจอดข้างทาง มือไม้สั่นไปหมด เธอหันไปมองสิงห์ด้วยความเป็ห่วง
"พี่สิงห์... เจ็บไหม?"
สิงห์นั่งหอบหายใจ เสื้อเชิ้ตด้านหลังขาดวิ่นมีรอยเืซึมออกมาจากการถูกตี
"เจ็บดิถามได้..." เขาพยายามยิ้ม "แต่สะใจชะมัด... เมื่อกี้เธอทำบ้าอะไรเนี่ย? ตัวแค่นี้ขับรถหกล้อชนรถชาวบ้านเฉยเลย"
"ก็หนูเห็น... เห็นรถมันจอดไม่สนิท" รินรดาเสียงสั่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้า "หนู... หนูใ กลัวพี่เป็อะไรไป"
สิงห์มองเด็กสาวที่หน้าซีดเผือดแต่น้ำตาคลอ เขาเอื้อมมือหนาๆ ที่มีรอยถลอกไปลูบหัวเธอเบาๆ อย่างลืมตัว
"ไม่ต้องร้อง... พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก พี่เป็ 'สิงห์' นะเว้ย แค่หมาหมู่ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก"
"แต่เืออก..." รินรดาชี้ที่แผล
"ไกลหัวใจน่า" สิงห์หัวเราะเบาๆ "แต่เมื่อกี้... ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้เธอช่วย พี่คงเละคาตีนพวกมันไปแล้ว"
เขามองรินรดาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปอีกขั้น
ไม่ใช่แค่เด็กฉลาด... ไม่ใช่แค่เด็กน่ารัก
แต่เป็ 'คู่หู' ที่พร้อมจะลุยไฟไปกับเขาจริงๆ
"มา... เดี๋ยวพี่ขับต่อเอง ขานู๋สั้นเหยียบคลัตช์ไม่ถนัดหรอก" สิงห์แซวเพื่อลดบรรยากาศตึงเครียด
"ใครขาสั้น! หนูสูงมาตรฐานหญิงไทยปี 38 ย่ะ!" รินรดาแหวใส่ ทั้งที่ตายังแดงๆ
คืนนั้น... แม้จะมีรอยแผลและรอยฟกช้ำ
แต่หัวใจของคนสองคนกลับผูกพันกันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายที่พิสูจน์แล้วว่า...
ในเส้นทางธุรกิจที่โหดร้าย พวกเขาจะไม่ทิ้งกัน
