ซูฉางอันครุ่นคิดอย่างตั้งใจ เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรว่าหลงเซี่ยงจวินหมายความถึงสิ่งใดกันแน่
เขาไม่ชอบบทสนทนาที่แฝงไปด้วยความนัยที่สลับซับซ้อนเช่นนี้เลยแต่ดูเหมือนคนอื่นๆ นอกจากเขาจะชอบมันมาก
“แต่อย่างไรเสียต้องขอบคุณท่านมากพี่หรูเยี่ยนเป็คนดีจริงๆ” เขกล่าวกับหลงเซี่ยงจวินเช่นนั้น
หลงเซี่ยงจวินปรายตามองเขาเพียงครู่หนึ่งมันควรจะเป็สายตาที่ทรงเสน่ห์เป็อย่างมาก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดเมื่อเ้าของสายตาเป็ผู้ชายเช่นนี้ซูฉางอันกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเอาเสียเลย เขารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะด้วยร่างกายเปลือยเปล่าอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าเคยบอกไปแล้วไงว่าตัวข้าเป็พ่อค้าจึงทำแต่เื่ที่ไม่ขาดทุนเท่านั้น อืม...อย่างน้อยข้าก็มองว่ามันไม่ขาดทุน” หลงเซี่ยงจวินกางพัดในมือออก แล้วโบกพัดเบาๆ
ซูฉางอันคิดว่านี่เป็นิสัยที่ประหลาดเหลือทนหน้าหนาวแบบนี้ยังต้องพัดอีกรึ
เขาไม่เข้าใจสักเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อยากถามให้มากความเพราะอย่างไรเสียเขาก็เจอเื่ที่ตนไม่เข้าใจมานักต่อนักแล้ว
เราจะให้ทุกคนในโลกมาเข้าใจในความเป็เราย่อมไม่ได้และเราก็ไม่มีทางเข้าใจทุกคนได้เช่นกัน นี่เป็สิ่งที่ซูฉางอันคิดขึ้นได้และเขาก็เห็นว่ามันเป็หลักการที่ไม่เลว จึงใช้มันเป็คติเตือนใจมาโดยตลอด
เขาถามอีกคำถามออกมาแทน
“เ้า้าเงินมากเลยรึ? ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลงรวยมาก รวยจนใช้เงินเท่าไรก็ไม่หมดเสียทีแต่ทำไมเ้ายังคิดแต่จะหาเงินเพิ่มอีกละ?”
“คุณชายซู ท่านช่างน่าสนใจเสียจริง”หลงเซี่ยงจวินเลิกคิ้วขึ้น
“ท่านลองดูลูกค้าในหอแห่งนี้สิ” เขาพูดขึ้น“พวกเขาล้วนเป็ชนชั้นสูง หรือไม่ก็ขุนนางผู้ทรงอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น ผู้ใดบ้างไม่มีภรรยาและอนุหลายๆคน? แต่เหตุใดพวกเขาถึงยังมาเยือนหอหมู่ตันแห่งนี้ทุกเมื่อเชื่อวันอีก?”
เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้เขาก็ชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็ปรายตามองซูฉางอันครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอีกครั้ง “เพราะของๆคนอื่นมักจะดีกว่าเสมอไงละ”
ซูฉางอันส่ายหน้า “ไม่จริงคนกับเงินไม่เหมือนกันเสียหน่อย”
“ไม่เหมือนกันตรงไหน?” หลงเซี่ยงจวินราวว่ารู้สึกสนใจขึ้นมาเขาเก็บพัดในมือลงอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปถามซูฉางอัน
ซูฉางอันชะงักไปเล็กน้อย แล้วจู่ๆ เขาก็ปรากฏสีแดงขึ้นบนใบหน้าราวกำลังรวบรวมความกล้าครั้งใหญ่อย่างไรอย่างนั้น เขามองสบตากับหลงเซี่ยงจวิน แล้วกล่าวขึ้น“อย่างเช่นศิษย์พี่ เซี่ยนจวิน แล้วก็หรูเยว่ แม้พวกนางจะมีรูปโฉมงดงามกันทุกคนแต่ความงามของพวกนางล้วนมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ทว่าเงินกลับไม่เป็เช่นนั้นเงินหนึ่งตำลึงของท่านกับหนึ่งตำลึงของข้ามีลักษณะเหมือนกันทุกประการความจำกัดในการซื้อของก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อยหากจะต่าง ก็คงจะต่างกันที่จำนวนเท่านั้น แต่ตอนนี้ท่านก็มีเงินเยอะมากแล้วนี่”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลงเซี่ยงจวินก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เป็เวลานานกว่าเขาจะปรบมือแล้วพูดเป็แกมหยอกล้อ“คุณชายซูเปรียบเทียบได้น่าสนใจจริงๆ”
ทว่าซูฉางอันหาได้รู้สึกดีใจเพราะคำชมของเขาแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกเสียใจที่ตนพูดเช่นนั้นออกไปต่างหาก
“แล้วคุณชายซูคิดว่ากู่โหวเย องค์หญิงเซี่ยโหวกับแม่นางหรูเยว่ ใครดีที่สุดเล่า?”หลงเซี่ยงจวินพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่อ่อนระทวยคล้ายเป็เสียงจากสตรีอันเป็เอกลักษณ์ของเขาซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยความกลั่นแกล้ง
“ข้า...” ซูฉางอันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเขาหน้าแดงราวกับผลแอปเปิ้ล อึกอักอยู่นาน กว่าจะพูดออกมาได้สำเร็จ “ข้าชอบโม่โม่”
“โม่โม่?” หลงเซี่ยงจวินชะงักไปเล็กน้อยเขากลอกตาเป็เชิงครุ่นคิด จากนั้นก็ใช้พัดตบลงที่กลางฝ่ามือเบาๆพลางพูดด้วยท่าทางกระจ่างแจ้งในที่สุด “สาวน้อยในวันนั้นน่ะรึ? อืม... ไม่เลวเลย แม้รูปโฉมงดงามไม่เท่าองค์หญิงกับคนอื่นๆแต่นางก็มีดีกว่าที่ความใสสะอาด”
“ใสสะอาด?” ซูฉางอันไม่ค่อยเข้าใจนัก ศิษย์พี่กับคนอื่นๆก็สะอาดดีนี่ พวกนางอาบน้ำบ่อยออก...
“เอาเถิด ถือว่าเ้าชนะไปก็แล้วกัน”เห็นได้ชัดว่าหลงเซี่ยงจวินไม่คิดจะอธิบายคำพูดของตัวเองเลยสักนิด เขาพูดต่อไป “แล้วคุณชายซูคิดว่าแผ่นดินต้าเว่ยกว้างใหญ่หรือไม่?”
ซูฉางอันครุ่นคิดอย่างตั้งใจเพราะคำถามนี้ตลอด่ชีวิตสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขาเคยไปเพียงไม่กี่ที่ ได้แก่เมืองฉางเหมินเมืองเป่ยหลาน และเมืองฉางอันเพียงเท่านั้น แต่นอกจากเมืองเหล่านี้ ทางตะวันตกของต้าเว่ยยังมีมณฑลเหลียงโจและทะเลทรายอันแสนกว้างใหญ่อยู่ ทางตะวันออกมีมณฑลโยวโจ และหากเดินทางไปทางใต้ย่อมพบกับแม่น้ำหลีเจียงเมื่อข้ามแม่น้ำหลีเจียงไป ทิศตะวันออกของที่นั่นเป็มณฑลหวั่นโจ และทิศตะวันตกเป็สู่ตี้และที่กลางดินแดนสู่ตี้ก็มีเขาสู่ซานตั้งอยู่ สถานที่มากมายเช่นนั้นต่อให้จะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อท่องเที่ยวเขาก็คงจะไปเยี่ยมชมสถานที่เ่าั้ได้ไม่หมดอยู่ดี
ดังนั้น เขาจึงตอบออกไป “กว้างใหญ่มาก”
“นั่นน่ะสิ แผ่นดินต้าเว่ยกว้างใหญ่มาก กว้างใหญ่จนแม้แต่องค์จักรพรรดิที่เป็ยอดอัจฉริยะผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถก็ยังละเลยสถานที่บางแห่งไปแต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเอาแต่ทำาไปทั่วเพื่อกอบโกยแผ่นดินเข้ามาเพิ่มไม่ใช่รึ?” หลงเซี่ยงจวินบอก
ซูฉางอันนิ่งเงียบไป
ต้องยอมรับเลยว่าหลงเซี่ยงจวินพูดมีเหตุผลจริงๆ
เขามีเงินมากขนาดที่จะใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมดแต่เขาก็ยังอยากหาเงินเพิ่มเรื่อยๆแม้เงินเ่าั้จะต้องแลกด้วยทั้งชีวิตของผู้หญิงเช่นหรูเยี่ยนอีกจำนวนนับไม่ถ้วนก็เถอะ
องค์จักรพรรดิก็เช่นกันเขามีแผ่นดินที่กว้างใหญ่มากจนบริหารไม่หมดแต่พระองค์ก็ยังคิดแต่จะขยายอาณาเขตออกไปแม้แผ่นดินเ่าั้จะต้องแลกมาด้วยเืเนื้อของทหารมากมายก็ตาม
นี่เป็สิ่งที่น่าสยดสยองเหลือทน
ผู้คนมากมายต้องสละชีวิตเพื่อสนองความโลภและความ้าของคนเพียงหยิบมือเท่านั้น
ทันใดนั้น เขาก็คิดถึงสิ่งที่วู๋ถงเคยบอก ตอนอยู่ที่เขาโยวหยุนขึ้นมาอีกครั้ง...เมื่อมีความโลภ แม้แต่เทพก็ยังเปลี่ยนเป็คนเลวได้
แม้แต่เทพยังเป็เช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดา
ซูฉางอันรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างประหลาดเขาไม่คิดจะซักไซ้ต่อไปอีก เพราะเื่มากมายก็หาคำตอบไม่ได้จริงๆ หากต้องยัดเยียดคำตอบให้เื่เ่าั้...ย่อมเป็ความโลภไม่ผิดแน่
หลังกลับมาจากหอหมู่ตัน ซูฉางอันก็เอาแต่นิ่งเงียบและเก็บตัวมาโดยตลอด
แม้แต่ระหว่างฝึกซ้อมดาบ เขาเผลอเหม่อลอยไปหลายคราทำให้ถูกกู่เซี่ยนจวินเล่นงานจนดาบกระเด็นออกไปจากมืออยู่บ่อยครั้ง
ไม่บ่อยนักที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น กู่เซี่ยนจวินรู้สึกประหลาดใจในเื่นี้เช่นกันนางเคยถามเื่นี้กับซูฉางอัน แต่เขาไม่ได้ตอบกลับมา ใช่ว่าเพราะซูฉางอันไม่อยากบอกหรอกทว่าแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเื่นี้มีสาเหตุมาจากอะไร
หลังสิ้นสุดการฝึกใน่บ่าย กู่เซี่ยนจวินรีบปลีกตัวออกไปบอกว่าต้องไปเตรียมของขวัญสำหรับงานฉลองพระชนมพรรษาขององค์จักรพรรดิ... แน่นอน นางเองก็ได้รับเชิญให้เข้าไปร่วมงานฉลองในครั้งนี้ในฐานะของตัวแทนจากตระกูลกู่เช่นกัน
ซูฉางอันวางดาบในมือลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทรุดตัวลงนั่งณ ริมชายคาของอาคารที่ปลูกอยู่ข้างลานฝึก
เขามองดูต้นไม้ไร้ใบตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เมื่อไม่นานมานี้เขาชอบทำเช่นนี้อยู่เสมอ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็เพราะเหตุใด เขาเพียงรู้สึกว่าตอนนี้ทั้งฉู่ซีฟงก็ไม่อยู่ในสำนักแล้วศิษย์พี่ก็ด้วย มันทำให้เขารู้สึกราวสำนักเทียนหลานขาดบางสิ่งบางอย่างไป ดูเหมือนนั่นจะไม่สวยงามเหมือนชีวิตของจอมยุทธ์ที่เขาเคยวาดฝันเอาไว้สักเท่าไรทันใดนั้น เขาก็คิดถึงเมืองฉางเหมิน คิดถึงท่านพ่อขึ้นมา
“ตอนนี้ ที่เมืองฉางเหมินน่าจะมีหิมะตกแล้วสินะ” เขาพึมพำ
“จิตใจของเ้าไม่สงบเอาเสียเลย”เสียงเย็นเยียบดังมาจากทางด้านหลัง
ซูฉางอันหันกลับไปมองตามเสียงจึงได้พบกับร่างของชิงหลุนที่ยืนตระหง่านอยู่เื้ัั้แ่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
เขารีบลุกยืน จากนั้นก็ปัดฝุ่นที่ติดอยู่ที่ก้นแล้วมองไปยังชิงหลุนพลางกล่าวขึ้น “อาจารย์อา ท่านยังไม่ไปรึ?”
ชิงหลุนส่ายหน้า “หากยังเป็เช่นนี้ต่อไปเ้าต้องฝึกดาบไม่ได้แน่”
ซูฉางอันเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก “ข้ารู้แต่วันนี้ข้ารู้สึกหงุดหงิดใจเหลือเกิน”
“เพราะเหตุใด?”
“มีเื่นิดหน่อยน่ะขอรับ”
“เื่ของเ้ารึ?”
“ไม่ใช่ขอรับ”
“ในเมื่อเื่นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเ้า ไยต้องไปคิดถึงมันด้วยเล่า”
ซูฉางอันนิ่งไปเขารู้สึกว่าคำพูดของชิงหลุนไม่ถูกต้องเอาเสียเลย
เขาพูดค้าน “แต่คนเราจะคิดถึงแต่ตัวเองได้อย่างไรละ”
“ทำไมจะไม่ได้?”
“ก็เหมือนกับ หากเกิดเื่ขึ้นกับเพื่อนของท่าน...”ยังไม่ทันที่ซูฉางอันจะได้พูดจนจบประโยคน้ำเสียงเย็นะเืของชิงหลุนก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน
“ข้าไม่มีเพื่อน”
...
“เช่นนั้น หากเกิดเื่กับบุพการีของท่านละ”
ชิงหลุนนึกถึงบิดาที่ส่งนางไปที่หอดารา จากนั้นจึงพูดขึ้น“พวกท่านเสียไปตั้งนานแล้ว”
...
“เช่นนั้นอาจารย์ละ หากเป็กับอาจารย์ของท่านหากเกิดเื่กับอาจารย์ไคหยางเล่า?”
ชิงหลุนชะงักไป คนที่นางคิดถึงเป็อาจารย์ที่นางเคารพนับถืออันหมายถึงประมุขแห่งหอดาราต่างหากแม้เขาจะเ็าทั้งยังทำราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ท่านประมุขก็เป็คนเลี้ยงนางมาจนเติบใหญ่ทั้งยังสอนวิชาระดับสูงเช่นวิชาปลงรักกับนางอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา นางไม่มีวันนิ่งดูดายแน่นอน
หากว่ากันตามสมควรแล้ว นางกับท่านอาจารย์น่าจะมีบ่วงแห่งเหตุและผลต่อกันจึงจะถูก
แต่ท่านอาจารย์มีพลังอยู่ในระดับไท่ซ่างซึ่งเป็ระดับพลังของตัวตนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกตัดขาดจากความธรรมดา ไร้ซึ่งบ่วงแห่งเหตุและผลที่คอยพันธนาการอีกต่อไปดังนั้นบ่วงแห่งเหตุและผลของนางและเขาจึงไม่อาจสมบูรณ์ได้ ดังนั้นแม้จะมีบ่วงต่อกันจริง แต่นั่นจะไม่สร้างความเสียหาย หรือส่งผลใดๆต่อการฝึกวิชาปลงรักอย่างแน่นอน
ทว่านั่นก็ทำให้ชิงหลุนตระหนักได้ว่าบ่วงแห่งเหตุและผลน่าหวาดหวั่นมากถึงเพียงใดเพราะต่อให้ตนกับท่านอาจารย์จะไม่ถือว่ามีบ่วงแห่งเหตุและผลต่อกันเสียทีเดียวแต่เื่ของท่านอาจารย์ กลับทำให้หัวใจที่ผ่านการฝึกฝนมามากกว่าร้อยปีของตนเกิดความรู้สึกไหวสั่นขึ้นได้อยู่ดีขืนยังอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยตัณหาเช่นนี้ต่อไปหากเผลอไปสร้างบ่วงแห่งเหตุและผลกับใครเข้าอีก ความบริสุทธิ์และปล่อยวางซึ่งทุกสิ่งที่ตนอุตส่าห์เพียรฝึกมานานย่อมไม่ปลอดภัยเป็แน่
ดังนั้น นางจึงตัดสินใจจะจบบ่วงแห่งเหตุและผลระหว่างตนกับซูฉางอันแล้วกลับหอดาราให้เร็วที่สุด
“อาจารย์อา หลังมาถึงที่เมืองฉางอันท่านเคยออกไปเที่ยวบ้างไหม?” ซูฉางอันถามขึ้นกะทันหัน
ชิงหลุนได้สติกลับมาในที่สุด นางส่ายหน้า “ไม่เคย”
“อย่างนั้นพวกเราไปเดินเล่นกันเถอะข้ามาที่นี่จวนจะหนึ่งปี แต่ก็ยังไม่เคยได้ออกไปเดินเที่ยวข้างนอกเหมือนกัน”ซูฉางอันพูดด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็อย่างมากจึงคิดว่าหากได้ออกไปเดินเที่ยวเสียหน่อยคงรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
ชิงหลุนชะงักไป หากเป็ในยามปกติ นางไม่มีทางรับปากเื่เช่นนี้แน่แต่มาตอนนี้นางเพิ่งตัดสินใจไปต้องรีบปลดบ่วงของตนกับซูฉางอันออกให้เร็วที่สุดแม้คำขอของซูฉางอันในครั้งนี้จะไม่ได้ใหญ่หลวงอะไรแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้บ่วงนั้นทุเลาลงไปได้บ้าง ดังนั้นหลังครุ่นคิดอยู่สักพัก นางก็ตอบตกลงในที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้