ทว่าหนานิเหอกลับส่ายหัว
เขาวางนิ้วเหนือริมฝีปากเยี่ยนเจาเจาแ่เบา ค่อยๆ ดันคำพูดที่นาง้าจะเอ่ยต่อกลับลงลำคอนางช้าๆ แล้วกุมมือของนางอย่างจนปัญญา ในขณะที่ดวงตานางส่อแววผิดหวังขึ้นมา
“เจาเจา ข้าไม่ยินดีใช้ความลับของข้าแลกความลับของเ้า…ข้าเต็มใจบอกความลับแก่เ้าเอง ไม่ได้อยากใช้มันล้วงความลับของเ้า”
สีหน้าหนานิเหอจริงจังอย่างยิ่ง
เขาพอจะเดาได้ว่าเยี่ยนเจาเจาอยากกล่าวอะไร…เขาใส่ใจเยี่ยนเจาเจามากกว่าที่นางคิด วันนี้สิ่งเดียวในตัวนางที่อาจนับว่าเป็ความลับร้ายแรงคงเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่นิสัยนางเปลี่ยนกะทันหัน
ทว่าหนานิเหอไม่อยากให้นางเอ่ยความลับออกมาในสถานการณ์เช่นนี้
นางยังป่วยอยู่ การป้องกันทางจิตใจจึงหย่อนยานลงโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หนานิเหอทราบดี ความลับนี้นางรู้คนเดียวย่อมปลอดภัยกว่ารู้สองคน แม้อีกคนจะเป็เขาก็ตามที
เขายังไม่แข็งแกร่งพอ นางบอกความลับแก่เขาตอนนี้ไม่ใช่เื่ดีหรอก…เขากลัวตนเองเก็บความลับไม่ได้
เยี่ยนเจาเจาคาดไม่ถึงว่าหนานิเหอจะคิดเช่นนี้
แต่เมื่อนางลองตรองดูก็คิดว่าถูกต้องแล้ว
ความลับเื่การเกิดใหม่ของนางนั้นเหลวไหลไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าความลับว่าเืสามารถช่วยชีวิตคนเสียอีก หากบอกหนานิเหอไปก็เกรงว่าเขาจะพัวพันด้วยอย่างยากจะหลีกเลี่ยง วันหลังค่อยบอกเขาในเวลาที่เหมาะสมดีกว่า
เยี่ยนเจาเจาหยุดตรงนี้ หนานิเหอก็เอ่ยอย่างอื่นต่อ
ความจริงไม่ใช่เืของเขาช่วยคนได้ แต่เพราะตอนเล็กเขาเคยเป็ไข้ทรพิษ กอปรกับเหตุผลหลายอย่างที่ไม่ค่อยดีนัก…หากตอนนี้นางป่วยเป็โรคซับซ้อนรักษายากโรคอื่น เขาก็ไร้ความสามารถ
ทว่าโลกนี้ไม่มีถ้าหาก โชคดีที่สุดสำหรับหนานิเหอคือท่ามกลางความเคราะห์ร้ายทั้งหมดที่เคยประสบ เขาเคยเป็ไข้ทรพิษ
ยามนั้นเขาคิดว่ามันเ็ปทรมานเกินทน แต่มาตอนนี้กลับรู้สึกปีติยินดี
คุณสมบัติพิเศษที่ในอดีตเขาเคยดูถูกเหยียดหยาม ทั้งยังนำความทรมานนับไม่ถ้วนมาสู่เขา กลับมามีประโยชน์เอาตอนนี้
แต่ไข้ทรพิษเป็โรคติดต่อน่ากลัว การดื่มเืครั้งเดียวคงไม่พอ
หนานิเหอจึงต้องป้อนเืให้เยี่ยนเจาเจาห่างกันทุกหนึ่งชั่วยาม ยามนี้เยี่ยนเจาเจาคล้อยตามอย่างสมบูรณ์แล้ว อนึ่งการจูบป้อนก็เป็การกระทำที่แนบชิดละลาบละล้วงกันเกินไป แต่เวลานั้นฉุกละหุก ตอนนี้ต่อให้หนานิเหออ่อนน้อมยึดหลักจริยธรรมแค่ไหนก็ทำเช่นเดิมไม่ได้ เขาจึงเอาเืส่วนหนึ่งใส่ถ้วยชาให้เยี่ยนเจาเจาดื่มแทน
แม้ความสามารถในการฟื้นตัวของเขาไวกว่าคนอื่นๆ แต่เยี่ยนเจาเจาก็ยังรู้สึกผิดและอาทรอยู่ดี ทว่าตอนนี้นางไม่มีสิ่งใดตอบแทนเลยได้แต่แสดงสีหน้าเหมือนปกติสุขดียามดื่มมันลงไป
ตอนหนานิเหอมาที่นี่ยังไม่เที่ยงวัน ดื่มเืหนึ่งชั่วยามครั้งเช่นนี้ พอไฟตะเกียงยามค่ำคืนจุดขึ้น ตุ่มน้ำพองทั่วร่างเยี่ยนเจาเจาก็หายไปจนสิ้น เหลือเพียงแผลเป็สีดำกระด่างบ้างเท่านั้น
หนานิเหอบอกว่าเขามีขี้ผึ้งลดรอยแผลอยู่กับตัว แต่เขายังออกจากเรือนหิมะมรกตไม่ได้จนกว่าเยี่ยนเจาเจาจะหายดี
แม้เยี่ยนเจาเจารักสวยรักงาม แต่นางเข้าใจ หนานิเหอดูแลนางเป็อย่างดีแล้ว หากจะหยิบยาขี้ผึ้งมาช้าหน่อยก็ไม่สำคัญหรอก
ทว่าหนานิเหอกลับเรียกหงซิ่วเข้ามาต่อหน้าเจาเจา แล้วสั่งหงซิ่วไปติดต่อหลานเล่อให้หยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีเขียวครามในกล่องยาของเขามา
เยี่ยนเจาเจารู้ว่าตนฝีขึ้น ในบรรดาสาวใช้ทั้งหมดย่อมมีเพียงหงซิ่วที่เคยฝีขึ้นคอยดูแลอยู่คนเดียว แต่พอเห็นการกระทำและคำพูดคุ้นเคยไม่คิดอำพรางของหนานิเหอ นางก็พลันเข้าใจทันที
หงซิ่วคือคนที่หนานิเหอจงใจวางไว้ในเรือนนาง และยามนี้หนานิเหอก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป กลับบอกเบี้ยตัวนี้แก่นางตรงๆ
เยี่ยนเจาเจาไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว นางรู้ดีว่าหงซิ่วทุ่มเทมากแค่ไหนในการดูแลนาง่หลายวันมานี้ หากหนานิเหอไม่ชิงเคลื่อนไหวก่อน นางคงต้องทนทรมานมากกว่านี้อีก
เยี่ยนเจาเจาประหลาดใจไม่หาย แม้ใบหน้าผ่อนคลาย แต่ใจกลับกังวลขึ้นมา…คุณสมบัติพิเศษของหนานิเหอเกรงว่าจะไม่ใช่พร์แล้ว และความสามารถในการวางแผนในกระโจม รบชนะพันลี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้ยิ่งไม่มีมาแต่กำเนิดเข้าไปใหญ่
ไม่เพียงหงซิ่วที่อยู่เบื้องหน้า แต่ในจุดที่เยี่ยนเจาเจามองไม่เห็น เขาต้องวางหมากเล็กๆ ไว้หลายตัวแน่นอน
เด็กหนุ่มอายุแค่นี้กลับมีฝีมือกำหนดเบี้ยซ่อนเส้นสายแล้ว หงซิ่วเป็เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต้มต่อที่เขากำไว้ต้องมีมากกว่าที่นางคิดแน่ๆ
หนานิเหอตอนอยู่สกุลหนานก่อนมาสวนมวลบุปผาหอมนั้น เขาผ่านชีวิตแบบไหนมากันแน่?
“สาวใช้คนนี้นามว่าหงซิ่ว นางรู้วรยุทธ์ ต่อไปมอบให้เ้าแล้ว เ้าเอานางไว้ข้างกาย จะสามารถปกป้องเ้าได้บ้าง”
เสียงของหนานิเหอขัดจังหวะความคิดของเยี่ยนเจาเจา
ขณะกล่าว เขาก็เรียกหงซิ่วมา
เด็กหญิงมีนิสัยซื่อสัตย์และซื่อบื้อ แต่บุคลิกกลับสุขุมมั่นคง เมื่อได้ยินว่าหนานิเหอ้ามอบนางให้เยี่ยนเจาเจา นางก็ไม่มีปฏิกิริยาอื่นใด กลับหันตัวมาทางเยี่ยนเจาเจาแล้วคุกเข่าลงโค้งคำนับสามครั้งด้วยซ้ำ
หงซิ่วเป็คนยึดติด เมื่อนางติดตามใครก็จะถวายแรงกายแรงใจให้คนผู้นั้น…นางรู้มาั้แ่แรกว่าคุณชายส่งนางเข้ามาในสวนมวลบุปผาหอมไม่ใช่เพื่อสอดส่องแต่เพื่อให้นางดูแลคุณหนูห้า
“ต่อไปเ้านายของบ่าวคือคุณหนูแล้วเ้าค่ะ”
ใบหน้าหนานิเหอดูสงบนิ่ง แต่มุมปากกลับเม้มเล็กน้อยเผยร่องรอยความไม่สบายใจออกมา…เขากังวลว่าคนคิดรอบคอบระแวดระวังอย่างเยี่ยนเจาเจาจะไม่พอใจเพราะเขาวางคนไว้ในเรือนนาง
ทว่าเยี่ยนเจาเจาไม่ขุ่นเคืองเลยสักนิด กลับเผยสีหน้าประหลาดใจปนดีใจเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้นางไม่มีคนให้เรียกใช้ได้อยู่ในมือ แล้วคนที่หนานิเหอเสียแรงส่งเข้าเรือนหิมะมรกตก็ไม่มีทางเป็พวกเหลาะแหละแน่ เหมาะแก่การใช้งานพอดี
แต่เมื่อนางลากสายตาผ่านหน้าหนานิเหอ ก็รู้ว่าเขากระวนกระวายแล้ว
เวลานี้คำพูดไม่จำเป็ นางจึงหยัดกายขึ้น ก่อนจะประคองหงซิ่วเบาๆ แล้วกุมมือของหงซิ่วด้วยตนเอง “หงซิ่ว ข้าจำชื่อเ้าได้แล้ว”
หนานิเหอรู้ทันทีว่าเยี่ยนเจาเจาไม่ถือโทษเขาแล้ว มุมปากจึงได้คลายลง
เมื่อเื่รับเ้านายสิ้นสุดลง หงซิ่วก็ถอยออกไปอย่างนอบน้อมและนำพวกถ้วยชาในห้องวันนี้ทั้งหมดออกไปลวกน้ำร้อน ส่วนของไม่สำคัญก็เผาทิ้งทั้งสิ้น
หลังจากห้องเงียบสงบลง หนานิเหอมองเงาร่างของเยี่ยนเจาเจาที่สะท้อนอยู่ในแสงไฟริบหรี่ เห็นนางมีชีวิตชีวาขึ้นก็รู้ว่าพูดบางอย่างกับนางได้แล้ว
หากเยี่ยนเจาเจาอ่อนแอปวกเปียก เขาไม่ถือสาที่จะปกป้องนางไว้ภายใต้ปีกของตนเพื่อไม่ให้ความดำมืดใดคืบคลานนาง ทว่าเมื่อนางเป็ลูกอินทรีที่ถูกกำหนดว่าต้องโผทะยานขึ้นฟ้า หนานิเหอก็ไม่อยากฉุดรั้งความสามารถของนาง
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างประตูรอบๆ ทั้งหมดให้สนิท แล้วเดินกลับมาข้างกายเยี่ยนเจาเจา ก่อนกระแอมไอเบาๆ พลางหลุบตาลงซ่อนความอาฆาตที่พลุ่งพล่านเต็มดวงตาของตน “เจาเจา เ้ายังจำครั้งล่าสุดที่เ้าหมดสติในเรือนได้ไหม?”
น้ำเสียงนี้แตกต่างจากตอนคุยแทรกมุกตลกก่อนหน้าของทั้งสองอย่างสิ้นเชิง ทำให้เยี่ยนเจาเจาเผลอเหยียดหลังตรงและเอ่ยอย่างใคร่ครวญ “ท่านหมายถึงคราวที่ข้าเรียกให้คนมัดเยี่ยนฟางหวาหรือเ้าคะ?”
เมื่อเห็นหนานิเหอพยักหน้า เยี่ยนเจาเจาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เื่นั้นมีความไม่ชอบมาพากลอะไรหรือเ้าคะ?”
“มีคนลงมือกับเ้า”
หนานิเหอไม่อ้อมค้อม บอกเื่ที่ตนสืบหามาตลอดหลายวันแก่เยี่ยนเจาเจาโดยตรง
วันที่เยี่ยนเจาเจาหมดสติไป สวนมวลบุปผาหอมก็สับสนวุ่นวาย หมอใต้บังคับบัญชาของเขาคนหนึ่งจึงเข้าไปในเรือนหิมะมรกตเพื่อตรวจอาการเยี่ยนเจาเจา และพบว่ายาเม็ดบางตัวที่นางกินประจำผิดปกติ
อาจเพราะปีก่อนร่างกายของเยี่ยนเจาเจาเจาป่วยเล็กน้อยแต่ไม่หนักหนา หมอหลวงในวังจึงสั่งยาบำรุงโสมคนเทียบหนึ่งให้นางทานเดือนละครั้ง
ยังมีหมอหลวงที่สวนมวลบุปผาหอมเรียกใช้ประจำอีกท่านที่เคยจ่ายยาเม็ดอีกตัวให้เยี่ยนเจาเจาเช่นกัน ยาตัวนี้ไม่ต้องกินบ่อย เพียงสองเดือนครั้งก็พอ
หมอของหนานิเหอตรวจเวชระเบียนแล้ว ส่วนผสมของยาเม็ดเหล่านี้ไม่มีปัญหาใด
แต่หลังจากเขากลับไปคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนก็พบบางอย่างแปลกๆ
เยี่ยนเจาเจาชอบใช้ธูปหอมสาลี่เป็ดซึ่งมีหญ้าเหยียน[1] ปริมาณเล็กน้อยอยู่ในสูตรเครื่องหอมส่วนยาบำรุงโสมคนก็ผสมกับดอกผีเสื้อนิดหน่อยเพื่อเพิ่มสรรพคุณทางยา และยาอีกเม็ดทำจากดอกหางนกยูงทั้งหมดเพื่อเพิ่มความหอมให้กับยา เมื่อทั้งสามอย่างรวมกันจึงกลายเป็ยาร้ายแรงที่มีฤทธิ์รุนแรงมากชนิดหนึ่ง เดิมทีมันเอาไว้ใช้ยื้อชีวิตยามร่างกายป่วยหนักเรื้อรัง
ทว่าเยี่ยนเจาเจาอายุยังน้อย บุ่มบ่ามทานยาฤทธิ์แรงขนาดนี้เข้าไปมีแต่ทำลายรากฐานร่างกายเท่านั้น
แต่ปริมาณยาไม่เยอะมาก ประกอบกับยืดเวลานาน ดังนั้นหากตรวจจากสภาพชีพจรอย่างเดียวก็จะเห็นแค่ว่าสุขภาพเด็กสาวขาดดุล ไม่มีร่องรอยการใช้ยาใดๆ
ยิ่งเยี่ยนเจาเจาคลอดก่อนกำหนดทำให้ร่างกายอ่อนแอ ใครจะคิดว่ายาเม็ดที่แตกต่างกันสองชนิดกับเครื่องหอมที่เยี่ยนเจาเจาใช้ประจำ เมื่อรวมกันจะเกิดสรรพคุณทางยาน่ากลัวขนาดนี้ได้?
จะบอกว่าบังเอิญก็เหมาะเจาะเกินไป แต่หากเป็ฝีมือคน ถ้าอย่างนั้นใครกำลังแอบสังหารเยี่ยนเจาเจาลับหลังเล่า?
หนานิเหอกำลังสืบเื่นี้ลับๆ อยู่แล้ว แต่ก็ประสบเหตุการณ์ไข้ทรพิษของเยี่ยนเจาเจาเสียก่อน
เื่ราวเหล่านี้คาดไม่ถึงยิ่งกว่าที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้อย่างหนึ่ง…คือความเกี่ยวข้องกับกลิ่นกำยาน เยี่ยนเจาเจาโดนทำร้ายอย่างแปลกประหลาดอีกครั้ง ต้องไม่ใช่เื่บังเอิญแน่นอน
หนานิเหอเล่าให้เยี่ยนเจาเจาฟังแม้กระทั่งเื่กล่องไม้ที่หงซิ่วแอบซ่อนไว้ และระบุชัดเจนว่าเขาพบสะเก็ดแผลผู้ป่วยไข้ทรพิษบนผ้าไหมผูกคอในกล่องไม้ ซึ่งเป็สิ่งที่ทำให้เยี่ยนเจาเจาติดไข้ทรพิษเอาดื้อๆ
หลังจากเยี่ยนเจาเจาฟังหนานิเหอกล่าว คิ้วนางก็ขมวดมุ่น
ยอมรับว่ามันเป็เื่ที่แปลกมากจริงๆ
แต่นางคิดเป็ภววิสัยมากกว่าหนานิเหอ หากเื่นี้มุ่งเป้ามาที่สวนมวลบุปผาหอม เหตุใดจึงลงมือกับเยี่ยนเจาเจาเล่า?
คนผู้นั้นละเอียดรอบคอบถึงขั้นเดินหมากเป็ขั้นเป็ตอนเพียงเพื่อทำร้ายนางคนเดียว เขา้าอะไรกัน?
จะใช่คนเดียวกับมือมืดที่อยู่เื้ัซ่งฝูจินตอนนั้นหรือไม่?
แม้พายุฝนกำลังตั้งเค้า แต่เยี่ยนเจาเจากลับคิดวิธีตอบโต้ได้แล้ว
ในเมื่อคนเื้ั้าชีวิตของนาง เยี่ยนเจาเจาก็มิสู้หลอกลวงมัน…เมื่อหมอกหนาทึบสลายหายไปหมด คนที่พร้อมเคลื่อนไหวมากที่สุดย่อมเป็ผู้ร้ายตัวจริง
ความคิดนี้ของนางตรงกับหนานิเหอ
และเขายังมีเบาะแสอื่นอยู่ในมือด้วย
เชิงอรรถ
[1] หญ้าเหยียน หมายถึง พืชดอก Longoza หรือที่เรียกกันว่า Phoenix flower ซึ่งมีการนำมาทำน้ำมันหอมระเหยด้วย