ตอนนี้สมควรแยกแผงให้หลี่เฟิ่งเหมยลองขายสินค้าด้วยตนเองได้แล้ว
อนาคตเมื่อเปิดกิจการ คนดูแลร้านหลักก็ต้องเป็หลี่เฟิ่งเหมยเซี่ยเสี่ยวหลานจะรับผิดชอบเพียงนำเข้าสินค้าเท่านั้น และก่อนการสอบเกาเข่าสองสามเดือนเธอยังต้องรีบเร่งทบทวนบทเรียนแผนที่เธอกำหนดให้ตนเองคือเริ่มตั้งสมาธิจดจ่อกับการทบทวนั้แ่เดือนมกราคมถึงเวลาหน้าร้านตกแต่งสำเร็จ ย่อมไม่ต้องระหกระเหินไปตั้งแผงแล้ว
ทุกเดือนไปหยางเฉิงนำเข้าสินค้าสักสองสามหน ร้านเสื้อผ้าก็สามารถดำเนินกิจการได้
ช้าที่สุดคือหลังการสอบเกาเข่าปีหน้า เธอต้องทำให้ป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยยืนหยัดด้วยลำแข้งตนเองให้ได้อย่างน้อยร้านเสื้อผ้านี้จำเป็ต้องอาศัยหลี่เฟิ่งเหมยเป็ผู้จัดการ ในเมื่อตกลงกับโจวเฉิงแล้วว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่งเซี่ยเสี่ยวหลานคาดว่าเดือนสิงหาคมหรือกันยายนปีหน้าก็จะไปยังปักกิ่งย่อมไม่มีทางใส่ใจธุรกิจในซางตูไปพร้อมกันได้ จึงต้องให้หลี่เฟิ่งเหมยรับหน้าที่นี้
ส่วนตัวเธอเองนั้น พอในมือมีเงินทุน ธุรกิจที่ทำได้ก็จะมากไปด้วยและอาจไม่อยู่ในซางตูเท่านั้น บางทีเธอคงไปบุกเบิกขยับขยายที่ปักกิ่งก็เป็ได้
เมื่อตระหนักว่าชีวิตจะดีขึ้นเรื่อยๆ แรงกายและกำลังใจของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเต็มเปี่ยม
เธอลากกระเป๋าสินค้าถ่อไปถึงเขตที่อยู่อาศัยนำเสื้อนอกซึ่งรีดเรียบแล้วแขวนไว้ทีละตัว
เสื้อผ้าราคาแพงออกแบบประณีตเรียบร้อย สีน้ำเงินนาวีและสีดำล้วนไม่ฉูดฉาดเดี๋ยวนี้ผู้ชายที่ค่อนข้างมีเงินไม่โปรดปรานเสื้อผ้าฉูดฉาดนักมิใช่พวกนักเลงตามถนนเสียหน่อย เสื้อผ้าสตรี้าแบบและสีสันที่ถูกใจความ้าของเหล่าคุณผู้ชายคือคุณภาพดี สวมใส่ได้ทุกโอกาส
เสื้อนอกรุ่นนี้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำเข้ามาเติมเต็มความ้าได้อย่างสมบูรณ์เห็นแล้วดูหรูหรามีระดับ การออกแบบทันสมัยดูเหมาะสมทั้งสองสีรองรับความจุกจิกของผู้คนได้
นอกจากราคาแพงก็หาข้อเสียอื่นไม่พบ
ว่าไปแล้วช่างประหลาดเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งแผงบนถนนตรอกซอกซอยซางตูหลายครั้งหลายครา เคยเจอมารดาจูฟ่างแต่กลับไม่เคยเจอจูฟ่าง พอเพิ่งย้ายแผงไปยังหน้าอาคารเอื้ออาทรขององค์การรถไฟก็ได้พบกับจูฟ่างเป็ครั้งแรก
วันนี้ที่ทำงานของจูฟ่างปิดทำการ เขามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนมิตรสหาย
ขี่จักรยานวนผ่านหัวมุมถนน มองเห็นทางเข้าอาคารเอื้ออาทรมีแผงลอยจากไกลๆวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานใส่เสื้อกันหนาวสีเหลืองยิ่งเสริมให้ใบหน้าของเธอขาวผ่องมัดผมเป็หางม้าสูง ท่อนล่างใส่กางเกงยีนส์ อีกทั้งวันนี้เธอเปลี่ยนมาใส่รองเท้าผ้าใบหุยลี่ [1] ดูอ่อนเยาว์น่ารัก เมื่อศีรษะเธอขยับเล็กน้อย หางม้าก็สะบัดเบาๆ พาดผ่านก้นบึ้งของหัวใจจูฟ่างทุกการเคลื่อนไหว
เซี่ยเสี่ยวหลานที่เป็แบบนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่ต้องแต่งตัวก็พริ้มเพราเป็ทุนเดิม ตอนนี้ยังสลัดเสื้อผ้าซอมซ่อที่เคยสวมใส่ในชนบททิ้งยิ่งทำให้ละสายตาไม่ได้
ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งแผงลอยขายของถึงขายได้ไวเพราะตัวเธอก็คือนางแบบที่มีชีวิตชีวา ไม่ว่ายืนอยู่ตรงไหน คนสัญจรผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะเมียงมองดูเสียหน่อย
จูฟ่างไม่เพียงแค่เมียงมองเท่านั้น อิริยาบถขณะที่เขาขี่จักรยานมันแข็งทื่อไปหมด
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็ฝ่ายทักทายเขาก่อน “พี่จูฟ่างทำไมมาถึงที่นี่ได้เล่า?”
อา เซี่ยเสี่ยวหลานยอมคุยกับเขา
ตอนแรกในใจของเขายังยุ่งเหยิงพลางทำให้ทุกย่างก้าวอ่อนแรงชั่วพริบตาก็มีพลังขึ้นมาได้
“ฉันมาหาเพื่อน...”
จูฟ่างใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นสี สรรพสิ่งใต้หล้าล้วนมีจุดอ่อนติงอ้ายเจินต้านทานลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้ทว่าจูฟ่างต้านทานเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานทำเื่เลวทราม เพียงเขาเห็นใบหน้านี้เข้าความขุ่นเคืองก็มลายสิ้นไปจนหมดยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยทำเื่ร้ายกาจโจวเฉิงตามไปถึงภัตตาคารหวงเหอ จูฟ่างทั้งโกรธทั้งอายแต่ความขุ่นเคืองไม่ตกถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน
เขาขาอ่อนแรงเพราะรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานถูกมารดาของตนเหยียดหยามเข้ากลางถนนนึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะรังเกียจเขา จิตใจจึงเกิดความรวนเรขึ้น
คาดไม่ถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะทักทายเขาอย่างเป็ธรรมชาติหัวใจดวงน้อยของจูฟ่างแทบหลุดออกมา
“เสี่ยวหลาน ขอโทษจริงๆ นะ แม่ฉันไม่สนเหตุผลแต่เขาจะไม่มาก่อความวุ่นวายแก่เธออีกแน่ ฉัน—”
เขาอยากพูดว่าฉันพบคนรักของเธอแล้ว ทว่าชะงักที่มุมปากแล้วก็เปลี่ยนเื่ “เธอตั้งแผงที่นี่หรือ?”
สุดท้ายจูฟ่างก็ไม่ใจกว้างถึงขนาดสามารถอวยพรเซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิง ได้เขาไม่อยากเอ่ยถึงชายอื่นกับเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่แผงลอยของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ที่แท้เพราะจูฟ่างยับยั้งมารดาของเขาไว้แล้ว?
หลายวันมานี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังกลัวว่าตระกูลจูจะมาแก้แค้น ปรากฏว่าทางด้านบ้านจูกลับไร้ความเคลื่อนไหวแผงลอยของเธอก็ไม่เห็นจะมีคนมาสร้างปัญหาให้
วาจาที่จูฟ่างกล่าวออกมานั้นจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ยังต้องรอเวลามาพิสูจน์แม้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถูกโรคกับติงอ้ายเจิน แต่เธอก็ไม่พาลใส่จูฟ่างอยู่ดีเธอตอบไปตามเื่ตามราว
“ฉันนำเข้าเสื้อคลุมขนแพะของผู้ชายมาจำนวนหนึ่งน่ะ ราคาสูงเลือกลูกค้าเลยมาลองขายละแวกนี้”
จูฟ่างมองเสื้อนอกที่เซี่ยเสี่ยวหลานจับแขวนบนราวมือไม่ััยังรู้ว่าวัสดุไม่เลว พอถามราคา 140 หยวนจึงไม่กังขาเื่ที่เสื้อขายได้ไม่ดีเสื้อผ้าประเภทนี้ต้องแขวนขายในห้างสรรพสินค้า อยู่แผงข้างทางใครจะยอมจ่าย 140 หยวนเพื่อซื้อเสื้อผ้าสักตัว?
จูฟ่างเกิดความคิดขึ้นในใจ “เธอเอาตัวที่ฉันใส่ได้ให้ฉันสักตัวสิฉันพกเงินมาไม่พอ อีกครู่เดียวจะออกมาให้เงินเธอ”
ในกระเป๋าของจูฟ่างพกเงินออกนอกบ้านเพียงไม่กี่สิบหยวนจะซื้อสินค้าราคาสูงต้องเตรียมเงินล่วงหน้าเขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะซื้อเสื้อนอกใส่สักตัวกะทันหันเซี่ยเสี่ยวหลานไม่กลัวที่จูฟ่างจะโกงเงินเช่นกัน ทั้งสองคนมีปฏิสัมพันธ์กันตั้งหลายครั้งอีกทั้งจูฟ่างมีการงานที่ทำอย่างจริงจังอีกด้วย เสื้อหนึ่งตัวจะเป็เื่ใหญ่อะไรยังจะต้องผิดหนี้หนีหายอีกหรือ?
“พี่ชอบสีน้ำเงินนาวีหรือสีดำ?”
“น้ำเงินนาวีแล้วกัน!”
จูฟ่างเป็คนร่างกายสูงใหญ่ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงหาเสื้อขนาดพอดีตัวให้จูฟ่างถอดเสื้อนอกอันอบอุ่นที่สวมไว้ออกพาดบนที่นั่งซ้อนของจักรยาน จากนั้นก็สวมเสื้อนอกตัวใหม่แล้วเดินเข้าไปในอาคาร
เสื้อมียอดขายแรกของวันแล้ว ทว่าไม่ได้รับเงินสด
คนทำธุรกิจไม่สามารถละเลยเงินทองได้ จูฟ่างจะซื้อเสื้อเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ขายได้หรอกหรือ?
อย่าว่าแต่จูฟ่าง แม้ติงอ้ายเจินจะซื้อ เงินมาของไปเซี่ยเสี่ยวหลานย่อมขายแน่นอน... ทว่าสำหรับติงอ้ายเจินคนอย่างนั้น เธอสนใจแต่จะคิดราคาแพงอยากซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไสหัวไป!
เซี่ยเสี่ยวหลานยืนย่ำเท้าอยู่ที่เดิม
ขนาดใส่ถุงเท้าฝ้ายสองชั้นยังคงหนาว รองเท้าผ้าใบกันลื่นน้ำหนักเบาทว่าไม่สามารถเก็บความอบอุ่นได้หากไปหยางเฉิงอีกครั้งเธอจะซื้อรองเท้าหุ้มข้อนวมสองคู่กลับมาใส่
-------------------------------------------------
จูฟ่างมาเพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อน เขาจอดจักรยานไว้ด้านล่างตึกขึ้นไปถึงชั้น 5 อย่างแคล่วคล่องว่องไว
สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ฝ่ายชายทำงานในองค์การรถไฟ ฝ่ายหญิงทำงานในโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามเป็คู่สามีภรรยาที่ติงอ้ายเจินทำหน้าที่เป็แม่สื่อให้ทั้งสองได้รับจัดสรรห้องชุดหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ตอนจูฟ่างเข้ามาข้างในภรรยาป้ายแดงของเพื่อนได้ห่อเกี๊ยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“จูฟ่างมาแล้วหรือ? นั่งพักก่อนเถอะเหล่าเฉิงคุณมาพูดคุยเป็เพื่อนเขาหน่อยสิ”
จิตใจของจูฟ่างไม่อยู่กับเกี๊ยว เขาทักทายกับภรรยาเหล่าเฉิงและถามเหล่าเฉิงว่ามีเงินอยู่กับตัวหรือไม่
“เจอเพื่อนหน้าประตูคนหนึ่ง ยังติดเงินคนเขาอยู่ จะกลับบ้านไปเอาก็ไกลทีเดียวนายเอาเงินให้ฉันยืมก่อนสิ พรุ่งนี้ฉันคืนให้นาย”
เหล่าเฉิงหยอกเย้าเล็กๆ “นายติดเงินใครถึงได้รีบร้อนขนาดนี้?”
จูฟ่างคิดถึงว่าเสื้อนอกตัวใหม่บนร่างกายของตนตัวนี้ก็ยังไม่ได้ชำระเงินจึงยืมเงินจากเหล่าเฉิงเป็จำนวนเต็ม
“1000 หยวน?”
เหล่าเฉิงเดาะลิ้น เดี๋ยวนี้ใครจะเก็บเงินสดไว้ในบ้านมากมายขนาดนี้แต่มิใช่ว่าเขาเพิ่งแต่งงานหรือ เงินเดือนเงินพิเศษที่สามีภรรยาได้รับรวมกับเงินของขวัญแต่งงานที่แเื่มอบให้ซึ่งยังไม่ได้นำไปฝากธนาคารหนึ่งพันหยวนจึงยังพอมีอยู่บ้าง
“เสี่ยวฉิน เธอเอาเงินพวกเราไปไว้ไหนแล้ว วันนี้ช่างสุดยอด นานๆทีสหายจูฟ่างจะออกปากขอหยิบยืมเงิน”
สามีภรรยาคู่นี้ต่างคนต่างมีเงิน ครอบครัวจูฟ่างมั่งคั่งร่ำรวยมิใช่คนประเภทที่ยืมเงินได้แต่ไม่คืนเสียด้วย ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็นำเงิน 1000 หยวนมามอบให้แก่จูฟ่าง เสี่ยวฉินผู้เป็เ้าสาวมองจูฟ่างมากกว่าปกติ “ฉันก็ว่าวันนี้มีตรงไหนไม่เหมือนเดิมที่แท้เสื้อตัวนี้ทำให้คุณดูมีภูมิฐาน ซื้อจากไหนล่ะ ฉันจะซื้อให้เหล่าเฉิงสักตัวบ้าง!”
จูฟ่างเก็บเงินแล้วก็ไป “ซื้อหน้าประตูหอพวกคุณนั่นแหละฉันลงไปคืนเงินก่อน เกี๊ยวน่ะรอฉันมาค่อยต้มนะ”
เสื้อที่ซื้อจากหน้าประตูเขตหอพัก?
เสี่ยวฉินหลุดหัวเราะ “ทำไมไม่บอกว่าเก็บได้จากบนถนนเลยเล่า”
