ซีต้าเฉียงแบ่งหน้าที่ให้ทุกคน ทั้งก่อไฟ ทำอาหาร ล่าสัตว์ และไปเก็บผักป่า
แต่ละคนต่างมีงานทำ เว้นแต่เซวียเสี่ยวหรั่นกับเหลียนเซวียนที่ว่างอยู่
เซวียเสี่ยวหรั่นได้พักผ่อนเต็มที่ค่อยหายใจหายคอคล่องขึ้น หันมากระซิบกระซาบกับเหลียนเซวียน
"เหลียนเซวียน ท่านาเ็หนักเลยหรือ หน้าอกยังเจ็บอยู่หรือไม่"
สิ่งที่เธอหวั่นใจที่สุดคือกลัวว่าเขาจะาเ็อวัยวะภายในซึ่งเป็อันตรายถึงชีวิต
เหลียนเซวียนส่ายหน้า เขียนอธิบายว่าเขากระอักเืเพราะถูกโจมตี่หมดแรง แม้จะดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วไม่ได้าเ็ถึงภายใน
"ไม่เป็อะไรจริงหรือ? อย่าอวดเก่งนักเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นค่อนไปทางไม่เชื่อ
เหลียนเซวียนหันมาจ้องหน้าเธอ คำว่าอวดเก่ง ควรใช้กับเ้ามากกว่า
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกจ้องจนขนลุก "แหะๆ เอาเถอะ ไม่เป็อะไรย่อมดีที่สุด แต่ขาของท่านบวมจนน่ากลัว พวกเราคงต้องไปพักรักษาตัวที่หมู่บ้านขู่หลิ่งถุนก่อนแล้วล่ะ"
เหลียนเซวียนนิ่งงัน รั้งสายตากลับก่อนพยักหน้า
"เอ่อ คือว่า... วันนี้ข้าไม่ดีเอง ทำให้พวกเขาเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเราผิดไป" พูดถึงเื่นี้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกละอายใจ ลอบมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง
น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ของเธอ ทำให้เหลียนเซวียนอดยิ้มไม่ได้ แต่ไม่เผยให้เห็นทางสีหน้า เพียงแค่หันมามองด้วยแววตาล้ำลึก
"ตอนนั้นท่านาเ็ร้ายแรง ข้าร้อนใจก็เลยไม่ทันระวัง" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกไม่เป็ธรรม เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เขากระอักเืทำให้เธอกลัว ก็เลยลนลานทำเกินขอบเขตไปบ้าง ลืมข้อพึงระวังระหว่างชายหญิงไปชั่วขณะ
เหลียนเซวียนส่ายหน้า มีรอยยิ้มบางๆ แขวนไว้บนมุมปาก ไม่หยอกนางเล่นอีก
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่เคยเห็นเขายิ้มมาก่อน ความน้อยเนื้อต่ำใจเล็กๆ เสี้ยวนั้นพลันสลายกลายเป็หมอกควันไปจนหมดสิ้น
"ถึงอย่างไรพวกเราก็อยู่ด้วยกันไม่นานอยู่แล้ว แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล หลังออกไปได้แล้ว ต่างคนต่างต้องไปตามทางของตนเอง ไม่มีใครรู้จักใครอีก จริงหรือไม่ ฮ่าๆ"
รอยยิ้มบนมุมปากของเหลียนเซวียนค่อยๆ เลือนหาย ดวงตาที่จดจ้องเธอดูราวกับน้ำบ่อลึก
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกจ้องจนทำตัวไม่ถูก เธอพูดอะไรผิดไปหรือ เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่พอใจเลยล่ะ
ทั้งสองต่างจ้องตากัน บรรยากาศเริ่มแปลกไป
ซีติ้งกับซีมู่เซิงแบกฟืนเข้ามาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพอดี
ดวงตาสามเหลี่ยมของซีติ้งผุดประกายวาว มุมปากหยักโค้งเป็รอยยิ้มสัปดน ใช้ข้อศอกกระทุ้งซีมู่เซิง ยักคิ้วให้เขารีบมอง
"แฮ่ม ก่อไฟก่อน อีกสักครู่ท่านพ่อจะเข้ามาแล้ว" ซีมู่เซิงอายุสิบหกสิบเจ็ด เป็เด็กหนุ่มมีไหวพริบ คิ้วเข้มตาโต เห็นได้ชัดว่าทนดูท่าทางเอ้อระเหยลอยชายของซีติ้งไม่ได้
แม้จะเป็คนตระกูลซีเหมือนกัน แต่ปรกติพวกเขาไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกับซีติ้งเท่าไร
ซีติ้งเป็คนเกียจคร้านเข้ากระดูก แต่ไรมาไม่เคยทำตัวสงบเสงี่ยม บิดามักเตือนอยู่เสมอว่าอย่าไปมาหาสมาคมด้วย
ขึ้นเขามาคราวนี้ เพราะซีติ้งยืนกรานจะตามมาให้ได้ บิดาเขาเป็ผู้นำตระกูลซี ไม่อาจเลือกที่รักมักที่ชัง จึงได้แต่ตักเตือนก่อนให้เขาตามมาด้วย
ดังนั้นทุกคนในกลุ่มจึงไม่มีใครแยแส แต่ซีติ้งเป็คนหน้าหนา ไม่ว่าเื่ไหนก็ชอบสอดมือจุ้นจ้านไปเสียทุกเื่ โดยไม่รู้สึกว่าพฤติกรรมของตนเองน่ารังเกียจเพียงใด
ซีมู่เซิงย่อตัวลงข้างเตาหิน แล้วหยิบหินไฟมาเริ่มก่อไฟ
ซีติ้งถูกหมางเมินก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่ช้าก็หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเข้ามาจุดไฟด้วย
มีคนเข้ามา เซวียเสี่ยวหรั่นรีบจัดแต่งทรงผมแล้วนั่งหลังตรง
กระท่อมไม้ไม่เล็ก พวกเขานั่งอยู่มุมในสุด
ส่วนเตาไฟอยู่กลางห้อง อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย
"มู่เซิง จะแสร้งทำเป็สูงส่งไปไย เ้าเองก็เคยแอบมองอูหลันฟางอยู่บ่อยๆ นึกว่าผู้อื่นไม่รู้หรืออย่างไร" ซีติ้งโยนฟืนท่อนใหญ่เข้าไปในกองไฟ ทำเอาเปลวไฟที่เพิ่งติดดับไปกว่าครึ่ง
ซีมู่เซิงโกรธมาก ถลึงตาใส่พลางกระซิบตวาดเสียงห้วน "ซีติ้ง เ้าพูดส่งเดชอะไร"
ชายหนุ่มวัยสิบหกสิบเจ็ดเป็่อายุที่เหมาะสมจะคุยเื่แต่งงาน มารดาลอบบอกตัวเลือกที่เหมาะสมสองสามคนให้เขารู้ หนึ่งในนั้นคืออูหลันฟาง
ตอนพบกันเป็การส่วนตัว ก็เลยมองนางมากหน่อยเท่านั้นเอง
ใครเล่าจะรู้ว่าจะถูกคนเ้าชู้เสเพลอย่างซีติ้งเห็นเอาได้ เลยใช้จิตใจโสมมเหมาเอาว่าตนเองคิดไม่ซื่อกับอูหลันฟาง
"เฮ้ ข้าไม่ได้พูดส่งเดชเสียหน่อย เ้าย่อมรู้แก่ใจดี" ซีติ้งไม่กล้าแหย่เขามาก อย่างไรเสียบิดาของผู้อื่นก็เป็ถึงผู้นำตระกูล เขาจึงกดเสียงให้ต่ำที่สุด
"ยวนยางป่า [1] คู่นี้ที่มาไม่ชัด กลางวันแสกๆ ยังอี๋อ๋อออเซาะกันไม่ห่าง ชายผู้นั้นทั้งตาบอดทั้งเป็ใบ้มิหนำซ้ำยังอัปลักษณ์ เ้าว่าสตรีผู้นั้นสนใจเขาตรงไหน พวกเขาต้องมีปัญหาแน่ ลุงสามไม่ควรรับปากเงื่อนไขพวกเขาเลย หมีตัวนั้นพวกเราเป็คนสะกดรอยมาจนพบ เดิมทีควรเป็ของพวกเรา"
เขากดเสียงจนเบามาก แต่กลับไม่รู้ว่าไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เหลียนเซวียนก็ยังได้ยินอยู่ดี
แววตาของเหลียนเซวียนเย็นะเืในฉับพลัน
เ้าหมอนี่พอเห็นผู้อื่นตกต่ำเข้าหน่อย ก็กล้าทำเป็ตัวตลกะโไม้คาน [2] มาะโโลดเต้นยั่วโทสะต่อหน้าเขา
ซีมู่เซิงมองซีติ้งด้วยสายตาเหยียดหยัน "ผู้อื่นเป็สามีภรรยาถูกต้อง แต่พอมาถึงปากเ้ากลับกลายเป็ยวนยางป่าไปเสียได้ นี่แหละหนา คนจิตใจโสมมไม่ว่ามองสิ่งใดก็เห็นเป็เื่สกปรกไปหมด ผู้อื่นใจกว้างแบ่งผลกำไรให้ตั้งครึ่งหนึ่ง เ้ากลับโลภมากหวังฮุบทั้งตัว ช่างเป็คนไม่รู้จักพอเหมือนงูอยากกลืนช้างทั้งตัว"
สีหน้าของซีติ้งสีหน้าเปลี่ยนเป็ย่ำแย่ในบัดดล
ซีมู่เซิงคร้านจะสนใจ ตั้งใจก่อไฟต่อไป ตัดสินใจว่าต้องไปเกลี้ยกล่อมบิดาว่าทีหลังอย่าพาคนใจไม่ซื่อเช่นนี้ไปไหนด้วยอีก เพราะไม่รู้ว่าจะถูกแว้งกัดเอาเวลาไหน
ขณะที่ซีต้าเฉียงเข้ามาในกระท่อม ไฟก็ลุกโชนแล้ว
พวกเขาเตรียมข้าวสารมาด้วย กลิ่นข้าวจึงหอมฟุ้งไปทั้งกระท่อม
เซวียเสี่ยวหรั่นยกชามข้าวขาวขึ้นมา ตื้นตันจนน้ำตาแทบไหล
ในที่สุดก็ได้กินข้าวเสียที ไม่ต้องมีกับข้าวเธอก็กินได้สองถ้วย
หลังกินข้าวหมดไปสองถ้วย เธอก็ตบท้องอย่างมีความสุข
แม้ว่าข้าวขาวจะดีอย่างไร แต่กินเข้าไปเปล่าๆ สองถ้วยโดยไม่มีกับข้าวก็ออกจะ....
คนสกุลซีในห้องต่างมองหน้ากัน
"เหลียนเซวียน ข้าจะไปตักข้าวมาให้ท่านอีกชาม" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นชามของเหลียนเซวียนว่างเปล่าก็รีบทักหนึ่งประโยค
เหลียนเซวียนไม่ทันตอบโต้ แต่ก็ยื่นถ้วยเปล่าให้
นี่เป็ข้าวชามที่สามแล้ว
สองคนนี้ไม่ได้กินข้าวขาวกันมานานแค่ไหน ถึงสามารถกินได้ขนาดนี้ ?
"แฮ่ม กินอิ่มแล้วทุกคนก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ออกเดินทางก่อนฟ้าสาง"
ทุกคนกินอิ่มแล้ว ก็ต้องเก็บล้างจานชามวันนี้เป็หน้าที่ของซีหย่วนกับซีติ้ง
ซีติ้งยกหม้อเดินออกไปนอนห้องพร้อมกับซีหย่วน ขณะที่ยังเดินไม่พ้นประตู ก็หันไปมองปราดหนึ่ง เห็นเซวียเสี่ยวหรั่นกำลังปูเสื่อฟางให้เหลียนเซวียน
"ไม่รู้ว่าสนุกสนานอยู่นอกบ้านมานานแค่ไหนแล้ว ถึงได้ดูชำนาญขนาดนี้" ซีติ้งมองเรือนร่างบอบบางของเซวียเสี่ยวหรั่นด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์
แม้ว่าเขาจะเสียงเบามาก แต่ในห้องเงียบเชียบ คนส่วนใหญ่จึงได้ยินกันหมด
ซีต้าเฉียงหน้าถอดสี เ้าซีติ้งนี่มันปากพล่อยจริงๆ
แววตาของเหลียนเซวียนสาดประกายเย็นะเื
เสียง "ฟิ้ว" ดังขึ้น ซีติ้งรู้สึกเย็นวาบที่หนังศีรษะ เหมือนมีอะไรบางอย่างเฉียบศีรษะไป
แต่ซีหย่วนที่อยู่ด้านข้างร้องด้วยความใ ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลงจ้องไปที่ด้านหลังของเขา
มีดบินหางนกนางแอ่นเล่มหนึ่งปักอยู่บนผนังไม้เหนือศีรษะด้านหลังของซีติ้ง
เ้าตัวหันกลับไปมองก็เห็นว่ามีดบินเล่มนั้นปักเข้าเนื้อไม้ถึงสามส่วน ดวงตาสามเหลี่ยมพลันเบิกกว้าง
เ้าพิการนั่นถึงกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์เชียวหรือ
"ว้าก" ซีหย่วนซึ่งอยู่ด้านข้างจ้องมาที่ศีรษะของเขาราวกับเห็นผี
ซีติ้งอึ้งงัน รู้สึกเย็นวาบตรงตำแหน่งที่อีกฝ่ายจดจ้องอยู่ เขาโยนหม้อทิ้ง แล้วยกมือขึ้นไปลูบตรงส่วนนั้น ปรากฏว่าโล้นไปแถบ
พอเห็นซีติ้งผมหายไปหย่อมหนึ่ง ซีมู่เซิงก็ยิ้มย่องที่ได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่น
ใครใช้เ้าปากพล่อยเองเล่า คนปากพล่อยย่อมถูก์ลงโทษ
....
[1] ใช้เรียกสามีภรรยาที่อาจหนีตามกันมา หรืออยู่ด้วยกันโดยไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม
[2] เป็ความเปรียบถึงคนถ่อยที่ชอบก่อความวุ่นวายแต่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักอย่าง
