“กู้เหยา?” องค์ชายสิบสองะโลงจากรถม้า และเดินเข้ามาที่รถม้าของพวกนาง พอเขาเห็นกู้อิ๋งนั่งอยู่ด้านในก็รีบโค้งคำนับ “พี่สะใภ้ห้า” ยามเห็นกู้เจิงก็ยิ้มทักทาย “ฮูหยินน้อยเสิ่น”
“องค์ชายสิบสอง” กู้เจิงทักทายกลับ เขาเป็องค์ชายที่ทุกครั้งเมื่อเจอหน้ากันมักจะยิ้มอยู่เป็นิตย์ แต่กู้เจิงก็รับรู้ได้ว่าแม้จะมีรอยยิ้มส่งให้แต่ความสนิทสนมที่มีให้นั้นกลับเจือจางนัก
แม้ว่ากู้เจิงจะเคยพบองค์ชายสิบสองเพียงไม่กี่ครั้ง แต่สัญชาตญาณของนางบอกว่าองค์ชายสิบสองผู้นี้ไม่ชอบนาง
“ข้าจะพาพวกเ้าเข้าวังเอง” องค์ชายสิบสองกล่าวกับกู้เหยา “พวกเ้าไม่ต้องต่อแถวแล้ว ขับตามหลังรถม้าของข้ามาก็พอ”
“จริงหรือเพคะ? ดีเลย” กู้เหยากล่าวด้วยความยินดี “ขอบพระทัยองค์ชายสิบสอง”
กู้เจิงมองตามองค์ชายสิบสองที่วิ่งกลับไปบนรถม้าของตนเอง องค์ชายผู้นี้มีน้ำใจต่อน้องสี่มาก
มีรถม้าขององค์ชายสิบสองวิ่งนำเปิดทาง ทำให้รถม้าของพวกนางไม่ต้องต่อแถวเข้าวังหลวง
กู้เหยาหันมองแถวรถม้าที่ต่อรอเข้าวัง “ดูท่างานเลี้ยงต้อนรับของแม่ทัพเซี่ยคืนนี้จะยิ่งใหญ่มาก มีคนเข้าวังมาร่วมงานมากมายเลย”
“แม่ทัพเซี่ยเพิ่งกลับมาเมืองหลวงในรอบยี่สิบปี ในราชสำนักมีเพียงไม่กี่คนที่เคยพบแม่ทัพเซี่ย เหล่าขุนนางย่อมอยากมาเห็นบารมี” กู้อิ๋งนึกถึงสายตาที่องค์ชายสิบสองมองกู้เหยา ในใจก็รู้สึกกังวลขึ้นมา “เหยาเอ๋อร์ ระหว่างเ้ากับองค์ชายสิบสอง...”
“ทำไมหรือ?” กู้เหยาย้อนถามอย่างสงสัย
ใบหน้าของกู้เหยาไม่มีวี่แววเขินอายเหมือนตอนหญิงสาวกำลังมีความรัก กู้อิ๋งรู้สึกว่าตัวเองน่าจะคิดมากไป “ไม่มีอะไร เมื่อเข้าวังแล้วเ้าต้องสำรวม อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ”
กู้เหยาพยักหน้ารับรู้ “ข้าโตแล้ว จะไม่เอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วเ้าค่ะ”
“พูดแล้วต้องทำได้ด้วยนะ” กู้อิ๋งรู้จักน้องสาวคนนี้ดี ทุกครั้งที่เกิดเื่ นางจะได้รับบทเรียน แต่หลังจากนั้นไม่นานนางก็จะกลับไปเป็เหมือนเดิมอีก
กู้เจิงใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากขำ น้องสี่คนนี้ทำได้ก็แปลกแล้ว
เมื่อเข้ามาในวังแล้ว กู้อิ๋งก็ตรงไปที่ตำหนักพระสนมซูก่อน แล้วค่อยไปงานเลี้ยงพร้อมกับพระสนมซูที่ตำหนักเป่าเหอ ส่วนกู้เจิงนางยังไม่อยากพบหน้าพระสนมซูในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงให้นางกำนัลพาไปหอเป่าเหอก่อนเพื่อรอเสิ่นเยี่ยน
ในตำหนักเป่าเหอมีคนมามากมาย บางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง
“ฮูหยินน้อยเสิ่น” หวังหว่านหรงก้าวเข้ามาทักทาย
กู้เจิงเห็นนางสวมชุดกระโปรงจีบสีฟ้า งดงามเป็พิเศษในหมู่หญิงสาวมากมาย
หวังหว่านหรงเดินมาทักทายกู้เจิงพร้อมด้วยเหล่าสตรีกลุ่มใหญ่
“นี่ใช่คุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้หรือไม่?” หญิงสาวคนหนึ่งมองกู้เจิงอย่างพินิจพิเคราะห์
กู้เจิงรู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวบางคนในกลุ่มอยู่บ้าง พอนางตั้งใจมองก็พบว่า คนที่นางคุ้นหน้าเป็พวกคุณหนูที่ก่อความวุ่นวายกับฟู่ผิงเซียงที่งานล่าสัตว์เมื่อปีที่แล้ว
“ดูเหมือนจะเป็นางนะ นางแต่งงานหรือยัง?” เหล่าหญิงสาวในกลุ่มกระซิบถามกัน
“หว่านหรง เมื่อครู่เ้าเรียกนางว่าฮูหยินน้อยเสิ่น เป็ใต้เท้าเสิ่นคนไหนกัน?”
หวังหว่านหรงยิ้มพลางตอบพวกนางว่า “เป็ท่านเสิ่นเยี่ยนที่เพิ่งได้เป็บัณฑิตประจำสำนักราชเลขาน่ะ”
มีคนอุทานออกมา “ข้ารู้จักเขา ข้าได้ยินมาว่าฝ่าาชื่นชมเขาอย่างยิ่ง ทั้งยังทรงอยากให้เขามาเป็อาจารย์ขององค์ชายสิบสองด้วย”
“ใต้เท้าเสิ่นยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เชียว”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กู้เจิง แววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ราวกับกำลังคิดว่าเหตุใดบุตรสาวของอนุภรรยาถึงได้แต่งงานกับบุรุษที่ดีเยี่ยมปานนี้ได้
กู้เจิงปล่อยให้พวกนางมองไป นางจ้องมองใบหน้าของคนเหล่านี้ทีละคน และคิดอย่างจริงจังว่าวันนั้นใครเป็คนขัดขานาง น่าเสียดายที่ตอนนั้นนางไม่มีเวลามาสนใจ แต่ถึงตอนนี้จะจำได้ก็ไร้ประโยชน์ นางได้แต่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณเหล่าคุณหนูที่ชื่นชมเขา หวังว่าเหล่าคุณหนูจะได้พบกับบุรุษที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับข้าเช่นกัน”
พอได้ฟังถ้อยคำของกู้เจิง เหล่าสาวๆ ก็พากันหัวเราะทันที ทุกคนต่างมีความรู้สึกดีต่อกู้เจิงขึ้นมา ทว่ากลับเป็หวังหว่านหรงเสียเองที่มีสีหน้ายิ้มอย่างแข็งทื่ออยู่บ้าง เดิมทีนางอยากให้กู้เจิงรู้สึกอับอายเพราะฐานะของบุตรีอนุ แต่ไม่คิดว่าเื่จะกลับกลายเป็เช่นนี้
“ฮูหยินน้อยเสิ่น ท่านงามมากเลยเ้าค่ะ”
“ท่านเองก็ไม่เลวเหมือนกัน ดูผิวของท่านสิ เรียบเนียนละเอียดนัก” คนรอบข้างชมนาง กู้เจิงก็ต้องชมกลับไปด้วย
อันที่จริงคุณหนูเหล่านี้ก็ไม่ได้ผูกมิตรยากอะไร ด้วยความที่ต่างคนต่างมีตำแหน่งฐานะ เวลาจะพูดจาหรือทำอะไรล้วนไว้หน้ากัน หากพูดคุยแต่ถ้อยคำดีๆ ก็จะสนิทสนมกันไวขึ้น
“ฮูหยินน้อยเสิ่น ผ้าเช็ดหน้าของท่านสวยมากเลย” หญิงสาวคนหนึ่งมองผ้าเช็ดหน้าในมือกู้เจิงและชี้ไปยังรูปสัตว์ที่ปักอยู่ตรงมุมผ้าเช็ดหน้า “ลายปักนั้นคืออะไรหรือ?”
“เป็ลูกสุนัขน่ะ” กู้เจิงคลี่ผ้าเช็ดหน้าให้ดูอย่างใจกว้าง ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ของนางปักลายทั้งสองด้าน เมื่อดูจากด้านหลังท่าทางของสุนัขจะเป็อีกแบบหนึ่ง วิธีปักลายสองด้านนี้นางเรียนมาจากแม่สามี
“นี่มันวิธีการปักผ้าแบบไหนกัน? เป็ครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นลายผ้าสองด้านที่ไม่เหมือนกันแบบนี้ ฮูหยินน้อยเสิ่น ท่านซื้อมาจากที่ใดหรือ?”
หญิงสาวคนอื่นๆ ต่างเข้ามาชื่นชมด้วยความสงสัย
กู้เจิงกำลังจะบอกว่านี่เป็งานปักของนางเอง แต่จู่ๆ ผ้าเช็ดหน้าก็ถูกคนแย่งไป นางหันกายไปพลางะโว่า “ใครกัน...” แต่เสียงของนางต้องหยุดลงกะทันหัน นางเห็นสตรีสีหน้าเ็าตรงเข้ามา จึงรีบย่อกายคารวะ “คารวะฮูหยินเซี่ยเ้าค่ะ”
เหล่าสตรีคนอื่นๆ รีบย่อกายทำความเคารพตามกู้เจิง
วันนี้ฮูหยินเซี่ยสวมชุดกระโปรงผ้าไหมสีฟ้า คิ้วสีดำของนางถูกวาดอย่างประณีตยิ่ง ประณีตเสียจนทำให้เวลานางเลิกคิ้วจะดูเฉียบคมดุดัน นางเบิกตากว้างมองไปยังลายปักที่มุมผ้าเช็ดหน้าของกู้เจิง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เ้าไปเอามาจากที่ไหน?”
ทุกคนต่างหันมาที่กู้เจิง “ผ้าเช็ดหน้าเป็ของฮูหยินน้อยเสิ่นเ้าค่ะ”
ฮูหยินเซี่ยหรี่ตามมองกู้เจิง “ผ้าเช็ดหน้านี้เป็ของเ้างั้นหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ” กู้เจิงไม่เข้าใจว่าทำไมพอฮูหยินเซี่ยเห็นผ้าเช็ดหน้าถึงดูมีท่าทีแปลกไปเช่นนี้
“เ้าปักเองหรือ?” ฮูหยินเซี่ยถามเสียงแข็ง
“ไม่ใช่เ้าค่ะ ข้าซื้อมา” กู้เจิงโกหกโดยไม่ต้องคิด หากบอกว่านางปักเอง ฮูหยินเซี่ยจะต้องถามแน่ว่าใครสอน และนางคงจะตามสืบหาตัวแม่สามีได้ ด้วยสัญชาตญาณนางไม่้าให้ฮูหยินเซี่ยผู้นี้รู้ว่าแม่สามีเป็คนสอนปักลายสองหน้า
“ซื้อมางั้นหรือ? ซื้อมาจากใคร?” ฮูหยินเซี่ยจ้องเขม็งไปที่ดวงตาของกู้เจิง
หญิงสาวที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกอึดอัดกับท่าทางของฮูหยินเซี่ย แต่เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกนางโดยตรง พวกนางจึงได้แต่มองอย่างสงสัย
กู้เจิงส่งยิ้มบางๆ “ข้าไม่รู้จักหรอกเ้าค่ะ เป็เด็กสาวที่ขายอยู่ตามถนน ข้ารู้สึกว่าดูพิเศษนักจึงซื้อมาเ้าค่ะ”
“จริงหรือ?”
กู้เจิงจงใจทำหน้าสงสัย “ก็แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว ข้าไม่จำเป็ต้องโกหกฮูหยินเซี่ยหรอกเ้าค่ะ ฮูหยินชอบผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มากงั้นหรือ?”
“ไม่ได้ชอบ” ฮูหยินเซี่ยตอบอย่างเ็า
“ท่านแม่”
“พี่ใหญ่” เสียงของคุณหนูเซี่ยและกู้เหยาดังขึ้นพร้อมกัน
ระหว่างที่ะโ กู้เหยาก็วิ่งะโเข้ามาหากู้เจิง พอเห็นฮูหยินเซี่ยนางก็รีบทำความเคารพ “คารวะฮูหยินเซี่ยเ้าค่ะ”
“ฮูหยินน้อยเสิ่น” เซี่ยิ่หรูเข้ามาคล้องแขนมารดาพร้อมทักทายกู้เจิง นางหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือมารดาขึ้นมาดูก่อนเอ่ยชม “ลายปักลูกสุนัขนี่น่ารักจริงๆ เอ๊ะ? ท่านแม่ นอกจากท่านแล้ว ยังมีคนปักลายสองหน้าเป็อีกหรือเ้าคะ?”
กู้เจิงตาเป็ประกาย ฮูหยินเซี่ยปักลายสองหน้าเป็ด้วยงั้นหรือ?
“ท่านแม่ ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็ของใครเ้าคะ?”
“เป็ของพี่ใหญ่ข้าเอง” กู้เหยารีบบอก นางเคยเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ของกู้เจิงมาก่อนแล้ว
“ฮูหยินน้อยเสิ่นก็ปักลายสองหน้าเป็เหมือนกันหรือเ้าคะ?” เซี่ยิ่หรูตื่นเต้น นางคอยตามตื๊อมารดาให้สอนปักผ้าแบบนี้มาโดยตลอด แต่ท่านแม่ไม่ยอมสอนนาง ไม่เพียงแค่นั้นแต่มารดายังไม่ชอบให้นางพูดถึงเื่ที่ตัวเองปักลายสองหน้าเป็อีกด้วย
“ข้าซื้อมาจากเด็กสาวคนหนึ่งบนถนนน่ะ” กู้เจิงรีบบอก
“พวกเ้ามาทำอะไรกันที่นี่?” องค์หญิงสิบเอ็ดวิ่งเข้ามาหา ด้านหลังของนางมีนางกำนัลวิ่งตามมาด้วยอีกห้าคน
ทุกคนต่างรีบย่อกายทำความเคารพองค์หญิงสิบเอ็ด
ฮูหยินเซี่ยรีบคืนผ้าเช็ดหน้าให้กู้เจิง นางเพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทต่อหน้าผู้คนมากมาย “หม่อมฉันขอตัวเข้าไปนั่งก่อน เชิญองค์หญิงทรงเล่นตามสบายเพคะ” นางหันไปพูดกับบุตรว่า “ร่างกายเ้าเพิ่งดีขึ้น ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“เ้าค่ะ ท่านแม่” เซี่ยิ่หรูรับคำอย่างว่าง่าย
เหล่าสตรีคนอื่นๆ ต่างก็อยากร่วมสนทนากับองค์หญิงสิบเอ็ด แต่องค์หญิงสิบเอ็ดไม่ได้คิดเช่นนั้น นางจับมือกู้เจิงพร้อมเอ่ยอย่างเป็กันเองว่า “พี่ใหญ่กู้ พวกเรามีเื่จะถามท่าน ไปกันเถอะ”