ทางฝั่งผู้าุโของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เมื่อพวกเขาเห็นว่ากลุ่มของหนิงอ้ายทั้งสี่คนสามารถจัดการอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะได้สำเร็จ แม้ว่าตอนนี้จะยังมีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ชายหญิงมากกว่าหลายสิบคนที่ยังไม่ฟื้นคืนสติก็ตาม
อำนาจสะกดใจที่เคยควบคุมไม่ต่างหุ่นเชิดไร้ซึ่งแรงต้านทาน เมื่อสัตว์อสูรนายแห่งพันธะดังกล่าวได้ตกตายไป ร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบต่อวิถีทางแห่งผู้ฝึกตนในวันข้างหน้า หลังจากนี้เพียงไม่กี่ชั่วยามย่อมที่จะฟื้นสติกลับมาได้ดังเดิม หากว่ากลุ่มของรุ่นเยาว์เหล่านี้สามารถเดินทางมาถึงประตูทางเข้าของสำนักศึกษาได้สำเร็จ นั่นเท่ากับว่าในปีนี้ทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ได้รับศิษย์ใหม่มากที่สุดของทางสำนักเลยทีเดียว
"ในที่สุดพวกเขาทั้งสี่คนก็มาถึงประตูทางเข้าของสำนักได้เสียที บอกตามตรงว่าที่ผ่านมาในตำแหน่งผู้าุโของสำนัก ได้เห็นการคัดเลือกศิษย์ใหม่มามากมายนับไม่ถ้วน ทว่าไม่มีครั้งใดซักครั้งที่ทำให้ข้าเกือบหัวใจจะวายเช่นนี้ได้!!" ผู้าุโชราร่างเล็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงดังราวกับอัดอั้นมาแสนนาน พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่เด็กพวกนี้สามารถผ่านมาได้อย่างปลอดภัย
"ไม่ว่าจะเป็อสูรเสือดาวลมกรด อสูรอสรพิษราชันย์สุริยันจันทราทมิฬที่ปรากฎตัวให้เห็นรอบหลายร้อยปี และสุดท้ายอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะที่เข้ามาแทรกแซงการทดสอบของสำนักครั้งนี้ แต่ละสิ่งอย่างที่รุ่นเยาว์ทั้งสี่คนได้พบเจอในการทดสอบข้าพูดได้เลยว่าแทบไม่ต่างไปจากการออกไปทำภารกิจของสำนักเสียด้วยซ้ำ..." หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยเสริมขึ้นมาในทันที
"หนึ่งเคล็ดวิชาฝ่ามือบัญชาการ ด้วยอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้นับว่ารุนแรงยิ่งนัก ข้าพอััได้ว่านั้นกระดูกิญญาชิ้นย่อมมีอายุไม่ต่ำกว่าสี่พันปีเป็แน่ หากเทียบไปกับระดับพลังิญญาแล้ว ไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้ได้ประสานกระดูกิญญาเข้ากับร่างกายโดยไร้ซึ่งผลกระทบใดใด ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!!" ผู้าุโชายวัยกลางคนที่ชื่นชอบสังเกตรายละเอียดสิ่งต่าง ๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในข้อข้องใจนี้
"บทเวทย์ที่เรียกใช้นั้นก็เต็มเปี่ยมด้วยอานุภาพที่น่าชื่นชม กล่าวได้ว่ามีส่วนด้อยกว่าบทเวทย์ระดับเทวะเพียงไม่กี่ขั้น แต่นั่นพอเข้าใจได้ว่าผู้ใช้บทเวทย์เป็เพียงผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาเท่านั้น จากที่ข้าพอคุ้นเคยกับสหายจึงทำให้พอที่จะััได้ว่าเวทย์ดังกล่าวนี้นั้นได้ถูกประสานไปกับอักขระเวทย์โบราณได้อย่างลงตัว จึงส่งผลให้มีอาณุภาพความรุนแรงมีมากกว่าเวทย์ในปราณธาตุเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด..." ผู้าุโที่นั่งอยู่ในส่วนมุมด้านข้างห้องได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม
"จะว่าไปแล้วข้านั้นชอบเด็กหนุ่มที่มีนามว่าลู่ซีไม่น้อย ด้วย่อายุเพียงเท่านี้แต่กลับสามารถควบคุมอารมณ์ที่มีมีความเป็ผู้นำและผู้ตามที่ดี อีกทั้งเคล็ดวิชากระบี่ของเขาน่าสนใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าด้วยวัยเพียงสิบหกปีเท่านี้จะสามารถใช้เพลงกระบี่ได้ราวกับเป็ส่วนหนึ่งของร่างกายเสียอย่างนั้น หากได้รับการขัดเกลาจากข้าอีกสักหน่อยอีกฝ่ายคงสามารถยืนอยู่แถวหน้าของตำหนักศาสตร์แห่งต่อสู้ได้อย่างแน่นอน..." โจวเซินผู้เป็หนึ่งในผู้าุโสุงสุดของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ แสดงให้ทุกคนในที่นี้รับรู้ว่าอีกฝ่าย้าให้เด็กหนุ่มที่มีนามว่าลู่ซีมาอยู่ในสังกัดตำหนักของตนมากเพียงใด
"แต่สำหรับข้ากลับชื่นชอบเด็กหนุ่มที่มีนามว่าจินหั่วมากกว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ได้ถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งที่สูงสุดนั้นคือฐานะว่าที่ประมุขตระกูลจินคนต่อไป ตระกูลจินนั้นก็เป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้น หากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ในวันข้างหน้าที่อีกฝ่ายขึ้นเป็ประมุขตระกูลคนต่อไปขุมพลังหนุนหลังของสำนักศึกษาเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม..." ผู้าุโชายอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจเป็ได้ในวันข้างหน้าที่ส่งผลดีกับทางสำนักโดยตรง
"ข้ากลับคิดว่าเ้าเด็กอี้หลินคนนี้นั่นก็ไม่เลว ดูไปแล้วปราณธาตุไฟต้นกำเนิดนั้นมีความแตกต่างไปบางส่วนจากประมุขตระกูลอี้ในปัจจุบัน ด้วยเพราะการที่มารดาของเขาหรือฮูหยินรุ่ยเป็ชาวเผ่าที่มีความเป็มาลึกลับไม่ทราบที่มาอันชัดเจน ด้วยวัยเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ หากว่าทางสำนักศึกษาของเราสามารถบ่มเพาะให้เขานั้นไปถึงจุดขีดสุดความสามารถของตนเองได้ข้าว่าเด็กคนนี้ย่อมเป็อีกหนึ่งกำลังที่สำคัญไม่แพ้กัน..." ผู้าุโที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็เพียงชายหนุ่มทั่วไป แต่ด้วยเคล็ดวิชาเฉพาะของอีกฝ่ายจึงทำให้เมื่อบรรลุเคล็ดวิชาในระดับที่สูงขึ้น ร่างกายภายนอกได้แปรเปลี่ยนดูอ่อนเยาว์ลง ไม่ต่างไปจากตาเฒ่าประหลาดก็ว่าได้
"การเลือกศิษย์ใหม่เข้าศึกษาในตำหนักของแต่ละคนนั้นข้าว่าไว้เราค่อยพูดคุยปรึกษากันภายหลังดีหรือไม่?? ตอนนี้เราควรตรวจสอบในงานของวันพรุ่งนี้ที่ตามกำหนดเวลาการทดสอบยังมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง และยังอาจต้องเพิ่มระดับการป้องกันอีกหลายส่วนจะเป็การดีที่สุด..."
กลุ่มของหนิงอ้ายทั้งสี่คนพวกเขาต่างมองหน้ากันและะโกอดกันด้วยความรู้สึกยินดีเพราะว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งใจเพียรพยายามมาั้แ่เเรกในที่สุดก็สัมฤทธิ์ผล ภาพที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาคือประตูทางเข้าของสำนักที่ถูกทำขึ้นจากหินแกะสลักเป็สีขาวดำที่เป็ลวดลายสวยงามที่มีสัญลักษณ์เป็รูปหยดน้ำแปดแฉกอยู่ตรงกลาง ตรงด้านข้างของแท่งเสาหินที่รองรับป้ายชื่อของสำนักนั้นเป็ผู้คุ้มกันจำนวนหลายคน
หนิงอ้ายปล่อยวิหคสอดแนมไปยังรัศมีสองลี้ของขอบเขตการรับรู้ ก่อนที่เนตรแห่ง์จะส่งข้อมูลให้เขาได้รับรู้ว่าประตูหินทางเข้าของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์นั้นทำมาจาก ผลึกอัมพร์เก้าชั้นฟ้า แร่หินที่หาได้ยากยิ่งในยุทธภพ ฟังว่าเพียงขนาดหัวนิ้วมือนั้นก็มีมูลค่าไปหลายล้านเหรียญทองแล้ว
แต่นี่ทางสำนักศึกษากลับนำเอาผลึกอัมพร์เก้าชั้นฟ้านี้ใช้ทำเป็ประตูของสำนัก ความรุ่งเรืองของสำนักศึกษาที่มีความเป็มานับหลายพันปี ความมั่งคั่งเช่นนี้สมกับเป็หนึ่งในห้าของสำนักศึกษาระดับต้น ๆ ของมหาทวีปบูรพานี้ได้อย่างแท้จริง
ผู้คุ้มกันเกือบสิบคนที่ยืนประจำการอยู่ตรงด้านข้างประตูทางเข้าสำนักนั้นต่างล้วนเป็ผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาไม่น้อยกว่าระดับเทวะิญญาแทบทั้งสิ้น หนิงอ้ายถึงกับคิดอยู่ในใจว่าทางสำนักถึงกับมีตัวตนระดับเทวะิญญาเป็ผู้คุ้มกันเช่นนี้ ไม่รู้ว่าในสำนักนั้นจะมีเสือซ่อนเล็บที่เปี่ยมไปด้วยอยู่มากน้อยสักเพียงใด หนิงอ้ายก็พอเข้าใจได้ สำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์นี้เป็หนึ่งในห้าของสำนักศึกษาที่ได้รับการยอมรับในบูรพาทวีป แน่นอนว่าที่แห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเื่ความปลอดภัยมากที่สุดอีกสถานที่หนึ่งเช่นกัน
"ค่ายกลของสำนักศึกษาดูคล้ายกับว่าเป็ค่ายกลที่แฝงไปด้วยพลังกดดันบางอย่างแค่เพียงมองก็ััได้ถึงแรงกดดันให้ไม่น้อยไม่รู้ว่าซุกซ่อนไปด้วยกลพิศดารอันใดกัน..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นอย่างความสงสัยด้วยเพราะเขาชื่นชอบในเื่ราวเกี่ยวข้องศาสตร์แห่งค่ายกล ดังนั้นเมื่อได้เห็นค่ายกลระดับสูงเช่นนี้แล้วจึงอดไม่ได้ที่จะวิเคราะห์ออกมา
"เ้าชื่นชอบศาสตร์แห่งค่ายกลเช่นนั้นรึลู่ซี?? สำหรับข้าเื่เช่นนี้ช่างละเอียดอ่อนเกินไปกว่าที่ข้าจะเรียบรู้ได้ อีกอย่างอย่างข้านั้นล้วนแต่เหมาะสมกับการต่อยตีเป็ที่สุด!!!" อี้หลินเอ่ยขึ้น เขาที่มีฐานะเป็นายน้อยของตระกูลอี้ ย่อมหนีไม่พ้นต้องเรียนรู้ทุกศาสตร์อย่างคล่องแคล่ว แน่นอนว่าศาสตร์ใดที่ต้องข้องเกี่ยวกับความจำหรือความละเอียดอ่อนย่อมไม่ใช่ทางของเขาทั้งสิ้น
"เ้าก็เป็เช่นนี้เสมออี้หลิน ข้ายังจำได้ในตอนเด็กที่เ้าถูกท่านน้ารุ่ยมารดาของเ้าสั่งให้บ่าวรับใช้จับตัวเ้าอาบน้ำแต่งตัว เพราะเ้าไม่ยอมเข้าเรียนเสริม ฮ่าฮ่าฮ่า!!!" จินหั่วเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงวีรกรรมของอีกฝ่าย อี้หลินที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ฝากรอยมือไว้กลางหลังของเด็กหนุ่มด้วยความรักดั่งสหายไปหนึ่งที ทำเอาจินหั่วนั้นถึงกับปวดหลังอยู่เป็ครู่ใหญ่เลยทีเดียว
"เ้าคิดเห็นเป็อย่างไรบ้างหนิงอ้าย??"
"ค่ายกลนี้มีชื่อว่า มหาจตุรทิศวิถีประสานโลกา นับได้ว่าเป็อีกมหาค่ายกลที่ขึ้นชื่อของทางสำนักศึกษาที่ถูกคิดค้นด้วยบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนัก ฟังว่าในทุกสี่ปีวนเวียนมาถึงนั้นเ้าแห่งสำนักในแต่ละรุ่นจะต้องถ่ายเทลมปราณไม่น้อยกว่าสองถึงสามส่วนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของมหาค่ายกลแห่งนี้ อีกทั้งยังมีพลังลึกลับบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่จึงทำให้ค่ายกลมีความลี้ลับบางอย่าง อาจถูกกระตุ้นใช้งานได้ในยามที่ทางสำนักถูกโจมตีหรืออาจด้วยเหตุผลอื่นก็เป็ไปได้เช่นกัน..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นตามข้อมูลที่เนตรแห่ง์บอกให้รับรู้
"ข้าคิดว่ามหาค่ายกลนี้ได้ถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยพลังิญญาต้นกำเนิดของท่านผู้ก่อตั้งและท่านเ้าสำนักในแต่ละรุ่นมายาวนานตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา หากจะกล่าวว่ามหาค่ายกลนี้เป็หนึ่งในค่ายกลที่แข็งแกร่งต้น ๆ ในยุทธภพ ย่อมไม่เกินจริงไปซักเท่าไหร่นักขอรับ..." สิ้นคำของหนิงอ้ายนอกจากจะทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามคนชื่นชมในความรอบรู้ของสหายตัวน้อยแล้ว ทางฝั่งของผู้าุโที่สังเกตการณ์จากค่ายกลส่งภาพโดยเฉพาะทางฝั่งของเ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลต่างรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ความลี้ลับของมหาค่ายกลที่ถูกซุกซ่อนไว้ เขายังต้องใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะรับรู้ถึงสิ่งนี้ ในฐานะเ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลตลอดหลายปีมานี้ กล่าวได้ว่าเขายังไม่สามารถไขความลับของมหาค่ายกลของสำนักได้หมดเสียที ดูท่าแล้วคงต้องหาเวลาพูดคุยกับเด็กหนุ่มคนนี้เสียแล้ว
ทางฝั่งของเจียงเฉิงที่เป็เ้าสำนักเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจไปไม่ต่างกัน ที่เด็กหนุ่มถึงกับล่วงรู้ได้ว่ามหาค่ายกลมหาจตุรทิศวิถีประสานโลกานี้ เ้าสำนักในแต่และรุ่นต้องคอยถ่ายเทพลังิญญาในทุกสี่ปีเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
ความลับพิศดารเช่นนี้หากไม่ใช่เป็เ้าสำนักหรือเป็ศิษย์สืบทอดโดยตรงย่อมไม่มีผู้ใดรับรู้เป็แน่ ผู้าุโหลายคนที่อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมานั้นเป็เื่จริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเ้าสำนักไม่ได้เอ่ยแย้งสิ่งใดขึ้นมาจึงทำให้พวกเขาพอรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมานั้นเป็เื่จริง
หากเป็เช่นนั้นแล้วการที่เด็กหนุ่มหนิงอ้ายสามารถรับรู้ถึงปริศนาความลับนี้ทั้งที่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้ามาในสำนักเสียเลยด้วยซ้ำ อาศัยเพียงแค่การมองเห็นและญาณััก็ทำให้รับรู้ได้ถึงสิ่งเหล่านี้ได้ราวกับว่ามีดวงตาที่สาม แต่หากจะให้พวกเขาไปคาดคั้นเด็กหนุ่มคงไม่ใช่เื่ควรกระทำสักเท่าไหร่ เพราะในโลกแห่งผู้ฝึกตนนี้ทุกคนต่างมีไพ่ลับในมือหรือมีความลับที่ไม่อาจให้ล่วงรู้ได้ไม่ต่างกัน...
"ข้าอยากพักผ่อนจะแย่อยู่แล้ว..." อี้หลินบ่นขึ้นพร้อมกับเดินนำทุกคนไปยังทางเข้าสำนักในทันทีเมื่อไปถึงจึงได้เอ่ยถามผู้คุ้มกันท่านหนึ่งที่ดูใจดีว่า
"พวกข้ามาถึงทางเข้าของสำนักแล้ว ต้องทำสิ่งอื่นอีกหรือไม่ขอรับ??" ลู่ซีเอ่ยถามพร้อมกับยกมือประสานขึ้นด้วยมารยาทของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่พึงกระทำต่อผู้าุโด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนแม้ว่าผู้าุโท่านนี้เป็เพียงผู้คุมกันทางเข้าของประตูสำนักศึกษาเท่านั้น
สิ่งนี้ที่ปรากฎแก่สายตาของผู้คุ้มกันทั้งหมดและผู้ที่สังเกตการณ์จากค่ายกลส่งภาพนั้นต่างพยักหน้าและมีความเห็นตรงกันด้วยเพราะสิ่งที่ชายหนุ่มทั้งสี่คนกระทำต่อกลุ่มผู้คุมกันเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยมารยาทที่พึงมี ย่อมแสดงให้เห็นการอบรมจากตระกูลและนิสัยส่วนตัวของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
หัวหน้าผู้คุ้มกันท่านนั้นและผู้คุ้มกันใกล้เคียงที่เห็นท่าทางดังกล่าวต่างรู้สึกดีกับเด็กหนุ่มทั้งสี่คนตรงหน้าขึ้นหลายส่วน ใบหน้าหล่อเหลาสมกับวัยดูอ่อนลงกว่าเดิม แววตาที่ทอดมองมายังพวกกลุ่มของหนิงอ้ายเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก
ทุกปีของการเปิดรับศิษย์ใหม่เข้าสำนักศึกษา เหล่าบรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงที่มาจากตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงของแต่ละแคว้นต่างเดินเข้ามาร่วมทดสอบการเป็ศิษย์กันไม่น้อย ความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีย่อมมีอย่างเต็มเปี่ยมอย่างแน่นอนยิ่งลำดับชั้นวรรณะเห็นได้ชัดเจนเป็อย่างยิ่ง การที่รุ่นเยาว์เ่าั้จะแสดงกริยาท่าทางราวกับพวกเขาเป็เพียงข้ารับใช้ พวกเขาได้แต่นิ่งอดทนเพราะถือว่านี่เป็อีกหนึ่งสิ่งที่ตนสามารถตอบแทนสำนักศึกษาแห่งนี้ได้
ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงทำให้ผู้คุมกันหลายคนในที่นี้หลายคนจึงไม่ค่อยชื่นชอบรุ่นเยาว์ที่เป็ศิษย์ใหม่มากนัก แม้ว่าเมื่อพวกเขาหากได้เข้าสำนักไปแล้ว กริยาท่าทางเหล่านี้จะหายไปบ้างแต่นั้นก็ทำให้ความรู้สึกแรกที่พวกเขาทุกคนในที่นี้ที่มีต่อผู้เข้าร่วมการทดสอบย่อมไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
ผู้คุมกันเหล่านี้ล้วนต่างเคยเป็ศิษย์สายนอกของทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด แต่อาจด้วยเพราะถึง่อายุกำหนดเเล้วยังไม่สามารถเลื่อนเป็ศิษย์สายในได้หรือบ้างก็มีเหตุผลส่วนตัวที่จำเป็พวกเขาจึงเลือกที่จะทำหน้าที่นี้ซึ่งไม่ต่างไปจากผู้าุโสายนอกของทางสำนัก แม้จะดูว่าเป็เพียงผู้าุโศิษย์สายนอก แต่สำหรับเมืองใกล้เคียงในการปกครองของสำนักศึกษาแล้วกลุ่มคนเหล่านี้ล้วนมีน้ำหนักในใจหลายส่วนเลยทีเดียว
"ขอแสดงความยินดีกับพวกเ้าทั้งสี่คนที่สามารถผ่านการทดสอบมาจนถึงทางสำนักศึกษาได้สำเร็จ วันพรุ่งนี้จะเป็วันสุดท้ายของกำหนดการรับศิษย์ใหม่ในปีนี้แล้ว รายละเอียดเพิ่มเติมจะมีผู้าุโฝ่ายในจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้ง เวลาที่เหลือก่อนถึงวันพรุ่งพวกเ้าสามารถพักผ่อนอยู่ในบริเวณนี้ได้..." หัวหน้าผู้คุ้มกันท่านเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมกับแนะนำไปด้วยความหวังดี
"ผู้าุโ ก่อนหน้านี้มีผู้ผ่านการทดสอบมาถึงที่นี่กี่คนแล้วหรือขอรับ??" อี้หลินถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะว่าก่อนหน้านี้หนิงอ้ายได้บอกให้รับรู้ว่าปีนี้มีรุ่นเยาว์ชายหญิงที่โดดเด่นหลายคน หากมีนิสัยที่เข้ากันได้แน่นอนว่าการผูกมิตรย่อมเป็สิ่งที่ดีเช่นกัน
"ปีนี้ทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์นับว่าได้รุ่นเยาว์ชายหญิงที่โดดเด่นหลายคนเลยทีเดียว ก่อนหน้าที่พวกเ้าจะมาถึง มีรุ่นเยาว์ที่ผ่านการทดสอบเป็ชายไปแล้วหกคน หญิงอีกสามคน ดูจากท่าทางแล้วคงผ่านเื่ราวลำบากในการทดสอบมาไม่น้อยกว่าพวกเ้าไปสักเท่าไหร่..." หัวหน้าผู้คุมกันตอบกลับไปให้คลายสงสัย
"ขอบคุณผู้าุโ เช่นนั้นพวกข้าขอตัวแยกย้ายไปพักผ่อนนะขอรับ" กลุ่มของหนิงอ้ายทั้งสี่คนได้ยินคำตอบจึงหายความสงสัยแล้ว จากนั้นพวกเขาได้โค้งตัวคำนับก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลห่างไปนัก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้