หน้าประตูหอวิทยายุทธ์ตระกูลเฟิง เฟิงลั่วยืนประจันหน้ากับหลงอวี้พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยิ่งผยอง
“โขกหัวสามครั้ง ตบหน้าตัวเองสิบครา จากนั้นค่อยคลานเข้าไปจากใต้ฝ่าเท้าเ้าเช่นนั้นหรือ ”
หลงอวี้ถามเสียงเรียบ
ต่อให้เป็บ่าวรับใช้นอกตระกูลเฟิงก็สามารถเข้าออกหอวิทยายุทธ์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หลงอวี้ที่เป็ถึงบุตรบุญธรรมของประมุขกลับต้องคุกเข่าโขกหัวให้ผู้อื่นเพื่อเข้าไป ช่างน่าขันสิ้นดี
เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลของเฟิงฉางเกอที่มีต่อตระกูลเฟิงไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน ถึงขั้นที่ว่าตำแหน่งประมุขก็ใกล้จะถูกผู้อื่นแย่งชิงไปแล้ว
“ ใช่แล้ว นี่ข้าให้ความเมตตาเ้าอย่างถึงที่สุดแล้ว มิเช่นนั้นเศษสวะอย่างเ้าคงถูกไสหัวไปจากตระกูลเฟิงนานแล้ว”
เฟิงลั่วหรี่ตามองอีกฝ่ายในแววตาเผยความรู้สึกดูถูกโดยไม่ปิดบัง
“ อย่างนั้นหรือ ”
หลงอวี้หัวเราะอย่างเ็า เขาไม่ได้รีบลงมือแต่อย่างใด เพียงใช้สายตากวาดมองไปทางด้านข้าง
ใกล้ๆ ทางเข้าหอวิทยายุทธ์ตระกูลเฟิงย่อมต้องมีคนเฝ้าอยู่ ผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวันนี้คือผู้าุโคนหนึ่งของตระกูลเฟิง นามว่าเฟิงเทียนเสียง
ตอนนี้หลงอวี้จ้องมองเฟิงเทียนเสียง เขาพบว่าผู้าุโท่านนั้นดูสูงอายุระดับหนึ่ง เส้นผมและหนวดเคราล้วนเป็สีขาว แต่ระดับพลังของเขากลับไม่อาจดูถูกได้ ระดับของผู้าุโท่านนั้นมีหรือที่ผู้เยาว์อย่างเฟิงลั่วจะเทียบได้
เหมือนว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นว่าหลงอวี้กำลังจ้องมองมา สิ่งที่เฟิงเทียนเสียงทำเพียงลืมตาขึ้นเล็กน้อย ยกมือโบกปัดและพูดด้วยท่าทางเกียจคร้านว่า “ เ้าจงทำตามที่นายน้อยเฟิงลั่วบอกเถิด หากไม่ยอมโขกหัวสามครั้ง ตบหน้าตัวเองสิบครา จากนั้นค่อยคลานจากใต้ฝ่าเท้าของนายน้อยเฟิงลั่วเข้าไป เ้าก็ไม่ต้องเข้าไปในหอวิทยายุทธ์ ”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปากผู้าุโ ลูกหลานตระกูลเฟิงไม่น้อยที่อยู่รอบข้างก็พากันยิ้มเยาะ
“ เ้าหลงอวี้นี่มันสวะจริงๆ ไม่รู้หรือไรว่าผู้าุโเทียนเสียงเป็คนของตระกูลเฟิง ยังจะไปขอความช่วยเหลือจากท่านอีก! ”
“ น่าขันเกินไปแล้ว เศษสวะเยี่ยงนี้ ตามหลักแล้วควรไล่ออกจากตระกูลเฟิงถึงจะถูก เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ”
“ ได้ยินว่าไอ้สวะนี่ถูกตระกูลใหญ่ในเขตพระราชฐานขับไล่ มันถึงได้มาเกาะตระกูลเฟิงของพวกเราอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายเกินคำบรรยายเสียจริง ”
หลงอวี้ได้ยินคำพูดดูถูกของเหล่าลูกหลานตระกูลเฟิง ยังคงแย้มยิ้มออกมา ทว่าในรอยยิ้มกลับแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น
ดูท่าตระกูลเฟิงจะไม่ต้อนรับเขาจริงๆ!
ทั้งตระกูลเฟิงมีเพียงเฟิงฉางเกอเท่านั้นที่มีพระคุณต่อหลงอวี้ เวลาปกติเขามักจะขังตัวเองอยู่ในบ้าน จึงไม่รู้สึกรู้สาสักเท่าไร แต่ตอนนี้ ยามที่เขาอยากจะเข้าไปในหอวิทยายุทธ์ กลับถูกกีดกันอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้
“ แม้ตระกูลเฟิงจะไม่ต้อนรับข้า ย่อมมีสักที่ที่ต้อนรับ! ”
หลงอวี้มีนิสัยเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว เื่แค่นี้มีหรือจะทำอะไรเขาได้
ตอนนี้เขาก้าวเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ได้แล้ว หากยังอยู่ในตระกูลเฟิงก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้เฟิงฉางเกอ เช่นนั้นสู้ให้เขาออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกยังจะดีเสียกว่า รอให้ระดับวิทยายุทธ์สูงขึ้นแล้วค่อยกลับมาช่วยเหลือเฟิงฉางเกอภายหลังก็ยังไม่สาย
แต่ก่อนหน้านั้น เขาคงปล่อยไอ้เฟิงลั่วตรงหน้าไปเฉยๆ ไม่ได้เด็ดขาด
“ เฟิงลั่ว! ”
หลงอวี้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มีเพียงสายตาเ็าของเขาที่จับจ้องเฟิงลั่วนิ่งๆ “ เ้าเอาแต่บอกว่าข้าเป็สวะไร้ค่า ถ้าวันหนึ่งข้าสามารถล้มเ้าลงมาเหยียบได้ละก็ เช่นนั้นตัวเ้าจะนับเป็ตัวอะไร ”
ตูม!
คำพูดของหลงอวี้ราวกับอสนีบาตฟาดผ่า ผู้คนทั่วบริเวณพากันตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
ไอ้สวะนี่กล้าพูดจาแบบนี้ได้อย่างไร เป็แค่เศษสวะที่ไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้แท้ๆ กลับอวดดีบอกว่าจะล้มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอย่างเฟิงลั่วให้มิดฝ่าเท้า!
วรยุทธ์ขั้นสาม มีพละกำลังของหมัดมีมากกว่าสี่พันชั่ง เกรงว่าเพียงหมัดเดียวก็สามารถบดขยี้หลงอวี้จนกลายเป็เศษเนื้อได้!
ทุกคนภายในหอวิทยายุทธ์ต่างจ้องหลงอวี้เขม็ง คิดว่าไอ้สวะนี่คงเสียสติไปแล้ว ถึงกล้าท้าทายนายน้อยเฟิงลั่วผู้เป็ถึงลูกหลานในสายเืตระกูลเฟิงทั้งยังเป็น้องชายของยอดฝีมือเฟิงอวิ๋น ต่อให้ฆ่าหลงอวี้ตายก็คงไม่มีใครกล้าเอาเื่!
สวะอย่างหลงอวี้รนหาที่ตายเช่นนี้ หรือมันจะถูกกลั่นแกล้งจนเสียสติไปแล้ว
“ เ้าว่าอย่างไรนะ ”
ฉับพลันสีหน้าโอหังได้ใจของเฟิงลั่วเมื่อครู่นี้ได้พลันเ็าลง
ตัวเขาหากเทียบกับคนอื่นในตระกูลเฟิงนับว่าไม่มีอะไรก็จริง เทียบกับเฟิงเหยาที่อายุเท่ากัน นางสามารถบรรลุถึงวรยุทธ์ขั้นเจ็ดจนกลายเป็ลูกศิษย์คนสำคัญของสำนักน้ำแข็งเยือกได้ ในขณะที่ตัวเขากลับไม่อาจทะลวงผ่านคอขวดไปถึงขั้นที่สี่ได้ เขาจึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าร่วมสำนักลัทธิต่างด้วยซ้ำ
เื่นี้เป็ปมในใจของเขามาตลอด และตอนนี้เ้าสวะหลงอวี้กลับพูดว่าจะเหยียบเขาไว้ใต้ฝ่าเท้าอีก
บ้าบอสิ้นดี!
“ ไอ้สวะ เป็เ้าเองที่รนหาที่ตาย ข้าจะหักขาเ้าทิ้งสักหนึ่งข้าง จะได้รู้ว่าจุดจบของคนที่ปากพล่อยๆ นั้นร้ายแรงเพียงใด! ”
เฟิงลั่วกล่าวอย่างอำมหิต พร้อมก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว รวบรวมพละกำลังวรยุทธ์ขั้นสามไว้ในมือ
วรยุทธ์ขั้นสาม มีพละกำลังมากถึงสี่พันชั่ง หากเป็หลงอวี้เมื่อสามวันก่อน คงไม่แน่ว่าจะเป็คู่มือให้อีกฝ่ายได้
แต่หลงอวี้เมื่อสามวันก่อนได้ซึมซับพลังจากโอสถหยกวิเศษจนยกระดับขึ้นสู่ขั้นที่สอง จึงมีพละกำลังถึงสองพันชั่ง และหากกระตุ้นพลังของสัญลักษณ์ัเขียวขึ้นอีก ก็จะมีพลังเพิ่มอีกหนึ่งพันชั่ง
พละกำลังกว่าสามพันชั่ง เมื่อรวมกับประสบการณ์ในการฆ่าคนอย่างโชกโชนของหลงอวี้ในชาติที่แล้ว การต่อกรกับเฟิงลั่วเพียงคนเดียวจึงไม่ใช่เื่ยาก
เฟิงลั่วนั้นแค่คอขวดของขั้นที่สี่ก็ยังทะลวงผ่านไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงวิทยายุทธ์ที่สูงล้ำกว่านั้น นับว่าเขาเป็พวกที่มีพลังต่อสู้อ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม
“ ตายเสียเถิด! ”
สีหน้าของเฟิงลั่วเผยความอำมหิต หมัดขวาที่รวบรวมพลังสี่พันชั่ง ส่งกลิ่นอายราวกับอสูรจากปรภพ ซัดเข้าที่กลางอกของหลงอวี้
“ ฝ่ามืออสุราเป็วิทยายุทธ์จากหอวิทยายุทธ์ เฟิงลั่วบรรลุขั้นต้นของวิชานี้แล้ว! ”
“ไอ้สวะหลงอวี้คงรอดจากครั้งนี้ยาก แต่เดิมก็เป็สวะที่ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากนี้ยังต้องเสียขาอีกข้างจนพิกลพิการไปอีก! ”
“ ฝ่ามืออสุรา หากฝึกสำเร็จถึงขั้นสูงจะสามารถปล่อยกลิ่นอายอสุราเพื่อสร้างความหวาดหวั่นในจิตใจผู้คนได้ ทว่าเพราะเ้าเฟิงลั่วมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ย่ำแย่ ร่ำเรียนไปตั้งหลายครั้งก็ยังบรรลุได้แค่ขั้นต้น ”
“ ขั้นต้นแล้วอย่างไร จัดการสวะหลงอวี้แค่คนเดียว ใช้วิทยายุทธ์ยังมากเกินไปด้วยซ้ำ ยังต้องกลัวแพ้ด้วยหรือ ”
ลูกหลานตระกูลเฟิงที่อยู่รอบๆ ต่างช่วยกันวิเคราะห์
ไม่มีใครคิดว่าหลงอวี้จะรอดจากการโจมตีนี้ไปได้
อันที่จริงหลงอวี้เองก็ไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว เขาใช้ความคิดกระตุ้นสัญลักษณ์ั พลังลึกลับกระแสหนึ่งแผ่กำจายไปทั้งร่าง
พลังสามพันชั่ง!
ไม่ใช่แค่พลังเท่านั้นที่หลงอวี้เหนือกว่าเฟิงลั่ว ฝีมือการต่อสู้ก็เหนือกว่าหลายเท่า
ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับหมัดของเฟิงลั่ว เงาร่างของหลงอวี้ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขยับหลบเล็กน้อยก็พ้นไป ก่อนจะตวัดเท้าเตะสวนอีกฝ่ายไป
“ อ้าก! ”
ลูกเตะพละกำลังกว่าสามพันชั่งซัดเข่าของเฟิงลั่วเต็มๆ ทำเอาอีกฝ่ายส่งเสียงร้องอย่างน่าสมเพชก่อนจะล้มดังตึง
ผัวะ!
หลงอวี้ใช้เท้าเหยียบแผ่นหลังของเฟิงลั่ว ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มเ็า “ ข้าคิดว่าเ้าจะแข็งแกร่งกว่านี้เสียอีก เหตุไฉนถึงได้กระจอกถึงเพียงนี้”
ความเงียบปกคลุมไปทั้งหอวิทยายุทธ์
เพียงกระบวนท่าเดียวก็เหยียบเฟิงลั่วไว้ได้!
ผู้คนต่างพากันอ้าปากตาค้าง มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อครู่นี้ไอ้สวะที่ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้กลับล้มนายน้อยเฟิงลั่วได้ในครั้งเดียว
“ นี่ๆๆ... เป็ไปได้อย่างไร ”
“ มันฝึกวรยุทธ์ไม่ได้มิใช่หรือ เหตุใดลูกเตะเมื่อกี้ถึงได้มีพลังถึงสองสามพันชั่งเล่า! ”
“ เป็ไปไม่ได้ ข้าคงตาฝาดไปแล้ว ”
ผู้คนไม่น้อยที่ยังขยี้ตาตัวเองอยู่ แม้จะลืมตามองอีกกี่ครั้ง ภาพที่เห็นก็ยังคงเดิม พวกเขาได้แต่อ้าปากค้าง เป็ไอ้สวะหลงอวี้ที่เตะเฟิงลั่วจนล้มได้ในครั้งเดียวจริง แถมยังใช้เท้าเหยียบขยี้หลังผู้แพ้อีก
คำพูดอวดดีเมื่อครู่ของหลงอวี้พลันดังก้องในหัวผู้คนอีกครั้ง “ ถ้าวันหนึ่งสวะอย่างข้าสามารถล้มเ้าลงมาเหยียบได้ละก็ เช่นนั้นตัวเ้าจะนับเป็ตัวอะไร ”
ตัวอะไร
ก็ต้องเป็เศษสวะที่ไร้ค่ายิ่งกว่าน่ะสิ!
เฟิงลั่วที่นอนกองกับพื้นแถมยังถูกหลงอวี้เหยียบซ้ำรู้สึกราวกับฟ้าจะถล่มลงมา นี่เขาถูกเศษสวะคนหนึ่งเล่นงานจนพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!
“ เป็ไปได้อย่างไร เป็แค่เศษสวะแท้ๆ... ”
เฟิงลั่วกัดฟันจนดวงตาทั้งสองข้างขึ้นเส้นเื
“ ใช่แล้ว ข้าคือสวะ แต่เ้าเป็สวะยิ่งกว่าข้า ”
หลงอวี้กล่าวอย่างเฉยชา “ เมื่อครู่นี้ เหมือนเ้าได้บอกว่าจะหักขาข้าทิ้งหนึ่งข้างใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าขอคืนคำนั้นให้เ้าก็แล้วกัน! ”
“ หยุดนะ! ”
เสียงตะคอกดังขึ้นจากด้านข้าง ในที่สุดผู้าุโเฟิงเทียนเสียงที่นั่งดูอยู่ก็เคลื่อนไหว!
ชายสูงวัยที่เส้นผมและหนวดเคราเป็สีขาวกลับมีท่วงท่าที่รวดเร็วราวกับสายลม ปรากฏแววตาดุร้าย “ หอวิทยายุทธ์มีกฎเหล็กว่าห้ามต่อสู้ ผู้ใดฝ่าฝืนตายสถานเดียว! ”
หลงอวี้ยังคงใจเย็น แค่นเสียงหัวเราะเ็าเสียงหนึ่ง “ เ้าตาบอดหรือเปล่า? ”
ตอนที่เฟิงลั่วลงมือเมื่อครู่เฟิงเทียนเสียงแทบไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่พอเฟิงลั่วกำลังจะถูกหักขา เฟิงเทียนเสียงกลับออกตัวห้ามทันที ทั้งยังใช้เหตุผลว่าหอวิทยายุทธ์มีกฎห้ามต่อสู้อีก ช่างน่าขันสิ้นดี!
แม้ความเร็วของเฟิงเทียนเสียงจะสูงมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังห่างจากหลงอวี้อยู่ระดับหนึ่ง
ต่อให้รวดเร็วเพียงใด ก็ไม่อาจเร็วไปกว่าการเคลื่อนไหวของหลงอวี้แน่นอน!
หลงอวี้ยกขาขึ้นกระทืบลงไปเต็มแรงหนึ่งฝ่าเท้า
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักสะบั้นดังกังวานจากขาของเฟิงลั่ว ทำเอาผู้คนโดยถึงกับหน้าถอดสี
“ ไอ้สวะนี่ บังอาจลงมือจริงหรือ! ”
เฟิงเทียนเสียงเห็นเช่นนั้นก็โกรธจัด เผยแววตาอำมหิต ท่วงท่าว่องไวร้ายกาจดุจวายุคลั่ง!
เฟิงลั่วถูกหักขาทิ้งในวันที่เขาเป็คนเฝ้าหอวิทยายุทธ์ สำหรับเขาถือเป็ความอัปยศอย่างใหญ่หลวง และเป็ผลเสียต่อตำแหน่งหน้าที่ของเขาอย่างมาก
ต้องจำว่าเฟิงลั่วนั้นเป็ถึงน้องชายแท้ๆ ของว่าที่ประมุขตระกูลเฟิงคนใหม่ในอนาคต!
“ ไอ้สวะไร้ค่า ในเมื่อรนหาที่ตายเช่นนี้ จะโทษใครก็ไม่ได้แล้ว ต่อให้เ้าเข้าสู่วิถีวรยุทธ์แล้วเป็เช่นไร ข้าจะขยี้เ้าทิ้งเดี๋ยวนี้ จะได้รู้ว่าเศษสวะถึงอย่างไรก็เป็เศษสวะอยู่วันยังค่ำ!”
เฟิงเทียนเสียงเดือดดาลได้ที่ ฝ่ามือพลันอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งอสุรา นี่คือวิชาฝ่ามืออสุราขั้นสูง!
หากหลงอวี้ถูกฝ่ามือนี้ซัดใส่ เกรงว่าหากไม่ตายก็คงพิการอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ วุ่นวายพอหรือยัง ”
ขณะที่เฟิงเทียนเสียงใกล้จะประชิดตัวหลงอวี้ น้ำเสียงอันเคร่งขรึมก็ดังมาจากด้านนอก พริบตาต่อมาร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าหลงอวี้แล้ว
เป็ประมุขตระกูลเฟิง เฟิงฉางเกอ ในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้