“ข้าตัดสินใจแน่นอนแล้ว พวกเ้าทั้งหมดล้วนรอคอยข้านอกสถานพำนักของคุนเผิง ต่อให้มีพวกเ้าติดตามข้า ยังมิใช่ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกันหรอกหรือ ในน่านน้ำสถานพำนักของคุนเผิงแห่งนี้ พวกเ้ากับราชันาขั้นต้นทั่วไปมีสิ่งใดแตกต่างกัน ติดตามมาก็ไร้ประโยชน์ แต่ว่าสำหรับท่านพี่อู๋มิ่งนั้นแตกต่าง คนเดียวสามารถต่อต้านคนจำนวนมากมายได้ เมื่อครู่นี้พวกท่านก็ได้เห็นแล้ว ท่านพี่อู๋มิ่งไม่เพียงแค่กายเนื้อแข็งแกร่งเท่านั้น ทักษะการต่อสู้และพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของเขาก็ร้ายกาจมากเช่นเดียวกัน แม้แต่ไห่ทงเทียนและปลาวาฬั์ก็ถูกเขาผนึกแข็งไว้ พวกเ้าสามารถทำได้หรือไม่?” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าตำหนิด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เื่นี้…” หัวหน้าองครักษ์ัดำขุ่นข้องแล้ว หากมิใช่ถูกเจตจำนงคุนเผิงสะกดข่ม เขาก็สมควรทำให้มหาสมุทรกลายเป็น้ำแข็ง ผนึกไห่ทงเทียนไว้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับจ้านอู๋มิ่ง แต่ในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ เขาไม่สามารถทำได้
เมื่อครู่จ้านอู๋มิ่งสลับเปลี่ยนไปมาระหว่างน้ำแข็งกับน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก มีเพียงบรรลุขอบเขตมหาจักรพรรดิาเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมพลังของธาตุได้ จ้านอู๋มิ่งเป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้หนึ่งเท่านั้น ฝีมือควบคุมพลังธาตุกลับเหนือล้ำกว่ายอดฝีมือมหาจักรพรรดิา ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
“ไม่ทราบว่าน้องชายจ้านจะไปถึงสถานพำนักของคุนเผิงเมื่อใด?” ตานกงกงที่เงียบตลอดมา จู่ๆ ก็ถามขึ้น
“เสร็จธุระกับคนกลุ่มหนึ่งเรียบร้อยแล้วก็จะไป” จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่ พูดอย่างเฉยชา มิเห็นเป็เื่สลักสำคัญ
“สิบราชัน?” พลันตานกงกงถามขึ้น
“ฉลาดล้ำเลิศ!” จ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว สนทนากับคนฉลาดก็ดีเช่นนี้ พูดจบ จ้านอู๋มิ่งยิ้มกับตานกงกงแล้วกล่าวว่า “ประเสริฐมาก ในสายตาของข้าแล้วเ้าถือว่าไม่เลว”
ตานกงกงรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาทันใด นี่ไหนเลยจะเป็คำพูดที่เด็กน้อยพูดกับผู้เฒ่ากันเล่า พูดถึงอายุ ตนเองสามารถจะเป็ท่านปู่ของท่านปู่ของเขาได้แล้วด้วยซ้ำ
องค์หญิงตงหวงโยวหย่าหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ข้ามีนัดไว้กับสิบราชัน ดังนั้น ในระยะเวลาอันใกล้อาจค่อนข้างยุ่งสักหน่อย ไม่มีเวลาคอยดูแลเ้า หากเ้า้าทำการค้าด้วยกันกับข้า นั่นย่อมได้ แต่ไว้ค่อยคุยกันภายหลัง รอหลังจากจัดการเื่ราวของสิบราชันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปหาเ้าที่สถานพำนักของคุนเผิง เมื่อถึงเวลาก็จะพาเ้าไปทำการค้าที่ไม่ต้องมีการลงทุนด้วยกัน เ้าวางใจเถิด พี่ชายจะสานต่อการค้าอันยิ่งใหญ่นี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน อีกไม่นาน ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่จะต้องได้ยินเสียงของข้า!” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ ยื่นมือไปลูบศีรษะขององค์หญิงตงหวงโยวหย่า ท่าทางคล้ายกับพี่ใหญ่คนหนึ่งจริงๆ
องค์หญิงตงหวงโยวหย่าทำปากมุ่ย มีความรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง นึกถึงคำสั่งฆ่าของราชันกระบี่ ราชันโอสถ ยังมีราชันวายุที่มีต่อจ้านอู๋มิ่งแล้ว นางทราบว่าสิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดนั้นไม่แปลกปลอม ติดตามจ้านอู๋มิ่งอันตรายอย่างยิ่งจริงๆ แต่ละคนในหมู่สิบราชันล้วนเป็อัจฉริยะที่น่าทึ่งของใต้หล้า ภายใต้การสะกดข่มของสถานพำนักของคุนเผิง สิบราชันคือการดำรงอยู่บนปลายยอดสูงลิบ จ้านอู๋มิ่งจะสามารถรอดชีวิตมาได้หรือไม่ก็ยังมิทราบ
เมื่อครู่จ้านอู๋มิ่งพูดว่าไม่สามารถนำผู้อื่นไปด้วย ก็แค่ลองใจองค์หญิงตงหวงโยวหย่าเท่านั้น เขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้น่ารักยิ่งนัก ไม่้าให้นางไปเสี่ยงอันตรายกับตน
จะว่าไปแล้ว จิตใจสตรียากแท้หยั่งถึง เื่ราวระหว่างตนกับเหยียนชิงชิง หากถูกนางทราบเข้าแล้ว ผู้ใดจะทราบว่าจิตใจอ่อนเยาว์ของนางจะคิดอย่างไร หากก่อให้เกิดเื่ราวใดขึ้นมาย่อมไม่ดีอย่างยิ่ง เื่ราวของเหยียนชิงชิงมิอาจให้สำนักเบญจพิษทราบได้อย่างเด็ดขาด ในน่านน้ำมหาสมุทรสถานพำนักของคุนเผิงเขาไม่กลัวสำนักเบญจพิษ แต่ว่าออกจากน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้แล้ว จักรพรรดิาของผู้อื่นก็ยังคงเป็จักรพรรดิาเช่นเดิม จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงเป็จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม เ้าทำให้ธิดาเทพของผู้อื่นกลายเป็สัตว์เลี้ยงไปแล้ว สำนักเบญจพิษต้องอับอายเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง ผู้อื่นไม่สังหารเ้าจึงจะเป็เื่แปลก!
หากขาดเหตุผล ถึงยามนั้นสำนักบริบาลเดรัจฉานก็ปกป้องตนได้ยากลำบากยิ่ง ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งจึงจำเป็ต้องสังหารบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยให้ได้ นี่ก็คือเหตุผลที่ไฉนจึงรักษาระยะไว้เสมอ เป็สาเหตุที่มิให้บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยเลิกติดตามไล่ล่าตนนั่นเอง ถ้าเขาไม่หาโอกาสสังหารคนผู้นี้เสีย ปล่อยให้เขาเปิดเผยเื่ราวต่อสำนักเบญจพิษ แล้วปัญหาของเขาก็จะไม่จบสิ้นตลอดกาล ยกเว้นแต่เขาจะสามารถทำลายสำนักเบญจพิษได้ แต่ว่ายามนี้ตรองดูแล้ว เป้าหมายนี้ไม่สามารถเป็จริงได้
……
การพนันของหอสมบัติจิติญญายังคงดำเนินต่อไป จวบจนถึงตอนนี้ ราชันกระบี่และราชันวายุตลอดจนราชันโอสถตามก้นอยู่ด้านหลังจ้านอู๋มิ่งตลอดมา กลับไม่เคยจับตัวจ้านอู๋มิ่งได้สำเร็จ หอสมบัติจิติญญาจึงยังคงเปิดตลาดการพนันขนาดใหญ่อยู่ แต่ว่าในเวลานี้มิใช่ว่านฉงโหลว นายน้อยของหอสมบัติจิติญญาเป็ผู้รับผิดชอบอีกต่อไป เนื่องจากการพนันครั้งนี้ ทำให้ทุกสำนักนิกายสำคัญล้วนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว สำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกง ตลอดจนสำนักหลอมโอสถล้วนวางเดิมพันจำนวนมหาศาล สำนักบริบาลเดรัจฉานมิอาจไม่รับคำท้า
การเสียชีวิตของเฉวียนหรูเซิน ทำให้สำนักบริบาลเดรัจฉานโกรธจัด เวลานี้ หลายสำนักนิกายใหญ่รวมตัวกันขึ้นมาเพื่อจัดการจ้านอู๋มิ่งอีกครั้ง สำนักบริบาลเดรัจฉานจะไม่รับคำท้าได้อย่างไร ศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายล้วนวางเดิมพันจำนวนมหาศาลข้างศิษย์พี่ศิษย์น้องของสำนักตน เนื่องจากเดิมพันจำนวนมหาศาลมากเกินไป การพนันในครั้งนี้ มีการรับ่ต่อโดยผู้เชี่ยวชาญที่จัดหามาโดยหอสมบัติจิติญญา และไม่ใช่แขกรับเชิญของว่านฉงโหลวอีกต่อไป เวลานี้ แม้กระทั่งบนเกาะน้อยในน่านน้ำมหาสมุทรสถานพำนักของคุนเผิง ล้วนมีร้านค้าชั่วคราวที่เปิดขึ้นโดยหอสมบัติจิติญญา
ไม่มีผู้ใดทราบว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าสถานพำนักของคุนเผิงจึงจะถูกเปิดผนึกออก ใน่เวลานี้ ศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายใหญ่ล้วนจำเป็ต้องจับจ่ายซื้อของเป็จำนวนมาก สาขาชั่วคราวที่เปิดขึ้นหอสมบัติจิติญญาก็เพื่อรับการวางเดิมพันจากศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายเป็หลัก ควบคู่กับดูแลการขายเรือจิติญญาและอาวุธจิติญญาอื่นๆ ไปด้วย
วันนี้ ในสาขาของหอสมบัติจิติญญามีคนเข้าร้านมาผู้หนึ่ง คนทั้งตัวถูกบดบังอยู่ภายใต้หมวก มองเห็นหน้าไม่ชัดเจน คนผู้นี้หลังจากขึ้นเกาะแล้วก็ตรงไปยังร้านสาขาของหอสมบัติจิติญญา
“ท่านลูกค้า ขอเรียนถามท่าน้าซื้อสิ่งใด?” พนักงานของหอสมบัติจิติญญาทั้งหมดล้วนได้ผ่านการฝึกฝนจากมืออาชีพ มารยาทดี สุภาพยิ่งนัก
“การพนันของจ้านอู๋มิ่งและสิบราชันยังสามารถวางเดิมพันได้อีกหรือไม่?” ชายสวมหมวกถามเสียงเข้ม
“ย่อมได้แน่นอน ท่านลูกค้าโปรดเชิญทางด้านนี้ วันนี้เป็วันสุดท้ายก่อนถึงกำหนดการวางเดิมพัน ท่านลูกค้ามาได้ถูกเวลาจริงๆ” พนักงานแนะนำอย่างกระตือรือร้น
ผู้มาเยือนพยักหน้า พนักงานในร้านสาขาของหอสมบัติจิติญญาล้วนมีฐานบ่มเพาะระดับราชันาขั้นต้น ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อกวนหรือสร้างปัญหาที่นี่
“ขอเรียนถามท่านจะลงเดิมพันฝั่งไหนเป็ผู้ชนะ?” คนทำบัญชีรับวางเดิมพันถามขึ้น
“จ้านอู๋มิ่งชนะ!” ผู้มาตอบ
“พนันจ้านอู๋มิ่งชนะ? ได้ ท่านเตรียมวางเดิมพันเท่าไร?” คนทำบัญชีถามต่อ
“หินจิติญญาชั้นกลางหนึ่งแสนก้อน หินจิติญญาชั้นต่ำหนึ่งล้านก้อน!” คนสวมหมวกพูดเสียงทุ้มต่ำ
“หินจิติญญาชั้นกลางหนึ่งแสนก้อน หนึ่งล้าน…อะไรนะ? เป็หินจิติญญา?” คนทำบัญชีใ ลุกจากที่นั่งขึ้นมา เป็ตนเองฟังผิดไปหรือว่าอีกฝ่ายพูดผิด? ความจริงแล้ว ที่เขาพูดคือเหรียญทองใช่หรือไม่?
เสียงอุทานเบาๆ ของคนทำบัญชีดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างขึ้นมาทันใด พวกเขายังต้องตะลึงงันเมื่อได้ยินจำนวนเงินเดิมพันที่นักบัญชีเล่าให้ฟัง
คนผู้นี้คือใครกันนะ กลับมือเติบขนาดนี้ วางเดิมพันทีเดียวเป็หินจิติญญาชั้นกลางหนึ่งแสนก้อน หินจิติญญาชั้นต่ำหนึ่งล้านก้อน ต่อให้เป็สำนักนิกายหนึ่ง ก็ไม่สามารถจะรวบรวมหินจิติญญาจำนวนมากเช่นนี้ในครั้งเดียวกระมัง? คนผู้นี้กลับเดิมพันข้างคนที่จะต้องพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด
หรือว่าคนผู้นี้คือตัวแทนของสำนักบริบาลเดรัจฉาน? พวกเขามิอาจไม่เผชิญหน้ากับการยั่วยุของสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกง รวบรวมหินจิติญญาจำนวนมากวางเดิมพันทั้งหมดในครั้งเดียว?
“มิผิด ท่านจะรับหรือไม่รับ?” คนสวมหมวกถามขึ้นอีกครั้ง
“รับ...รับแน่นอน ไฉนจะไม่รับเล่า ท่านลูกค้าโปรดรอสักครู่ เนื่องจากจำนวนมากเกินไป ข้าจะไปหาเ้าของร้านเดี๋ยวนี้ ให้เขามาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง” คนทำบัญชีตื่นเต้นแล้ว
การพนันครั้งนี้คนที่พนันว่าจ้านอู๋มิ่งจะชนะมีน้อยเกินไป กล่าวถึงที่สุดแล้วสิบราชันมีชื่อเสียงมาช้านาน ดังนั้นการวางเดิมพันส่วนใหญ่จึงอยู่ข้างสิบราชัน หอสมบัติจิติญญาอาจมีโอกาสขาดทุนสูงมาก คนผู้นี้กลับวางเดิมพันข้างจ้านอู๋มิ่งแต่เพียงผู้เดียว ครั้งนี้หอสมบัติจิติญญาไม่ต้องเสียเงินแล้ว
เนื่องจากคนที่วางเดิมพันข้างจ้านอู๋มิ่งน้อยเกินไป หอสมบัติจิติญญาจึงได้ปรับอัตราต่อรองการวางเดิมพัน อัตราการต่อรองตอนนี้อยู่ที่สิบต่อหนึ่ง คนที่วางเดิมพันว่าจ้านอู๋มิ่งชนะ หนึ่งเหรียญทองจ่ายสิบเหรียญ
เ้าของร้านจัดการทุกอย่างให้คนสวมหมวกอย่างมีความสุข ทั้งยังรวดเร็วยิ่งนัก กลัวว่าการค้ารายการใหญ่นี้จะหนีไป ในสายตาของหอสมบัติจิติญญา การวางเดิมพันข้างจ้านอู๋มิ่งก็เท่ากับนำเงินมามอบให้พวกเขานั่นเอง!
“มีหินจิติญญาชั้นสูงหนึ่งหมื่นก้อน วางเดิมพันว่าจ้านอู๋มิ่งชนะเช่นกัน!” คนสวมหมวกหยิบแหวนจักรวาลออกมาอีกอัน
เ้าของร้านพอเห็น อุทานเสียงเบาๆ เขาพบว่าภายในแหวนจักรวาล ส่วนใหญ่เป็หินจิติญญาคุณสมบัติธาตุน้ำชั้นสูงทั้งสิ้น หลายปีมานี้ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นหินจิติญญาชั้นสูงที่มีคุณสมบัติธาตุน้ำแบบเดียวกันจำนวนมากขนาดนี้
ไม่ใช่แค่เ้าของร้านตะลึงแล้ว ลูกค้าที่อยู่ในร้านทั้งหมดล้วนตะลึงงัน ถึงกับมีหินจิติญญาชั้นสูงหนึ่งหมื่นก้อนจริงๆ เกรงว่าแม้แต่สำนักนิกายหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะนำหินจิติญญาออกมาจำนวนมากมายขนาดนี้ในคราวเดียว
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเ้าจะไม่เชิดหินจิติญญาเหล่านี้ไปเสียเอง? ข้า้าทราบว่า เ้ามีคุณสมบัติพอที่จะรับวางเดิมพันนี้หรือไม่” คนสวมหมวกพูดเสียงเรียบๆ
สีหน้าเ้าของร้านเคอะเขิน หากพูดว่าหินจิติญญาระดับกลางเพียงแสนก้อน เขายังสามารถตัดสินใจ ฝืนรับไว้เองได้ แต่หากต้องรับหินจิติญญาระดับสูงหมื่นก้อนนี้ เกรงว่าจะเกินขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาจำเป็ต้องรายงานขึ้นไป ทว่าเขาไม่้าที่จะพลาดโอกาสนี้ไป จึงได้อาจหาญกัดฟัน คิดที่จะรับขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนสวมหมวกเปิดโปงเสียแล้วด้วยคำพูดคำเดียว
“ท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเชิญท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า” เ้าของร้านครุ่นคิดแล้ว กัดฟันพูดขึ้น
“เ้าหนุ่ม เดิมพันของเ้า ข้ารับไว้แล้ว!” เสียงชายชราดังแว่วมาจากชั้นบน ชายชราผู้มีหนวดเคราและเส้นผมเป็สีขาว ใบหน้าซูบแก้มตอบ สีหน้าสดใสเดินลงมา พูดพลางหัวเราะเสียงดัง
“โปรดพิสูจน์ว่าท่านมีคุณสมบัตินี้” คนสวมหมวกพูดขึ้นโดยไม่ฟังคำพูดของอีกฝ่าย
“นี่คือป้ายคำสั่งของข้า ข้ารับการวางเดิมพันของเ้าไว้ เ้าสามารถแสดงป้ายนี้พร้อมใบรับที่ข้าเปิดให้ไปรับหินจิติญญาของเ้าได้ที่หอสมบัติจิติญญาสาขาใดก็ได้ แต่แน่นอนว่าต้องหลังจากที่เ้าชนะพนันแล้ว” พูดพลาง ชายชราปลดป้ายคำสั่งหยกดำชิ้นหนึ่งลงมาจากข้างเอว บนป้ายมีอักษร "หมื่น" ตัวหนึ่ง ด้านหลังป้ายแกะสลักเป็รูปหออย่างประณีตเหมือนจริงมาก
“ป้ายคำสั่งหยกดำหลิงป่าว!” มีคนอุทานเสียงต่ำ แสดงว่าจำป้ายนี้ได้
“เ้ามีคุณสมบัติเพียงพอ โปรดเปิดใบรับของให้ข้าด้วย” คนสวมหมวกหัวเราะคราหนึ่ง รับป้ายคำสั่งหยกดำไว้แล้วพูดขึ้น
“เ้าเปิดใบรับของให้เขา” ชายชราเคราขาวบอกเ้าของร้าน จากนั้นพูดกับคนสวมหมวกว่า “ผู้ถือป้ายคำสั่งหยกดำนี้ ก็คือแขกพิเศษระดับสูงหอสมบัติจิติญญาเรา มิว่าจะเป็หอสมบัติจิติญญาที่ใด ล้วนสามารถได้รับส่วนลดสองในสิบส่วน มีสิทธิ์เข้าร่วมงานประมูลชั้นนำของหอสมบัติจิติญญา และเพลิดเพลินกับการลดราคาลงสิบส่วนของค่านายหน้าการประมูล”
“ความปรารถนาดี ข้าขอรับไว้ด้วยใจแล้ว ข้าเพียงแค่้าให้พวกท่านจ่ายตรงตามเวลาก็ใช้ได้แล้ว” คนสวมหมวกคล้ายมิค่อยสนใจ
“ดูเหมือนว่าเ้าจะมองจ้านอู๋มิ่งในแง่ดีนัก” ชายชรารู้สึกประหลาดใจในท่าทีของคนสวมหมวกอยู่บ้าง
“เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน!” คนสวมหมวกพูดอย่างเชื่อมั่นและเด็ดขาด
“เพราะเหตุใด?” ชายชรารู้สึกประหลาดใจ นี่คือคนแรกที่เชื่อมั่นใจในตัวจ้านอู๋มิ่งมากถึงเพียงนี้ สามารถมองจากที่อีกฝ่ายกล้าวางเดิมพันหนักมากขนาดนี้ เดิมพันของคนผู้นี้ยังมากกว่าเดิมพันของตระกูลหนานกงและสำนักกระบี่ิญญารวมกันเสียอีก คนสวมหมวกผู้นี้มีประวัติความเป็มาอย่างไร ไฉนร่ำรวยมั่งคั่งขนาดนี้
คนสวมหมวกยิ้มรับ เก็บใบรับวางเดิมพันและป้ายคำสั่งขึ้นมา หันศีรษะมุ่งหน้าเดินออกไปด้าน เดินถึงประตูแล้วจึงตอบเสียงดังฟังชัดว่า “นั่นเพราะข้าคือจ้านอู๋มิ่ง!”
เมื่อคนสวมหมวกพูดจบ รอบด้านเงียบสงัด ไร้สรรพเสียงใดๆ แม้กระทั่งชายชราเคราขาวก็ตกตะลึงแล้ว พวกเขาคิดไม่ถึงว่า จ้านอู๋มิ่งกลับวางเค้าเดิมพันให้ตนเอง
ทุกคนโล่งอก จ้านอู๋มิ่งมีหินจิติญญาจำนวนมากมายขนาดนี้ก็ไม่นับเป็เื่แปลกแต่อย่างไร ไอ้หนูคนนี้ไม่รู้ว่าปล้นชิงผู้อื่นไปมากมายเท่าใดแล้ว เดิมพันเหล่านี้คาดว่าล้วนแล้วแต่แย่งชิงมานั่นเอง ดูแล้ว การปล้นชิงทรัพย์คือเส้นทางลัดที่นำไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่งจริงๆ จ้านอู๋มิ่งกลับแย่งชิงหินจิติญญามาได้มากมายถึงเพียงนี้
ถึงแม้หินจิติญญาของจ้านอู๋มิ่งจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกอิจฉา แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหยิ่งผยองได้เช่นจ้านอู๋มิ่ง
จ้านอู๋มิ่งมาวางเดิมพันด้วยตนเอง และแล้วข่าวการวางเดิมพันว่าตนจะเป็ผู้ชนะก็แพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนได้ยินมาว่าจ้านอู๋มิ่งนำหินจิติญญาชั้นสูงหนึ่งหมื่นก้อน หินจิติญญาชั้นกลางหนึ่งแสนก้อนและหินจิติญญาชั้นต่ำหนึ่งล้านก้อนออกมาวางเดิมพัน คนจำนวนมากล้วนรู้สึกโง่งมไปแล้ว เป็เพียงศิษย์น้องเล็กคนหนึ่งของสำนักบริบาลเดรัจฉาน กลับมีทรัพย์สมบัติมากมายจนน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้
บางคนถึงกับคาดเดาว่า ไอ้หนูคนนี้ใช่บุตรนอกสมรสของเ้าสำนักหรือบรรพบุรุษผู้เฒ่าคนใดคนหนึ่งของสำนักบริบาลเดรัจฉานหรือไม่?
เื่ราวที่จ้านอู๋มิ่งมาวางเดิมพันว่าตนเป็ผู้ชนะด้วยตนเอง ทำให้ทั่วทั้งน่านน้ำมหาสมุทรเดือดพล่านขึ้นมาแแล้ว แต่ละสำนักนิกายใหญ่นอกสถานพำนักของคุนเผิงก็เดือดพล่านขึ้นมาแล้วเช่นกัน
นี่ก็คือการท้าทายสิบราชันอย่างเปิดเผย เป็การประกาศศึกกันโดยตรงเลยทีเดียว!