บ้านพักรับรองในยุค 80 มีรูปแบบเหมือนกับโรงแรมในยุคอนาคตมีคุณสมบัติของห้องพักหลากหลายมาตรฐาน กล่าวโดยยึดมาตรฐานของบ้านพักในเขตอันชิ่งมีห้องเตียงรวมขนาดใหญ่ซึ่งนอนได้สิบกว่าคน หากไม่อยู่ในชั้นหนึ่งที่ค่อนข้างชื้นก็อยู่ในชั้นใต้ดินพักหนึ่งคืนจ่ายเพียง 1 หยวน แบบที่ดีขึ้นมาเล็กน้อยคือห้องสำหรับสี่คนมีเตียงหนึ่งหลังในราคา 2 หยวน ดีขึ้นอีกก็คือห้องเดียวราคา 6 หยวนแน่นอนว่าดีที่สุดต้องเป็ห้องชุดราคา 15 หยวน
โดยปกติห้องชุดจะเป็บรรทัดฐานสำหรับหัวหน้าของหน่วยงานที่เดินทางมาเพื่อเจรจาธุรกิจ
ถ้าเป็หน่วยงานที่ผลประกอบการไม่ดีแม้เป็หัวหน้าก็อยู่ห้องชุดหนึ่งคืนในราคา 15 หยวนไม่ลง
ห้องชุดของบ้านพักรับรองในเขตอันชิ่งจะว่างอยู่เกือบทั้งปีโจวเฉิงและคังเหว่ยนั้นอยู่ที่พักแบบนี้ กระเบื้องสีครีมเครื่องเรือนไม้แท้สีแดงก่ำ ดวงไฟสว่างเจิดจ้า ในห้องยังมีโทรทัศน์ 14 นิ้วอีกหนึ่งเครื่องจางเสเพลไม่เคยพบเคยเจอห้องที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน ยิ่งคาดเดาถึงเื้ัของคังเหว่ยและโจวเฉิงไม่ได้เลย
เ้าหน้าที่จับเขามาไว้ที่บ้านพักทำไม?
หากไม่ใช่เ้าหน้าที่แต่ในมือพวกเขามีปืน ในใจจางเสเพลยิ่งไม่มีความมั่นใจ
วันนี้โจวเฉิงเทียวไปเทียวมาอยู่ข้างนอกทั้งวันอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วยังไม่รู้สึก พอกลับมาแล้วพบว่าทั่วทั้งร่างมีแต่เหงื่อไคลเหนียวเหนอะไม่สบายตัวเขามองท่าทางกักขฬะของจางเสเพลพลันนึกถึงข่าวลือที่ไม่เสนาะหูเ่าั้ก็ยิ่งไม่สบอารมณ์มากเข้าไปอีก
คนแบบนี้นั่งเก้าอี้ไปทำไมกันอย่าได้ทำให้เก้าอี้ของบ้านพักสกปรกเลย
“แกไปนั่งยองๆ ตรงนั้นอธิบายปัญหาของตัวเองมาเสียดีๆ ”
คังเหว่ยเปิดพัดลมเพดานในห้องพัดลมหมุนส่งเสียงกระพือ ขจัดความร้อนอบอ้าวออกไปไม่น้อย
จางเสเพลตอบโดยไม่ละอายใจ “สหายฉันไม่รู้ว่าพวกแกจะให้ฉันอธิบายปัญหาอะไร แกช่วยใบ้ให้ฉันหน่อยสิ?”
โจวเฉิงปรายตามองไปที่คังเหว่ย
คังเหว่ยก็ดูออกว่าพี่เฉิงจื่อกำลังไม่สบอารมณ์จึงพยายามฉอเลาะให้มากที่สุด “มิใช่เื่ของว่าที่พี่สะใภ้หรือ? เพราะเป็อย่างนั้นฉันปล่อยให้พี่เฉิงจื่อจัดการเองพอหาตัวไอ้เลวนี่เจอเลยจับกลับมาให้พี่สอบสวน”
ไม่แปลกใจที่จางเสเพลจับต้นชนปลายไม่ถูก
โจวเฉิงถูกคำพูด ‘ว่าที่พี่สะใภ้’ ของคังเหว่ยประจบประแจงเข้าก็จุดบุหรี่ให้ตนเองหนึ่งมวนหันไปพยักหน้ากับจางเสเพล
“พูดมาเถอะเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
ถามเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน?
จางเสเพลรู้สึกสบายใจขึ้นมา “ทั้งสองท่านก็อยากลิ้มลองบ้าง? นังคนนั้น—”
แค่กล่าวถึงเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือการพูดถึงจุดที่จางเสเพลภูมิใจที่สุด
เขาพูดด้วยหน้าตาเปรมปรีดิ์เหลือแต่ออกมือออกเท้าเต้นรำแล้วเท่านั้นทว่ายังไม่ทันได้พูดจนจบก็ถูกโจวเฉิงถีบจนคว่ำ โจวเฉิงถีบด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทำเอาจางเสเพลชนเข้ากับมุมผนัง ไร้การขยับเขยื้อนอยู่เป็นาน
ใบหน้าโจวเฉิงแผ่ความโเี้คว้าผมของเขาเพื่อดึงกระชากขึ้นมา
ปากของจางเสเพลมีแต่เืแม้แต่แรงที่ใช้ดิ้นรนก็ไม่มีเหลือลูกถีบของโจวเฉิงนั้นคงโดนอวัยวะภายในของเขาจนได้รับาเ็
“ตอนนี้จะพูดได้หรือยัง? ฉัน้าฟังแค่ความจริงถ้าใครโกหกต่อหน้าฉัน ฉันไม่ให้โอกาสมันเป็ครั้งที่สองแน่”
แค่คุยโวก็สามารถตายได้แล้วหรือ?ก่อนหน้านี้จางเสเพลเคยไม่เชื่อ
พอใครๆ ล้วนบอกว่าเขากับเซี่ยเสี่ยวหลานมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันแม้แท้จริงแล้วเขาไม่รู้หรอกว่ามันยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ก็ร่วมยอมรับและคุยโวไปกับคนอื่นด้วย
แต่ตอนนี้จางเสเพลถึงได้รับรู้แล้วที่แท้คุยโวก็สามารถทำให้คนถึงตายได้
เขาน้ำตาน้ำมูกไหลพราก
“ฉัน... ฉันพูดความจริงแล้วฉันไม่เคยแตะต้องเซี่ยเสี่ยวหลานเลยด้วยซ้ำ!”
โจวเฉิงจับผมเขาเอาไว้ไม่ปล่อย “ไม่มีลมไม่เกิดคลื่น[1] ข่าวลือของแกกับเซี่ยเสี่ยวหลานแพร่ไปทั่วทุกที่มันต้องมีเหตุผลสิ พูดมาเถอะ แกได้ทำเื่เลวๆ กับเธอใช่หรือไม่?”
สายตาของจางเสเพลหลบเลี่ยงไม่ยอมพูดสิ่งใด
โจวเฉิงจับศีรษะเขากระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงจากนั้นใส่ะุลงปืนพกจนเกิดเสียงคลิก เห็นสีหน้าดุร้ายอำมหิตดุจหมาป่าแล้วดูท่าว่าจะกล้ายิงเขาเข้าจริงๆ
จางเสเพลก้มหัวลงโขกพื้นจนดังสนั่น
“อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่า ฉันจะบอกแล้วฉันบอกหมดเลย! เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยสองปีก่อนฉันไปหาญาติที่หมู่บ้านชีจิ่ง แค่เห็นก็ถูกใจเธอแล้ว ตอนนั้นฉันรั้งเธอไว้แล้วหยอกเอินไปไม่กี่ประโยคไอ้จือชิงแซ่หวังช่างสอดจากหมู่บ้านชีจิ่งก็มาออกตัวให้เซี่ยเสี่ยวหลานต่อมาฉันก็ไม่มีโอกาสเข้าใกล้เซี่ยเสี่ยวหลานเท่าไร ทำเพียงแค่ไปๆ มาๆในหมู่บ้านชีจิ่งนั่นแหละ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานแข็งกร้าวจะตายฉันไม่เคยได้เอาเปรียบอะไรเธอเลย... หลังจากนั้น...”
จางเสเพลพูดจาตะกุกตะกักคังเหว่ยยกเก้าอี้ขึ้นเตรียมฟาดเขา จางเสเพลจึงปล่อยให้ไหที่ร้าวไปแล้ว แตกอีกรอบ[2]
“หลังจากนั้นมีคนเอาเศษกระดาษมาทิ้งไว้ที่หน้าต่างบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนัดฉันออกไปพบ แถมยังบอกอีกว่าใจจริงแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นชอบฉันแค่เพราะว่าฉันไม่ทำการทำงาน กลัวว่าครอบครัวไม่เห็นด้วยเื่แต่งงาน ก็เลย... ก็เลยให้ฉันกับเซี่ยเสี่ยวหลานหุงข้าวดิบให้สุกไปเลย [3] !”
จางเสเพลเองก็ถูกตีจนหวาดกลัวจึงได้พูดทุกอย่างออกมาจนหมด
พอพูดถึงตรงนี้จางเสเพลดูเหมือนยังมีความอาฆาตของตนอยู่ “ผลคือฉันไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานเธอไม่ยอมรับว่ามีเื่เศษกระดาษนั่น ทั้งยังด่าฉันว่าเป็แค่คางคกดันอยากจะกินเนื้อหงส์ฉันดึงเธอไว้ไม่ปล่อย ไอ้บ้าแซ่หวังนั่นก็มาทำลายเื่ดีๆ ของฉันอีก! ได้ยินพวกเขาถกเถียงกัน ฉันถึงรู้ว่าที่แท้คนแซ่หวังคือคนรักของพี่สาวเซี่ยเสี่ยวหลานเขากับเซี่ยเสี่ยวหลานคุยกันไร้สาระว่าผิดหวังมากอะไรเทือกนั้นเป็ทั้งสองคนที่มีความสัมพันธ์กัน!”
ตนเองไม่ได้เอาเปรียบแถมโดนคนอื่นตัดหน้าอีกจางเสเพลต้องโกรธอย่างแน่นอน
อีกอย่างระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานกับว่าที่พี่เขยก็ช่างคุมเครือต่อหน้าเขาเอาแต่แสร้งทำเป็หญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องท่าเดียวจางเสเพลยิ่งคิดยิ่งไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่าข่าวลือเื่เขากับเซี่ยเสี่ยวหลานเกลือกกลั้วกันบนกองฟางมันเผยแพร่ไปทุกสารทิศได้อย่างไรเมื่อคนอื่นถาม จางเสเพลก็ยิ้มรับไม่ปฏิเสธ ทุกคนจึงคิดว่าเื่นี้เป็ความจริงจนเื่แพร่ออกไปหนักหนามากยิ่งขึ้นจางเสเพลเองก็กลัวอยู่ไม่น้อย หากเซี่ยเสี่ยวหลานไปสถานีตำรวจแจ้งความจับเขาเล่า?
ดีที่ไม่มีตระกูลเซี่ยคนไหนออกตัวช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลานกลับตันอกตันใจจนชนเสาฆ่าตัวตายด้วยตัวเอง
จางเสเพลพยายามฟอกขาวตัวเองให้ได้มากที่สุดและไม่ลืมที่จะสาดน้ำเน่าให้กับเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าเธอและว่าที่พี่เขยมีความสัมพันธ์ชู้สาวกัน ยิ่งพูดให้เซี่ยเสี่ยวหลานดูแย่สถานการณ์ยิ่งมีประโยชน์ต่อตัวเขา
ดวงตาของจางเสเพลถูกทำร้ายจนบวมปิดเป็ร่องเล็กๆเหลือไว้แอบมองสีหน้าของโจวเฉิง
ต่อให้เขาจะพูดเก่งแค่ไหนก็เถอะอย่าว่าแต่ปิดบังโจวเฉิงไม่ได้เลย แหกตาคังเหว่ยยังไม่รอดด้วยซ้ำไป
เซี่ยเสี่ยวหลานปล่อยพี่เฉิงจื่อไปไม่พุ่งเข้าหาเช่นนี้แล้วไปหาจางเสเพลแทนหรือ? ให้ตายเถอะ จะโกหกก็ต้องรักษาหน้าตัวเองไว้หน่อยไหม?!
เื่เศษกระดาษต้องไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลานเอาไปวางที่หน้าต่างของจางเสเพลอย่างแน่นอน
คังเหว่ยฟังจนเข้าใจแจ่มแจ้งระหว่างตรงกลางนี้มีคนวางอุบาย เป้าหมายก็คือทำลายเซี่ยเสี่ยวหลาน
“พี่เฉิงจื่อ...”
คังเหว่ยรู้สึกผิดพอสมควร
โจวเฉิงไม่คิดหยุมหยิมกับเขาหัวเราะเยือกเย็นพลางถามจางเสเพล “มือข้างไหนของแกที่แตะต้องเธอ?”
จางเสเพลปฏิเสธตัวสั่นเทา “ไม่เคยแตะต้องจริงๆฉันแค่ฉีกแขนเสื้อเธอขาดไปข้างหนึ่ง”
เซี่ยเสี่ยวหลานโดนไอ้ขี้ขลาดแบบนี้หักหาญจนต้องชนเสาโจวเฉิงโกรธจนถึงขีดสุด แต่กลับหัวเราะออกเสียงออกมา
“ดีมาก!”
คังเหว่ยกลัวว่าโจวเฉิงจะยิงจางเสเพลทิ้ง “พี่... อย่าเพิ่งวู่วามย่านนี้ฆ่าคนไม่ได้นะ... ไม่ใช่สิ ฉันนี่ปากเสียจริงๆ ไม่ว่าย่านไหนๆก็ฆ่าคนไม่ได้ทั้งนั้น จะจัดการเขาโดยให้มือตัวเองแปดเปื้อนไปทำไม?”
“ส่งให้สถานีตำรวจเถอะ!”
จางเสเพลกลัวจนแทบสิ้นเขาพอเดาหนทางนี้ออก เซี่ยเสี่ยวหลานคงจะสนิทสนมกับผู้ชายที่ร้ายกาจเข้าแล้วคนตรงหน้าทั้งสองมาเพื่อระบายความพยาบาทแทนเซี่ยเสี่ยวหลาน หากเขาถูกส่งให้สถานีตำรวจ? เป็เช่นนั้นจริงเขาก็เสร็จแน่
จางเสเพลหวาดกลัวจนเกิดความอาจหาญผิดมนุษย์มนา
“ถ้าส่งฉันไปสถานีตำรวจชื่อเสียงของรองเท้าผุพังอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานก็ถูกรับรองแล้วฉันเจอใครเข้าจะเล่าเื่ราวของฉันกับเซี่ยเสี่ยวหลานให้ละเอียดเลย”
โจวเฉิงลงจากเตียงแล้วดันหีบใบหนึ่งออกมาเมื่อเปิดออก ข้างในปรากฏเงินอยู่เต็มหีบ
เขาหยิบเงินสิบหยวนจำนวนหลายฟ่อนยัดใส่มือของจางเสเพลจางเสเพลยังนึกว่านี่คือค่าปิดปาก
เดี๋ยวคงจะได้ร่ำรวยแล้วเกรงว่าเงินสิบหยวนหลายฟ่อนจะเป็จำนวนหลายพันหยวนแต่โจวเฉิงนำเงินออกมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย ไม่รู้ว่าในหีบยังมีอีกมากน้อยเท่าไร!
จางเสเพลได้คืบแล้วจะเอาศอกยังไม่ทันปริปากไถเงินเพิ่ม ประโยคถัดมาของโจวเฉิงก็ได้เนรเทศจางเสเพลลงนรก
“เสียวเหว่ยวานบอกบ้านพักโทรศัพท์ติดต่อสถานีตำรวจหน่อย พวกเราจับหัวขโมยเงินหลวงได้หนึ่งคน”
เชิงอรรถ
[1]无风不起浪 ไม่มีลมไม่เกิดคลื่น หมายถึง เื่ราวที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุผลอยู่
[2]破罐子破摔 ไหแตกแล้วแตกอีกหมายถึง เกิดเื่ที่ไม่ดีขึ้น แต่ไม่คิดแก้ไขปล่อยให้มันดำเนินไปตามเื่ตามราว
[3]生米煮成熟饭 หุงข้าวดิบเป็ข้าวสุกหมายถึง เื่ราวเกิดขึ้นจนถึงระดับที่แก้ไขไม่ได้อีกแล้วแต่ในที่นี้มีความหมายว่า หากชายหญิงมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้วก็จะไม่มีทางเลือ