อวิ๋นซานเร่งรุดกลับมาหานโจวในวันที่สอง หลังจากเขาปรึกษากับอวิ๋นซีที่จวนอ๋องได้ครึ่งชั่วยามสุดท้ายก็รับหน้าที่ถอนพิษให้เซียวโหรวเอ๋อร์อย่างไม่ยินยอม ส่วนโอวหยางเทียนหลานที่ก่อนหน้านี้ช่วยคุ้มครองผู้บัญชาการเซียวและบุตรสาวมายังจวนอ๋องหลังจากนั้นก็ได้รับหญ้าเฟิ่งกู่ แล้วเร่งควบม้านำมาส่งให้อวิ๋นซี
อวิ๋นซีมองหญ้าเฟิ่งกู่สีแดงเพลิงในมือ มุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ ก่อนจะนำสมุนไพรทั้งหมดที่เตรียมไว้เพื่อทำยาถอนพิษให้หวานหว่านออกมาจากนั้นก็เข้าไปหลอมยาในห้องทำยาที่เตรียมไว้นานแล้ว
เมื่อหลอมเสร็จ ตอนที่พวกเขามองหวานหว่านกลืนยาถอนพิษลงคอไปมุมปากของสองสามีภรรยาก็พร้อมใจกันโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ ในวันหน้าหวานหว่านก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปแล้ว
ไม่นานเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องก็แพร่ไปถึงหูคุณชายทั้งสิบเจ็ดแห่งหอรุ่งอรุณหลิงสือชีพูดเสียงขรึม “ดูท่า อวิ๋นซีผู้นี้จะจริงใจต่อนายหญิงน้อยจริงๆ ” เื่ร้ายที่เกิดขึ้นในตอนนั้นพวกเขาได้สืบจนชัดแจ้งแล้วทั้งยังได้ทราบว่าสาวใช้ข้างกายของเฉียวอวิ๋นซีก็คือแม่นางหลันที่พวกเขารู้จัก
เมื่อเป็เช่นนี้ เื่ที่ว่าหวานหว่านคือนายหญิงน้อยแห่งหอรุ่งอรุณก็เป็อันแน่ชัดแล้วและเื่ที่อวิ๋นซีกับจวินเหยียนเพียรพยายามช่วยถอนพิษให้หวานหว่านจนสำเร็จได้ พวกเขาก็ยิ่งซาบซึ้งใจเป็อย่างยิ่ง
“ชายาหานอ๋องกระทำเื่ต่างๆ มากมายที่ล้วนเป็การหาเื่ตระกูลลู่ ดูท่านางน่าจะตั้งใจทำอันใดบางอย่างจริงๆ ” หลิงอีพูดขึ้นเรียบๆ ตระกูลลู่นั้นพวกเขาล้วนรู้จักเพราะยามนั้นก็เป็คนตระกูลลู่นี่แหละที่คิดแผนปองร้ายชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซี
หากไม่ใช่เพราะลู่หลิงฉิง ไม่แน่ตอนนี้ชายารัชทายาทอาจจะยังมีชีวิตอยู่ดีก็เป็ได้ดังนั้น ชีวิตของคนตระกูลเฉียวร้อยกว่าคนที่ถูกสังหารจักต้องมีคนมารับผิดชอบ ซึ่งพวกเขาชาวหอรุ่งอรุณก็ได้ผลักความรับผิดชอบนี้ไปให้บุรุษชั่วช้าเนรคุณอย่างโอวหยางเทียนหัวและสตรีชั้นต่ำลู่หลิงฉิงนั่นเรียบร้อยแล้ว
ความคิดของพวกเขาทั้งสิบเจ็ดเป็ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือการแก้แค้นตามความคิดของพวกเขาสมควรที่จะสังหารโอวหยางเทียนหัวและคนตระกูลลู่ไปตรงๆแต่อวิ๋นซีที่ส่งข่าวให้พวกเขากลับ้าให้ใช้วิธีอื่น เพราะการแก้แค้นนั้นจะใช้วิธีแข็งไม่ได้นาง้าให้คนตระกูลลู่และโอวหยางเทียนหัวได้รับความทรมานก่อนสิ้นใจ และสูญเสียซึ่งทุกสิ่งอย่างรวมถึงจักต้องคืนความบริสุทธิ์ให้คนตระกูลเฉียวอีกด้วย ดังนั้น นางจึง้าให้ปรากฏหลักฐานที่แสดงออกว่าคนเ่าั้คบค้ากับศัตรูเพื่อขายชาติต่อหน้าสาธารณะชน
ยิ่งกว่านั้น นางยัง้าส่งคนตระกูลลู่ขึ้นแท่นปะาด้วยตนเองใช้เืของพวกเขาเซ่นไหว้ชีวิตคนเกือบสองร้อยคนของตระกูลเฉียว และเืสดๆ ของตระกูลโจวทั้งตระกูลนี้ก็คือการเริ่มต้นสู่เส้นทางแห่งการแก้แค้นของอวิ๋นซีและหอรุ่งอรุณ
สำหรับคำพูดของอวิ๋นซี ชาวหอรุ่งอรุณทั้งสิบเจ็ดคนล้วนไม่มีใครสักคนที่คัดค้านเพราะสังหารศัตรูนั้นถือเป็เื่ง่าย แต่ก่อนหน้านั้นสิ่งที่ควรต้องทำเป็อย่างยิ่งก็คือการเปิดเผยความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้คนทั่วหล้าได้รู้แจ้ง
เพราะคำพูดเหล่านี้ของอวิ๋นซี ทำให้คนทั้งสิบเจ็ดแห่งหอรุ่งอรุณต่างมองนางใหม่ทั้งยังค่อยๆ เริ่มเชื่อถือในตัวนางทีละน้อย
................................................................................................
ยามนี้ต้นอ่อนมันเทศที่จางเจียวานเติบโตเป็อย่างดี ขณะที่ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวของดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือแล้วอวิ๋นซีจึงให้คนตระเตรียมกระดาษเคลือบน้ำมันเอาไว้ให้เรียบร้อย และรอเพียงสร้างเพิงอบอุ่นขึ้นมาให้แล้วเสร็จจากนั้นก็จะเริ่มปลูกมันเทศ
ในทุกๆ ขั้นตอนเหล่านี้ สองสามีภรรยาแห่งจวนอ๋องล้วนติดตามอยู่ตลอดมิให้ห่างเนื่องจากอวิ๋นซีและจวินเหยียนให้ความสำคัญกับการเพาะปลูกมันเทศเป็อย่างมาก จึงได้รับข่าวคราวที่ส่งมาจากจางเจียวานอยู่บ่อยๆ“แล้วคนที่อยู่ในหุบเขาลึกของจางเจียวานเล่า ท่านตัดสินใจจะทำเยี่ยงไร? ”
“เปิ่นหวางเขียนจดหมายไปถึงป่ายเจี้ยนตงแล้ว คิดว่าเขาจะต้องไม่ยินดีให้คนเหล่านี้มาอยู่ในพื้นที่ของเขาอย่างแน่นอน”ป่ายเจี้ยนตงเป็คนซื่อสัตย์ เที่ยงตรง หากเขารู้ว่ามีโจรกลุ่มหนึ่งแอบแฝงตัวอยู่บริเวณเส้นเขตแดนระหว่างหานโจวและชิงโจวคาดว่าคนคงจะไม่ดีใจยิ่ง
ถึงแม้ป่ายเจี้ยนตงจะเป็คนซื่อสัตย์และเที่ยงตรง แต่คนที่ทำให้เขารู้สึกไม่ยินดีก็ไม่เคยมีใครได้รับผลที่ดีมาก่อน
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ยิ้มบางๆ พร้อมชูนิ้วโป้ง “ไม่เลวๆ รู้จักยืมมีดฆ่าคนท่านว่า เมื่อถึงตอนนั้น หากโอวหยางเทียนหัวรู้ว่าคนที่สังหารองครักษ์ลับของเขาไปมากมายนั้นเป็อาเขยของลู่หลิงฉิงเขาจะโกรธสุดๆ ไปเลยหรือเปล่า จะถึงขั้นเ็าและไม่ไยดีลู่หลิงฉิงไปเลยหรือไม่”
ตามข่าวที่หลิงอีส่งมาให้ สองปีนี้ลู่หลิงฉิงนอกจากจะให้กำเนิดจวิ้นจู่น้อยออกมาคนหนึ่งแล้วก็ไม่ได้ให้กำเนิดทายาทคนใดอีกอีกทั้ง โอวหยางเทียนหัวเองก็เริ่มมีท่าทีไม่พอใจนางเป็อย่างมากแล้ว ตอนนี้หากเขาได้ล่วงรู้เข้าว่าคนจากบ้านเดิมของลู่หลิงฉิงได้ทำลายโอกาสดีๆ ของเขา คาดว่าคนคงจะรังเกียจลู่หลิงฉิงแน่
นอกจากนี้ จวิ้นจู่น้อยแห่งจวนรัชทายาท? นางสงสัยจริงๆ และมีความคิดที่อยากจะไปพบหน้าสักหน่อยเพียงแต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ที่เกิดมาจะมีหน้าตาเหมือนใคร...เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็อดหัวเราะหึหึเ็าออกมาไม่ได้
“ต้องรังเกียจแน่อยู่แล้ว แต่หากจะยกเื่นี้ให้เขารังเกียจตระกูลลู่นั้นไม่ได้ง่ายเพียงนั้น” จวินเหยียนยิ้มน้อยๆ
อวิ๋นซีพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง“ข้าไม่ได้้าให้เขาตีตัวออกห่างจากตระกูลลู่ในทันที ด้วยเื่นี้จะรีบร้อนไม่ได้ขอแค่เขามีใจรังเกียจก็นับว่าเพียงพอแล้ว” ยามนี้นางได้แต่คาดคะเนไปว่าชายารัชทายาทผู้สูงส่งคนนั้น หากพบว่าบุรุษที่ตนแย่งมาอย่างยากลำบากรังเกียจเข้านางจะเป็เช่นไร? จะโกรธจนอยากฆ่าคนเลยหรือไม่
ลู่หลิงฉิงไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย คนตระกูลลู่ทั้งหมดก็เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่นางต้องทำ แน่นอนว่าคือการค่อยๆ จับพวกเขาแยกออกจากกัน หากเหล่าคนตระกูลลู่ยังมีชีวิตอยู่กันอย่างดีตัวนาง อวิ๋นซี ก็จะอยู่ไม่ดี ไม่ดียิ่ง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สายตานางก็ดำคล้ำเ็าลงหลายส่วน“ให้คนจับตาดูบนเขาจางเจียวานไว้ หากว่าป่ายเจี้ยนตงมีความเคลื่อนไหวใด คนของเราต้องลอบให้ความช่วยเหลือเขาบ้างเล็กน้อยถึงอย่างไรคนที่ถูกฝึกมาเ่าั้ หากเหลือรอดไว้สักสองสามคนก็ย่อมดี ส่วนคนที่เหลือหากไม่มีความจำเป็ก็ไม่ต้องให้มีชีวิตอยู่ต่อ”
เขาอืมเบาๆ เสียงหนึ่ง “เ้าน่ะ ไม่จำเป็ต้องคิดให้มากมายเพียงนั้น เื่เหล่านี้มีเปิ่นหวางอยู่อย่างไรเสียเปิ่นหวางก็จะไม่ให้โอวหยางเทียนหัวได้อยู่ดีแน่”เขาช่วยรินชาอุ่นให้นางอย่างใส่ใจ “เมื่อวานได้ยินมาว่า เ้ามีทำการค้ากับเจียงเฉิง”
“ไม่นับเป็การค้าอันใด ก็แค่ร่วมมือกันเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็เป็พ่อค้าย่อมต้องขึ้นเหนือล่องใต้เป็ธรรมดาอีกทั้ง กิจการของตระกูลเจียงก็มีไปไกลถึงต่างแคว้นนู่น หากเขาสามารถช่วยเรานำเมล็ดพันธุ์บางจำพวกมาให้เราได้สำหรับพวกเราแล้วก็มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” นางเขียนรายการอาหารใหม่สองสามอย่างให้ภัตตาคารของเจียงเฉิงและเพื่อเป็การตอบแทน คราใดที่เจียงเฉิงต้องออกเดินทางไปที่อื่นจักต้องนำเมล็ดพันธุ์หายากกลับมาให้นางไม่ว่าอย่างไรพื้นที่ที่ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ก็กว้างขวาง ในสายตาของอวิ๋นซี แทบทุกอณูของผืนแผ่นดินล้วนเป็เงินเป็ทอง
หากปล่อยไว้ให้เสียเปล่าย่อมไม่ดีแน่
“ดี ข้ายังได้ยินมาอีกว่า เ้าให้ท่านพ่อตาเช่าพื้นที่บนเขาสองสามแห่งคิดจะปลูกสมุนไพรหรือ? ” จวินเหยียนเดินมาตรงหน้านาง ดวงตาลึกล้ำจดจ้องนางอยู่เช่นนั้นพลางถามขึ้นด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
อวิ๋นซีมองเขากลับไปทีหนึ่ง “อืม ในเมื่อท่านพ่อทำการค้าสมุนไพรอยู่ มิสู้ลงมือปลูกเองจะดีกว่าหรือในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้มีสถานที่มากมายที่เหมาะแก่การปลูกสมุนไพร พวกเราจะปล่อยให้ทรัพยากรดีๆ เช่นนี้เสียเปล่าไปมิได้”
เมื่อจวินเหยียนได้ยิน สีหน้าก็มืดคล้ำมองไม่ชัดเจนเขาอุ้มสตรีไว้ในอ้อมแขนแล้วยืนขึ้น “อาซี เ้าทำเพื่อเปิ่นหวางมากมายเพียงนี้ข้าควรจะขอบคุณเ้าอย่างไรดี”
มือทั้งสองข้างของอวิ๋นซียันแผงอกแข็งแรงของเขาไว้ นางค้นพบว่า นับแต่วันนั้นที่ได้พูดคุยกับเขาจนกระจ่างแจ้งคนผู้นี้ก็มักจะอยากอุ้มนาง จูบนางด้วยท่าทีที่ราวกับว่า ถึงจะไม่ได้กินเนื้อก็ต้องได้จูบจนพอใจ
ส่วนตัวนางเองก็ไม่อาจทำอะไรกับนิสัยเช่นนี้ของเขาได้เลย นางมองเขา จู่ๆก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “หากว่าในใจท่านอ๋องรู้สึกซาบซึ้ง เช่นนั้นก็ใช้ร่างกายตอบแทนเป็อย่างไร”