นางเซี่ยโผล่เสี้ยวหน้าเข้ามาจากกรอบประตูแล้วมองเข้าไป กล่าวว่า “ผู้ใดบอกว่าเขาเป็เ้าบ่าวเด็กของเ้า แม่ไม่เคยยอมรับ แม่บอกแล้วว่า ต่อไปเ้าต้องหาคนที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยเ้าทำงานหนักได้...”
สำหรับประเด็นนี้เมิ่งอู่มีเป้าหมายชัดเจนมาก นางรู้ดีว่าตนเอง้าอันใด นางตอบส่งเดช “เอาเป็ว่าผู้ใดที่ขี้ริ้วขี้เหร่กว่าอาเหิง ข้าไม่เอาทั้งนั้น”
“…”
นางเซี่ยปวดหัว กล่าวว่า “เ้าไม่เอาผู้ที่ขี้ริ้วกว่าเขา เช่นนั้นยังจะหาคนที่ถูกใจได้สักกี่คน? ชีวิตนี้เ้ายังจะแต่งออกไปได้อีกหรือ?”
เมิ่งอู่กล่าวว่า “ข้ามีเรี่ยวแรงทำงาน มีปัญญาหาเงิน เมื่อแก้ปัญหาเื่ปากท้องเสื้อผ้าได้แล้ว ก็สมควรยกระดับมาตรฐานชีวิตไปสู่ความสุขทางจิติญญา ข้าจะไม่ปล่อยคนรูปงามไป ไยข้าต้องหาคนขี้ริ้วกลับมาให้ตาบวมด้วยเ้าคะ?”
นางเซี่ยถึงกับพูดไม่ออก
อินเหิงขบคิดลึกซึ้งก่อนเอ่ย “อาอู่กล่าวถูกต้องแล้ว”
นางเซี่ยตวาดว่า “เ้าอย่าพูด! ก็เพราะหน้าตาของเ้านี่แหละที่ทำให้อาอู่บ้านข้าลุ่มหลง ยามนี้นางป่วยหนักจนเกินเยียวยาแล้ว!”
อินเหิงกล่าวอย่างไร้เดียงสาเล็กน้อย “ฮูหยิน ข้าเกิดมาใบหน้าข้าก็เป็แบบนี้แล้วขอรับ”
นางเซี่ยยังคิดจะถกเถียงกับเขา เมิ่งอู่จึงรีบเก็บชามยา เดินออกมารั้งนางเซี่ยไว้พลางกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านแม่ ดูสิ ท่านตัดผ้าเบี้ยวแล้ว”
นางเซี่ยจึงหันกลับไปมองผ้าในมือ
เมิ่งอู่เยินยออยู่ข้างๆ “ฝีมือท่านแม่ช่างยอดเยี่ยมนัก ผ้าผืนนี้ก็งาม พอตัดออกมาเป็เสื้อผ้าแล้วให้ท่านแม่สวมใส่ ต้องงดงามเหลือคณาแน่เ้าค่ะ!”
ชั่วขณะหนึ่งนางเซี่ยทั้งโมโหทั้งขบขันจริงๆ
จากนั้นเมิ่งอู่ก็ไปหาช่างไม้หลี่ในหมู่บ้าน
ช่างไม้หลี่เป็ช่างที่ทำงานฝีมือทุกอย่าง เมิ่งอู่ย่อมไม่ไปมือเปล่า นางนำสุราหนึ่งไหพร้อมเงินอีกหลายสิบเหรียญไปด้วย เพื่อขอให้ช่างไม้หลี่ช่วยทำของบางอย่างให้
เมื่อมีงานมาถึงหน้าประตูเรือน ช่างไม้หลี่ย่อมดีใจเป็ธรรมชาติ
สิ่งที่เมิ่งอู่้าคือเก้าอี้ตัวหนึ่ง แต่ไม่ใช่เก้าอี้ไม้ธรรมดา หากเป็เก้าอี้ล้อเลื่อน
สองข้างของเก้าอี้ล้อเลื่อนมีล้อไม้ข้างละสองล้อ ใช้สำหรับผู้ที่มีขาและเท้าเดินเหินไม่สะดวก
นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนขอให้เขาทำของแบบนี้ ช่างไม้หลี่รู้สึกสนใจยิ่งยวด แต่ก็อดประหลาดใจอยู่บ้างไม่ได้จึงเอ่ยถาม “เมิ่งอู่ เก้าอี้นี้เ้าจะให้ผู้ใดใช้? ครอบครัวของเ้าไม่มีคนพิการนี่?”
เมิ่งอู่แย้มยิ้ม กล่าวว่า “ช่างไม้หลี่แค่ทำให้ข้าก็พอแล้วเ้าค่ะ”
นางใช้ถ่านวาดรูปร่างของมัน ช่างไม้หลี่จึงทำตามได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องใช้เวลาหลายวัน
จากนั้นเมิ่งอู่ก็บอกว่าครอบครัวนางอยากจะสร้างเรือนหลังใหม่ จึงประสงค์จะให้ช่างไม้หลี่ช่วยทำงานไม้ให้ ไม่ใช่การทำงานเปล่าๆ ตอนกลางวันมีอาหารให้กิน ยังมีค่าแรงวันละสิบเหรียญทองแดงด้วย
ช่างไม้หลี่ตอบรับทันควัน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะพาเหล่าผู้ช่วยที่ทำงานไม้ไปด้วย เพราะการขึ้นเขาไปตัดไม้ การตอกเสาเข็ม และการสร้างฐานราก ไม่ใช่เื่ที่คนเพียงคนเดียวหรือสองคนจะทำได้
ขอเพียงเป็คนที่ช่างไม้หลี่พาไปล้วนได้รับเหรียญทองแดงทุกวัน
ภรรยาของตระกูลหลี่เดินออกมาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “เมิ่งอู่ ครอบครัวเ้าร่ำรวยแล้วหรือ?”
หมู่บ้านแห่งนี้เล็กนิดเดียว ไม่ว่าเื่ใดล้วนแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานเมิ่งอู่นั่งเกวียนวัวของลุงหลิวกลับมา พร้อมกับหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง ชาวบ้านที่รู้ล้วนประหลาดใจ
ครอบครัวของเมิ่งอู่ไม่ใช่ว่าขัดสนมากหรือ เหตุใดถึงมีเงินซื้อของมากมายเยี่ยงนั้น? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสร้างเรือนหลังใหม่ ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเป็แน่
เมิ่งอู่กล่าวว่า “ร่ำรวยอันใดกัน แค่พอเลี้ยงดูครอบครัวได้เท่านั้นเ้าค่ะ”
หลังตกลงกับช่างไม้หลี่เรียบร้อยแล้ว เมิ่งอู่ก็ไปหาชาวบ้านคนอื่นๆ เพื่อสั่งซื้อกระเบื้องมุงหลังคา ก่อนจ่ายเงินมัดจำ
ไม่นานเื่ที่ครอบครัวของเมิ่งอู่จะสร้างเรือนหลังใหม่ก็เล่าลือออกไป
ครอบครัวของเมิ่งต้าก็รู้เช่นกันว่า เมิ่งอู่กลับมาจากตลาดแล้วดูคล้ายจะพัฒนาขึ้น
นางเหอกับนางเย่ล้วนโกรธแค้นสุดขีด ราวกับว่าครอบครัวของเมิ่งอู่ไม่สมควรจะมีเงิน ไม่สมควรสร้างเรือนหลังใหม่ ยิ่งไม่สมควรใช้ชีวิตที่ดีกว่าพวกเขา!
นางเหอถ่มน้ำลายพร้อมด่าทอ “ชิ! นางเด็กนั่นเอาเงินมาจากที่ใดถึงได้ซื้อของ สร้างเรือน? ต้องใช้วิธีสกปรกหลบๆ ซ่อนๆ เป็แน่!”
เมิ่งซวี่ซวีที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างเคียดแค้น “ต้องเป็เงินที่นางขโมยมาแน่เ้าค่ะ!”
เมิ่งเจียนเจียครุ่นคิด ก่อนกล่าวว่า “ไม่เห็นมีผู้ใดในหมู่บ้านบอกว่าเงินหาย อาจเป็เมิ่งอู่ไปหาเงินในเมือง หากนางขโมยเงินของคนในเมืองคงโดนทุบตีจนตายไปแล้วแน่”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวลอ่อนโยนแฝงความสงสารมาก นางหยุดชั่วขณะก่อนกล่าวต่อ “ไม่รู้ว่าเข้าเมืองไปทำอันใด แต่เมิ่งอู่เป็เด็กสาวที่บริสุทธิ์ใสซื่อ หากอยากหาเงินได้มากขนาดนี้ เว้นเสียแต่ว่า...”
···
่บ่ายเมิ่งอู่นำเสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนแล้วไปซักที่ริมแม่น้ำ
สตรีในหมู่บ้านมักมาซักผ้ากันริมแม่น้ำ แสงแดดส่องกระทบผิวน้ำเกิดเป็ประกายระยิบระยับ บรรดาสาวๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังไม่ขาดสาย
เพียงแต่เมื่อเห็นเมิ่งอู่มาถึงริมตลิ่ง ทุกคนก็เงียบเสียงโดยไม่ได้นัดหมาย
เมิ่งอู่ไม่ค่อยสุงสิงกับสตรีเหล่านี้ นอกจากเื่ของหวังสี่ซุ่นคราวก่อนที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเมิ่งอู่มีประโยชน์บ้าง จนถึงยามนี้ทุกคนก็มองนางต่างออกไป
ที่สุดแล้วกระดาษไม่สามารถห่อไฟ [1]
ครั้งก่อนเมิ่งอู่ลากมนุษย์เืคนหนึ่งไปตามถนน มีชาวบ้านคนสองคนเห็นเข้า ยามนั้นไม่ได้พูดอันใดมาก แต่ยามนี้คิดทบทวนดูแล้ว จะไม่แข่งกันพูดแข่งกันวิจารณ์ได้อย่างไร?
แต่ก่อนยามที่ครอบครัวของเมิ่งอู่ยากจน ทุกคนไม่ได้คิดอันใด บางครั้งยังรู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง แต่เวลานี้เมิ่งอู่พลิกกลับมามีเงินแล้ว ในใจทุกคนล้วนไม่รู้สึกขนาดนั้นแล้ว
ทุกคนเข้าใจได้ว่านางน่าสมเพช แต่วันใดที่นางไม่น่าสมเพชแล้ว นั่นถือเป็ความผิดของนาง
สตรีในหมู่บ้านเหล่านี้ต่างกระซิบกระซาบพลางมองไปทางเมิ่งอู่เป็ระยะๆ สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามนิดหน่อย
ได้ยินมาว่าในเรือนของเมิ่งอู่ซ่อนบุรุษเอาไว้?
ไม่คิดเลยว่าอายุยังน้อยกลับทำตัวเหลวแหลกเช่นนี้
ยังได้ยินมาอีกว่านางเข้าเมืองไปหาเงินกลับมา ครอบครัวของเด็กสาวจะหาเงินมากมายถึงเพียงนั้นด้วยมือเปล่าได้อย่างไร ต้องขายเรือนร่างของตนเป็แน่!
เมื่อทุกคนเอ่ยถึงเื่เหล่านี้ก็ทอดถอนใจ คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
ทว่าเมิ่งอู่ไม่ได้รับผลกระทบใดเลย ยังซักผ้าของตนเองต่อไป สายน้ำในแม่น้ำไหลแรงเซาะดูแล้วสดชื่นยิ่งนัก
ยามนี้เมิ่งซวี่ซวีก็อยู่ในกลุ่มสตรีในหมู่บ้านที่กำลังซักผ้า และยังเป็ศูนย์กลางของการติฉินนินทา ยิ่งนางพูดถึงเื่ของเมิ่งอู่ยิ่งหน้าบาน สายตาที่ทุกคนมองเมิ่งอู่ยิ่งรังเกียจเดียดฉันท์
หากไม่ใช่เพราะเมิ่งอู่ พวกเมิ่งต้า ภรรยา และนางเหอคงไม่ได้รับาเ็ที่เท้า ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่เรือน ่นี้งานบ้านงานเรือนและงานในไร่นาล้วนตกเป็ภาระของเมิ่งซวี่ซวีกับเมิ่งเจียนเจีย
ดังนั้นทุกวันนี้จึงไม่มีวันใดที่เมิ่งซวี่ซวีสุขสบาย ทั้งหมดนี้ต้องตำหนิเมิ่งอู่ นางจึงเกลียดเมิ่งอู่แทบตาย
เมิ่งซวี่ซวีเป็คนประเภทแผลหายแล้วลืมเจ็บ ในเมื่อมีคนมากมายเช่นนี้ แล้วนางจะกลัวอันใด ดังนั้นเมิ่งซวี่ซวีจึงลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาเมิ่งอู่ วันนี้เมิ่งอู่จะต้องอับอายขายหน้า
เมิ่งซวี่ซวีคว้าเสื้อผ้าตัวหนึ่งจากอ่างที่เมิ่งอู่ซักเสร็จแล้วมาสะบัดมันต่อหน้าทุกคนพลางกล่าวอย่างตื่นเต้น “เมิ่งอู่! เ้าเลี้ยงชายชู้จริงๆ ด้วย! เสื้อผ้านี่เป็ของท่านพ่อเ้าทิ้งไว้ใช่หรือไม่? เ้าเอาไปให้ชายชู้นั่นใส่ จากนั้นค่อยเอามาซัก!”
ทุกคนล้วนเห็นกับตา นั่นเป็เสื้อผ้าของบุรุษ หากในเรือนของเมิ่งอู่ไม่มีบุรุษนั่นแหละแปลกประหลาด!
เมิ่งอู่เหลียวกลับไปมองเสื้อผ้าตัวนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นค่อยมองหน้าของเมิ่งซวี่ซวีพลางหยักมุมปากแย้มยิ้ม ถามว่า “แล้วอย่างไร?”
……….
[1] หมายถึง ไม่อาจปิดบังความจริง