หลังจากที่ความนิ่งเงียบปนความเก้อเขินได้ผ่านไป หร่านซวี่จือก็ปล่อยตัวเควินแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขออภัยด้วย ต่อไปกรุณาอย่าััฉันกะทันหัน”
เนื่องจากเต็นท์มีจำนวนจำกัด นอกจากซวี๋ฮ่าวที่ได้นอนคนเดียวแล้ว คนอื่นนอกจากนั้นล้วนต้องเบียดกันสองคนต่อหนึ่งเต็นท์
อัลฟ่าที่นอนกับหร่านซวี่จือนั้นสลบไสลไปนานแล้ว
ตีห้าของเช้าวันรุ่งขึ้น คนทั้งหมดก็ตื่นขึ้นอย่างตรงเวลา
เมื่อเฮลิคอปเตอร์บินไปถึงฟิกมานก้าแล้วเชื้อเพลิงก็หมด ปิงโหยวจี้จึงติดต่อกับภาคพื้นและขอยืมรถหุ้มเกราะมาหนึ่งคัน
น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับรถหุ้มเกราะนั้นเหมือนกับที่ใช้กับรถทั่วไป หากน้ำมันหมดก็มีสถานที่ให้เติมมากมาย
ในทะเลทรายไม่อาจเกิดเื่ได้ง่ายนักเพราะถึงอย่างไรแสงอาทิตย์ก็ค่อนข้างแรง ทว่าก็ไม่อาจกำจัดความเป็ไปได้ที่จะเจอซอมบี้บ้าคลั่งในระดับสูงได้
หนึ่งทุ่มในตอนกลางคืน คนทั้งหมดก็ไปพักอยู่ที่ตำบลเล็กๆ ในทะเลทราย
คนในตำบลนี้มีน้อยมาก เรียกได้ว่าแทบจะเป็ชายล้วนเลยทีเดียว มีเพียงเด็กสาวตัวเล็กผอมที่มาต้อนรับพวกเขา
ณ เวลานี้อุณหภูมิไม่ได้สูงมาก หลังจากผ่านการเดินทางทรหดมาทั้งวัน ใบหน้าของซวี๋ฮ่าวก็แดงระเรื่อ ขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ เขาก็ขยับตัวเหมือนไม่ค่อยสบาย
“ดอกเตอร์ซวี๋ฮ่าว คุณไม่สบายหรือ? ” มีอัลฟ่าคนหนึ่งสังเกตเห็น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
เด็กสาวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำรวจมองเขาพร้อมกับเอ่ยปาก “น่าจะเป็เพราะผิวไหม้จากแดดสินะ? ”
อัลฟ่าทั้งทีมแทบจะตกตะลึงหมดทุกคน
หร่านซวี่จือที่ดื่มน้ำอยู่อีกฟาก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาจึงหัวเราะพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก
ผิวพรรณของโอเมก้านั้นบอบบางกว่าสิ่งใด เมื่อถูกแสงอาทิตย์ร้อนแรงแบบนี้สาดเข้าใส่ย่อมได้รับาเ็ได้โดยง่าย ส่วนพวกอัลฟ่าที่อยู่กองกำลังพิเศษอึด ถึก และทนเหล่านี้ ชาตินี้ก็คงไม่มีทางเจอกับเื่แบบนี้
ปิงโหยวจี้ล้วงยาจากในกระเป๋าออกมาหนึ่งหลอดแล้วโยนให้ซวี๋ฮ่าว “เช้าเย็นหนึ่งครั้ง ใช้หลังทำความสะอาด”
ซวี๋ฮ่าวรีบรับยาไว้ด้วยความลุกลี้ลุกลน ใบหน้าแดงระเรื่อนั้นจ้องมองปิงโหยวจี้แวบหนึ่งก่อนที่จะวิ่งไปที่ห้องของตนเอง
เควินหัวเราะดังลั่นแล้วตบไหล่ของปิงโหยวจี้ “คิดไม่ถึงว่านายที่ดูเ็าเป็น้ำแข็งแบบนี้ก็จีบคนเป็นี่นา”
ปิงโหยวจี้ปรายตามองเขาอย่างเ็า “พี่สาวฉันเป็โอเมก้า”
ความหมายของคำพูดนี้หมายถึงว่า เื่เหล่านี้เป็สิ่งเขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
เควินก็เลยถูจมูกอย่างเก้อเขิน
ซวี๋ฮ่าวที่มีความรู้สึกดีต่อปิงโหยวจี้นั้นเป็เื่จริง เนื่องจากปิงโหยวจี้ได้ช่วยเขาจากซอมบี้ใน่สถานการณ์คับขันและซวี๋ฮ่าวก็เป็โอเมก้าที่มีเสน่ห์แรงดึงดูดนั้นส่งผลต่ออัลฟ่ามาแต่กำเนิด
เด็กสาวที่สังเกตเห็นซวี๋ฮ่าวถูกแดดเผาไหม้จนาเ็วิ่งไปทำกับข้าวให้ทุกคน หร่านซวี่จือก็ได้จังหวะเดินมาด้านหลังสวน เนื่องจากเขารู้สึกเบื่อจึงอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนแล้วหาผ้ามาพันขาไว้เพื่อปกปิดาแของตนเอง
ตอนนี้สถานะของเขาคือเบต้าหากถูกพบว่าาเ็ง่ายดาย ใน่สถานการณ์คับขันก็คงจะเป็หนึ่งคนที่ถูกทอดทิ้งอย่างง่ายดายเช่นกัน
ส่วนเนื้อหนังด้านนอกที่เผยออกมา เด็กสาวผู้นั้นก็จัดการใช้ผ้าสะอาดปกปิดไว้หมดเหมือนกับมัมมี่ เหลือไว้เพียงดวงตาดำขลับกับมือคู่นั้นที่มีแต่ริ้วรอย
เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วล้างผัก หร่านซวี่จือแบกปืนไว้ที่หลังแล้วนั่งย่อลงด้านหน้าแล้วเอ่ยถามเธอว่า “ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ พอจะใช้ได้ไหม? ”
เด็กสาวไม่ได้ตอบเพียงแต่มองเขา ดวงตาคู่นั้นดำขลับเป็ประกายอย่างหาใดเทียบไม่ได้ แต่หร่านซวี่จือกลับรู้สึกถึงความเ็ปอยู่ลึกๆ ในสายตาคู่นั้น
หลังจากที่เด็กสาวจากไป หร่านซวี่จือก็จุดบุหรี่ให้ตนเองหนึ่งมวน: “เมืองนี้มีบางอย่างผิดปกติ”
ระบบ: “ทำไมถึงพูดเช่นนี้ล่ะครับ? ”
ดวงตาคู่นั้นของหร่านซวี่จือจดจ้องเงาด้านหลังของเด็กสาว: “ถึงกลางคืนก็จะรู้เอง”
ในตอนกลางคืน หร่านซวี่จือเอาสองมือไขว้หลังท้ายทอย ชายหนุ่มจ้องเพดานพร้อมกับเหม่อลอย ทันใดนั้น ตรงข้างหน้าต่างก็มีเงาดำเคลื่อนไหวผ่าน
หร่านซวี่จือลุกขึ้นนั่งอย่างหวาดระแวง จากนั้นนั่งย่อลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าใกล้ข้างหน้าต่างเพื่อสำรวจมองด้านนอก
รอบทิศนั้นเงียบงัน ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เงาดำเมื่อครู่ที่เห็นคงคิดไปเอง
หร่านซวี่จือเปิดประตู ในมือถือปืนไว้พร้อมกับกวาดตาดูรอบทิศและเดินออกไป
ใกล้ๆ นั้นมีโรงเก็บของอยู่ ่กลางคืนอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ ได้ยินเสียงลมพัดดังหวิว
ด้านหน้ามีเสียงสวบสาบดังขึ้น หร่านซวี่จือจึงเล็งไปด้านหน้าพร้อมกับกลั้นหายใจ
มีเงาคนปรากฏขึ้นมาจากความมืดซึ่งเป็เด็กสาวคนตอนกลางวัน
หร่านซวี่จือวางปืนลง
“คุณคะ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่? ” เด็กสาวถือตะเกียงไฟในมือ แล้วมองหร่านซวี่จือด้วยความสงสัย
หร่านซวี่จือเดินไปด้านหน้าเด็กสาว เขานั่งย่อลงและมองเธออย่างจริงจังพร้อมกับเอ่ยถาม “สาวน้อย บอกพี่ชายหน่อย เธอเป็โอเมก้าใช่ไหม? ”
ไม่รู้ว่าหร่านซวี่จือคิดไปเองหรือไม่ แม้ว่าเด็กสาวจะห่มคลุมั้แ่ศีรษะจรดเท้าแต่เขากลับรู้สึกว่าเธอตัวเกร็งไปทั้งร่าง
เธอคว้าตะเกียงไฟในมือไว้แน่นและไม่พูดไม่จา
หร่านซวี่จือกำลังจะเอ่ยถามอะไรอีก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเสียงแปลกประหลาดจากด้านหลัง เมื่อเขารู้ตัว ก็โดนไม้ฟาดเข้าที่ท้ายทอยแบบใส่เต็มแรง
เด็กสาวส่งเสียงกรีดร้องสั้นๆ ถัดจากนั้นก็เหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่คอ เขาเบิกตากว้างนั่งกองกับพื้น
เบื้องหน้าของหร่านซวี่จือกำลังค่อยๆ มืดลง จากนั้นคนด้านหลังก็ดึงผมเขาแล้วบังคับให้ศีรษะแหงนขึ้น
“จึ๊ๆ นี่มันโอเมก้าของจริง” คนคนนี้หร่านซวี่จือเคยเจอซึ่งเป็คนในเมืองนี้ เขาดันมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ว่าหร่านซวี่จือคือโอเมก้าทำไมกัน?
คนคนนั้นเงยหน้ามองรอบๆ เมื่อไม่เห็นว่ามีคน เขาจึงนั่งย่อลง จากนั้นก็คว้าลำคอของหร่านซวี่จืออย่างรุนแรงและจับเขาพลิกมา นิ้วมือััที่ท้ายทอยของหร่านซวี่จือ “ดูท่าทีแล้วยังไม่เคยถูกทำสัญลักษณ์เสียด้วย”
เด็กสาวพุ่งมาคว้าข้อมือของชายหนุ่ม ดวงตามีน้ำตารื้น “อย่านะ อย่า…ได้โปรด…”
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม !!!”
ระบบ: “คุณรัน รอสักครู่ครับ”
“ติ๊ง” เสียงดังขึ้น จู่ๆ ร่างกายของหร่านซวี่จือก็มีพลัง วินาทีเดียวก็สามารถสลัดตัวหลุดจากชายคนนั้นได้แล้วคว้าคอเสื้อเขาจากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไป
ชายหนุ่มทำเสียงฮึ่ม ถอยหลังไปหลายก้าว ท่าทางของเขาน่ากลัวเป็อย่างมาก “แก แกมันเป็แค่โอเมก้า กล้าทำร้ายฉันอย่างนั้นหรือ? ”
หร่านซวี่จือเก็บปืนที่หล่นบนพื้นขึ้นมาแล้วเล็งไปที่หัวใจของชายหนุ่ม เขาเหนี่ยวไกลงมาอย่างสงบนิ่ง
ตัวปืนนั้นถูกสวมปลอกเก็บเสียงไว้แล้วทำให้เสียงลอดผ่านปล้องอย่างเงียบเชียบ หน้าอกของชายตรงหน้าก็ปรากฏรูใหญ่และมีเืสีแดงสดซึมออกมา
เขามองหร่านซวี่จือตาโต และจากนั้นก็ค่อยๆ ล้มตัวลง
หร่านซวี่จือรีบเก็บปืน เมื่อเห็นเด็กสาวยังนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น จึงเดินไปถาม “เธอเป็อย่างไรบ้าง? ใงั้นหรือ? ”
แววตาของเด็กสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอค่อยๆ ชูมือขึ้นแล้วชี้นิ้วไปด้านหลังหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือเกิดลางสังหรณ์ในใจ เมื่อหันศีรษะไปก็เห็นว่าด้านหลังของตนเองนั้นมีชายหนุ่มอยู่หลายคน มองปราดเดียวก็น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าคน ทุกคนล้วนถือคบไฟไว้ ท่าทางของพวกเราชั่วร้ายน่ากลัว แม้แต่อากาศก็ถึงกับหยุดเคลื่อนไหว
ขณะนี้เองหร่านซวี่จือกลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด เขาค่อยๆ อุ้มเด็กสาวขึ้นมาพร้อมกับสบตากับคนเ่าั้ จากนั้นก็นับถอยหลังเริ่มจากสามอยู่ในใจ